ฉู่เชียนหลีออกจากโรงหมอ ระหว่างกลับจวน ตลอดทางล้วนเป็นคำพูดต่างๆ ที่วิพากษ์วิจารณ์รัชทายาท…ไม่ไกลนัก ทหารสองกลุ่มวิ่งไขว้กันมา กลุ่มหนึ่งวิ่งไปทางซ้าย กลุ่มหนึ่งวิ่งไปทางขวา ต่างก็วิ่งไปยังทิศทางของตนเองหลังขบวน เป็นร่างเงาที่คุ้นเคย“อ๋องหลี?”นางมองไปด้วยความประหลาดใจ เฟิงเจิ้งหลีที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตรหันหน้าเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ก็บังเอิญมองเห็นนางพอดี“พระชายาอ๋องเฉิน!”ดวงตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อย ในส่วนลึกของแววตาอ่อนโยนเหมือนต้นฤดูใบไม้ผลิ หลังจากหันไปกระซิบอะไรบางอย่างกับทหารที่อยู่ข้างๆ ทหารสองกลุ่มต่างก็จากไป ส่วนเขาเดินไปทางฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีเห็นมาดของเขา กล่าวถามอย่างประหลาดใจ“นี่ท่านกำลัง…”“ลาดตระเวนเมืองหลวง” เขาหยิบป้ายคำสั่งสีดำชิ้นหนึ่งออกจากแขนเสื้อ กล่าวด้วยรอยยิ้มที่หมดหนทาง “เสด็จพ่อมอบหมายภารกิจใหม่ให้ข้า”ลาดตระเวนเมืองหลวง กำจัดภัยที่แอบแฝง ปกป้องความปลอดภัยของราษฎรเหมือนหัวหน้าเทศกิจในยุคปัจจุบันเล็กน้อยหลังจากรัชทายาทถูกปลด อำนาจในมือของเขาถูกแบ่งและกระจายไปให้องค์ชายแต่ละคนอ๋องเฟิงดูแลกรมขุนนาง อ๋องเจวี๋ยรับช่วงอำนาจทางทหารขอ
จวนอ๋องเฉินฉู่เชียนหลีกลับมา ไปที่ห้องหนังสือโดยตรง แต่เฟิงเย่เสวียนกำลังยุ่ง นางจึงรออยู่ที่ข้างนอก“พระชายา หรือไม่พวกเราเข้าไปเลย? ข้างนอกหนาวนะเจ้าคะ?” เยว่เอ๋อร์จับมือที่เย็นเล็กน้อยของนาง ใช้มือของตนเองถูจนเกิดความร้อนแล้วประกบ จากนั้นเป่าลมอุ่นฮ่าๆฉู่เชียนหลีใส่เสื้อผ้าเยอะ ไม่ถือว่าหนาวมากนัก“เจ้าใส่เสื้อผ้าเยอะหน่อย”“นี่บ่าวก็ใส่ห้าตัวแล้วนะ ครั้งก่อนท่านซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ให้ข้ากับอวิ๋นอิงเยอะมาก ใส่จนแทบไม่ทันแล้วเจ้าค่ะ” เยว่เอ๋อร์ยิ้มจนมุมปากแทบฉีก นางดีใจมากสาวใช้บ้านใดสามารถมีสวัสดิการที่ดีเช่นนี้?พูดถึงอวิ๋นอิง ฉู่เชียนหลีจึงจะสังเกต เหมือนไม่เห็นนางทั้งวันแล้ว“อวิ๋นอิงละ?”“เอ๋? ไม่รู้เจ้าค่ะ รู้สึกว่าไม่เห็นตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว?” เยว่เอ๋อร์มองซ้ายมองขวา และเกาศีรษะโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น ดูเหมือนว่าอวิ๋นอิงจะหายไปนานแล้วจริงๆไม่ทันได้คิดมาก มีเสียงเปิดประตูดังมาจากทางห้องหนังสือแอ๊ด…คนที่ออกมาไม่ใช่เฟิงเย่เสวียน กลับเป็นร่างเงาที่เพรียวบางและงดงามสายหนึ่งสายตาประสานกันพริบตาที่สบตากัน เหมือนมีเจตนาสังหารที่มองไม่เห็นแผ่ซ่าน ฉู่เชียนหลีหรี่ตา ผู้ห
