อวิ๋นอิงโกรธจนถึงขีดสุด อยากฉีกร่างผู้ชายตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆ เสียเดี๋ยวนี้ แต่นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แค่สองกระบวนท่าก็เสียท่า ถูกถีบเข้าที่ท้องเต็มๆ“พู่!”นางกลิ้งออกไปไกลประมาณเจ็ดแปดเมตร ชนใส่เสาจนกระอักเลือดมีบาดแผลทั่วร่างเจ็บไปหมดทั้งร่างแทบไม่มีจุดใดที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์“แค่ก…แค่กๆ…” ร่างที่ผอมบางของนางเจ็บจนขดตัวเฟิงเจิ้งอวี้บิดข้อมือและหมุนคอ เลียริมฝีปากบางที่แห้งผากเบาๆ “ไอ้ตัวที่ไม่รู้จักเจียมตัว!”คิดว่าเขาถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาทแล้ว ก็ตกต่ำแล้วหรือ?เหอะ!เกรงว่าข้างนอกคงจะมีคนรอดูเรื่องตลกของเขาไม่น้อย คิดว่าเขาจบสิ้นทั้งเช่นนี้แล้ว? น่าขำ รอกงเจิ้นหงช่วยเขาออกไป พวกนกสองหัวเหล่านั้น เขาจะกำจัดให้หมดด้วยมือตนเอง!เดินออกไปข้างหน้า “พูด ใครส่งเจ้ามา?”“แล้วเจ้ารู้เรื่องโรคระบาดของเมืองตงหนิงได้อย่างไร?”อวิ๋นอิงแอบฟังเรื่องนี้มาจากบทสนทนาของอ๋องเฉินกับพระชายา หลายวันมานี้ นางฝึกกระบี่อย่างหนัก เพียงเพื่อรอแก้แค้นตอนที่รู้ข่าวรัชทายาทถูกปลด เกิดความโกลาหล นางคิดว่าโอกาสมาถึงแล้วโอกาสที่จะแก้แค้นให้บิดามารดา!แต่นางไร้ประโยชน์ นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ข
วันนี้ ต่อให้เขาฆ่าเด็กสาวที่ชื่ออวิ๋นอิงคนนี้ ก็ไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์เขา!“เป็นเขา…”อวิ๋นอิงที่หมอบอยู่บนพื้นเจ็บจนสั่นไปทั้งร่าง ยกดวงตาที่แดงก่ำและปนน้ำตาขึ้น มองไปทางเฟิงเจิ้งอวี้อย่างยากลำบาก“พระชายา เป็นเขา…”น้ำตาของนางไหลออกมา“เขาแพร่เชื้อโรคระบาดในเมืองตงหนิง ทำให้พ่อแม่ข้าตาย ทำให้คนมากมายตาย…บาปของเขาหนาเกินกว่าจะให้อภัย มือของเขาเปื้อนเลือด ทำไมถึงยังไม่ถูกลงโทษ…”หรือราษฎรที่บริสุทธิ์เหล่านั้นต้องตายเปล่า?หรือชีวิตของราษฎรต่ำต้อย ไม่นับเป็นชีวิต?หรือชีวิตขององค์ชายสูงศักดิ์กว่า?ฉู่เชียนหลีกอดอวิ๋นอิงที่บาดเจ็บสาหัสอย่างปวดใจ ในใจยิ่งมีเปลวไฟแห่งความโกรธลุกโชนบัญชีแค้นบางอย่าง ถึงเวลาที่ควรชำระแล้วจริงๆ! “เจ้าคิดว่าทุกสิ่งที่เจ้าทำ ฮ่องเต้ไม่รู้อย่างนั้นหรือ!” นางเงยหน้าขึ้น มองไปทางเฟิงเจิ้งอวี้ที่หยิ่งผยองจนถึงขีดสุด นางโกรธมากกลับหัวเราะแทน“รู้ จะไม่รู้ได้อย่างไร?” เฟิงเจิ้งอวี้ยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวไม่เพียงรู้เท่านั้น ยังเป็นใจกับเขาด้วยฮ่าๆๆ!“ฉู่เชียนหลี เจ้าคิดว่าเพราะอะไรข้าถึงบีบบังคับสละราชสมบัติ?” เขาถาม “เป็นเพราะเฟิงเย่เสวียนส่งคนลอ
เสียงตวาดที่อ้อนแอ้นดังขึ้น ยกฝ่ามือขึ้นอีกครั้ง“ฉู่เชียนหลี!”เฟิงเจิ้งอวี้โกรธแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโต เขาเป็นโอรสคนโปรดของสวรรค์ ได้รับความสนใจอย่างมาก นอกจากฮ่องเต้ ยังไม่เคยโดนใครตบหน้ามาก่อนเขาคว้ามือเล็กที่เหวี่ยงเข้าหาใบหน้าไว้ พลันออกแรงบิด มืออีกข้างที่ว่างคว้าไปทางผมของนางฉู่เชียนหลีเงยหน้าหลบ อาศัยแรงยึดจากร่างกายเขา แทงเข่าออกไปอย่างแรง“ไอ้เศษสวะชิงหมาเกิด ไอ้ขยะหน้าคนใจหมา ถึงว่าอายุเลขสามแล้ว ยังไม่มีลูกชายสักคน!”“อ๊า!”ส่วนที่เปราะบางที่สุดของผู้ชายถูกโจมตี เจ็บปวดจนหน้าม่วง ร่างกายอ่อนระทวย เวลาไม่กี่วินาทีนั่นเหมือนสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมดหลังจากเหวี่ยงฝ่ามือครั้งแล้วครั้งเล่า“ในฐานะที่เป็นองค์ชาย เจ้าไม่เพียงไม่ช่วยเหลือราษฎร ยึดการช่วยเหลือคือความสุข กลับกันเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา ใช้ของส่วนรวมเพื่อประโยชน์ส่วนตัว และยังภาคภูมิใจกับมันอีก!”“แม่เจ้าสอนเจ้าเช่นนี้หรือ!”“กล้าแตะต้องคนของข้า ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต!”ฉู่เชียนหลีลงมืออย่างไร้ความปรานีนางโกรธ รู้สึกโกรธแทนราษฎรผู้บริสุทธิ์ที่ตายไปของเมืองตงหนิง รู้สึกโกรธที่รัชทายาทไม่รู้จักกลับใจ ไม่ให
“นี่เรียกว่าการให้ท้ายลูกตนเอง” นางเช็ดไม้เท้าตีสุนัขที่เปื้อนเลือด พร้อมย่อส่วนกลับไป แล้วเก็บเข้าไปในแขนเสื้อ“เฟิงเจิ้งอวี้ ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของเจ้าในห้องขังแห่งนี้ คิดทบทวนกรรมชั่วของเจ้าให้ดีเถอะ มีข้าฉู่เชียนหลีอยู่หนึ่งวัน เจ้าก็เลิกเพ้อฝันที่จะได้ออกมาใช้ชีวิตอีกเลย!”ยกมือขึ้นโยนจดหมายปึกหนึ่งออกไปฟึ่บ...จดหมายเหล่านี้ ทั้งหมดเป็นของรัชทายาท ทั้งยัดเยียดความผิด ทั้งวางแผนทำร้าย ทั้งฆ่าคน...จดหมายทุกฉบับ ล้วนจดบันทึกความชั่วร้ายแรงแต่ละอย่างเอาไว้ เพียงแค่ถูกเปิดโปง ชาวบ้านทั่วทั้งแคว้นตงหลิงก็จะพร้อมใจกันประท้วงขึ้น เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้ราชาแห่งสวรรค์มา ก็ปกป้องเฟิงเจิ้งอวี้ไม่ได้ฉู่เชียนหลีเดินย้อนกลับไปที่ริมกำแพง “อวิ๋นอิง!”“พระชายา ข้า...มะ...ไม่เป็นอะไร...อัก...”ทันทีที่พูดจบ หัวของสาวน้อยก็หล่นลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างกายที่สูบผอมนั้นเต็มไปด้วยเลือด ยุ่งเหยิง อ่อนแอ ทำให้คนรู้สึกสงสาร“อวิ๋นอิง!”“ไม่ต้องกังวล นางเพียงแค่หมดสติไปเท่านั้น!” เฟิงเจิ้งหลีตรวจสอบลมหายใจของอวิ๋นอิง จับมือทั้งสองข้างของนางวางลงบนลำคอของตนเอง แล้วแบกนางขึ้นมาทันทีที่ลุกขึ
ยามราตรี เป็นเวลาดึกมากแล้ว...ตอนที่ฉู่เชียนหลีเดินออกมาจากในห้อง ความมืดมิดยามราตรีก็มืดสนิทราวกับน้ำ ทุกอย่างเงียบสงบ มีเพียงลมหนาวที่พัดพา เงาที่พัดไหวไปตามสายลม รวมทั้ง...แผ่นหลังอันอบอุ่นของชายหนุ่มในชุดสีเหลืองนวลในค่ำคืนอันเหน็บหนาว เฟิงเจิ้งหลีเฝ้าอยู่ด้านนอกมาตลอด...เมื่อเห็นแผ่นหลังของเขา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ปลายจมูกถึงได้รู้สึกปวดร้าวขึ้นมาอย่างประหลาดเป็นเพราะเขาช่วยเหลือ จึงตามหาอวิ๋นอิงเจอตอนที่รัชทายาทกำลังจะฆ่าอวิ๋นอิง ก็เป็นเขาที่พุ่งตัวเข้าไป ใช้ร่างกายของตนเองรับการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตนั้นถ้าหากไม่มีเขาละก็ เกรงว่าอวิ๋นอิงคงจะตายไปแล้ว...ทันใดนั้น เหมือนว่าเฟิงเจิ้งหลีจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง หันหลังกลับ “จัดการแผลของนางเรียบร้อยแล้ว?”ฉู่เชียนหลีรีบสูดจมูก สะกดกลั้นอารมณ์ ทำท่าทางเรียบเฉยเช่นปกติ พลางพยักหน้า พลางเดินเข้าไปหา“ดึกป่านนี้ ยังลำบากท่าน...”“ไม่ลำบากหรอก เฝ้าระวังความปลอดภัยของทุกคนในเมือง คือหน้าที่ของข้า” เขาแสดงป้ายคำสั่งสีดำที่แขวนอยู่บริเวณเอว รอยยิ้มอ่อนโยนและสง่างามหน่วยลาดตระเวนแห่งเมืองหลวง ถึงแม้ว่าตำแหน่งจะเล็ก แต่ประโยชน
“อ๋องเฉิน!”เฟิงเจิ้งหลีเห็นผู้ที่มา รีบดึงเสื้อผ้าลง ไม่ได้สนใจอาการปวดที่บริเวณบั้นเอว รีบลุกขึ้น ถอยหลังออกไปสามกัน เว้นระยะห่างกับฉู่เชียนหลี“ข้าได้รับบาดเจ็บเพราะไม่ทันระวัง เมื่อครู่นี้พระชายาอ๋องเฉินกำลังทายาให้ข้า เดิมทีข้าคิดว่าทายาเสร็จแล้วก็จะส่งนางกลับจวนอ๋องเฉิน คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมาที่นี่”เขาเอ่ยปากกล่าวอธิบายก่อน ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดเฟิงเย่เสวียนเดินเข้าไปใกล้เขายืนอยู่หน้าประตู จ้องมองทั้งสองคนที่อยู่ด้านในห้อง ร่างกายสะท้อนด้วยแสงเทียน เงาทอดยาว ไปจนถึงพื้นด้านในห้อง ในทิศทางตรงกันข้ามกับแสงไฟ มองสีหน้าเขาไม่ชัดเจนเขากำลังจ้องมองคนทั้งสอง เม้มริมฝีปากบางแน่นจนเป็นเส้นตรง สายตาลึกลับ ยากที่จะคาดเดาอารมณ์ฉู่เชียนหลีมองเขาแวบหนึ่ง แล้วจึงเคลื่อนสายตา ไม่อยากพูดมากเฟิงเย่เสวียนเห็นท่าทางลุ่มลึกของนาง ประกายในดวงตายิ่งอึมครึมกว่าเดิม สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง พยายามระงับอารมณ์บางอย่างลงไป สาวเท้ายาวเดินเข้าไป จับข้อมือของนางขึ้นมา“เวลาดึกมากแล้ว!”มีแค่คำพูดหนาวสะท้านเพียงประโยคเดียวพูดจบ ก็ลากนางเดินออกไปทางด้านนอก“อ๋อง...” เฟิงเจิ้งหลีกำ
ไปหาเขามีประโยชน์บ้าอะไร!เขายุ่งจนไม่เห็นเงาตั้งแต่เช้ายันมืด เอาแต่คลุกตัวอยู่ในห้องหนังสือไม่ออกมา อยู่กับสตรีชาวเหมียวเจียงคนนั้น ไม่รู้ว่ากำลังทำเรื่องน่าละอายใจอะไรกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะย้อนกลับมาตำหนินางน่าขัน!นางปัดฝุ่นบนหัวไหล่ “เรื่องเล็กน้อยของอวิ๋นอิง จะกล้าไปลำบากเจ้าที่วัน ๆ เอาแต่ยุ่งอยู่กับงานราชการได้อย่างไร?”“เจ้า!”เขาได้ยอมลดท่าทีลงแล้ว แต่นางกลับได้คืบจะเอาศอกเขาเม้มริมฝีปาก “พูดจาดี ๆ”“ข้าพูดจาดีแล้ว” ฉู่เชียนหลียิ้ม “เรื่องเล็กแค่นี้ไม่มีทางลำบากเจ้าหรอก แล้วก็ไม่กล้ารบกวนเจ้าเช่นกัน ข้าสามารถจัดการเองได้ เจ้ารีบไปทำธุระของเจ้าเถอะ ทำอะไรที่ควรทำ ข้ากลับแล้ว”พูดจบ ก็สาวเท้าเดินจากไป“ฉู่เชียนหลี!”เขาเรียกนาง แต่ฝีทางของนางไม่ได้หยุดลง“ฉู่เชียนหลี!” เขาจ้องมองแผ่นหลังของนาง น้ำเสียงที่เย็นชาใกล้จะระเบิดออกมาหญิงสาวค่อย ๆ เดินจากไปไกล ราวกับว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น“ฉู่เชียนหลี!”โครม!เขาโมโหจนถีบรถเข็นไม้ที่อยู่ด้านข้างจนล้มคว่ำ แล้วก็กระทืบอีกหลายครั้งอย่างรุนแรงเพื่อระบายอารมณ์ให้ตายเถอะ!เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเขาไม่ได้โมโห นางโมโหอะไร?เข
เช้าวันใหม่กลางเมืองหลวง ข้อวิจารณ์เกี่ยวกับรัชทายาทยังคงไม่หยุด จวนรัชทายาทยังคงมีกองกำลังทหารมากเฝ้าอยู่ ห้ามผู้ใดเข้าออก และเฟิงเจิ้งอวี้ ได้เริ่มตื่นตระหนกแล้วกงเจิ้นหงตายแล้ว จุดอ่อนยังอยู่ในมือของฉู่เชียนหลีอีก เขากังวลว่าเสด็จพ่อจะปกป้องเขาไม่ได้ จึงพยายามคิดหาหนทางเพื่อขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทแต่ไม่ว่าจะก่อเรื่อง ตะโกน มอบหมายคนไป ถ่ายทอดคำพูด ไม่ว่าจะวิธีการไหน ก็ไม่เป็นผล...วังหลวงห้องทรงพระอักษรนับตั้งแต่หลังจากที่รัชทายาทถูกปลด ฝ่าบาทไม่ได้ทรงว่าราชกิจเป็นเวลาสามวันติดต่อกันแล้ว ฎีกาทั้งหมดของทุกวันถูกส่งไปยังห้องทรงพระอักษร ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งหมดเองก็ไม่กล้ามาเสนอหน้าต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาท แต่ละคนหลบหลีกให้ไกลบรรดาขันทีคอยปรนนิบัติอย่างระมัดระวัง รอบคอบกว่าตอนปกติสิบเท่าเต๋อฝูยกชาร้อนที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ ๆ มาถ้วยหนึ่ง เดินเข้ามา มองใบหน้านิ่ง ตั้งใจอ่านฎีกาแวบหนึ่ง ฝ่าบาทที่พระพักตร์ไร้อารมณ์ แต่กลับมีรัศมี เขาเองก็ระวังมากเช่นกัน“ฝ่าบาท เมื่อคืนนี้ทรงบรรทมแค่เพียงหนึ่งชั่วยาม จะพักผ่อนสักหน่อยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”วางชาร้อนลง แล้วเดินไปบีบไหล่ให้ฝ่าบาทคำพูดมากมา
นางเม้มมุมปาก อิจฉาเล็กน้อย นั่งเงียบๆ อยู่ที่ข้างๆ ละสายตาไปทางอื่นเขากล่อมน้องสาวครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความเงียบของนาง จึงเงยหน้ามอง“ทำไม ไม่พอใจแล้ว?”“หึงแล้ว?”“...”เขาจี้จุดในประโยคเดียว“โตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังจะหึงกับลูกสาวของตัวเองอีก หรือข้าจะถูกปีศาจน้อยสองคนนี้แย่งไปได้?”“...”นี่ทำเหมือนนางดูปัญญาอ่อนมาก และจริงจังมาก?ฉู่เชียนหลีเบะปาก“เจ้าเห็นข้าเป็นใคร โลกทัศน์ของข้าแคบเช่นนั้นเลยหรือ?”“ใช่”“?”“ใครก็ได้!”เขาลุกขึ้นทันที ส่งน้องสาวที่เพิ่งกล่อมจนสงบให้แม่นม หมุนกายก็ไปอุ้มฉู่เชียนหลี อีกทั้งยังอุ้มในท่าแนวราบ เหมือนอุ้มเด็กคนหนึ่ง แต่คนที่เขาอุ้มคือทารกที่มีอายุมากแล้ว“ไม่หึงนะ ข้ารักเจ้าคนเดียว”“?”ฉู่เชียนหลีตั้งสติได้ก็เขินอายจนหน้าแดง จะขอลงทันที แม่นมยังดูอยู่ข้างๆ นะ คำพูดที่เขาพูดมัน…ก็ไม่อายเลย!“ปล่อยข้าลงไป”“ไม่ ทั้งๆ ที่เจ้าชอบให้ข้าทำเช่นนี้กับเจ้า ไม่ใช่ข้าวใหม่ปลามันอะไรเสียหน่อย ยังจะเขินอะไรอีก?”“!”ฉู่เชียนหลีหน้าแดง จ้องเขาอย่างอายจนโกรธ“รีบปล่อยข้าลงได้แล้ว ข้าจะหึงน้องสาวได้อย่างไร ข้าเปล่านะ! ข้าเห็นน้องสาวติดเ
ดังคำกล่าวที่ว่า จากกันนานชนะคู่ใหม่ปลามัน ไม่เจอกันสามเดือน คนสองคนที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยกอดกันแน่น เปลวไฟนิรนามถูกจุดขึ้นในใจ เมื่อลุกท่วม ก็ร้อนแรงจนสะเทือนฟ้าสะเทือนบกอย่างไม่สามารถควบคุมหนึ่งจูบที่ลึกซึ้งแน่นแฟ้นลึกล้ำคิดถึงความรักเขากระหายจนอยากกลืนนางลงท้อง อยากแทะกระดูก กัดนาง กินนาง แม้แต่ลมหายใจของนางก็กลืนลงท้องนางเริ่มต้านทานไม่ไหว สมองที่ขาดอากาศว่างเปล่า สองมือยันอยู่บนหน้าอกเขา พยายามผลักออกเขาไม่ถอย กลับกันยิ่งทับแน่นขึ้นผ่านไปเนิ่นนานกลีบริมฝีปากแยกจากกันนางหอบหายใจอย่างหนัก แทบเป็นลมแล้ว แก้มทั้งสองข้างแดงฉาน แดงจนสะดุดตา แดงจนแสบตา แดงจนทำให้เขากระวนกระวายใจ ต้องการมากกว่านี้แต่เขากลับต้องอดกลั้นนางยังอยู่ในช่วงเพิ่งคลอด ภายในหนึ่งเดือนห้ามแตะต้องมีความต้องการแต่ไม่มีที่ลง ภายใต้สถานการณ์ที่หมดหนทาง เขากัดคอนาง สูดดมแรงๆ เหมือนดับความกระหาย“อาเฉิน เจ้าทำข้าเจ็บแล้ว…”เสียงตะโกนเบาๆ ดังเข้าไปในหูเฟิงเย่เสวียน มันคือการเสแสร้งเสียงที่อ่อนโยน มันคือการอ้อนก็เหมือนกับประกายไฟถูกลมพัด พริบตานั้นลุกท่วมร่างกายเฟิงเย่เสวียน เลือดในร่าง
อ๋องเฉินกลับมาแล้ว!เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ทั้งจวนอ๋องเฉินครึกครื้น ผ่านไปสามเดือนเต็มๆ ในที่สุดท่านอ๋องก็กลับมาแล้ว คนทั้งจวนวิ่งไปต้อนรับที่หน้าประตู“ท่านอ๋อง!”กลับมาแล้ว!ในที่สุด!ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ทุกคนก็เหมือนได้เสาหลักกลับคืนมา มีที่พึ่งพิง มีความมั่นใจ แม้แต่เสียงพูดก็เปี่ยมไปด้วยพลังแล้ว“เฉินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว ปล่อยให้แม่คิดถึงตั้งนาน!” ถงเฟยดีใจจนร้องไห้คนอื่นก็เช่นกันเฟิงเย่เสวียนโอบเอวเล็กของฉู่เชียนหลีไว้ มองดูจวนที่คุ้นเคย ใบหน้าที่คุ้นเคย สิ่งเดียวที่คิดถึงในเวลานี้คือลูก!เมื่อเดินเข้าจวน ก็ตรงไปที่เรือนหานเฟิง เข้าไปในห้อง ก็มองเห็นเด็กสองคนที่นอนอยู่ในเปลโยกสองคน!พวกนางนอนด้วยกัน เพิ่งดื่มนมอิ่ม กำลังนอนหลับสนิทกำปั้นเล็กๆ ของพี่สาวตัวอ้วนวางอยู่ที่ข้างศีรษะทั้งสองข้าง ปากน้อยๆ ที่อวบอิ่มห่อยื่นออกมาเล็กน้อย และดูดปากเป็นระยะ เหมือนกำลังนึกถึงรสชาติของนม น่ารักมากน้องสาวตัวผอมเหมือนรู้สึกไม่ปลอดภัย มือน้อยกำผ้าห่อทารกแน่น ร่างกายเล็กๆ นอนขดตัว ราวกับต้องการซ่อนตัวเองไว้ใบหน้าของเด็กที่อ่อนเยาว์สะกิดหัวใจเฟิงเย่เสวียนในพริบตา ทำให้เขา
“สวรรค์!”มีชาวบ้านเห็น ตกใจจนกรีดร้องรอตอนที่ฉู่เชียนหลีไปดู เห็นเพียงผ้าห่อทารกตกลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว นางอยู่ห่างออกมาสิบกว่าเมตร อย่างไรก็ช่วยไม่ทันพริบตานั้น หัวใจนางเหมือนถูกมีดกรีดขณะที่ทุกคนกำลังประหม่า ในช่วงเหตุการณ์คับขัน มีร่างเงาสีหมึกสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาราวกับวิญญาณผี พลันกระโดดข้ามทะเลสาบอย่างฉับไว รับเด็กไว้แล้วร่อนลงพื้นอย่างมั่นคงปลอดภัยหายห่วง!สมองของฉู่เชียนหลีว่างเปล่าไปชั่วพริบตาหนึ่ง ขาอ่อนจนเกือบล้มลงพื้น โชคดีที่เยว่เอ๋อร์รีบประคองไว้ เมื่อยืนมั่นคงและเงยหน้ามอง ก็ต้องตะลึงอีกครั้งเขา!เขากลับมาแล้ว!เฟิงเย่เสวียน!เขายังคงสวมชุดเพ้าหมึกสีเข้ม เกล้าผมตั้งสูง ไม่เจอกันสามเดือน ผิวของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย มีแผลเป็นตรงแก้มหนึ่งสาย ช่วยเพิ่มความเฉียบคมให้เขาสามส่วน ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยแววของความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ทำให้แลดูหนักแน่นและเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อนฉู่เจียวเจียวตกใจมาก“อ๋องเฉิน…”เขากลับมาได้อย่างไร?เหตุใดจู่ๆ ก็โผล่ออกมาโดยไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเหมือนกับผี?เฟิงเย่เสวียนอุ้มเด็กไว้ในข้อพับแขน มืออีกข้างยกขึ้น มองนางด้วยร
รอนางกลายเป็นพระชายารัชทายาท เวลาที่ฉู่เชียนหลีพบนาง จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับฉู่เจียวเจียวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวราวกับประทานความเมตตา“ถ้าหากเจ้ารู้จักประมาณตน ทางที่ดีตอนนี้ออกไปจากนอกสายตาของข้า ถ้าหากข้าอารมณ์ดีแล้ว วันข้างหน้า ข้าก็จะละเว้นพิธีของการคำนับเมื่อเจ้าพบข้า”ราชโองการยังประกาศไม่ถึงจวนอ๋องหลี นางก็วางมาดของพระชายารัชทายาทแล้วกิริยานั่น น้ำเสียงนั่น ท่าทางนั่น เหมือนนกยูงรำแพนหางตัวหนึ่ง เหลือบมองฉู่เชียนหลีจากเบื้องสูงฉู่เชียนหลีหัวเราะ“พระชายารัชทายาทแล้วอย่างไร? พระชายาอ๋องหลีแล้วอย่างไร? หรือทำผิดแล้ว ไม่ต้องยอมรับผิดก็ได้?”“หรือในความเข้าใจของเจ้า เมื่อเจ้าเป็นพระชายารัชทายาท ก็สามารถใช้อำนาจบาตรใหญ่ อยากทำอะไรก็ได้?”เมื่อชาวบ้านได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนทันทีถ้าหากแม้แต่พระชายารัชทายาทก็ไร้เหตุผลเช่นนี้ เมื่อรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ จะปฏิบัติต่อราษฎรอย่างดีหรือ?พระชายารัชทายาทใช้อำนาจรังแกคน อวดอ้างบารมีเช่นนี้ มีนางอยู่ ราษฎรสามารถมีชีวิตที่ดีหรือ?ฉู่เจียวเจียวรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของชาวบ้าน นางรีบกล่าว“ฉู่เ
ฉู่เจียวเจียว “?”เมื่อหันไปมอง เห็นเพียงเต๋อฝูพาหมอหลวงสูงวัยท่านหนึ่งมารออยู่ที่ด้านข้าง และไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไรฉู่เชียนหลีประหลาดใจเล็กน้อย“กงกงเต๋อฝู ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เต๋อฝูสะบัดแส้มาไว้ในข้อพับ โน้มตัวเล็กน้อย คำนับทีหนึ่ง กล่าวตอบอย่างนอบน้อม“ข้าน้อยรับบัญชาจากฝ่าบาท เดิมทีควรไปประกาศราชโองการที่จวนอ๋องหลี ตอนที่เดินผ่านตรงนี้ เห็นพระชายาทั้งสองท่านโต้เถียงไม่ลงตัว จึงสั่งให้คนเข้าวังเชิญหมอหลวงมา สุขภาพของพระนัดดาองค์โตเกี่ยวข้องกับอนาคตของราชวงศ์ ข้าน้อยไม่กล้ารอช้า”ประกาศราชโองการ?ฉู่เชียนหลีเข้าใจอะไรบางอย่างในพริบตาดูเหมือนฉู่เจียวเจียวให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ฝ่าบาทจึงมีราชโองการแต่งตั้งอ๋องหลีเป็นรัชทายาท…แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาให้คิดมาก ความสนใจทั้งหมดล้วนจดจ่ออยู่บนตัวของเด็กที่ร้องไห้ไม่หยุด“รบกวนหมอหลวงลองตรวจสุขภาพของพระนัดดาองค์โตหน่อย ว่าปลอดภัยหรือไม่?”หมอหลวงพยักหน้า เดินเข้าไปฉู่เจียวเจียวตื่นตระหนกทันที…มือที่อุ้มลูกกระชับเล็กน้อย พลางจับผ้าห่อทารกไว้แน่น แววตาสั่นไหว ลนลานเล็กน้อยแต่มาถึงขั้นนี้ นางไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธแล
เยว่เอ๋อร์สะดุ้งตกใจชาวบ้านเบิกตากว้างขณะที่เด็กกำลังจะร่วงลงบนพื้น ฉู่เชียนหลีกระโจนเข้าไป ก่อนหนึ่งวินาทีที่เขาจะตกลงบนพื้น นางรับเขาเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิดพูดถึงก็แปลก เมื่อครู่ตอนอยู่ในอ้อมแขนพระชายา เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด พอมาอยู่ในอ้อมแขนของฉู่เชียนหลี เสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เบาลง และสงบไปในที่สุดทันใดนั้น มีเสียงตะคอกดังขึ้น“ฉู่เชียนหลี!”“เจ้าทำอะไร!”ฉู่เจียวเจียวรีบเดินเข้าไป แย่งลูกกลับคืนมาทันที“ต่อให้เจ้าไม่พอใจข้า ก็ไม่ควรโยนลูกของข้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้วยความสูงเมื่อครู่ หัวของจื่อเยี่ยชี้ลงข้างล่าง มีโอกาสที่จะคอหักตายทันที!”“เจ้าก็เป็นแม่คนเช่นกัน จิตใจอำมหิตเช่นนี้ได้อย่างไร!”นางชี้หน้าฉู่เชียนหลี ตำหนิด้วยความโกรธและเสียงดัง พูดบลาๆ ราวกับปืนกล ไม่ปล่อยให้ฉู่เชียนหลีได้พูดแทรกคนชั่วชิงร้องเรียนก่อน ก็คงประมาณนี้“อุแว้…”เด็กที่เพิ่งเงียบไปสองวินาที เริ่มร้องไห้อีกครั้งฉู่เจียวเจียวรีบกล่อม “จื่อเยี่ยเป็นเด็กดี จื่อเยี่ยไม่ร้องนะ แม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นเพราะแม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นความผิดของแม่ แม่ไม่ควรให้กำเนิดเจ้า ถ้าหากเจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เกรงว่าคงไม่
