ฉู่เชียนหลีจับอูหนูไว้ ลงมืออย่างไม่เกรงใจนางคือนายหญิงของจวนอ๋องแห่งนี้ ยั่วยุนางในถิ่นของนาง นี่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย?เยว่เอ๋อร์ยืนอยู่ข้างๆ มองดูอย่างเย็นชานางผู้หญิงรนหาที่ตาย!เมื่อก่อนเซียวจือฮว่าอวดดีเช่นนั้น ตอนนี้เจอพระชายา ก็ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนแต่โดยดี แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? ยั่วยุท่านอ๋องต่อหน้าพระชายา นี่ต่างอะไรกับขุดหลุมฝังศพให้ตนเอง?รอท่านอ๋องออกมา จะต้องลงโทษนางสถานหนักแน่นอน!ทั้งสองเริ่มทะเลาะกัน เสียงโต้เถียงและกรีดร้องดังลั่น ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านมาไม่น้อย ตอนที่กำลังถึงจุดเดือด เสียงของผู้ชายแทรกเข้ามา“หยุดเดี๋ยวนี้”เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาจากห้องหนังสืออูหนูอาศัยจังหวะนี้ดิ้นจนหลุด นางปัดผมที่กระเซอะกระเซิงอย่างโกรธแค้น พลางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา กัดฟันกล่าวถาม“หรือนี่ก็คือวิธีต้อนรับแขกของจวนอ๋องเฉิน?!”เยว่เอ๋อร์รีบฟ้องทันที“ท่านอ๋อง นางพูดจาจาบจ้วง หาเรื่องพระชายา เมื่อครู่ยังจงใจชนพระชายาล้ม พระชายาจึงสั่งสอนนางเจ้าค่ะ!”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก มองไปทางคนทั้งสองทั้งสองทะเลาะกัน เห็นได้ชัดว่าฉู่เชียนหลีเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบกว่
อาหารเย็น ไม่เห็นอวิ๋นอิงฟ้ามืด ก็ยังไม่เห็นอวิ๋นอิงยามค่ำคืนในฤดูหนาวมืดเร็ว เมื่อฟ้ามืดก็เงียบแล้ว ช่วงกลางคืนสองทุ่มสามทุ่ม เงียบสงัดเหมือนตีหนึ่งตีสอง ฉู่เชียนหลีกลับเริ่มเป็นห่วงอย่างไม่สบายใจอวิ๋นอิงไปไหนแล้ว?แม้นางร่าเริงมีชีวิตชีวา กลับไม่เคยหายไปนานเช่นนี้ เมื่อก่อนจะไปไหนก็จะบอกนางล่วงหน้าคนล่ะ?ภายใต้ความเป็นห่วง เรียกพ่อบ้านหยางมา และยังมีบ่าวไพร่ของเรือนหานเฟิง เริ่มไล่ถามทีละคน แต่ทุกคนกลับไม่เคยเห็นอวิ๋นอิงทันใดนั้น มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในใจ…เกรงว่าจะเกิดเรื่องแล้ว!ฉู่เชียนหลีไม่มีเวลามาสนใจว่าเป็นยามราตรี นางสวมเสื้อคลุมหนาๆ ตัวหนึ่ง สับขาก็วิ่งออกไปข้างนอกเลย“พระชายา เกิดอะไรขึ้น?” หานเฟิงที่เดินผ่านมาถาม “มีอะไรให้ช่วยหรือไม่ขอรับ?”ฉู่เชียนหลีมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นวิ่งออกไปข้างนอกโดยไม่พูดอะไรสักคำหานเฟิงเกาศีรษะ “?”เหตุใดจึงรู้สึกว่าสายตาที่พระชายามองเขาห่างเหินเล็กน้อย เป็นปรปักษ์เล็กน้อย และยังเย็นชาด้วยเขาไม่ได้ล่วงเกินพระชายากระมัง?บนถนน ยามราตรีมืดมิด คนเดินถนนน้อยมาก สายลมเย็น เงียบสงัด เงาที่วิ่งผ่านของฉู่เชียน