ฉู่เชียนหลีจับอูหนูไว้ ลงมืออย่างไม่เกรงใจนางคือนายหญิงของจวนอ๋องแห่งนี้ ยั่วยุนางในถิ่นของนาง นี่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย?เยว่เอ๋อร์ยืนอยู่ข้างๆ มองดูอย่างเย็นชานางผู้หญิงรนหาที่ตาย!เมื่อก่อนเซียวจือฮว่าอวดดีเช่นนั้น ตอนนี้เจอพระชายา ก็ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนแต่โดยดี แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? ยั่วยุท่านอ๋องต่อหน้าพระชายา นี่ต่างอะไรกับขุดหลุมฝังศพให้ตนเอง?รอท่านอ๋องออกมา จะต้องลงโทษนางสถานหนักแน่นอน!ทั้งสองเริ่มทะเลาะกัน เสียงโต้เถียงและกรีดร้องดังลั่น ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านมาไม่น้อย ตอนที่กำลังถึงจุดเดือด เสียงของผู้ชายแทรกเข้ามา“หยุดเดี๋ยวนี้”เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาจากห้องหนังสืออูหนูอาศัยจังหวะนี้ดิ้นจนหลุด นางปัดผมที่กระเซอะกระเซิงอย่างโกรธแค้น พลางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา กัดฟันกล่าวถาม“หรือนี่ก็คือวิธีต้อนรับแขกของจวนอ๋องเฉิน?!”เยว่เอ๋อร์รีบฟ้องทันที“ท่านอ๋อง นางพูดจาจาบจ้วง หาเรื่องพระชายา เมื่อครู่ยังจงใจชนพระชายาล้ม พระชายาจึงสั่งสอนนางเจ้าค่ะ!”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก มองไปทางคนทั้งสองทั้งสองทะเลาะกัน เห็นได้ชัดว่าฉู่เชียนหลีเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบกว่
อาหารเย็น ไม่เห็นอวิ๋นอิงฟ้ามืด ก็ยังไม่เห็นอวิ๋นอิงยามค่ำคืนในฤดูหนาวมืดเร็ว เมื่อฟ้ามืดก็เงียบแล้ว ช่วงกลางคืนสองทุ่มสามทุ่ม เงียบสงัดเหมือนตีหนึ่งตีสอง ฉู่เชียนหลีกลับเริ่มเป็นห่วงอย่างไม่สบายใจอวิ๋นอิงไปไหนแล้ว?แม้นางร่าเริงมีชีวิตชีวา กลับไม่เคยหายไปนานเช่นนี้ เมื่อก่อนจะไปไหนก็จะบอกนางล่วงหน้าคนล่ะ?ภายใต้ความเป็นห่วง เรียกพ่อบ้านหยางมา และยังมีบ่าวไพร่ของเรือนหานเฟิง เริ่มไล่ถามทีละคน แต่ทุกคนกลับไม่เคยเห็นอวิ๋นอิงทันใดนั้น มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในใจ…เกรงว่าจะเกิดเรื่องแล้ว!ฉู่เชียนหลีไม่มีเวลามาสนใจว่าเป็นยามราตรี นางสวมเสื้อคลุมหนาๆ ตัวหนึ่ง สับขาก็วิ่งออกไปข้างนอกเลย“พระชายา เกิดอะไรขึ้น?” หานเฟิงที่เดินผ่านมาถาม “มีอะไรให้ช่วยหรือไม่ขอรับ?”ฉู่เชียนหลีมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นวิ่งออกไปข้างนอกโดยไม่พูดอะไรสักคำหานเฟิงเกาศีรษะ “?”เหตุใดจึงรู้สึกว่าสายตาที่พระชายามองเขาห่างเหินเล็กน้อย เป็นปรปักษ์เล็กน้อย และยังเย็นชาด้วยเขาไม่ได้ล่วงเกินพระชายากระมัง?บนถนน ยามราตรีมืดมิด คนเดินถนนน้อยมาก สายลมเย็น เงียบสงัด เงาที่วิ่งผ่านของฉู่เชียน
