ฉู่เชียนหลีออกจากโรงหมอ ระหว่างกลับจวน ตลอดทางล้วนเป็นคำพูดต่างๆ ที่วิพากษ์วิจารณ์รัชทายาท…ไม่ไกลนัก ทหารสองกลุ่มวิ่งไขว้กันมา กลุ่มหนึ่งวิ่งไปทางซ้าย กลุ่มหนึ่งวิ่งไปทางขวา ต่างก็วิ่งไปยังทิศทางของตนเองหลังขบวน เป็นร่างเงาที่คุ้นเคย“อ๋องหลี?”นางมองไปด้วยความประหลาดใจ เฟิงเจิ้งหลีที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตรหันหน้าเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ก็บังเอิญมองเห็นนางพอดี“พระชายาอ๋องเฉิน!”ดวงตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อย ในส่วนลึกของแววตาอ่อนโยนเหมือนต้นฤดูใบไม้ผลิ หลังจากหันไปกระซิบอะไรบางอย่างกับทหารที่อยู่ข้างๆ ทหารสองกลุ่มต่างก็จากไป ส่วนเขาเดินไปทางฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีเห็นมาดของเขา กล่าวถามอย่างประหลาดใจ“นี่ท่านกำลัง…”“ลาดตระเวนเมืองหลวง” เขาหยิบป้ายคำสั่งสีดำชิ้นหนึ่งออกจากแขนเสื้อ กล่าวด้วยรอยยิ้มที่หมดหนทาง “เสด็จพ่อมอบหมายภารกิจใหม่ให้ข้า”ลาดตระเวนเมืองหลวง กำจัดภัยที่แอบแฝง ปกป้องความปลอดภัยของราษฎรเหมือนหัวหน้าเทศกิจในยุคปัจจุบันเล็กน้อยหลังจากรัชทายาทถูกปลด อำนาจในมือของเขาถูกแบ่งและกระจายไปให้องค์ชายแต่ละคนอ๋องเฟิงดูแลกรมขุนนาง อ๋องเจวี๋ยรับช่วงอำนาจทางทหารขอ
จวนอ๋องเฉินฉู่เชียนหลีกลับมา ไปที่ห้องหนังสือโดยตรง แต่เฟิงเย่เสวียนกำลังยุ่ง นางจึงรออยู่ที่ข้างนอก“พระชายา หรือไม่พวกเราเข้าไปเลย? ข้างนอกหนาวนะเจ้าคะ?” เยว่เอ๋อร์จับมือที่เย็นเล็กน้อยของนาง ใช้มือของตนเองถูจนเกิดความร้อนแล้วประกบ จากนั้นเป่าลมอุ่นฮ่าๆฉู่เชียนหลีใส่เสื้อผ้าเยอะ ไม่ถือว่าหนาวมากนัก“เจ้าใส่เสื้อผ้าเยอะหน่อย”“นี่บ่าวก็ใส่ห้าตัวแล้วนะ ครั้งก่อนท่านซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ให้ข้ากับอวิ๋นอิงเยอะมาก ใส่จนแทบไม่ทันแล้วเจ้าค่ะ” เยว่เอ๋อร์ยิ้มจนมุมปากแทบฉีก นางดีใจมากสาวใช้บ้านใดสามารถมีสวัสดิการที่ดีเช่นนี้?พูดถึงอวิ๋นอิง ฉู่เชียนหลีจึงจะสังเกต เหมือนไม่เห็นนางทั้งวันแล้ว“อวิ๋นอิงละ?”“เอ๋? ไม่รู้เจ้าค่ะ รู้สึกว่าไม่เห็นตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว?” เยว่เอ๋อร์มองซ้ายมองขวา และเกาศีรษะโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น ดูเหมือนว่าอวิ๋นอิงจะหายไปนานแล้วจริงๆไม่ทันได้คิดมาก มีเสียงเปิดประตูดังมาจากทางห้องหนังสือแอ๊ด…คนที่ออกมาไม่ใช่เฟิงเย่เสวียน กลับเป็นร่างเงาที่เพรียวบางและงดงามสายหนึ่งสายตาประสานกันพริบตาที่สบตากัน เหมือนมีเจตนาสังหารที่มองไม่เห็นแผ่ซ่าน ฉู่เชียนหลีหรี่ตา ผู้ห
ฉู่เชียนหลีจับอูหนูไว้ ลงมืออย่างไม่เกรงใจนางคือนายหญิงของจวนอ๋องแห่งนี้ ยั่วยุนางในถิ่นของนาง นี่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย?เยว่เอ๋อร์ยืนอยู่ข้างๆ มองดูอย่างเย็นชานางผู้หญิงรนหาที่ตาย!เมื่อก่อนเซียวจือฮว่าอวดดีเช่นนั้น ตอนนี้เจอพระชายา ก็ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนแต่โดยดี แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? ยั่วยุท่านอ๋องต่อหน้าพระชายา นี่ต่างอะไรกับขุดหลุมฝังศพให้ตนเอง?รอท่านอ๋องออกมา จะต้องลงโทษนางสถานหนักแน่นอน!ทั้งสองเริ่มทะเลาะกัน เสียงโต้เถียงและกรีดร้องดังลั่น ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านมาไม่น้อย ตอนที่กำลังถึงจุดเดือด เสียงของผู้ชายแทรกเข้ามา“หยุดเดี๋ยวนี้”เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาจากห้องหนังสืออูหนูอาศัยจังหวะนี้ดิ้นจนหลุด นางปัดผมที่กระเซอะกระเซิงอย่างโกรธแค้น พลางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา กัดฟันกล่าวถาม“หรือนี่ก็คือวิธีต้อนรับแขกของจวนอ๋องเฉิน?!”เยว่เอ๋อร์รีบฟ้องทันที“ท่านอ๋อง นางพูดจาจาบจ้วง หาเรื่องพระชายา เมื่อครู่ยังจงใจชนพระชายาล้ม พระชายาจึงสั่งสอนนางเจ้าค่ะ!”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก มองไปทางคนทั้งสองทั้งสองทะเลาะกัน เห็นได้ชัดว่าฉู่เชียนหลีเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบกว่
อาหารเย็น ไม่เห็นอวิ๋นอิงฟ้ามืด ก็ยังไม่เห็นอวิ๋นอิงยามค่ำคืนในฤดูหนาวมืดเร็ว เมื่อฟ้ามืดก็เงียบแล้ว ช่วงกลางคืนสองทุ่มสามทุ่ม เงียบสงัดเหมือนตีหนึ่งตีสอง ฉู่เชียนหลีกลับเริ่มเป็นห่วงอย่างไม่สบายใจอวิ๋นอิงไปไหนแล้ว?แม้นางร่าเริงมีชีวิตชีวา กลับไม่เคยหายไปนานเช่นนี้ เมื่อก่อนจะไปไหนก็จะบอกนางล่วงหน้าคนล่ะ?ภายใต้ความเป็นห่วง เรียกพ่อบ้านหยางมา และยังมีบ่าวไพร่ของเรือนหานเฟิง เริ่มไล่ถามทีละคน แต่ทุกคนกลับไม่เคยเห็นอวิ๋นอิงทันใดนั้น มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในใจ…เกรงว่าจะเกิดเรื่องแล้ว!ฉู่เชียนหลีไม่มีเวลามาสนใจว่าเป็นยามราตรี นางสวมเสื้อคลุมหนาๆ ตัวหนึ่ง สับขาก็วิ่งออกไปข้างนอกเลย“พระชายา เกิดอะไรขึ้น?” หานเฟิงที่เดินผ่านมาถาม “มีอะไรให้ช่วยหรือไม่ขอรับ?”ฉู่เชียนหลีมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นวิ่งออกไปข้างนอกโดยไม่พูดอะไรสักคำหานเฟิงเกาศีรษะ “?”เหตุใดจึงรู้สึกว่าสายตาที่พระชายามองเขาห่างเหินเล็กน้อย เป็นปรปักษ์เล็กน้อย และยังเย็นชาด้วยเขาไม่ได้ล่วงเกินพระชายากระมัง?บนถนน ยามราตรีมืดมิด คนเดินถนนน้อยมาก สายลมเย็น เงียบสงัด เงาที่วิ่งผ่านของฉู่เชียน
อวิ๋นอิงโกรธจนถึงขีดสุด อยากฉีกร่างผู้ชายตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆ เสียเดี๋ยวนี้ แต่นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แค่สองกระบวนท่าก็เสียท่า ถูกถีบเข้าที่ท้องเต็มๆ“พู่!”นางกลิ้งออกไปไกลประมาณเจ็ดแปดเมตร ชนใส่เสาจนกระอักเลือดมีบาดแผลทั่วร่างเจ็บไปหมดทั้งร่างแทบไม่มีจุดใดที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์“แค่ก…แค่กๆ…” ร่างที่ผอมบางของนางเจ็บจนขดตัวเฟิงเจิ้งอวี้บิดข้อมือและหมุนคอ เลียริมฝีปากบางที่แห้งผากเบาๆ “ไอ้ตัวที่ไม่รู้จักเจียมตัว!”คิดว่าเขาถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาทแล้ว ก็ตกต่ำแล้วหรือ?เหอะ!เกรงว่าข้างนอกคงจะมีคนรอดูเรื่องตลกของเขาไม่น้อย คิดว่าเขาจบสิ้นทั้งเช่นนี้แล้ว? น่าขำ รอกงเจิ้นหงช่วยเขาออกไป พวกนกสองหัวเหล่านั้น เขาจะกำจัดให้หมดด้วยมือตนเอง!เดินออกไปข้างหน้า “พูด ใครส่งเจ้ามา?”“แล้วเจ้ารู้เรื่องโรคระบาดของเมืองตงหนิงได้อย่างไร?”อวิ๋นอิงแอบฟังเรื่องนี้มาจากบทสนทนาของอ๋องเฉินกับพระชายา หลายวันมานี้ นางฝึกกระบี่อย่างหนัก เพียงเพื่อรอแก้แค้นตอนที่รู้ข่าวรัชทายาทถูกปลด เกิดความโกลาหล นางคิดว่าโอกาสมาถึงแล้วโอกาสที่จะแก้แค้นให้บิดามารดา!แต่นางไร้ประโยชน์ นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ข
วันนี้ ต่อให้เขาฆ่าเด็กสาวที่ชื่ออวิ๋นอิงคนนี้ ก็ไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์เขา!“เป็นเขา…”อวิ๋นอิงที่หมอบอยู่บนพื้นเจ็บจนสั่นไปทั้งร่าง ยกดวงตาที่แดงก่ำและปนน้ำตาขึ้น มองไปทางเฟิงเจิ้งอวี้อย่างยากลำบาก“พระชายา เป็นเขา…”น้ำตาของนางไหลออกมา“เขาแพร่เชื้อโรคระบาดในเมืองตงหนิง ทำให้พ่อแม่ข้าตาย ทำให้คนมากมายตาย…บาปของเขาหนาเกินกว่าจะให้อภัย มือของเขาเปื้อนเลือด ทำไมถึงยังไม่ถูกลงโทษ…”หรือราษฎรที่บริสุทธิ์เหล่านั้นต้องตายเปล่า?หรือชีวิตของราษฎรต่ำต้อย ไม่นับเป็นชีวิต?หรือชีวิตขององค์ชายสูงศักดิ์กว่า?ฉู่เชียนหลีกอดอวิ๋นอิงที่บาดเจ็บสาหัสอย่างปวดใจ ในใจยิ่งมีเปลวไฟแห่งความโกรธลุกโชนบัญชีแค้นบางอย่าง ถึงเวลาที่ควรชำระแล้วจริงๆ! “เจ้าคิดว่าทุกสิ่งที่เจ้าทำ ฮ่องเต้ไม่รู้อย่างนั้นหรือ!” นางเงยหน้าขึ้น มองไปทางเฟิงเจิ้งอวี้ที่หยิ่งผยองจนถึงขีดสุด นางโกรธมากกลับหัวเราะแทน“รู้ จะไม่รู้ได้อย่างไร?” เฟิงเจิ้งอวี้ยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวไม่เพียงรู้เท่านั้น ยังเป็นใจกับเขาด้วยฮ่าๆๆ!“ฉู่เชียนหลี เจ้าคิดว่าเพราะอะไรข้าถึงบีบบังคับสละราชสมบัติ?” เขาถาม “เป็นเพราะเฟิงเย่เสวียนส่งคนลอ
เสียงตวาดที่อ้อนแอ้นดังขึ้น ยกฝ่ามือขึ้นอีกครั้ง“ฉู่เชียนหลี!”เฟิงเจิ้งอวี้โกรธแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโต เขาเป็นโอรสคนโปรดของสวรรค์ ได้รับความสนใจอย่างมาก นอกจากฮ่องเต้ ยังไม่เคยโดนใครตบหน้ามาก่อนเขาคว้ามือเล็กที่เหวี่ยงเข้าหาใบหน้าไว้ พลันออกแรงบิด มืออีกข้างที่ว่างคว้าไปทางผมของนางฉู่เชียนหลีเงยหน้าหลบ อาศัยแรงยึดจากร่างกายเขา แทงเข่าออกไปอย่างแรง“ไอ้เศษสวะชิงหมาเกิด ไอ้ขยะหน้าคนใจหมา ถึงว่าอายุเลขสามแล้ว ยังไม่มีลูกชายสักคน!”“อ๊า!”ส่วนที่เปราะบางที่สุดของผู้ชายถูกโจมตี เจ็บปวดจนหน้าม่วง ร่างกายอ่อนระทวย เวลาไม่กี่วินาทีนั่นเหมือนสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมดหลังจากเหวี่ยงฝ่ามือครั้งแล้วครั้งเล่า“ในฐานะที่เป็นองค์ชาย เจ้าไม่เพียงไม่ช่วยเหลือราษฎร ยึดการช่วยเหลือคือความสุข กลับกันเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา ใช้ของส่วนรวมเพื่อประโยชน์ส่วนตัว และยังภาคภูมิใจกับมันอีก!”“แม่เจ้าสอนเจ้าเช่นนี้หรือ!”“กล้าแตะต้องคนของข้า ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต!”ฉู่เชียนหลีลงมืออย่างไร้ความปรานีนางโกรธ รู้สึกโกรธแทนราษฎรผู้บริสุทธิ์ที่ตายไปของเมืองตงหนิง รู้สึกโกรธที่รัชทายาทไม่รู้จักกลับใจ ไม่ให
“นี่เรียกว่าการให้ท้ายลูกตนเอง” นางเช็ดไม้เท้าตีสุนัขที่เปื้อนเลือด พร้อมย่อส่วนกลับไป แล้วเก็บเข้าไปในแขนเสื้อ“เฟิงเจิ้งอวี้ ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของเจ้าในห้องขังแห่งนี้ คิดทบทวนกรรมชั่วของเจ้าให้ดีเถอะ มีข้าฉู่เชียนหลีอยู่หนึ่งวัน เจ้าก็เลิกเพ้อฝันที่จะได้ออกมาใช้ชีวิตอีกเลย!”ยกมือขึ้นโยนจดหมายปึกหนึ่งออกไปฟึ่บ...จดหมายเหล่านี้ ทั้งหมดเป็นของรัชทายาท ทั้งยัดเยียดความผิด ทั้งวางแผนทำร้าย ทั้งฆ่าคน...จดหมายทุกฉบับ ล้วนจดบันทึกความชั่วร้ายแรงแต่ละอย่างเอาไว้ เพียงแค่ถูกเปิดโปง ชาวบ้านทั่วทั้งแคว้นตงหลิงก็จะพร้อมใจกันประท้วงขึ้น เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้ราชาแห่งสวรรค์มา ก็ปกป้องเฟิงเจิ้งอวี้ไม่ได้ฉู่เชียนหลีเดินย้อนกลับไปที่ริมกำแพง “อวิ๋นอิง!”“พระชายา ข้า...มะ...ไม่เป็นอะไร...อัก...”ทันทีที่พูดจบ หัวของสาวน้อยก็หล่นลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างกายที่สูบผอมนั้นเต็มไปด้วยเลือด ยุ่งเหยิง อ่อนแอ ทำให้คนรู้สึกสงสาร“อวิ๋นอิง!”“ไม่ต้องกังวล นางเพียงแค่หมดสติไปเท่านั้น!” เฟิงเจิ้งหลีตรวจสอบลมหายใจของอวิ๋นอิง จับมือทั้งสองข้างของนางวางลงบนลำคอของตนเอง แล้วแบกนางขึ้นมาทันทีที่ลุกขึ
พลันจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก เมื่อเห็นเสด็จแม่ทำหน้าจริงจัง รีบอธิบายทันที“เสด็จแม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…ข้า ข้า…”“ข้าทุ่มเทให้เจ้าทั้งกายและใจ ทุกอย่างที่ทำไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนเลย”นางรัก ‘ลูกสาว’ คนหนึ่งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดมากเช่นนี้ ลองถามใจตัวเองดู นางรู้สึกว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้วเพราะหาลูกสาวแท้ๆ ไม่เจอเพราะรู้สึกผิดดังนั้นจึงยิ่งดีกับจวินลั่วยวนมากๆ หวังเพียงสิ่งที่ตัวเองทำด้วยใจ จะสามารถทำให้สวรรค์ซาบซึ้ง ประทานพรทั้งหมดให้ลูกสาวแท้ๆ หวังว่าลูกสาวแท้ๆ อยู่ในสถานที่ที่นางไม่รู้จัก ก็มีแม่คนหนึ่งที่ดีกับนางเช่นนี้“เสด็จพ่อของเจ้ารักเจ้า พี่ชายทั้งสามของเจ้าตามใจเจ้าทุกอย่าง ทุกคนล้วนเอาเจ้าเป็นที่ตั้ง ทั้งแคว้นหนานยวนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า หรือข้ายังดีกับเจ้าไม่พออีก?”ฮองเฮาหนานยวนกล่าวอย่างปวดใจช่างเถอะพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์เป็นเพราะพวกเขาปกป้องยวนเอ๋อร์ดีเกินไป ส่งผลให้นางอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ยังไม่มีความสามารถในการดูแลตัวเอง และไม่เข้าใจสัจธรรมทางโลกอย่างไรก็เป็นลูกที่นางเลี้ยงมากับมือสิบเจ็ดปี โทษลูกสาวไม่ลง ถอนหายใจแล้วกล่าว“กลั
“ความงามของค่าพังหมดแล้ว!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว!”“ข้าจะฆ่าเจ้า! อ๊ะ!”จวินลั่วยวนนั่งอยู่บนพื้น กรีดร้องถีบเท้างอแงเหมือนเด็กคนหนึ่ง มือทั้งสองข้างก็ทั้งโบกทั้งเหวี่ยงท่าทางที่ป่าเถื่อนนั่น ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เรื่องราวบานปลายไม่นาน ฮองเฮาหนานยวนมาแล้ว“เสด็จแม่!”เมื่อจวินลั่วยวนเห็นมารดา ก็ปล่อยโฮร้องไห้ทันที “เสด็จแม่ ท่านต้องแก้แค้นให้ยวนเอ๋อร์นะเพคะ พระชายาอ๋องเฉินตีหน้าข้า นางอิจฉาความงามของข้า นางจะทำลายโฉมของข้า!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว ทำอย่างไรดี อ๊ะ! ข้าไม่อยากเป็นคนอัปลักษณ์! ฮือๆ…”นางกล่าวทั้งน้ำตาฮองเฮาหนานยวนยกคางของจวินลั่วยวนขึ้น เมื่อดูอย่างละเอียดบนผิวหนังบริเวณแก้มมีรอยขีดข่วนเล็กๆ และมีเลือดออกเล็กน้อย นอกจากนี้ก็ไม่มีบาดแผลอื่นนางดูจนคิ้วขมวด“ยวนเอ๋อร์!”แผลแค่นี้ ร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย ทำเอาคนทั้งทำเนียบเจียงหนานวุ่นวายไปหมด ไม่สมกับเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเลยทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะจวินลั่วยวนกำลังเสียใจ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว“ข้าไม่สวยแล้ว! ใบหน้าของข้าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เสด็จแม่ ท่านต้องออก
หลังจากกล่าวจบ ในความมืด เสียงลมหายใจของเฟิงเย่เสวียนแรงขึ้นแรงน้อย“ครึ่งปีมานี้ เขาดีกับเขา และดีกับจื่อเยี่ยมาก ไม่เคยทำร้ายพวกเราเลย ตอนข้าเลือกที่จะหักหลังเขา ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจรู้สึกผิดอย่างน่าประหลาด”ฉู่เชียนหลีจับหน้าอก อธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูก“ถ้าหากเจ้าได้รับชัยชนะของจุดจบ ไม่ฆ่าเขาได้หรือไม่? ทำให้เขาพิการก็ได้ กักบริเวณทั้งชีวิตก็ได้ ข้าไม่อยากให้เขาตายเพราะทำดีกับข้า”สายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึม มือที่วางอยู่บนเอวของนางกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังข่มอารมณ์แต่แค่สองวินาที ก็คลายมือออกอย่างเงียบๆ เปล่งเสียงออกมาจากลำคอแค่คำเดียว“อืม”ทั้งคืนไร้คำพูดวันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีเพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ มีเสียงที่เกรี้ยวกราดดังขึ้นจากนอกประตู“ฉู่เชียนหลี!”จวินลั่วหยวนสีหน้านางดูโกรธมาก เดินปรี่เข้ามา ไฟโทสะทั้งหมดมุ่งเป้ามาที่ฉู่เชียนหลีสาวใช้เสียวอู่เข้าไปขวางทันที“เจ้าออกไปก่อน” ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองผู้มา “มีอะไร?”จวินลั่วหยวนกล่าวด้วยความโกรธ“ข้าเจ็บที่หน้า ยังไม่ทันมาหาเรื่องเจ้า แต่เจ้ากลับกล้าส่งคนออกไปปล่อยข่าวลือที่ข้างนอก ทำลายชื่อเสียงข
จะไม่ขอพบอีก…อวิ๋นอิงกล่าวอย่างเด็ดขาดเด็ดเดี่ยว เฉียบขาดไร้ความรู้สึกใดๆ ในแววตาชีวิตที่เหลือ นางและเจี๋ยวเจี๋ยวพึ่งพากันและกัน ไม่คิดไม่ต้องการสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ถูกหรือผิดล้วนไม่ยุ่งเกี่ยวชีวิตที่เหลือ อยู่เพื่อเจี๋ยวเจี๋ยวเท่านั้นฉู่เชียนหลีอ้าปาก ยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่อวิ๋นอิงตัดสินใจไปแล้ว พูดมากมีแต่จะยิ่งทำให้นางรู้สึกต่อต้านถอนหายใจเบาๆช่างเถอะ!ส่วนวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ เส้นทางของวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้กับเรื่องไม่คาดคิด อันไหนจะมาก่อนกัน“เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าช่วยเจ้าอุ้มลูกออกไปก่อน แม่นมก็เตรียมไว้แล้ว เจ้าผอมเกินไป อย่าป้อนนมแม่เอง”น้ำนมหนึ่งหยด ก็คือเลือดหนึ่งหยดฉู่เชียนหลียุ่งเรื่องทางนี้เสร็จ เมื่อกลับถึงห้องก็ดึกแล้วหนึ่งวันที่แสนวุ่นวายสิ้นสุดลง ไม่ง่ายเลยที่จะมีเวลาได้นอนกับเว่ยซีและจื่อเยี่ย ยังไม่ทันนอนลงไป ก็ถูกเฟิงเย่เสวียนที่กลับมาไล่ออกไป เปลี่ยนเป็นเขามานอนกับนางแทนตั้งแต่กลับมา ยังไม่เคยได้นอนกับลูกชายและลูกสาวเพียงลำพังเลยถูกเขาไล่ออกไปทุกครั้งเขากล่าว“นี่เป็นเตียงของข้า”ค
จ้านหู่จากไปพร้อมกับคำด่าทอ เหมือนกับเม่นที่อารมณ์ไม่ดีตัวหนึ่งฉู่เชียนหลีไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเขา คิดเสียว่าเป็นการผูกมิตรแม้จ้านหู่เป็นคนของฮองเฮาซีอวี้ แต่ในใจยังมีความอ่อนโยนอยู่ หวังว่ากันผูกมิตรนี้ของนาง วันข้างหน้าจะสามารถช่วยจิ่งอี้กลับห้องอารมณ์ของอวิ๋นอิงสงบลงมากแล้วฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่ขอบเตียง “ร่างกายของเจ้ารับปัญหาอะไรไม่ไหวแล้ว ต่อจากนี้สามเดือน เจ้าพักฟื้นเถอะ”พักฟื้นหลังคลอดหนึ่งร้อยวันอวิ๋นอิงไม่สนใจเรื่องนี้ นางกอดลูกที่ได้คืนมาหลังจากสูญเสียไว้แน่น เบ้าตาแดงก่ำ“พระชายา ขอบคุณมาก!”“ขอบคุณที่ท่านช่วยเอาลูกสาวของข้ากลับคืนมา!”ตื้นตันจนน้ำตาไหลฉู่เชียนหลีเช็ดน้ำตาให้นาง “ยายโง่ ระหว่างเจ้ากับข้าต้องใช้คำพูดเช่นนี้ด้วยหรือ? ครึ่งปีที่ข้าไม่อยู่ เจ้าช่วยค่าดูแลเว่ยซีกับลู่ฉิน คนที่ควรพูดขอบคุณคือข้า”“ระหว่างพักฟื้น ห้ามร้องไห้เด็ดขาด และห้ามนั่งนาน ระหว่างทิ้งต้นตอของโรคไว้”“อืม!”อวิ๋นอิงกอดลูกไว้แน่น พยักหน้าแรงๆฉู่เชียนหลีมองเด็กที่นอนหลับสนิทในผ้าห่อทารกตัวน้อยๆ หนังเหี่ยวย่น แก้มแดง ท่าทางคล้ายจิ่งอี้ คิ้วบางเหมือนอวิ๋นอิง และยังมีกลีบริม
