นี่เป็นโรคฉุกเฉินที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน หากไม่ได้รับการช่วยเหลือภายในไม่กี่นาที ต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาในฐานะที่เป็นหมอ ฉู่เชียนหลีสมควรช่วยชีวิตคนแต่หากนางนำอุปกรณ์การแพทย์ขนาดใหญ่ที่อยู่ในกำไลเฉียนคุนออกมา จะทำให้เกิดข้อสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ของที่คนโบราณไม่เคยเห็น ยิ่งกว่านั้นยังปรากฏกลางอากาศ หากนางถูกมองว่าเป็น ‘ปีศาจหญิง’ อะไรล่ะอีกอย่าง กงเจิ้นหงเคยทำเรื่องชั่วๆ ไว้มากมายเช่นนั้น บางทีสมองตายฉับพลันอาจเป็นการลงโทษจากสวรรค์ที่มีต่อเขาในเวลาสั่นๆ สองวินาที ฉู่เชียนหลีปล่อยมือแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นคนเจ็บไม่ช่วยตั้งแต่เป็นหมอ ในใจกลับไม่มีความรู้สึกผิดใดๆนางลุกขึ้นยืน มองดูกงเจิ้นหงที่กลิ้งไปกลิ้งมา ดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บปวดบนพื้น เอ่ยปากอย่างเฉยเมย“คงคิดไม่ถึงกระมัง ก่อกรรมทำชั่วมาทั้งชีวิต ยังไม่ทันถูกกฎหมายลงโทษ กลับต้องมาตายเพราะสมองตาย”ไม่มีใครทำร้ายเขานี่ล้วนเป็นกรรมที่เขาสมควรได้รับ“เออ…”กงเจิ้นหงเบิกตากว้าง การแสดงออกบิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวด ดวงตาแดงก่ำจนแทบมีเลือดไหล ใบหน้ากลายเป็นสีม่วง ร่างกายชักกระตุกอย่างรุนแรง อีกไม่นานก็จะไม่ไหวแล้วเมื่อ
ฉู่เชียนหลีได้ยินแล้ว สีหน้าเย็นชาทันทีอะไรคือนางบีบคั้นกงเจิ้นหงตาย? เขาเกิดภาวะสมองตายฉับพลัน เกี่ยวอะไรกับนาง?มองดูหานอิ๋งที่ยื่นแขนออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา และถึงขั้นมีความเป็นปรปักษ์เล็กน้อย นางหัวเราะอย่างเย็นชา“นี่ก็คือท่าทีที่เจ้าคุยกับข้าหรือ?”หานอิ๋งชะงักครู่หนึ่งนายท่านของนางคืออ๋องเฉิน ไม่ใช่ฉู่เชียนหลี นางไม่จำเป็นต้องนอบน้อมถ่อมตนต่อฉู่เชียนหลี แต่มองดูท่าทางที่หัวเราะอย่างเย็นชาของฉู่เชียนหลี ความโค้งที่เย็นเฉียบตรงมุมปาก และสายตาที่ลึกมองไม่เห็นก้นบึ้ง พริบตานั้น เหมือนกับมองเห็นเงาของนายท่าน…นางเหม่อลอยครู่หนึ่ง หลังจากหวนขึ้นสติ ก็รีบเอ่ยปาก“ชีวิตของกงเจิ้นหงเป็นของนายท่าน ท่านลงมือโดยพลการ ทำลายแผนการของนายท่าน! มีเรื่องมากมายที่นายท่านยังไม่ทันได้ทำ มีคำพูดมากมายที่นายท่านยังไม่ทันได้ถาม”“นี่คือความแค้นของนายท่าน ถึงคราวที่ท่านต้องมาช่วยตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรู้สึกขบขันนางไม่ได้แตะแม้แต่เส้นผมของกงเจิ้นหง ท้ายที่สุดกลับกลายเป็นความผิดของนาง?น่าขำ!“ข้าจะทำอะไร ไปที่ไหน เกี่ยวอะไรกับเจ้า?” นางถือถุงที่แย่งมาจากมือกงเจิ้นหง ยกเท้าเด
เวลาร่วงเลยไปอย่างเงียบๆ ตามเสียงสายลม…แผ่นหลังเฟิงเย่เสวียนตากลมเย็นอันเปล่าเปลี่ยว ยิ่งแลดูโดดเดี่ยวห่างออกไปหลายเมตรหานอิ๋งยืนอยู่ตรงนั้น มองดูอย่างเงียบๆ ไม่ได้เดินเข้าไป ไม่ได้เอ่ยปาก ไม่ได้รบกวน เฝ้าคุ้มกันเงียบๆไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรเสียงที่แหบแห้งของเขาดังขึ้น “พระชายาล่ะ?”หานอิ๋งชะงักครู่หนึ่ง จึงจะเดินไปข้างหน้าสองก้าว กล่าวตอบเสียงเบา “หลังจากพระชายาออกจากจวนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเจ้าค่ะ”เฟิงเย่เสวียนหลุบตาลงก่อนหน้านี้ตอนอยู่จวนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา เขามองเห็นกงเจิ้นหงที่ตายแล้ว ความแค้นของตลอดหลายปีพังทลายในพริบตา เขาวิ่งจากไปอย่างเร่งรีบเหมือนสูญเสียแรงสนับสนุนความผิดปกติของเขา บางทีอาจทำให้นางตกใจ“หลังจากพระชายากลับมาบอกข้าด้วย” เขาลุกขึ้นยืน จัดแจงชุดผาวสีหมึกที่ยุ่งเหยิงครู่หนึ่ง ลูบป้ายหลุมศพเซียวกุ้ยเฟยอย่างแผ่วเบา หลังจากมองอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง เตรียมตัวจากไปหานอิ๋งเม้มปากเบาๆ อยากพูดแต่ก็ลังเลเรื่องของพระชายา…นางรู้สึกว่าพระชายากับนายท่านไม่ใช่คนโลกเดียวกัน พระชายาไม่สามารถเข้าใจนายท่าน ยิ่ง…ไม่คู่ควรกับนายท่าน
นึกถึงตรงนี้ ความเร่าร้อนของฉู่เชียนหลีมอดดับทันที เหมือนกับโดนน้ำเย็นกะละมังหนึ่งราดใส่ศีรษะ หมดอารมณ์ที่จะทำอะไรแล้ว“ช่างเถอะ”น้ำเสียงเฉยเมย “ไม่จำเป็นต้องมาเสียแรงกายแรงใจกับเรื่องที่ไม่จำเป็นพวกนี้”โยนส้มกลับเข้าไปในถาดผลไม้ พร้อมกับหยิบสมุดบัญชีที่วางอยู่บนโต๊ะ ก้มหน้าก้มตาพลิกดูบรรยากาศภายในห้อง กลับผิดปกติในระหว่างความคลุมเครือ…จางเฟยมองไปทางเฟิ่งหราน เฟิ่งหรานมองไปทางจางขาเป๋ จางขาเป๋มองไปทางจิ่งอี้ ทั้งสี่ใช้สายตาสื่อสารกันอย่างเงียบๆจางเฟย : นี่คุณหนูเป็นอะไร?เฟิ่งหราน : นอกจากเรื่องของผู้ชาย ยังจะเป็นอะไรได้อีก?จางขาเป๋ : หรืออ๋องเฉินรังแกคุณหนู?จิ่งอี้มองดูใบหน้าข้างที่เฉยเมยของนาง ราวกับไม่ใส่ใจอะไรเลย แต่เขารู้ นางกำลังโมโห ยังคงคิดถึงอ๋องเฉินดูเหมือนพวกเขาจะทะเลาะกันเวลานี้ สำหรับเขาแล้ว มันคือโอกาสที่หายากในการแทรกเข้าไปแต่คำพูดมาถึงปลายลิ้น เขากลับพูดไม่ออกเขาทำไม่ได้…เขาทำเช่นนี้ไม่ได้เม้มปาก กลืนคำพูดกลับเข้าไป เรียบเรียงคำพูดใหม่แล้วกล่าว “คุณหนู การอยู่ร่วมกันของมนุษย์ คือการทะเลาะกัน เดินเข้าหากัน หยอกล้อกัน ต่างฝ่ายต่างปรับตัวอย่างต่
ฉู่เชียนหลีออกจากโรงหมอ ระหว่างกลับจวน ตลอดทางล้วนเป็นคำพูดต่างๆ ที่วิพากษ์วิจารณ์รัชทายาท…ไม่ไกลนัก ทหารสองกลุ่มวิ่งไขว้กันมา กลุ่มหนึ่งวิ่งไปทางซ้าย กลุ่มหนึ่งวิ่งไปทางขวา ต่างก็วิ่งไปยังทิศทางของตนเองหลังขบวน เป็นร่างเงาที่คุ้นเคย“อ๋องหลี?”นางมองไปด้วยความประหลาดใจ เฟิงเจิ้งหลีที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตรหันหน้าเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ก็บังเอิญมองเห็นนางพอดี“พระชายาอ๋องเฉิน!”ดวงตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อย ในส่วนลึกของแววตาอ่อนโยนเหมือนต้นฤดูใบไม้ผลิ หลังจากหันไปกระซิบอะไรบางอย่างกับทหารที่อยู่ข้างๆ ทหารสองกลุ่มต่างก็จากไป ส่วนเขาเดินไปทางฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีเห็นมาดของเขา กล่าวถามอย่างประหลาดใจ“นี่ท่านกำลัง…”“ลาดตระเวนเมืองหลวง” เขาหยิบป้ายคำสั่งสีดำชิ้นหนึ่งออกจากแขนเสื้อ กล่าวด้วยรอยยิ้มที่หมดหนทาง “เสด็จพ่อมอบหมายภารกิจใหม่ให้ข้า”ลาดตระเวนเมืองหลวง กำจัดภัยที่แอบแฝง ปกป้องความปลอดภัยของราษฎรเหมือนหัวหน้าเทศกิจในยุคปัจจุบันเล็กน้อยหลังจากรัชทายาทถูกปลด อำนาจในมือของเขาถูกแบ่งและกระจายไปให้องค์ชายแต่ละคนอ๋องเฟิงดูแลกรมขุนนาง อ๋องเจวี๋ยรับช่วงอำนาจทางทหารขอ
จวนอ๋องเฉินฉู่เชียนหลีกลับมา ไปที่ห้องหนังสือโดยตรง แต่เฟิงเย่เสวียนกำลังยุ่ง นางจึงรออยู่ที่ข้างนอก“พระชายา หรือไม่พวกเราเข้าไปเลย? ข้างนอกหนาวนะเจ้าคะ?” เยว่เอ๋อร์จับมือที่เย็นเล็กน้อยของนาง ใช้มือของตนเองถูจนเกิดความร้อนแล้วประกบ จากนั้นเป่าลมอุ่นฮ่าๆฉู่เชียนหลีใส่เสื้อผ้าเยอะ ไม่ถือว่าหนาวมากนัก“เจ้าใส่เสื้อผ้าเยอะหน่อย”“นี่บ่าวก็ใส่ห้าตัวแล้วนะ ครั้งก่อนท่านซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ให้ข้ากับอวิ๋นอิงเยอะมาก ใส่จนแทบไม่ทันแล้วเจ้าค่ะ” เยว่เอ๋อร์ยิ้มจนมุมปากแทบฉีก นางดีใจมากสาวใช้บ้านใดสามารถมีสวัสดิการที่ดีเช่นนี้?พูดถึงอวิ๋นอิง ฉู่เชียนหลีจึงจะสังเกต เหมือนไม่เห็นนางทั้งวันแล้ว“อวิ๋นอิงละ?”“เอ๋? ไม่รู้เจ้าค่ะ รู้สึกว่าไม่เห็นตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว?” เยว่เอ๋อร์มองซ้ายมองขวา และเกาศีรษะโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น ดูเหมือนว่าอวิ๋นอิงจะหายไปนานแล้วจริงๆไม่ทันได้คิดมาก มีเสียงเปิดประตูดังมาจากทางห้องหนังสือแอ๊ด…คนที่ออกมาไม่ใช่เฟิงเย่เสวียน กลับเป็นร่างเงาที่เพรียวบางและงดงามสายหนึ่งสายตาประสานกันพริบตาที่สบตากัน เหมือนมีเจตนาสังหารที่มองไม่เห็นแผ่ซ่าน ฉู่เชียนหลีหรี่ตา ผู้ห
ฉู่เชียนหลีจับอูหนูไว้ ลงมืออย่างไม่เกรงใจนางคือนายหญิงของจวนอ๋องแห่งนี้ ยั่วยุนางในถิ่นของนาง นี่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย?เยว่เอ๋อร์ยืนอยู่ข้างๆ มองดูอย่างเย็นชานางผู้หญิงรนหาที่ตาย!เมื่อก่อนเซียวจือฮว่าอวดดีเช่นนั้น ตอนนี้เจอพระชายา ก็ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนแต่โดยดี แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? ยั่วยุท่านอ๋องต่อหน้าพระชายา นี่ต่างอะไรกับขุดหลุมฝังศพให้ตนเอง?รอท่านอ๋องออกมา จะต้องลงโทษนางสถานหนักแน่นอน!ทั้งสองเริ่มทะเลาะกัน เสียงโต้เถียงและกรีดร้องดังลั่น ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านมาไม่น้อย ตอนที่กำลังถึงจุดเดือด เสียงของผู้ชายแทรกเข้ามา“หยุดเดี๋ยวนี้”เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาจากห้องหนังสืออูหนูอาศัยจังหวะนี้ดิ้นจนหลุด นางปัดผมที่กระเซอะกระเซิงอย่างโกรธแค้น พลางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา กัดฟันกล่าวถาม“หรือนี่ก็คือวิธีต้อนรับแขกของจวนอ๋องเฉิน?!”เยว่เอ๋อร์รีบฟ้องทันที“ท่านอ๋อง นางพูดจาจาบจ้วง หาเรื่องพระชายา เมื่อครู่ยังจงใจชนพระชายาล้ม พระชายาจึงสั่งสอนนางเจ้าค่ะ!”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก มองไปทางคนทั้งสองทั้งสองทะเลาะกัน เห็นได้ชัดว่าฉู่เชียนหลีเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบกว่
อาหารเย็น ไม่เห็นอวิ๋นอิงฟ้ามืด ก็ยังไม่เห็นอวิ๋นอิงยามค่ำคืนในฤดูหนาวมืดเร็ว เมื่อฟ้ามืดก็เงียบแล้ว ช่วงกลางคืนสองทุ่มสามทุ่ม เงียบสงัดเหมือนตีหนึ่งตีสอง ฉู่เชียนหลีกลับเริ่มเป็นห่วงอย่างไม่สบายใจอวิ๋นอิงไปไหนแล้ว?แม้นางร่าเริงมีชีวิตชีวา กลับไม่เคยหายไปนานเช่นนี้ เมื่อก่อนจะไปไหนก็จะบอกนางล่วงหน้าคนล่ะ?ภายใต้ความเป็นห่วง เรียกพ่อบ้านหยางมา และยังมีบ่าวไพร่ของเรือนหานเฟิง เริ่มไล่ถามทีละคน แต่ทุกคนกลับไม่เคยเห็นอวิ๋นอิงทันใดนั้น มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในใจ…เกรงว่าจะเกิดเรื่องแล้ว!ฉู่เชียนหลีไม่มีเวลามาสนใจว่าเป็นยามราตรี นางสวมเสื้อคลุมหนาๆ ตัวหนึ่ง สับขาก็วิ่งออกไปข้างนอกเลย“พระชายา เกิดอะไรขึ้น?” หานเฟิงที่เดินผ่านมาถาม “มีอะไรให้ช่วยหรือไม่ขอรับ?”ฉู่เชียนหลีมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นวิ่งออกไปข้างนอกโดยไม่พูดอะไรสักคำหานเฟิงเกาศีรษะ “?”เหตุใดจึงรู้สึกว่าสายตาที่พระชายามองเขาห่างเหินเล็กน้อย เป็นปรปักษ์เล็กน้อย และยังเย็นชาด้วยเขาไม่ได้ล่วงเกินพระชายากระมัง?บนถนน ยามราตรีมืดมิด คนเดินถนนน้อยมาก สายลมเย็น เงียบสงัด เงาที่วิ่งผ่านของฉู่เชียน
พลันจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก เมื่อเห็นเสด็จแม่ทำหน้าจริงจัง รีบอธิบายทันที“เสด็จแม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…ข้า ข้า…”“ข้าทุ่มเทให้เจ้าทั้งกายและใจ ทุกอย่างที่ทำไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนเลย”นางรัก ‘ลูกสาว’ คนหนึ่งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดมากเช่นนี้ ลองถามใจตัวเองดู นางรู้สึกว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้วเพราะหาลูกสาวแท้ๆ ไม่เจอเพราะรู้สึกผิดดังนั้นจึงยิ่งดีกับจวินลั่วยวนมากๆ หวังเพียงสิ่งที่ตัวเองทำด้วยใจ จะสามารถทำให้สวรรค์ซาบซึ้ง ประทานพรทั้งหมดให้ลูกสาวแท้ๆ หวังว่าลูกสาวแท้ๆ อยู่ในสถานที่ที่นางไม่รู้จัก ก็มีแม่คนหนึ่งที่ดีกับนางเช่นนี้“เสด็จพ่อของเจ้ารักเจ้า พี่ชายทั้งสามของเจ้าตามใจเจ้าทุกอย่าง ทุกคนล้วนเอาเจ้าเป็นที่ตั้ง ทั้งแคว้นหนานยวนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า หรือข้ายังดีกับเจ้าไม่พออีก?”ฮองเฮาหนานยวนกล่าวอย่างปวดใจช่างเถอะพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์เป็นเพราะพวกเขาปกป้องยวนเอ๋อร์ดีเกินไป ส่งผลให้นางอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ยังไม่มีความสามารถในการดูแลตัวเอง และไม่เข้าใจสัจธรรมทางโลกอย่างไรก็เป็นลูกที่นางเลี้ยงมากับมือสิบเจ็ดปี โทษลูกสาวไม่ลง ถอนหายใจแล้วกล่าว“กลั
“ความงามของค่าพังหมดแล้ว!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว!”“ข้าจะฆ่าเจ้า! อ๊ะ!”จวินลั่วยวนนั่งอยู่บนพื้น กรีดร้องถีบเท้างอแงเหมือนเด็กคนหนึ่ง มือทั้งสองข้างก็ทั้งโบกทั้งเหวี่ยงท่าทางที่ป่าเถื่อนนั่น ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เรื่องราวบานปลายไม่นาน ฮองเฮาหนานยวนมาแล้ว“เสด็จแม่!”เมื่อจวินลั่วยวนเห็นมารดา ก็ปล่อยโฮร้องไห้ทันที “เสด็จแม่ ท่านต้องแก้แค้นให้ยวนเอ๋อร์นะเพคะ พระชายาอ๋องเฉินตีหน้าข้า นางอิจฉาความงามของข้า นางจะทำลายโฉมของข้า!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว ทำอย่างไรดี อ๊ะ! ข้าไม่อยากเป็นคนอัปลักษณ์! ฮือๆ…”นางกล่าวทั้งน้ำตาฮองเฮาหนานยวนยกคางของจวินลั่วยวนขึ้น เมื่อดูอย่างละเอียดบนผิวหนังบริเวณแก้มมีรอยขีดข่วนเล็กๆ และมีเลือดออกเล็กน้อย นอกจากนี้ก็ไม่มีบาดแผลอื่นนางดูจนคิ้วขมวด“ยวนเอ๋อร์!”แผลแค่นี้ ร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย ทำเอาคนทั้งทำเนียบเจียงหนานวุ่นวายไปหมด ไม่สมกับเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเลยทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะจวินลั่วยวนกำลังเสียใจ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว“ข้าไม่สวยแล้ว! ใบหน้าของข้าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เสด็จแม่ ท่านต้องออก
หลังจากกล่าวจบ ในความมืด เสียงลมหายใจของเฟิงเย่เสวียนแรงขึ้นแรงน้อย“ครึ่งปีมานี้ เขาดีกับเขา และดีกับจื่อเยี่ยมาก ไม่เคยทำร้ายพวกเราเลย ตอนข้าเลือกที่จะหักหลังเขา ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจรู้สึกผิดอย่างน่าประหลาด”ฉู่เชียนหลีจับหน้าอก อธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูก“ถ้าหากเจ้าได้รับชัยชนะของจุดจบ ไม่ฆ่าเขาได้หรือไม่? ทำให้เขาพิการก็ได้ กักบริเวณทั้งชีวิตก็ได้ ข้าไม่อยากให้เขาตายเพราะทำดีกับข้า”สายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึม มือที่วางอยู่บนเอวของนางกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังข่มอารมณ์แต่แค่สองวินาที ก็คลายมือออกอย่างเงียบๆ เปล่งเสียงออกมาจากลำคอแค่คำเดียว“อืม”ทั้งคืนไร้คำพูดวันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีเพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ มีเสียงที่เกรี้ยวกราดดังขึ้นจากนอกประตู“ฉู่เชียนหลี!”จวินลั่วหยวนสีหน้านางดูโกรธมาก เดินปรี่เข้ามา ไฟโทสะทั้งหมดมุ่งเป้ามาที่ฉู่เชียนหลีสาวใช้เสียวอู่เข้าไปขวางทันที“เจ้าออกไปก่อน” ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองผู้มา “มีอะไร?”จวินลั่วหยวนกล่าวด้วยความโกรธ“ข้าเจ็บที่หน้า ยังไม่ทันมาหาเรื่องเจ้า แต่เจ้ากลับกล้าส่งคนออกไปปล่อยข่าวลือที่ข้างนอก ทำลายชื่อเสียงข
จะไม่ขอพบอีก…อวิ๋นอิงกล่าวอย่างเด็ดขาดเด็ดเดี่ยว เฉียบขาดไร้ความรู้สึกใดๆ ในแววตาชีวิตที่เหลือ นางและเจี๋ยวเจี๋ยวพึ่งพากันและกัน ไม่คิดไม่ต้องการสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ถูกหรือผิดล้วนไม่ยุ่งเกี่ยวชีวิตที่เหลือ อยู่เพื่อเจี๋ยวเจี๋ยวเท่านั้นฉู่เชียนหลีอ้าปาก ยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่อวิ๋นอิงตัดสินใจไปแล้ว พูดมากมีแต่จะยิ่งทำให้นางรู้สึกต่อต้านถอนหายใจเบาๆช่างเถอะ!ส่วนวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ เส้นทางของวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้กับเรื่องไม่คาดคิด อันไหนจะมาก่อนกัน“เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าช่วยเจ้าอุ้มลูกออกไปก่อน แม่นมก็เตรียมไว้แล้ว เจ้าผอมเกินไป อย่าป้อนนมแม่เอง”น้ำนมหนึ่งหยด ก็คือเลือดหนึ่งหยดฉู่เชียนหลียุ่งเรื่องทางนี้เสร็จ เมื่อกลับถึงห้องก็ดึกแล้วหนึ่งวันที่แสนวุ่นวายสิ้นสุดลง ไม่ง่ายเลยที่จะมีเวลาได้นอนกับเว่ยซีและจื่อเยี่ย ยังไม่ทันนอนลงไป ก็ถูกเฟิงเย่เสวียนที่กลับมาไล่ออกไป เปลี่ยนเป็นเขามานอนกับนางแทนตั้งแต่กลับมา ยังไม่เคยได้นอนกับลูกชายและลูกสาวเพียงลำพังเลยถูกเขาไล่ออกไปทุกครั้งเขากล่าว“นี่เป็นเตียงของข้า”ค
จ้านหู่จากไปพร้อมกับคำด่าทอ เหมือนกับเม่นที่อารมณ์ไม่ดีตัวหนึ่งฉู่เชียนหลีไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเขา คิดเสียว่าเป็นการผูกมิตรแม้จ้านหู่เป็นคนของฮองเฮาซีอวี้ แต่ในใจยังมีความอ่อนโยนอยู่ หวังว่ากันผูกมิตรนี้ของนาง วันข้างหน้าจะสามารถช่วยจิ่งอี้กลับห้องอารมณ์ของอวิ๋นอิงสงบลงมากแล้วฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่ขอบเตียง “ร่างกายของเจ้ารับปัญหาอะไรไม่ไหวแล้ว ต่อจากนี้สามเดือน เจ้าพักฟื้นเถอะ”พักฟื้นหลังคลอดหนึ่งร้อยวันอวิ๋นอิงไม่สนใจเรื่องนี้ นางกอดลูกที่ได้คืนมาหลังจากสูญเสียไว้แน่น เบ้าตาแดงก่ำ“พระชายา ขอบคุณมาก!”“ขอบคุณที่ท่านช่วยเอาลูกสาวของข้ากลับคืนมา!”ตื้นตันจนน้ำตาไหลฉู่เชียนหลีเช็ดน้ำตาให้นาง “ยายโง่ ระหว่างเจ้ากับข้าต้องใช้คำพูดเช่นนี้ด้วยหรือ? ครึ่งปีที่ข้าไม่อยู่ เจ้าช่วยค่าดูแลเว่ยซีกับลู่ฉิน คนที่ควรพูดขอบคุณคือข้า”“ระหว่างพักฟื้น ห้ามร้องไห้เด็ดขาด และห้ามนั่งนาน ระหว่างทิ้งต้นตอของโรคไว้”“อืม!”อวิ๋นอิงกอดลูกไว้แน่น พยักหน้าแรงๆฉู่เชียนหลีมองเด็กที่นอนหลับสนิทในผ้าห่อทารกตัวน้อยๆ หนังเหี่ยวย่น แก้มแดง ท่าทางคล้ายจิ่งอี้ คิ้วบางเหมือนอวิ๋นอิง และยังมีกลีบริม
ความเจ็บปวดจากการสูญเสีย ความสุขจากการได้คืนมา ความรู้สึกสองแบบที่ต่างกันสุดขั้วนี้ นางไม่อยากรู้สึกอีกถ้าหากต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้อีกครั้ง นางตายแน่!“พระชายา เด็กคนนี้คือชีวิตของข้า ข้าไม่ยอมให้ใครมาแย่งนางไป! ข้าจะปกป้องนางด้วยชีวิต!”ฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ตรงขอบเตียง กล่าวปลอบใจ“ข้ารู้”เด็กทุกคนล้วนเป็นจุดอ่อนของมารดา“ไม่มีใครสามารถแย่งลูกของเจ้าไปได้”“แต่ว่า อวิ๋นอิง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับจิ่งอี้ เจ้าเข้าใจเขาผิดแล้ว” นางเงยหน้า ส่งสัญญาณให้ข้างนอกทหารสองคนคุมตัวจ้านหู่เข้ามาจ้านหู่กล่าว“ช่วงเช้าของวันนี้ ข้าเป็นคนแย่งเด็กในโรงหมอเอง”“ข้าคิดว่าเจ้าคลอดลูกชาย กลัวมีปัญหามากมายตามมา ก็เลยเข้าไปแย่งเด็ก ใครจะรู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิง ในเมื่อเป็นเด็กผู้หญิง เช่นนั้นก็จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อฮองเฮา”ดังนั้นเขาก็เลยคืนเด็กแล้วอวิ๋นอิงรู้จักจ้านหู่ เขาคือคนที่บีบบังคับให้จิ่งอี้ดื่มยาพิษ แต่หลายวันนี้นางต้องผ่านเหตุการณ์มากมาย เดิมทีสภาพจิตใจก็อ่อนแออยู่แล้ว จึงได้สร้างแนวป้องกันขึ้นในใจนางต้องการแค่ลูกสาว!ใครพูดนางก็ไม่อยากฟัง!และไม่เชื่อใครด้วย!กอดลูกสาวแน่น ปก
ปัง!ประตูถูกกระแทกจนเปิดออก ร่างกายจวินลั่วยวนหมุนกลางอากาศหนึ่งรอบ รอยกระเด็นออกไป ล้มหน้าคว่ำลงพื้น รู้สึกมึนงงไปหมดผ่านไปห้าวินาทีเต็มๆ จึงจะตั้งสติได้นาง…โดนตบ?“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“เหตุใดองค์หญิงหนานยวนลอยออกมาจากห้องท่านอ๋อง…”“ดูเหมือนใครบางคนไม่รู้จักเจียมตัว…”นอกเรือน เมื่อทหารที่เฝ้ายามและคนรับใช้เห็นภาพนี้ เริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ คำพูดบางประโยคลอยเข้าหูของจวินลั่วยวน ทำให้สีหน้าของนางเดี๋ยวซีด เดี๋ยวดำ เดี๋ยวม่วง ดูน่าเกลียดมากเงยหน้าแก้มแสบร้อนใช้มือลูบเบาๆมีเลือด…“หน้าของข้า!”ใบหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนาง!จวินลั่วยวนโกรธแล้ว “อ๋องเฉิน! ท่านกล้าทำร้ายข้า หรือท่านไม่อยากให้แคว้นหนานยวนสนับสนุนท่าน? ฮ่องเต้หลีเริ่มใกล้ชิดกับแคว้นซีอวี้แล้ว ถ้าหากท่านไม่ได้รับการสนับสนุนจากแคว้นหนานยวนของเรา ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮ่องเต้หลี!”มาถึงขั้นนี้แล้ว เขายังไม่รู้ตัวอีกหรือ?เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้าทำร้ายนาง?เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่บนบันไดขั้นที่สาม ก้มมองนางที่แยกเขี้ยวยิงฟัน หัวเราะอย่างเย็นชา“วันนี้ได้เห็น แคว้นหนานยวนไม่ได้มีค่า
ไม่นาน น้ำอุ่นก็มา ตอนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำ ไม่ชอบให้คนมาปรนนิบัติ หลังจากคนรับใช้เตรียมเสื้อผ้าและยาเสร็จ ก็ถอยออกไปหมดแล้วภายในห้องหลังฉากบังลมไอน้ำร้อนพวยพุ่ง อบอวลกลางอากาศ หลังจากเสียงน้ำดังขึ้น เงาจางๆ ของเฟิงเย่เสวียนสะท้อนลงบนฉากบังลมคลุมเครือ มองเห็นไม่ชัดแต่เงาด้านข้างนั่น เค้าโครงนั่น แม้แต่ตรงตำแหน่งลูกกระเดือกที่นูนขึ้น ก็สะท้อนออกมา ทำให้เห็นแล้วต้องกลืนน้ำลาย จินตนาการไม่รู้จบ เลือดในกายพลุ่งพล่านจวินลั่วยวนมองเห็นอย่างชัดเจนจากช่องว่างของประตูคอแห้ง กลืนน้ำลาย…จริงนะนางชอบผู้ชายคนนี้มาก ชอบอย่างที่ไม่เคยชอบมาก่อนหลายปีมานี้ คนที่ไปสู่ขอถึงวังหลวง ธรณีประตูแทบถูกเหยียบจนพัง นางเคยเห็นผู้ชายมามากมาย ชนชั้นสูง เชื้อพระวงศ์ เศรษฐีรู้จักคนมากมาย กลับมีเพียงตอนที่เจออ๋องเฉิน หัวใจปั่นป่วนนางจำได้ตลอด ตอนที่เจอกันครั้งแรก อ๋องเฉินจับมือของนาง มองฐานะของนางออกในปราดเดียว เขาพูดว่า‘การปรากฏตัวขององค์หญิงช่างพิเศษจริงๆ’หวั่นไหวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซ่า…เสียงน้ำหลังฉากบังลม เหมือนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำเสร็จแล้ว แขนข้างหนึ่งที่มีหยดน้ำติดยื่นออกมาหยิบเสื้
“ไม่รู้ว่าเจ้ากำลังหาใคร? ข้าเดินทางมาเจียงหนาน พาคนมาด้วยไม่น้อย ไม่แน่อาจสามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง”ฉู่เชียนหลีลังเลเล็กน้อยผู้มาเยือนคือแขก ยังไปรบกวนคนอื่นอีก รู้สึกเกรงใจจริงๆฮองเฮาหนานยวนเหมือนมองความคิดนางออก พลันยิ้มอย่างอ่อนโยน“พระชายาอ๋องเฉิน แคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉินมีความสัมพันธ์ทางการร่วมมือ เจ้าไม่ต้องเกรงใจ”“เห็นเจ้าใช้คนมากมายเช่นนี้ แถมยังปิดเมือง คนผู้นี้น่าจะสำคัญมากกระมัง ไม่ต้องลังเลแล้ว ทุกเวลามีค่า อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสหนี”มันก็จริงตามหาคนสำคัญกว่าฉู่เชียนหลีก็ไม่ลังเลอีก กล่าวตรงๆ “เป็นเด็กทารกที่เพิ่งคลอด เป็นลูกสาวของสาวใช้ข้า…”หลังจากฮองเฮาหนานยวนเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ ก็สั่งให้คนของตัวเองไปช่วยอีกแรงทันทีขณะเดียวกัน ก็เหลือบมองพระชายาอ๋องเฉินท่านนี้อีกหลายครั้งนางดีกับคนรับใช้เช่นนี้มาโดยตลอด?เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง นางสามารถทำถึงขั้นปิดเมืองเลยมองออกได้ไม่ยากว่านางเป็นคนให้ความสำคัญกับมิตรภาพ ใครก็ตามที่อยู่ในสายตาของนาง ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น คนเช่นนี้ทำให้คนไว้ใจได้ง่าย ทำให้คนอยากเข้าหา อยากทำความรู้จักสมัยนี้ คนที่มีตำแหน่งมีอ