อวิ๋นอิงโกรธจนถึงขีดสุด อยากฉีกร่างผู้ชายตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆ เสียเดี๋ยวนี้ แต่นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แค่สองกระบวนท่าก็เสียท่า ถูกถีบเข้าที่ท้องเต็มๆ“พู่!”นางกลิ้งออกไปไกลประมาณเจ็ดแปดเมตร ชนใส่เสาจนกระอักเลือดมีบาดแผลทั่วร่างเจ็บไปหมดทั้งร่างแทบไม่มีจุดใดที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์“แค่ก…แค่กๆ…” ร่างที่ผอมบางของนางเจ็บจนขดตัวเฟิงเจิ้งอวี้บิดข้อมือและหมุนคอ เลียริมฝีปากบางที่แห้งผากเบาๆ “ไอ้ตัวที่ไม่รู้จักเจียมตัว!”คิดว่าเขาถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาทแล้ว ก็ตกต่ำแล้วหรือ?เหอะ!เกรงว่าข้างนอกคงจะมีคนรอดูเรื่องตลกของเขาไม่น้อย คิดว่าเขาจบสิ้นทั้งเช่นนี้แล้ว? น่าขำ รอกงเจิ้นหงช่วยเขาออกไป พวกนกสองหัวเหล่านั้น เขาจะกำจัดให้หมดด้วยมือตนเอง!เดินออกไปข้างหน้า “พูด ใครส่งเจ้ามา?”“แล้วเจ้ารู้เรื่องโรคระบาดของเมืองตงหนิงได้อย่างไร?”อวิ๋นอิงแอบฟังเรื่องนี้มาจากบทสนทนาของอ๋องเฉินกับพระชายา หลายวันมานี้ นางฝึกกระบี่อย่างหนัก เพียงเพื่อรอแก้แค้นตอนที่รู้ข่าวรัชทายาทถูกปลด เกิดความโกลาหล นางคิดว่าโอกาสมาถึงแล้วโอกาสที่จะแก้แค้นให้บิดามารดา!แต่นางไร้ประโยชน์ นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ข
วันนี้ ต่อให้เขาฆ่าเด็กสาวที่ชื่ออวิ๋นอิงคนนี้ ก็ไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์เขา!“เป็นเขา…”อวิ๋นอิงที่หมอบอยู่บนพื้นเจ็บจนสั่นไปทั้งร่าง ยกดวงตาที่แดงก่ำและปนน้ำตาขึ้น มองไปทางเฟิงเจิ้งอวี้อย่างยากลำบาก“พระชายา เป็นเขา…”น้ำตาของนางไหลออกมา“เขาแพร่เชื้อโรคระบาดในเมืองตงหนิง ทำให้พ่อแม่ข้าตาย ทำให้คนมากมายตาย…บาปของเขาหนาเกินกว่าจะให้อภัย มือของเขาเปื้อนเลือด ทำไมถึงยังไม่ถูกลงโทษ…”หรือราษฎรที่บริสุทธิ์เหล่านั้นต้องตายเปล่า?หรือชีวิตของราษฎรต่ำต้อย ไม่นับเป็นชีวิต?หรือชีวิตขององค์ชายสูงศักดิ์กว่า?ฉู่เชียนหลีกอดอวิ๋นอิงที่บาดเจ็บสาหัสอย่างปวดใจ ในใจยิ่งมีเปลวไฟแห่งความโกรธลุกโชนบัญชีแค้นบางอย่าง ถึงเวลาที่ควรชำระแล้วจริงๆ! “เจ้าคิดว่าทุกสิ่งที่เจ้าทำ ฮ่องเต้ไม่รู้อย่างนั้นหรือ!” นางเงยหน้าขึ้น มองไปทางเฟิงเจิ้งอวี้ที่หยิ่งผยองจนถึงขีดสุด นางโกรธมากกลับหัวเราะแทน“รู้ จะไม่รู้ได้อย่างไร?” เฟิงเจิ้งอวี้ยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวไม่เพียงรู้เท่านั้น ยังเป็นใจกับเขาด้วยฮ่าๆๆ!“ฉู่เชียนหลี เจ้าคิดว่าเพราะอะไรข้าถึงบีบบังคับสละราชสมบัติ?” เขาถาม “เป็นเพราะเฟิงเย่เสวียนส่งคนลอ
เสียงตวาดที่อ้อนแอ้นดังขึ้น ยกฝ่ามือขึ้นอีกครั้ง“ฉู่เชียนหลี!”เฟิงเจิ้งอวี้โกรธแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโต เขาเป็นโอรสคนโปรดของสวรรค์ ได้รับความสนใจอย่างมาก นอกจากฮ่องเต้ ยังไม่เคยโดนใครตบหน้ามาก่อนเขาคว้ามือเล็กที่เหวี่ยงเข้าหาใบหน้าไว้ พลันออกแรงบิด มืออีกข้างที่ว่างคว้าไปทางผมของนางฉู่เชียนหลีเงยหน้าหลบ อาศัยแรงยึดจากร่างกายเขา แทงเข่าออกไปอย่างแรง“ไอ้เศษสวะชิงหมาเกิด ไอ้ขยะหน้าคนใจหมา ถึงว่าอายุเลขสามแล้ว ยังไม่มีลูกชายสักคน!”“อ๊า!”ส่วนที่เปราะบางที่สุดของผู้ชายถูกโจมตี เจ็บปวดจนหน้าม่วง ร่างกายอ่อนระทวย เวลาไม่กี่วินาทีนั่นเหมือนสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมดหลังจากเหวี่ยงฝ่ามือครั้งแล้วครั้งเล่า“ในฐานะที่เป็นองค์ชาย เจ้าไม่เพียงไม่ช่วยเหลือราษฎร ยึดการช่วยเหลือคือความสุข กลับกันเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา ใช้ของส่วนรวมเพื่อประโยชน์ส่วนตัว และยังภาคภูมิใจกับมันอีก!”“แม่เจ้าสอนเจ้าเช่นนี้หรือ!”“กล้าแตะต้องคนของข้า ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต!”ฉู่เชียนหลีลงมืออย่างไร้ความปรานีนางโกรธ รู้สึกโกรธแทนราษฎรผู้บริสุทธิ์ที่ตายไปของเมืองตงหนิง รู้สึกโกรธที่รัชทายาทไม่รู้จักกลับใจ ไม่ให
“นี่เรียกว่าการให้ท้ายลูกตนเอง” นางเช็ดไม้เท้าตีสุนัขที่เปื้อนเลือด พร้อมย่อส่วนกลับไป แล้วเก็บเข้าไปในแขนเสื้อ“เฟิงเจิ้งอวี้ ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของเจ้าในห้องขังแห่งนี้ คิดทบทวนกรรมชั่วของเจ้าให้ดีเถอะ มีข้าฉู่เชียนหลีอยู่หนึ่งวัน เจ้าก็เลิกเพ้อฝันที่จะได้ออกมาใช้ชีวิตอีกเลย!”ยกมือขึ้นโยนจดหมายปึกหนึ่งออกไปฟึ่บ...จดหมายเหล่านี้ ทั้งหมดเป็นของรัชทายาท ทั้งยัดเยียดความผิด ทั้งวางแผนทำร้าย ทั้งฆ่าคน...จดหมายทุกฉบับ ล้วนจดบันทึกความชั่วร้ายแรงแต่ละอย่างเอาไว้ เพียงแค่ถูกเปิดโปง ชาวบ้านทั่วทั้งแคว้นตงหลิงก็จะพร้อมใจกันประท้วงขึ้น เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้ราชาแห่งสวรรค์มา ก็ปกป้องเฟิงเจิ้งอวี้ไม่ได้ฉู่เชียนหลีเดินย้อนกลับไปที่ริมกำแพง “อวิ๋นอิง!”“พระชายา ข้า...มะ...ไม่เป็นอะไร...อัก...”ทันทีที่พูดจบ หัวของสาวน้อยก็หล่นลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างกายที่สูบผอมนั้นเต็มไปด้วยเลือด ยุ่งเหยิง อ่อนแอ ทำให้คนรู้สึกสงสาร“อวิ๋นอิง!”“ไม่ต้องกังวล นางเพียงแค่หมดสติไปเท่านั้น!” เฟิงเจิ้งหลีตรวจสอบลมหายใจของอวิ๋นอิง จับมือทั้งสองข้างของนางวางลงบนลำคอของตนเอง แล้วแบกนางขึ้นมาทันทีที่ลุกขึ
พลันฉู่เจียวเจียวแน่นหน้าอก“เจ้าไม่เพียงอยากแย่งตำแหน่งฮองเฮาของข้า ยังอยากเอาชีวิตของข้า…ฉู่เชียนหลี เจ้าไปเอาสิทธิ์มาจากไหน! เจ้ากล้าพูดคำพูดเช่นนี้ได้อย่างไร!”นางพุ่งเข้าไปตบอย่างแรงอีกครั้ง พร้อมกับเสียงกรีดร้องครั้งนี้ ฉู่เชียนหลีคว้าข้อมือของนางไว้พลันบิดไปข้างหลังอย่างเย็นชา กล่าวอย่างเฉียบคม“เฟิงเจิ้งหลีให้สิทธิ์แก่ข้า เจ้าโทษข้ามีประโยชน์อะไร? ดูผู้ชายของตัวเองไม่ดีเอง รู้จักแต่ระบายความโกรธใส่ผู้อื่น ช่างไร้ความสามารถและน่าเวทนาจริงๆ”“เจ้า!”ฉู่เจียวเจียวโกรธจนตาแดงแล้ว“อ๊ะๆ! ฉู่เชียนหลี! ข้าจะฆ่าเจ้า!”นางกวัดแกว่งมือทั้งสองข้าง พยายามคว้าไปทางฉู่เชียนหลี ฉู่เชียนหลีหลบได้อย่างง่ายดาย ไม่เพียงไม่สามารถทำร้ายตัวเอง และยังสามารถทำให้ฉู่เจียวเจียวโมโหจนชักกระตุกนอกห้องผู้บัญชาการจางเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวภายในห้องประเดี๋ยวก็ปัง ประเดี๋ยวก็ตูม ประเดี๋ยวก็โครม แค่ฟังก็รู้สึกดุเดือดมาก ทำเอาเขายิ้มจนหุบไม่ลงฟังจากเสียงนี่ ฉู่เชียนหลีน่าจะถูกจัดการอย่างอนาถมันก็จริงเป็นแค่นักโทษคนหนึ่ง เย่อหยิ่งเช่นนั้น ไม่เท่ากับรนหาที่หรอกหรือ?ตี!ตีให้ตายเลย!เขา
ภายในห้องฉู่เจียวเจียวผลักประตูปรี่เข้าไป มองไปทางฉู่เชียนหลีที่กำลังนั่งทาเล็บตรงข้างโต๊ะ หัวเราะทีหนึ่ง“เจ้านี่มันไม่สะทกสะท้านจริงๆ”แสร้งใจเย็นหรือใจเย็นจริงๆ กันแน่?เดินไปที่ตรงหน้าฉู่เชียนหลี ก้มมองนางแล้วกล่าว“เจ้าถูกขังอยู่ที่นี่ เกรงว่ายังไม่รู้สถานการณ์ข้างนอก อ๋องหลีขึ้นครองราชย์ในอีกสามวัน ส่วนอ๋องเฉินหนีเนื่องจากวางยาพิษฝ่าบาท และชิงราชบัลลังก์ล้มเหลว ประกาศจับทั่วทั้งแคว้น ราษฎรล้วนกำลังด่าเขา ตอนนี้เขาก็เหมือนหนูข้ามถนนตัวหนึ่ง ไม่กล้าปรากฏตัวด้วยซ้ำ”ในอดีตเคยสูงส่งปัจจุบันอนาถนักนางถอนหายใจเบาๆ“วันพระไม่ได้มีหนเดียวจริงๆ”“ฉู่เชียนหลี เจ้าแพ้แล้ว”อ๋องหลีกับอ๋องเฉิน นางกับนาง ในที่สุดการต่อสู้ระหว่างพวกเขาก็มีบทสรุปแล้ว นางกับอ๋องหลีเป็นฝ่ายชนะฉู่เชียนหลีก้มหน้าก้มตาทาเล็บอย่างตั้งใจ นางนำน้ำกลีบดอกไม้สีชมพูอ่อนทาลงบนเล็กมือแวววาวเรืองแสงสีชมพูอ่อนๆ เล็บมือทุกนิ้วดูชุ่มชื้น งดงามนักฉู่เจียวเจียวขมวดคิ้ว พูดมามากมายเช่นนี้ นางไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย?“เจ้าหูหนวกหรือ?”นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังมีกะจิตกะใจทาเล็บอีก?พลันยกมือก็แย่งขวดเล็กๆ ไปจากมือน