ความเจ็บปวดจากการสูญเสีย ความสุขจากการได้คืนมา ความรู้สึกสองแบบที่ต่างกันสุดขั้วนี้ นางไม่อยากรู้สึกอีกถ้าหากต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้อีกครั้ง นางตายแน่!“พระชายา เด็กคนนี้คือชีวิตของข้า ข้าไม่ยอมให้ใครมาแย่งนางไป! ข้าจะปกป้องนางด้วยชีวิต!”ฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ตรงขอบเตียง กล่าวปลอบใจ“ข้ารู้”เด็กทุกคนล้วนเป็นจุดอ่อนของมารดา“ไม่มีใครสามารถแย่งลูกของเจ้าไปได้”“แต่ว่า อวิ๋นอิง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับจิ่งอี้ เจ้าเข้าใจเขาผิดแล้ว” นางเงยหน้า ส่งสัญญาณให้ข้างนอกทหารสองคนคุมตัวจ้านหู่เข้ามาจ้านหู่กล่าว“ช่วงเช้าของวันนี้ ข้าเป็นคนแย่งเด็กในโรงหมอเอง”“ข้าคิดว่าเจ้าคลอดลูกชาย กลัวมีปัญหามากมายตามมา ก็เลยเข้าไปแย่งเด็ก ใครจะรู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิง ในเมื่อเป็นเด็กผู้หญิง เช่นนั้นก็จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อฮองเฮา”ดังนั้นเขาก็เลยคืนเด็กแล้วอวิ๋นอิงรู้จักจ้านหู่ เขาคือคนที่บีบบังคับให้จิ่งอี้ดื่มยาพิษ แต่หลายวันนี้นางต้องผ่านเหตุการณ์มากมาย เดิมทีสภาพจิตใจก็อ่อนแออยู่แล้ว จึงได้สร้างแนวป้องกันขึ้นในใจนางต้องการแค่ลูกสาว!ใครพูดนางก็ไม่อยากฟัง!และไม่เชื่อใครด้วย!กอดลูกสาวแน่น ปก
ปัง!ประตูถูกกระแทกจนเปิดออก ร่างกายจวินลั่วยวนหมุนกลางอากาศหนึ่งรอบ รอยกระเด็นออกไป ล้มหน้าคว่ำลงพื้น รู้สึกมึนงงไปหมดผ่านไปห้าวินาทีเต็มๆ จึงจะตั้งสติได้นาง…โดนตบ?“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“เหตุใดองค์หญิงหนานยวนลอยออกมาจากห้องท่านอ๋อง…”“ดูเหมือนใครบางคนไม่รู้จักเจียมตัว…”นอกเรือน เมื่อทหารที่เฝ้ายามและคนรับใช้เห็นภาพนี้ เริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ คำพูดบางประโยคลอยเข้าหูของจวินลั่วยวน ทำให้สีหน้าของนางเดี๋ยวซีด เดี๋ยวดำ เดี๋ยวม่วง ดูน่าเกลียดมากเงยหน้าแก้มแสบร้อนใช้มือลูบเบาๆมีเลือด…“หน้าของข้า!”ใบหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนาง!จวินลั่วยวนโกรธแล้ว “อ๋องเฉิน! ท่านกล้าทำร้ายข้า หรือท่านไม่อยากให้แคว้นหนานยวนสนับสนุนท่าน? ฮ่องเต้หลีเริ่มใกล้ชิดกับแคว้นซีอวี้แล้ว ถ้าหากท่านไม่ได้รับการสนับสนุนจากแคว้นหนานยวนของเรา ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮ่องเต้หลี!”มาถึงขั้นนี้แล้ว เขายังไม่รู้ตัวอีกหรือ?เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้าทำร้ายนาง?เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่บนบันไดขั้นที่สาม ก้มมองนางที่แยกเขี้ยวยิงฟัน หัวเราะอย่างเย็นชา“วันนี้ได้เห็น แคว้นหนานยวนไม่ได้มีค่า
