เขาแค่อยากกอดนาง อยู่กับนาง ใช้การกระทำของตนเอง เดินเข้าไปในใจนางทีละนิดขอแค่นางไม่พยักหน้า เขาก็จะไม่แตะต้องนางต่อให้นางขมวดคิ้วหนึ่งที เม้มปากหนึ่งครั้ง เขาก็จะเคารพนางอย่างเต็มที่วินาทีนี้ เฟิงเย่เสวียนอ่อนโยน มีความอดทน นิสัยดีมาก เหมือนกับยอดภูเขาน้ำแข็งที่ละลาย ความอ่อนโยนทั้งหมดมอบให้ฉู่เชียนหลีเพียงผู้เดียวภายในห้องที่มืดสลัว สองคนนอนหนึ่งเตียง เห็นได้ชัดว่าแออัดร่างกายของทั้งคู่ใกล้กันมาก และแนบติดกันแน่น ฝ่ามือของเขาวางอยู่บนเอวนาง สองมือของนางประหม่าเล็กน้อยไม่มีที่วางลมหายใจอุ่นๆ พ่นใส่หน้าอีกฝ่ายอุ่นร้อน…ทันใดนั้น ฉู่เชียนหลีรู้สึกร้อน อุณหภูมิบนแก้มพุ่งขึ้นสูง เหมือนกับนึ่งสุกแล้ว และยิ่งพลิกตัวอย่างอึดอัด“เวลา…เวลาข้านอนตอนกลางคืน โดยทั่วไปชอบนอนตะแคงซ้าย…”นางรีบหันหลังให้เฟิงเย่เสวียน ดึงผ้าห่มให้ต่ำลง ยื่นใบหน้าออกนอกผ้าห่ม ตากลมเย็นเพื่อคลายร้อนเหตุใดนางจึงพูดติดอ่าง?เวลานี้แม้แต่นางก็ไม่รู้สึกถึงความประหม่าของตนเองแต่วินาทีต่อมา ร่างกายของเฟิงเย่เสวียนแนบเข้ามา โอบกอดนางจากข้างหลังท่านี้ยิ่งใกล้ชิด!แขนยาวทั้งสองข้างกอดร่างเล็กๆ ของนางไว้
ที่แท้การยกนิ้วกลางก็หมายถึงการชื่นชมนี่เอง!หานเฟิงส่ายหน้าอย่างเขินอายเล็กน้อย “ได้รับการยอมรับจากนายท่าน เป็นคุณค่าสูงสุดในการดำรงอยู่ของข้าน้อย!”นับตั้งแต่ติดตามนายท่านมาหลายปี นายท่านเป็นคนเงียบขรึม สีหน้าเฉยชา น้อยมากที่จะกล่าวชื่นชมเขินอายยิ่ง~ไม่ว่าจะเป็นการจับท่านแม่ทัพใหญ่ของฝ่ายศัตรูมาเป็นเชลย ไม่ว่าจะเป็นได้รับชัยชนะจากการศึก ก็สีหน้าเรียบเฉยมาโดยตลอดฉู่เชียนหลีที่จ้องมองฉากนี้อยู่ไกลๆ “...”ราวกับว่านางไม่ควรสอนอะไรมั่วซั่ว...หานเฟิงถอยออกไป เฟิงเย่เสวียนก็ไปจัดการงานราชการ ฉู่เชียนหลีดื่มโจ๊กง่าย ๆ หนึ่งถ้วย แล้วจึงตามออกไปในศาลบรรดาชาวบ้านที่ร้องทุกข์มีประมาณสามสิบกว่าคน ยังมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่ยืนมุงดูอยู่ด้านนอกศาล บรรดาขุนนางที่ยืนตัวตรงแน่วทำให้สถานการณ์ดูน่าตกใจ ด้านบนเก้าอี้สูง เฟิงเย่เสวียนกำลังนั่งตัวตรง จัดการกิจธุระอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยคดีที่ถูกใส่ความ คดีที่ยังค้างอยู่ คดีเก่า...รับเอาไว้ทั้งหมด เพิ่มลงไปในบันทึก แล้วค่อยมอบหมายให้คนไปจัดการทีละเรื่องแม้ว่าคนจะมากมาย แต่ชายหนุ่มรับมือกับสถานการณ์อย่างสุขุม ประสิทธิภาพการทำงานยังสูง
คำพูดประโยคนี้ของเฟิงเย่เสวียนฟังดูดีเหลือเกิน พลางทำภารกิจที่ฝ่าบาททรงมอบหมายให้สำเร็จ ยังพลางพูดว่าทำเพื่อนาง แต่สิ่งที่น่าตลกก็คือคิดไม่ถึงว่านางจะเป็นห่วงเขาจนวิ่งแจ้นไปที่หุบเขาเพื่อตามหาเพียงลำพังน่าตลก!ชาวบ้านกำลังทำงาน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนาง คิดไม่ถึงว่านางจะเป็นฝ่ายเข้าไปร่วมสมทบอย่างหน้าไม่อายก็ไม่รู้ว่าลับหลังนาง ชาวบ้านเขาจะมองนางเป็นตัวตลกขนาดไหนเฮอะ...เขาโกหกได้แนบเนียนจริง ๆ!ฉู่เชียนหลีฉีกริมฝีปากหัวเราะอย่างสมเพช ถอยไปด้านหลังสามก้าว ออกจากฝูงชนหันหลังกลับแล้วก็เดินออกไปด้านนอกจวน“พระชายาอ๋องเฉิน?”เฟิงเจิ้งหลีก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว อยากจะร้องเรียกนาง แต่ในมือกำลังถือสมุด ไม่สามารถปลีกตัวออกไปได้ จึงหยุดชะงักฝีเท้าเหมือนว่าเขาจะสังเกตได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของนางเหมือนว่านางไม่ค่อยดีใจสักเท่าไหร่?หรือว่าเขาพูดอะไรผิดไปหรือ?เมืองเซียงหนานบนท้องถนนตามตรอกซอกซอย ผู้คนพลุกพล่าน คึกคักเป็นอย่างยิ่งบรรดาชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา“ท่านอ๋องเฉินช่างเป็นคนดีเสียจริง อาหวังที่ได้รับความไม่เป็นธรรมมาสิบปีในที่สุดก็ได้
ฉู่เชียนหลีกำลังเดินเล่นอยู่ในเมือง เป็นเวลาสองสามชั่วยาม พลบค่ำถึงกลับทันทีที่ก้าวเท้าเข้าจวนผู้ตรวจการ ก็เจอกับหานเฟิงที่ท่าทีร้อนรน“โอ้โฮ! ย่าน้อยของข้า นี่ท่านไปไหนมา?”ฉู่เชียนหลีสงสัย “มีธุระอะไร?”หานเฟิงตบหน้าขา “นายท่านรอกินอาหารเย็นกับท่าน รอมาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว ก็ไม่เห็นท่านสักที ยังคิดว่าท่านเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วเสียอีก กำลังจะสั่งให้คนออกไปตามอยู่เลย”เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของฉู่เชียนหลีก็เย็นชาขึ้นไม่น้อยยกกระโปรงขึ้น ก้าวข้ามธรณีประตู“อ๋องเฉินมาถึงเมืองเซียงหนานแล้ว ใครจะไม่รู้? ตอนนี้ในเมืองแม้แต่หัวขโมยก็ยังไม่กล้าทำตัวอวดดี ใครจะกล้าแตะต้องข้า?”เมื่อเข้าจวน ก็สะบัดกระโปรง สาวเท้าเดินเข้าไปเหตุใดจู่ ๆ หานเฟิงจึงรู้สึกว่าน้ำเสียงของพระชายา...ถึงได้เหมือนถากถางอยู่หน่อย ๆ?เรือนที่ตกแต่งหรูหราฉู่เชียนหลีเข้าห้องก็เห็นเฟิงเย่เสวียนรีบลุกขึ้นยืน“กลับมาแล้วหรือ!”ชายหนุ่มรีบเดินไปหานาง “ไปไหนมา? เหตุใดจึงไม่บอกข้าก่อนสักคำ ปล่อยให้ข้าเป็นห่วงแทบแย่”เขายื่นมือออกไป ตอนที่กำลังจะจับมือของฉู่เชียนหลี ฉู่เชียนหลีกลับเอี้ยวตัวหลบ หลบออกไปอย่างเงียบ
ตอนกลางคืน ทั้งสองแยกเตียงกันหานเฟิงสืบการเดินทางช่วงกลางวันของพระชายา ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ นี่จึงทำให้เฟิงเย่เสวียนนั่งกลุ้มใจตลอดทั้งคืน คิดเรื่องที่ฉู่เชียนหลีโมโห แต่ก็คิดไม่ออกวันรุ่งขึ้นเช้าตรู่“นายท่าน แย่แล้ว! พระชายา พระชายาขี่ม้าเร็ว กลับ กลับเมืองหลวงแล้ว...”“เจ้าว่าอะไรนะ!”บนเก้าอี้ เฟิงเย่เสวียนลุกขึ้นมาทันทีหานเฟิงรีบรายงาน “เพิ่งไปเมื่อครู่นี้ นางกล่าวว่าการลาดตระเวนทางใต้เป็นพระบัญชาของฝ่าบาท นางอยู่ต่อไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ จึงกลับเมืองหลวง ไม่ว่าข้าน้อยจะรั้งอย่างไรก็รั้งไม่อยู่...”ยังไม่ทันพูดจบ เงาดำก็ปรากฏแวบหนึ่ง ชายหนุ่มก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยฉู่เชียนหลีกลับเมืองหลวงแล้ว ใช้เส้นทางลัด เดิน ๆ หยุด ๆ ตลอดทาง เป็นเวลาสามวันกว่าจะถึงแต่เมื่อกลับถึงเมืองหลวง จ้องมองบรรดาผู้คนที่พลุกพล่าน นางไม่อยากกลับจวนอ๋องเฉิน แล้วก็ไม่อยากกลับจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ ผืนดินกว้างใหญ่ไพศาล แต่กลับหาที่ให้ซุกหัวไม่เจอเดินไป เดินมา สุดท้าย ก็หยุดลงที่ด้านนอกโรงหมอประตูของโรงหมอเปิดอยู่ ด้านในมีคนไข้ห้าหกสิบคน คนของสำนักอู๋จี๋บ้างก็ทายา บ้างก็วินิจฉัยอาการ จิ่งอี้ยืนอยู
น้ำเสียงเย็นยะเยือกดึงดูดความสนใจของทุกคน หันหน้ากลับไปมองโดยไม่ได้นัดหมาย ก็เห็นหญิงสาวรูปโฉมงดงาม สวมชุดสีขาวค่อย ๆ เดินเข้ามาใบหน้านั้น..คิ้วราวกับไต้[footnoteRef:1] ดวงตาราวกับดวงดาว จมูกเชิดเล็กน้อย ริมฝีปากราวกับกลีบดอกท้อ ผิวพรรณที่นวลเนียนละเอียด ท่าทางที่บอบบาง เค้าโครงร่างที่งดงาม ไร้ซึ่งจุดบกพร่อง [1: 'กิ่งต้นหลิว' ที่ผ่านการเผาไหม้ก่อนจะมีการทำผงเขียนคิ้วหรือไต้] งามเหลือเกิน!งามราวกับเดินออกมาจากภาพวาดทุกคนเบิกดวงตากว้าง สายตามองตรงไปที่หญิงสาว จนลืมขยับตอนแรกจิ่งอี้ตกตะลึง จากนั้น ดวงตาสองประกายแวววาวลึกซึ้งสำนักอู๋จี๋ทุกคนต่างตกอยู่ในความตกตะลึงที่แท้ คุณหนูที่ไม่มีปานบนใบหน้า ไม่คิดว่ารูปโฉมที่แท้จริงของนางจะงดงามถึงเพียงนี้ งามเสียจนทำให้สตรีทุกนางรู้สึกละอายใจอีกฝ่ายรีบร้อนหยิบเงิน กลับไม่ได้มีเวลาชื่นชมความงามของหญิงสาว ในทางกลับกันยังมีความริษยาอีกด้วย“เจ้าเป็นใคร!”นางจะเอาเงิน เกี่ยวอะไรกับหญิงสาวด้วย?ฉู่เชียนหลีเดินเข้ามาอย่างไม่รีบไม่ร้อน เดินอ้อมหญิงสาวสองสามีภรรยาไป สำรวจทั้งสองคนอย่างไม่ตั้งใจฝีเท้าที่อ่อนช้อยหยุดลงยืนอยู่ด้านหลัง
หากเรื่องไปถึงทางการ พวกเขาสองผัวเมียจะต้องถูกจับ ต้องเข้าคุกแน่ ก็คือคนชั้นต่ำของหมู่บ้าน คงจะไม่มีหน้ามีชีวิตอยู่ต่อไปนางไม่กล้าเอะอะโวยวายอีก แล้วก็ไม่มีมาดอันโอหังแบบก่อนหน้านี้แล้ว คุกเข่าลงไปบนพื้นร้องไห้อย่างโศกเศร้ากล่าว“แม่นาง ข้าไม่ได้เจตนาจะทำเช่นนี้ ข้าหมดหนทางแล้ว...ข้าติดหนี้พนันอยู่หนึ่งร้อยตำลึง ถ้าหากไม่คืนวันนี้ตอนเช้าละก็ ก็ ก็จะเอาชีวิตของข้าไปขัดดอก...”หมอบลงบนพื้นร้องห่มร้องไห้ กำปั้นทุบพื้น กล่าวอย่างเสียใจ“ข้าไม่ได้เจตนาจริง ๆ!”ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะถูกบังคับอย่างจนใจ ก็ไม่มีทางใช้วิธีสมเพชเช่นนี้อย่างเด็ดขาดหลังจากพวกชาวบ้านเข้าใจความเป็นมาของเรื่องราวแล้ว ต่างพากันใช้สายตาดูถูก เหยียดหยามมองมานี่มันช่างไร้ยางอายเหลือเกิน!ขู่กรรโชกเอาเงิน หนึ่งร้อยตำลึงไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ ตามกฎหมายแล้ว ต้องเข้าไปอยู่ในคุกถึงสามปี!สองผัวเมียคุกเข่าอยู่บนพื้น ร้องไห้ขอร้องให้ไม่เอาเรื่องจางเฟยโมโหมาก “โตมาจนป่านนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนมาขู่กรรโชกเอาเงินข้าเช่นนี้!”ฉู่เชียนหลีกลับเอ่ยปากขึ้นทันใด“จางเฟย เอาตั๋วเงินให้นาง”จางเฟยตะลึงงัน “?”อีกฝ่ายตะลึงงัน
ฉู่เชียนหลียกมือขึ้น ปิดแก้มเอาไว้ หัวเราะบาง ๆ “รูปโฉมล้วนเป็นสิ่งที่บิดามารดาให้มา สวยก็ดี อัปลักษณ์ก็ช่าง แต่อย่างไรก็ไม่ควรกลายเป็นสิ่งที่ใช้ตัดสินคนคนหนึ่ง”คนคนหนึ่งหน้าตาสวยงาม ก็ชมนาง ชอบนาง เข้าใกล้นางคนหนึ่งอัปลักษณ์ ก็รังแกนาง ลดคุณค่าของนาง เหยียบย่ำนางสายตาที่มองคนไม่ควรมองอย่างผิวเผินเช่นนี้ แทนที่จะมองกันด้วยรูปโฉม สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือจิตวิญญาณที่น่าสนใจ ระดับความรู้ความสามารถของตน ข้อดีในตัวเองจิ่งอี้ได้รับการสั่งสอน “ทุกคนมักกล่าวกันว่าคุณหนูสี่แห่งตระกูลฉู่...”ชื่อเสียฉาวโฉ่พวกนั้นไม่พูดดีกว่า“มีเพียงตอนที่ใกล้ชิดคนคนหนึ่งเท่านั้น จึงจะเข้าใจคนนั้น จิ่งอี้ อย่าได้เข้าใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากปากของคนอื่นอย่างเด็ดขาด” ฉู่เชียนหลีปิดสมุดบัญชีลงเหลือบตาขึ้นมองเขา กล่าวอย่างจริงจัง “เจ้าทำบัญชีได้ดีมาก ข้ามองออกว่า เจ้าเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่น แต่กลับอยู่ภายในโรงหมอเล็ก ๆ แห่งนี้ของข้า ไม่รู้สึกน้อยใจสักนิดเชียวหรือ...”“คุณหนู!”จิ่งอี้สังเกตเห็นว่านางกำลังจะพูดต่อ จึงเอ่ยวาจาตัดบทนางน้ำเสียงแข็งกร้าวและไม่พอใจ“ถ้าหากท่านพูดจาโง่ ๆ อีก ข้า...
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