มัวแต่ห่วงยืนกรานว่าเป็นฝีมือฉู่เชียนหลี จนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท…ก็จริง หลังจากคลอดลูก สมรรถภาพด้านต่างๆ ของร่างกายลดลง แม้แต่ความจำก็ไม่ดีเป็นครั้งคราวอย่างที่เรียกว่าคลอดลูกหนึ่งครั้ง โง่ไปอีกสามปีจริงๆ ฉู่เชียนหลีเดินออกมาหนึ่งก้าว ยื่นมือแล้วกล่าว“ส่งเด็กมาให้ข้า”ฉู่เจียวเจียวกอดลูกแน่น ถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว“เหตุใดต้องให้เจ้าตรวจ? ข้าเชื่อใจเจ้าได้หรือ? เจ้าเป็นทักษะการแพทย์ จื่อเยี่ยมีปัญหาหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับปากของเจ้าไม่ใช่หรือ?”ในความเป็นจริง ร้อนตัวเล็กน้อยเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยถูกพิษหรือไม่ ในใจนางรู้ดีที่สุดถ้าหากถูกเปิดโปงต่อหน้าทุกคน นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน และยังจะถูกชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างเย็นชา“ต่อหน้าชาวบ้านมากมายเช่นนี้ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ถ้าหากข้าคิดจะทำอะไร สามารถหลบพ้นสายตาของทุกคนหรือ?”แม้นางโง่เพียงใด ก็ไม่ทำเรื่องที่โง่เขลาเช่นนี้เดินเข้าไปอีกครั้ง จับมุมหนึ่งของผ้าห่อทารก“ส่งเด็กให้ข้า บนร่างกายเขามีพิษหรือไม่ ข้าพิสูจน์ก็รู้เอง”ฉู่เจียวเจียวยิ่งกอดลูกแน่นแล้ว “เจตนาเจ้าไม่ดี ข้าไม่มีทางส่งจื่อเยี่ยให
“เจ้ากล้าวางยาพิษพระนัดดาองค์โต!”เสียงตะคอกของฉู่เจียวเจียวดังมาก ทำให้ชาวบ้านโดยรอบได้ยินกันทุกคน และยิ่งทำให้ชาวบ้านตกใจมากพิษ!เพราะความริษยา พระชายาอ๋องเฉินจึงวางยาพิษกับเด็กทารกที่เพิ่งคลอดได้สามวัน!สวรรค์!ทันใดนั้น สายตาของทุกคนที่มองฉู่เชียนหลีกลายเป็นแปลกประหลาด…เยว่เอ๋อร์โกรธแล้ว “พระชายาอ๋องหลี ท่านพูดเหลวไหลอะไร! พระชายาแค่อุ้มเขาครู่เดียว ยังไม่ถึงห้าอึดใจก็ถูกท่านแย่งกลับไปแล้ว จะมีพิษได้อย่างไร! นี่ท่านเป็นโรคหลงผิดหรือ?”“อุแว้…”เสียงที่ร้องไห้ไม่หยุดของเด็ก ก็เหมือนกับเป็นหลักฐานที่หนักแน่น โต้กลับคำพูดของเยว่เอ๋อร์คำพูดของเยว่เอ๋อร์ดูไม่มีน้ำหนักทันทีชาวบ้านทุกคนไม่เชื่อ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ราวกับระลอกคลื่น“เมื่อครู่ข้าเห็นกับตา ตอนแรกพระนัดดาองค์โตไม่ได้ร้องไห้ หลังจากที่กลับถึงอ้อมแขนของแม่ ก็ร้องไห้ไม่หยุด นี่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาหรอกหรือ?”“ใช่ พระนัดดาองค์โตต่อต้านเช่นนี้ แค่ดูก็รู้ว่าไม่สบาย”“หรือว่าถูกพิษจริงๆ?”“ถ้าหากนางฆ่าพระนัดดาองค์โตตาย ลูกสาวฝาแฝดที่นางคลอด ก็จะกลายเป็นที่โปรดปรานที่สุดในราชวงศ์แล้วไม่ใช่หรือ?”“ใช่…”เสียงก