ไม่นาน น้ำอุ่นก็มา ตอนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำ ไม่ชอบให้คนมาปรนนิบัติ หลังจากคนรับใช้เตรียมเสื้อผ้าและยาเสร็จ ก็ถอยออกไปหมดแล้วภายในห้องหลังฉากบังลมไอน้ำร้อนพวยพุ่ง อบอวลกลางอากาศ หลังจากเสียงน้ำดังขึ้น เงาจางๆ ของเฟิงเย่เสวียนสะท้อนลงบนฉากบังลมคลุมเครือ มองเห็นไม่ชัดแต่เงาด้านข้างนั่น เค้าโครงนั่น แม้แต่ตรงตำแหน่งลูกกระเดือกที่นูนขึ้น ก็สะท้อนออกมา ทำให้เห็นแล้วต้องกลืนน้ำลาย จินตนาการไม่รู้จบ เลือดในกายพลุ่งพล่านจวินลั่วยวนมองเห็นอย่างชัดเจนจากช่องว่างของประตูคอแห้ง กลืนน้ำลาย…จริงนะนางชอบผู้ชายคนนี้มาก ชอบอย่างที่ไม่เคยชอบมาก่อนหลายปีมานี้ คนที่ไปสู่ขอถึงวังหลวง ธรณีประตูแทบถูกเหยียบจนพัง นางเคยเห็นผู้ชายมามากมาย ชนชั้นสูง เชื้อพระวงศ์ เศรษฐีรู้จักคนมากมาย กลับมีเพียงตอนที่เจออ๋องเฉิน หัวใจปั่นป่วนนางจำได้ตลอด ตอนที่เจอกันครั้งแรก อ๋องเฉินจับมือของนาง มองฐานะของนางออกในปราดเดียว เขาพูดว่า‘การปรากฏตัวขององค์หญิงช่างพิเศษจริงๆ’หวั่นไหวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซ่า…เสียงน้ำหลังฉากบังลม เหมือนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำเสร็จแล้ว แขนข้างหนึ่งที่มีหยดน้ำติดยื่นออกมาหยิบเสื้
“ไม่รู้ว่าเจ้ากำลังหาใคร? ข้าเดินทางมาเจียงหนาน พาคนมาด้วยไม่น้อย ไม่แน่อาจสามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง”ฉู่เชียนหลีลังเลเล็กน้อยผู้มาเยือนคือแขก ยังไปรบกวนคนอื่นอีก รู้สึกเกรงใจจริงๆฮองเฮาหนานยวนเหมือนมองความคิดนางออก พลันยิ้มอย่างอ่อนโยน“พระชายาอ๋องเฉิน แคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉินมีความสัมพันธ์ทางการร่วมมือ เจ้าไม่ต้องเกรงใจ”“เห็นเจ้าใช้คนมากมายเช่นนี้ แถมยังปิดเมือง คนผู้นี้น่าจะสำคัญมากกระมัง ไม่ต้องลังเลแล้ว ทุกเวลามีค่า อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสหนี”มันก็จริงตามหาคนสำคัญกว่าฉู่เชียนหลีก็ไม่ลังเลอีก กล่าวตรงๆ “เป็นเด็กทารกที่เพิ่งคลอด เป็นลูกสาวของสาวใช้ข้า…”หลังจากฮองเฮาหนานยวนเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ ก็สั่งให้คนของตัวเองไปช่วยอีกแรงทันทีขณะเดียวกัน ก็เหลือบมองพระชายาอ๋องเฉินท่านนี้อีกหลายครั้งนางดีกับคนรับใช้เช่นนี้มาโดยตลอด?เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง นางสามารถทำถึงขั้นปิดเมืองเลยมองออกได้ไม่ยากว่านางเป็นคนให้ความสำคัญกับมิตรภาพ ใครก็ตามที่อยู่ในสายตาของนาง ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น คนเช่นนี้ทำให้คนไว้ใจได้ง่าย ทำให้คนอยากเข้าหา อยากทำความรู้จักสมัยนี้ คนที่มีตำแหน่งมีอ