อวิ๋นอิงโกรธจนถึงขีดสุด อยากฉีกร่างผู้ชายตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆ เสียเดี๋ยวนี้ แต่นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แค่สองกระบวนท่าก็เสียท่า ถูกถีบเข้าที่ท้องเต็มๆ“พู่!”นางกลิ้งออกไปไกลประมาณเจ็ดแปดเมตร ชนใส่เสาจนกระอักเลือดมีบาดแผลทั่วร่างเจ็บไปหมดทั้งร่างแทบไม่มีจุดใดที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์“แค่ก…แค่กๆ…” ร่างที่ผอมบางของนางเจ็บจนขดตัวเฟิงเจิ้งอวี้บิดข้อมือและหมุนคอ เลียริมฝีปากบางที่แห้งผากเบาๆ “ไอ้ตัวที่ไม่รู้จักเจียมตัว!”คิดว่าเขาถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาทแล้ว ก็ตกต่ำแล้วหรือ?เหอะ!เกรงว่าข้างนอกคงจะมีคนรอดูเรื่องตลกของเขาไม่น้อย คิดว่าเขาจบสิ้นทั้งเช่นนี้แล้ว? น่าขำ รอกงเจิ้นหงช่วยเขาออกไป พวกนกสองหัวเหล่านั้น เขาจะกำจัดให้หมดด้วยมือตนเอง!เดินออกไปข้างหน้า “พูด ใครส่งเจ้ามา?”“แล้วเจ้ารู้เรื่องโรคระบาดของเมืองตงหนิงได้อย่างไร?”อวิ๋นอิงแอบฟังเรื่องนี้มาจากบทสนทนาของอ๋องเฉินกับพระชายา หลายวันมานี้ นางฝึกกระบี่อย่างหนัก เพียงเพื่อรอแก้แค้นตอนที่รู้ข่าวรัชทายาทถูกปลด เกิดความโกลาหล นางคิดว่าโอกาสมาถึงแล้วโอกาสที่จะแก้แค้นให้บิดามารดา!แต่นางไร้ประโยชน์ นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ข
วันนี้ ต่อให้เขาฆ่าเด็กสาวที่ชื่ออวิ๋นอิงคนนี้ ก็ไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์เขา!“เป็นเขา…”อวิ๋นอิงที่หมอบอยู่บนพื้นเจ็บจนสั่นไปทั้งร่าง ยกดวงตาที่แดงก่ำและปนน้ำตาขึ้น มองไปทางเฟิงเจิ้งอวี้อย่างยากลำบาก“พระชายา เป็นเขา…”น้ำตาของนางไหลออกมา“เขาแพร่เชื้อโรคระบาดในเมืองตงหนิง ทำให้พ่อแม่ข้าตาย ทำให้คนมากมายตาย…บาปของเขาหนาเกินกว่าจะให้อภัย มือของเขาเปื้อนเลือด ทำไมถึงยังไม่ถูกลงโทษ…”หรือราษฎรที่บริสุทธิ์เหล่านั้นต้องตายเปล่า?หรือชีวิตของราษฎรต่ำต้อย ไม่นับเป็นชีวิต?หรือชีวิตขององค์ชายสูงศักดิ์กว่า?ฉู่เชียนหลีกอดอวิ๋นอิงที่บาดเจ็บสาหัสอย่างปวดใจ ในใจยิ่งมีเปลวไฟแห่งความโกรธลุกโชนบัญชีแค้นบางอย่าง ถึงเวลาที่ควรชำระแล้วจริงๆ! “เจ้าคิดว่าทุกสิ่งที่เจ้าทำ ฮ่องเต้ไม่รู้อย่างนั้นหรือ!” นางเงยหน้าขึ้น มองไปทางเฟิงเจิ้งอวี้ที่หยิ่งผยองจนถึงขีดสุด นางโกรธมากกลับหัวเราะแทน“รู้ จะไม่รู้ได้อย่างไร?” เฟิงเจิ้งอวี้ยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวไม่เพียงรู้เท่านั้น ยังเป็นใจกับเขาด้วยฮ่าๆๆ!“ฉู่เชียนหลี เจ้าคิดว่าเพราะอะไรข้าถึงบีบบังคับสละราชสมบัติ?” เขาถาม “เป็นเพราะเฟิงเย่เสวียนส่งคนลอ