ไม่นาน ข่าวก็กระจายไปทั่วใบประกาศถูกติดตามทุกซอกทุกมุมของเมืองหลวง เนื้อหาที่เขียนไว้บนนั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในหมู่ราษฎร จากนั้นกระจายออกนอกเมือง กระจายไปทั่วทั้งแคว้นตงหลิง ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างตกตะลึงอ๋องเฉินชิงราชบัลลังก์?ล้มเหลว?หนีไปแล้ว?ไม่ทราบเบาะแส?วางยาพิษฮ่องเต้?เตือนทุกคนระวัง อย่าถูกอ๋องเฉินทำร้าย ขณะเดียวกัน หลังจากนี้สามวัน อ๋องหลีขึ้นครองราชย์มีข้อมูลมากเกินไป ราษฎรตกใจจนเหมือนกับหมูหริ่งในสวนแตงโม มีแตงโมมากเกินไป ชั่วขณะไม่รู้จะเริ่มกินจากตรงไหนดีตะลึง ประหลาดใจ ตกใจ สาปแช่ง ปกป้อง…สะเทือนทั้งแคว้นตงหลิง เสียงของราษฎรแตกต่างกันออกไปข้างนอกวุ่นวายมาก แต่ในวังกลับเงียบสงบ ภายในตำหนักที่หรูหราหลังหนึ่ง ฉู่เชียนหลีถูกขังอยู่ที่นี่ โดยมีทหารรักษาพระองค์คอยเฝ้า ไม่สามารถออกไปแม้แต่ก้าวเดียวเพิ่งก้าวออกไปกระบี่ที่แวววาวเล่มหนึ่งถูกยื่นออกมา“คุณหนูฉู่โปรดกลับเข้าไป ระวังกระบี่ไม่มีตา”ผู้บัญชาการจางยิ้มแย้ม ค่อนข้างเหมือนคนชั่วที่ประสบความสำเร็จฉู่เชียนหลีมองเขาอย่างเย็นชา กล่าวถาม “ไม่มีข่าวอ๋องเฉินหรือ?”“เขาสมคบคิดศัตรู ทรยศบ้านเม
แต่ฮ่องเต้พูดไม่ได้ ต่อให้เขารู้ความจริง และมีความโกรธอยู่เต็ม ก็พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว และไม่มีใครเข้าใจความหมายของเขาความรู้สึกที่โกรธแต่ไม่สามารถระบายออกมา และยังต้องมองดูต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ แทบทำให้ฮ่องเต้โกรธจนเป็นลมพรรคของอ๋องหลีย่อมพากันตำหนิอ๋องเฉิน“คิดไม่ถึงว่าอ๋องเฉินจะเหี้ยมโหดเช่นนี้ วางยาพิษทำร้ายพ่อ ไร้ความเป็นมนุษย์ ไร้มโนธรรม ไม่กลัวฟ้าผ่าเลยหรือ?”“คนเช่นนี้มีสิทธิ์อะไรอยู่บนโลกใบนี้?”“ขายหน้าแคว้นตงหลิงของพวกเราจริงๆ!”“น่าละอายจริงๆ!”ส่วนพรรคของอ๋องเฉิน รู้ว่าเกิดเรื่องกับอ๋องเฉินที่ตัวเองสนับสนุน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมากนักมีผู้สนับสนุนสองสามคนเอ่ยปากเพิ่งเอ่ยปาก ก็ถูกพรรคของอ๋องหลีด่าจนเงยหน้าไม่ขึ้นอ๋องเฉินไม่อยู่ ไม่มีใครหนุนหลังพวกเขา พวกเขากล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดทุกคนเริ่มโต้เถียงกันตอนที่ทะเลาะกันพอประมาณแล้ว อัครมหาเสนาบดีฉู่ก้าวออกมาอย่างชาญฉลาด เขากล่าวเสียงดัง“อ๋องหลี ตอนนี้ฝ่าบาทถูกพิษจนกลายเป็นเช่นนี้ และไม่สามารถหายดีในเวลาอันสั่น แต่แคว้นที่ยิ่งใหญ่ไม่สามารถไม่มีเจ้า ข้าน้อยขอบังอาจ เชิญท่านควบคุมสถานการณ์ สร้างความสงบให้บ้านเมือง!”
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก