“ช่วยด้วย!”สองหนุ่มสาวประคองชายวัยกลางคนที่ผิวหนังแดงก่ำ หมดสติวิ่งเข้ามา “พระชายาอ๋องเฉิน ท่านพ่อของข้าใกล้จะไม่ไหวแล้ว ขอร้องท่านช่วยเขาด้วย!”พวกเขาร้อนใจจนเบ้าตาแดงก่ำ น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงลงมาทันทีที่วิ่งเข้ามาถึง ยังไม่ทันทรงตัวได้ ชายวัยกลางคนก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง มือทั้งสองข้างกางออก แขนขาทั้งสี่ชี้ฟ้า ตาเหลือกทั้งสองข้าง สิ้นสติไปแล้วฉู่เชียนหลีรีบวางสิ่งของในมือ กำลังจะก้าวเข้าไปหา“คุณหนู!” จิ่งอี้รีบห้ามเอาไว้อาการของคนผู้นี้รุนแรงมาก ถ้าหากเข้าไปใกล้ละก็ มีความเป็นไปได้ที่อาจจะติดเชื้อ“วางใจ ข้ารู้ตัวเองดี การช่วยคนสำคัญกว่า!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีจุ่มลงไปในน้ำ ใช้น้ำอ้ายเฉ่าพรมบนตัวเพื่อฆ่าเชื้อ แล้วค่อยใช้น้ำพรมลงบนผิวหนัง หลังจากทำมาตรการป้องกันเรียบร้อยแล้ว ถึงได้สาวเท้าเข้าไป จับที่ชีพจรของชายวัยกลางคนคนนั้นชีพจรอ่อนแอ จนสัมผัสไม่ได้แล้ว...นางตกตะลึงไปเล็กน้อยค่อย ๆ เงยหน้า มองเข้าไปในดวงตาที่ว่างเปล่าของชายวัยกลางคน...ไม่มีราศี มืดสลัวราวกับขี้เถ้าเขาตายแล้ว...ฉู่เชียนหลีวางมือที่แข็งทื่อลงเล็กน้อย สองหนุ่มสาวเหมือนกับสังเกตเห็นอะไรบ
ฉู่เชียนหลีสีหน้าอึมครึม เปิดจดหมาย ตอนที่ได้เห็นเนื้อหาด้านใน สีหน้าก็อึมครึมยิ่งกว่าเดิม“ในจดหมายเขียนว่าอะไร?” จิ่งอี้เดินเข้ามาใกล้ กล่าวถามฉู่เชียนหลีจ้องมองเนื้อหาในจดหมายครั้งแล้วครั้งเล่า หยิบกริชที่เปื้อนเลือดเล่มนั้นขึ้นมาบนกริช คราบเลือดได้แห้งกรังไปแล้วความลึกประมาณแปดเซนติเมตร...นางสีหน้าหนักใจ เม้มปากแน่น “เลือดนี้...เป็นของหลิงเชียนอี้”“อะไรนะ?!”ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกไป จิ่งอี้กับรองแม่ทัพเจียงก็ตกใจมาก“แต่จดหมายนี้กลับใช้นามแฝง” ฉู่เชียนหลียกจดหมายที่อยู่ในมือขึ้น “ในจดหมายเขียนว่า ห้ามให้ข้ายุ่งกับเรื่องของเมืองตงหนิง อีกทั้งจะต้องออกจากเมืองตงหนิง ก่อนฟ้าสาง ไม่อย่างนั้นก็จะเอาชีวิตของหลิงเชียนอี้”กริชที่เปื้อนเลือดเล่มนี้ ส่งมาเพื่อข่มขู่หลิงเชียนอี้ได้รับบาดเจ็บแล้วแต่เขาอยู่กับรัชทายาทไม่ใช่หรอกหรือ?รองแม่ทัพเจียงสีหน้าประหลาดใจ กล่าว “พระชายา เมื่อสองชั่วยามก่อน ข้ากับท่านอ๋องไปหารัชทายาท รัชทายาทกลับกล่าวว่าท่านโหวน้อยหนีไปแล้ว เขาเองก็กำลังส่งคนไปตามหาอยู่เช่นกัน ไม่รู้ว่าหนีไปที่ใดแล้ว”แปลกประหลาดหลิงเชียนอี้ไปหารัชทายาท ถูกรัชทายา
ฉู่เชียนหลีพูดจบ หันหลังกลับเดินไปทางโรงหมอ“จิ่งอี้ มาช่วยข้า รองแม่ทัพเจียง ท่านเรียกชาวบ้านที่อาการป่วยรุนแรงในเมืองทั้งหมดมาทดลองยาที่โรงหมอ!!”“หา?”ตอนนี้งั้นหรือ?รองแม่ทัพเจียงเงยหน้า มองสีท้องฟ้าท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ใกล้จะยามสอง[footnoteRef:1]แล้ว เวลานี้บรรดาชาวบ้านกำลังนอนหลับ ต้องปลุกพวกเขาให้ลุกจากเตียง? [1: ยามสอง หมายถึง ช่วงเวลาสามทุ่มถึงห้าทุ่ม] ช้าก่อน!จากสถานการณ์ตอนนี้ ไม่ใช่ว่าควรรีบไปช่วยท่านโหวน้อยออกมาหรอกหรือ?พระชายาจะทอดทิ้งไม่ไยดีท่านโหวน้อยจริงหรือ?เฮ้อ!รองแม่ทัพเจียงรู้สึกสับสน ทางไหนก็ยุ่งไปหมด จำต้องฟังการจัดการของพระชายา ไปเคาะประตูทีละบ้าน เพื่อเรียกคนยามราตรีอันมืดมิดยามสาม[footnoteRef:2] ลมหนาวเย็นยะเยือก [2: ยามสาม หมายถึง ช่วงเวลาห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง] ชาวนับร้อยเบียดเสียดกันอยู่ในโรงหมอ พวกเขาคลุมเสื้อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนเพลีย ทั้งไอ ทั้งหอบ ใบหน้าแต่ละคนซีดเซียวอ่อนแออย่างเห็นได้ชัดฉู่เชียนหลียืนอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน ชี้ไปยังสมุนไพรนับร้อยชนิดที่วางอยู่บนโต๊ะ จ้องมองบรรดาชาวบ้าน กล่าวเสียงดังจริงจัง“คืนนี้ ที่เรียกพวกเ
ด้านนอกค่ายทหารตลอดทั้งคืนนี้ คนที่ไม่ได้นอนทั้งคืนไม่ใช่ฉู่เชียนหลี?ภายในกระโจม แสงเทียนสว่างจ้า บนโต๊ะวางเต็มไปด้วยสมุนไพรนานาชนิด อูหนูแห่งเหมียวเจียงกำลังจัดวางสมุนไพรอย่างชำนาญ เริ่มศึกษายาถอนพิษเฟิงเจิ้งอวี้ยืนอยู่ที่ทางเข้ากระโจม มือทั้งสองข้างไพล่หลัง จ้องมองยามราตรีที่มืดมิด จ้องมองไปยังเมืองตงหนิงที่อยู่ไกลออกไปสองลี้เมืองที่ใหญ่ขนาดนี้ หัวเมืองที่มีประชากรนับแสน แต่กลับเงียบเหงาราวกับนรกทุกคนติดโรค ช่างน่าสิ้นหวังจริง ๆ“เร่งมือหน่อย ฟ้าใกล้สว่างแล้ว ข้าต้องได้ยาถอนพิษ” เขาออกคำสั่งโดยที่ไม่แม้แต่หันหน้า น้ำเสียงที่อึมครึมเย็นยะเยือกเหมือนกับยามราตรีอูหนูพยักหน้า “เจ้าค่ะ”ในเวลานี้ ด้านนอก มีองครักษ์นายหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว“รายงาน…เรียนองค์ชาย อ๋องเฉินมาแล้ว!”เฟิงเจิ้งอวี้เลิกคิ้ว “หือ?”ยามสาม?มาหาเขา?อูหนูเป็นผู้หญิงฉลาดที่สายตาเฉียบแหลมมาก มือเรียวลากผ้าม่าน บดบังโต๊ะทดลองของตนเองเอาไว้ นางซ่อนตัวอยู่หลังฉากบังลมเฟิงเจิ้งอวี้กลับไปนั่งประจำที่ ทันทีที่นั่งลง ก็เห็นเงาดำเดินเข้ามาในกระโจม พร้อมกับความเหน็บหนาวยามค่ำคืนสายตาแหลมคมราวกับเหยี
“เรื่องปราบโจรเมื่อสองเดือนก่อน ท่านสมคบคิดกับโจรภูเขา สั่งให้คนวางเพลิงเผาภูเขา ข้ารอดตายมาได้หนึ่งครั้ง”เฟิงเย่เสวียนเพียงแค่จ้องมองเขาเงียบ ๆ “เพียงแค่สองเรื่องใหญ่นี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นลอบฆ่า วางยาพิษ วางแผนลอบทำร้ายอีกนับครั้งไม่ถ้วน”ตลอดหลายปีมานี้ เขาลืมตาข้างหนึ่ง หลับตาข้างหนึ่ง ปล่อยผ่านไปเฟิงเจิ้งอวี้หันหน้า “อะไร? อะไรนะ?”เขาทำเหมือนกับว่าได้ยินไม่ชัด“แผนการทหารอะไร? โจรภูเขาอะไร? รองแม่ทัพโหวไม่ใช่คนของเจ้าหรอกหรือ? เหตุใดจึงหักหลังเจ้า? เจ้าไปปราบโจรภูเขาเป็นคำสั่งของเสด็จพ่อ เหตุใดจึงถูกลอบทำร้ายละ? ลอบฆ่าวางยาพิษอะไรกัน?”“เจ้าโดนทำร้ายงั้นหรือ?”“เจ้าโดนวางยาพิษงั้นหรือ?”เขาถามคำถามยาวเป็นพรวน ท่าทางที่งุนงงราวกับถูกใครบางคนเอาอะไรมาคลุมหัวไว้ ไม่เข้าใจอะไร ไม่เห็นอะไร ไม่รู้อะไรสักอย่าง หานเฟิงเห็นแล้ว เกิดเพลิงโทสะอัดอั้น!เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของรัชทายาท รัชทายาทกลับเสแสร้งได้อย่างไร้เดียงสามาก ฝีมือการแสดงดีกว่านางโลมในหอเสียอีก!ตาทั้งสี่ข้างจ้องมองกัน!สายตาของเฟิงเย่เสวียนกับเฟิงเจิ้งอวี้ปะทะกันที่กลางอากาศ ค
เสียงใสของหญิงสาวดังขึ้น ราวกับค้อน ที่ทุบลงไปบนหัวใจของทุกคน ทำให้บรรดาชาวบ้านตกตะลึง แต่ละคนเบิกตากว้าง จ้องมองหญิงสาวอย่างไม่ขยับ เกรงว่าจะหูฝาดไม่ได้หูฝาด!เป็นเรื่องจริง!ตามหาเจอแล้ว!หลังจากศึกษาสูตรยามากกว่าสามร้อยชนิด ในที่สุดก็ตามหาสมุนไพรที่ถูกต้องเจอแล้วฉู่เชียนหลีพุ่งตัวมาที่ด้านหน้าโต๊ะอย่างตื่นเต้น หยิบสูตรยาแผ่นบาง ๆขึ้นมา “หาเจอแล้ว! จิ่งอี้ ตามหาเจอแล้วจริง ๆ! ทุกคนมีทางรอดแล้ว!”“แจกสมุนไพรให้แก่พวกชาวบ้านตามจำนวนบนสูตรยาแผ่นนี้ นำไปต้มแล้วดื่ม ก็จะสามารถขจัดโรคได้! คนที่อาการรุนแรง ก็ให้กินเพิ่มอีกสองวัน อีกอย่าง อ้ายเฉ่าฆ่าเชื้ออย่าหยุด จนกว่าโรคระบาดจะหายขาด!”ทันทีที่น้ำเสียงตื่นเต้นจบลง ลอยเข้าหูของทุกคนอย่างชัดเจน ทำให้พวกเขาตกใจอย่างรุนแรงมีทางรอดแล้ว...เรื่องจริง...เป็นเรื่องจริง!“พวกเราจะไม่ตาย...”“พวกเรามีชีวิตรอดต่อไปแล้วจริง ๆ หรือ...”ฉู่เชียนหลีไม่สามารถระงับความตื่นเต้นได้ เงยหน้ามองไปทางด้านนอกหน้าต่าง ฟ้าเพิ่งจะสว่าง จึงกล่าว“รองแม่ทัพเจียง เก็บของให้เรียบร้อย โรงหมอเป้าฟู่อยู่ช่วยคนที่นี่ พวกเรารีบกลับเมืองหลวง!”รองแม่ทัพเจีย
เมื่อคำถามนี้ออกไป ทำให้หัวใจของทุกคนหนักอึ้งเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน พระชายาทานยาทันที แต่กลับหมดสติไม่ฟื้น แต่ภายในหนึ่งชั่วยามนี้ ชาวบ้านมากมายกินยาไปแล้ว ก็ทยอยดีขึ้นแล้วแต่พระชายาไม่เพียงไม่ฟื้น ยังไข้สูงไม่ลดเลยอีกด้วย สติสัมปชัญญะไม่ชัดเจน เหมือนกับ...รุนแรงกว่าเดิม?แต่เป็นไปได้อย่างไร?นี่คือยาถอนพิษที่พระชายาศึกษามาเองกับมือ บรรดาชาวบ้านต่างก็ดีขึ้นแล้ว เหตุใดพระชายาจึงไม่ดีขึ้นนะ?หรือว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง?รองแม่ทัพเจียงครุ่นคิดดูครู่หนึ่ง กล่าวแนะนำเสียงเบา “เถ้าแก่จิ่ง สมุนไพรขาดไปหรือไม่? ต้มให้พระชายาลองกินดูอีกสักชาม?”ตัวตนก่อนหน้าที่มาเมืองตงหนิงของจิ่งอี้คือเถ้าแก่ของโรงหมอเป้าฟู่ มาเพื่อวินิจฉัยโรค ช่วยคนโดยไม่เก็บเงินตอนนี้ไม่มีคนรู้ความเกี่ยวข้องของฉู่เชียนหลีกับโรงหมอเป้าฟู่ แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าฉู่เชียนหลีมีสำนักอู๋จี๋อยู่ในมือจิ่งอี้ขมวดคิ้ว ส่ายหน้า“เป็นยาสามส่วนของพิษ ภายในสี่ชั่วยาม กินมากไม่ได้”ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วยามแล้ว ต้องรอหลังจากสามชั่วยาม ถึงจะกินได้อีกครั้งรองแม่ทัพเจียงร้อนใจ “เช่นนั้นจะทำอย่างไร! ทุกคนกินยาต่างก็ดีขึ้นแล้ว ก็ม
“น้าสะใภ้ของข้าเป็นอะไรหรือ?”หลิงเชียนอี้เพิ่งหนีกลับมา ยังคงงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้ารองแม่ทัพเจียงจ้องมองท่าทางที่สลบไสลไม่ได้สติของหญิงสาว รู้สึกไม่สบายใจ จึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสองวันมานี้คร่าว ๆ หลังจากพูดจบ กล่าวถาม“ท่านโหวน้อย ท่านกลับมาได้อย่างไร?”“ข้า?” หลิงเชียนอี้กุมต้นขาที่ได้รับบาดเจ็บ กล่าว “เดิมทีเมื่อวานนี้ข้าไปหารัชทายาท แต่กลับถูกรัชทายาทรั้งตัวเอาไว้ ต่อมาตอนกลางดึก ตอนที่ข้ากำลังหลับอยู่ จู่ ๆ ก็มีกระสอบมาคลุมหัวข้า แล้วก็ถูกลักพาตัวไป”“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนลักพาตัวข้า มองไม่เห็นอะไรเลย ยังถูกแทงอีกแผล แม่เอ๊ย! เจ็บจะตายชัก!”โชคดีที่เขามีไหวพริบ อาศัยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ อดทนมาได้หลายชั่วยามแล้ว ในที่สุดก็ฝนเชือกจนขาด แล้วหนีกลับมาได้ถ้าหากรู้ว่าใครเป็นคนลักพาตัวเขา เขาจะต้องจับตัวคนนั้น แล้วแทงที่ต้นขามันสักยี่สิบสามสิบที!พูดจบ เขารีบสอบถามสถานการณ์ของฉู่เชียนหลีอย่างเป็นห่วง“ในระหว่างทางที่ข้ากลับมา ได้ยินว่าเจอยารักษาโรคแล้ว? นางกินยาแล้วหรือไม่? เหตุใดนางจึงยังไม่ฟื้น? เหตุใดใบหน้าของนางจึงแดงขนาดนี้?”คำถามที่ยาวเป็นพรวน