เสียงตวาดที่อ้อนแอ้นดังขึ้น ยกฝ่ามือขึ้นอีกครั้ง“ฉู่เชียนหลี!”เฟิงเจิ้งอวี้โกรธแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโต เขาเป็นโอรสคนโปรดของสวรรค์ ได้รับความสนใจอย่างมาก นอกจากฮ่องเต้ ยังไม่เคยโดนใครตบหน้ามาก่อนเขาคว้ามือเล็กที่เหวี่ยงเข้าหาใบหน้าไว้ พลันออกแรงบิด มืออีกข้างที่ว่างคว้าไปทางผมของนางฉู่เชียนหลีเงยหน้าหลบ อาศัยแรงยึดจากร่างกายเขา แทงเข่าออกไปอย่างแรง“ไอ้เศษสวะชิงหมาเกิด ไอ้ขยะหน้าคนใจหมา ถึงว่าอายุเลขสามแล้ว ยังไม่มีลูกชายสักคน!”“อ๊า!”ส่วนที่เปราะบางที่สุดของผู้ชายถูกโจมตี เจ็บปวดจนหน้าม่วง ร่างกายอ่อนระทวย เวลาไม่กี่วินาทีนั่นเหมือนสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมดหลังจากเหวี่ยงฝ่ามือครั้งแล้วครั้งเล่า“ในฐานะที่เป็นองค์ชาย เจ้าไม่เพียงไม่ช่วยเหลือราษฎร ยึดการช่วยเหลือคือความสุข กลับกันเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา ใช้ของส่วนรวมเพื่อประโยชน์ส่วนตัว และยังภาคภูมิใจกับมันอีก!”“แม่เจ้าสอนเจ้าเช่นนี้หรือ!”“กล้าแตะต้องคนของข้า ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต!”ฉู่เชียนหลีลงมืออย่างไร้ความปรานีนางโกรธ รู้สึกโกรธแทนราษฎรผู้บริสุทธิ์ที่ตายไปของเมืองตงหนิง รู้สึกโกรธที่รัชทายาทไม่รู้จักกลับใจ ไม่ให
“นี่เรียกว่าการให้ท้ายลูกตนเอง” นางเช็ดไม้เท้าตีสุนัขที่เปื้อนเลือด พร้อมย่อส่วนกลับไป แล้วเก็บเข้าไปในแขนเสื้อ“เฟิงเจิ้งอวี้ ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของเจ้าในห้องขังแห่งนี้ คิดทบทวนกรรมชั่วของเจ้าให้ดีเถอะ มีข้าฉู่เชียนหลีอยู่หนึ่งวัน เจ้าก็เลิกเพ้อฝันที่จะได้ออกมาใช้ชีวิตอีกเลย!”ยกมือขึ้นโยนจดหมายปึกหนึ่งออกไปฟึ่บ...จดหมายเหล่านี้ ทั้งหมดเป็นของรัชทายาท ทั้งยัดเยียดความผิด ทั้งวางแผนทำร้าย ทั้งฆ่าคน...จดหมายทุกฉบับ ล้วนจดบันทึกความชั่วร้ายแรงแต่ละอย่างเอาไว้ เพียงแค่ถูกเปิดโปง ชาวบ้านทั่วทั้งแคว้นตงหลิงก็จะพร้อมใจกันประท้วงขึ้น เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้ราชาแห่งสวรรค์มา ก็ปกป้องเฟิงเจิ้งอวี้ไม่ได้ฉู่เชียนหลีเดินย้อนกลับไปที่ริมกำแพง “อวิ๋นอิง!”“พระชายา ข้า...มะ...ไม่เป็นอะไร...อัก...”ทันทีที่พูดจบ หัวของสาวน้อยก็หล่นลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างกายที่สูบผอมนั้นเต็มไปด้วยเลือด ยุ่งเหยิง อ่อนแอ ทำให้คนรู้สึกสงสาร“อวิ๋นอิง!”“ไม่ต้องกังวล นางเพียงแค่หมดสติไปเท่านั้น!” เฟิงเจิ้งหลีตรวจสอบลมหายใจของอวิ๋นอิง จับมือทั้งสองข้างของนางวางลงบนลำคอของตนเอง แล้วแบกนางขึ้นมาทันทีที่ลุกขึ
ยามราตรี เป็นเวลาดึกมากแล้ว...ตอนที่ฉู่เชียนหลีเดินออกมาจากในห้อง ความมืดมิดยามราตรีก็มืดสนิทราวกับน้ำ ทุกอย่างเงียบสงบ มีเพียงลมหนาวที่พัดพา เงาที่พัดไหวไปตามสายลม รวมทั้ง...แผ่นหลังอันอบอุ่นของชายหนุ่มในชุดสีเหลืองนวลในค่ำคืนอันเหน็บหนาว เฟิงเจิ้งหลีเฝ้าอยู่ด้านนอกมาตลอด...เมื่อเห็นแผ่นหลังของเขา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ปลายจมูกถึงได้รู้สึกปวดร้าวขึ้นมาอย่างประหลาดเป็นเพราะเขาช่วยเหลือ จึงตามหาอวิ๋นอิงเจอตอนที่รัชทายาทกำลังจะฆ่าอวิ๋นอิง ก็เป็นเขาที่พุ่งตัวเข้าไป ใช้ร่างกายของตนเองรับการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตนั้นถ้าหากไม่มีเขาละก็ เกรงว่าอวิ๋นอิงคงจะตายไปแล้ว...ทันใดนั้น เหมือนว่าเฟิงเจิ้งหลีจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง หันหลังกลับ “จัดการแผลของนางเรียบร้อยแล้ว?”ฉู่เชียนหลีรีบสูดจมูก สะกดกลั้นอารมณ์ ทำท่าทางเรียบเฉยเช่นปกติ พลางพยักหน้า พลางเดินเข้าไปหา“ดึกป่านนี้ ยังลำบากท่าน...”“ไม่ลำบากหรอก เฝ้าระวังความปลอดภัยของทุกคนในเมือง คือหน้าที่ของข้า” เขาแสดงป้ายคำสั่งสีดำที่แขวนอยู่บริเวณเอว รอยยิ้มอ่อนโยนและสง่างามหน่วยลาดตระเวนแห่งเมืองหลวง ถึงแม้ว่าตำแหน่งจะเล็ก แต่ประโยชน
“อ๋องเฉิน!”เฟิงเจิ้งหลีเห็นผู้ที่มา รีบดึงเสื้อผ้าลง ไม่ได้สนใจอาการปวดที่บริเวณบั้นเอว รีบลุกขึ้น ถอยหลังออกไปสามกัน เว้นระยะห่างกับฉู่เชียนหลี“ข้าได้รับบาดเจ็บเพราะไม่ทันระวัง เมื่อครู่นี้พระชายาอ๋องเฉินกำลังทายาให้ข้า เดิมทีข้าคิดว่าทายาเสร็จแล้วก็จะส่งนางกลับจวนอ๋องเฉิน คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมาที่นี่”เขาเอ่ยปากกล่าวอธิบายก่อน ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดเฟิงเย่เสวียนเดินเข้าไปใกล้เขายืนอยู่หน้าประตู จ้องมองทั้งสองคนที่อยู่ด้านในห้อง ร่างกายสะท้อนด้วยแสงเทียน เงาทอดยาว ไปจนถึงพื้นด้านในห้อง ในทิศทางตรงกันข้ามกับแสงไฟ มองสีหน้าเขาไม่ชัดเจนเขากำลังจ้องมองคนทั้งสอง เม้มริมฝีปากบางแน่นจนเป็นเส้นตรง สายตาลึกลับ ยากที่จะคาดเดาอารมณ์ฉู่เชียนหลีมองเขาแวบหนึ่ง แล้วจึงเคลื่อนสายตา ไม่อยากพูดมากเฟิงเย่เสวียนเห็นท่าทางลุ่มลึกของนาง ประกายในดวงตายิ่งอึมครึมกว่าเดิม สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง พยายามระงับอารมณ์บางอย่างลงไป สาวเท้ายาวเดินเข้าไป จับข้อมือของนางขึ้นมา“เวลาดึกมากแล้ว!”มีแค่คำพูดหนาวสะท้านเพียงประโยคเดียวพูดจบ ก็ลากนางเดินออกไปทางด้านนอก“อ๋อง...” เฟิงเจิ้งหลีกำ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท