ฉู่เชียนหลียกมือขึ้น ปิดแก้มเอาไว้ หัวเราะบาง ๆ “รูปโฉมล้วนเป็นสิ่งที่บิดามารดาให้มา สวยก็ดี อัปลักษณ์ก็ช่าง แต่อย่างไรก็ไม่ควรกลายเป็นสิ่งที่ใช้ตัดสินคนคนหนึ่ง”คนคนหนึ่งหน้าตาสวยงาม ก็ชมนาง ชอบนาง เข้าใกล้นางคนหนึ่งอัปลักษณ์ ก็รังแกนาง ลดคุณค่าของนาง เหยียบย่ำนางสายตาที่มองคนไม่ควรมองอย่างผิวเผินเช่นนี้ แทนที่จะมองกันด้วยรูปโฉม สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือจิตวิญญาณที่น่าสนใจ ระดับความรู้ความสามารถของตน ข้อดีในตัวเองจิ่งอี้ได้รับการสั่งสอน “ทุกคนมักกล่าวกันว่าคุณหนูสี่แห่งตระกูลฉู่...”ชื่อเสียฉาวโฉ่พวกนั้นไม่พูดดีกว่า“มีเพียงตอนที่ใกล้ชิดคนคนหนึ่งเท่านั้น จึงจะเข้าใจคนนั้น จิ่งอี้ อย่าได้เข้าใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากปากของคนอื่นอย่างเด็ดขาด” ฉู่เชียนหลีปิดสมุดบัญชีลงเหลือบตาขึ้นมองเขา กล่าวอย่างจริงจัง “เจ้าทำบัญชีได้ดีมาก ข้ามองออกว่า เจ้าเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่น แต่กลับอยู่ภายในโรงหมอเล็ก ๆ แห่งนี้ของข้า ไม่รู้สึกน้อยใจสักนิดเชียวหรือ...”“คุณหนู!”จิ่งอี้สังเกตเห็นว่านางกำลังจะพูดต่อ จึงเอ่ยวาจาตัดบทนางน้ำเสียงแข็งกร้าวและไม่พอใจ“ถ้าหากท่านพูดจาโง่ ๆ อีก ข้า...
สายตาของเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึม จ้องมองใบหน้างามที่อยู่ตรงหน้าอย่างล้ำลึก กล่าวถามเสียงขรึม“ขอถามแม่นาง พวกเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนใช่หรือไม่?”ลางสังหรณ์ของเขาไม่เคยผิดพลาดต้องเคยเจอกันแน่นอน!ฉู่เชียนหลีหลุบตาลง รีบสะกดความประหลาดใจในดวงตาลงไปอย่างรวดเร็ว จงใจดัดเสียง เอ่ยปากพูด“บุรุษมักจะชวนคุยเช่นนี้ เมื่อเจอสตรีหน้าตางดงาม”ไม่ได้พูดอะไรอีก ก็ก้มหน้าก้มตาเก็บห่อยาเฟิงเย่เสวียนได้ฟังประโยคนี้ ก็เลิกคิ้วเล็กน้อยปฏิเสธไม่ได้ นางงามมากจริง ๆ พูดจาก็เหน็บแนมมากเช่นกัน แต่ว่าตอนนี้เขามีเรื่องเร่งด่วนอยู่ ไม่มีเวลาคุยกับนางต่อรีบเก็บถุงยาทั้งหมดขึ้นมาแล้วคืนให้นาง “ขอถามชื่อของแม่นาง?”ฉู่เชียนหลีคว้าเอาถุงยา ไม่อยากจะพูดกับเขาต่อแม้แต่ประโยคเดียว“เด็กกำพร้า ไม่มีชื่อ!”พูดจบ หันหลังกลับแล้วก็เดินจากไปแหวกฝูงชน เดินไปอย่างรวดเร็วเฟิงเย่เสวียนยืนอยู่กับที่ จ้องมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่ถูกฝูงชนบดบัง จนกระทั่งลับสายตา ถึงได้เรียกคืนสายตาในเวลานี้ บริเวณไม่ไกลนัก หานเฟิงวิ่งเข้ามา“นายท่าน ทหารองครักษ์เงาได้กระจายตัวไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว ทันทีที่พระชายาปรากฏตัว ก็จะ
เป็นร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง ภายในร้านจัดวางไปด้วยผ้าแพรผ้าต่วนมากมาย รวมทั้งเสื้อผ้าที่ตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเรื่องปิดถนน ทุกคนต่างก้าวเข้ามามุงดูฉู่เชียนหลีมุดหัวเข้าไปทันที จากนั้นก็ฉวยหยิบเสื้อผ้าตัวหนึ่งวิ่งขึ้นไปทางชั้นสอง“เสื้อผ้าตัวนี้ ข้าขอซื้อ”เจ้าของร้านอึ้งไปทันที “เอ่อ ท่าน...”ปัง...ยังไม่ทันพูดจบ เงินก้อนหนึ่งก็ถูกโยนลงไปบนโต๊ะ แม้แต่หน้าตาของหญิงสาวก็ยังไม่ทันเห็นชัดเจน หญิงสาวก็หายตัวไปบริเวณหัวมุมของชั้นสองชั้นสอง เป็นห้องส่วนตัวเล็ก ๆ ที่แยกอิสระ เป็นห้องสำหรับพักผ่อนของแขก และลองเสื้อผ้าโดยเฉพาะทันทีที่ขาของฉู่เชียนหลีก้าวเข้าไปในห้องส่วนตัว จากนั้น ก็เห็นทหารองครักษ์เงาวิ่งเจ้ามาในร้านเสื้อผ้า“มีคำสั่งให้ตรวจค้น!”เสียงฝีเท้าที่วุ่นวายวิ่งตรงขึ้นมาที่ชั้นสอง ประตูห้องส่วนตัวแต่ละห้องถูกผลักออกปัง!ทันทีที่หานเฟิงผลักประตูห้องส่วนตัวห้องสุดท้ายออก เงยหน้าไปก็เห็นรูปร่างที่เพรียวบาง นั่งหันหลังให้เขาเงาที่สะท้อนอยู่ภายในใจกระจกสัมฤทธิ์ ก็คือใบหน้าที่คุ้นเคยจนไม่รู้จะคุ้นเคยอย่างไร“พระชายา!”ที่แท้ก็อยู่ที่นี่!ฉู่เชียนหลีหันหน้ากลับมาอย่า
ไม่เคยมีใครกล้าดูถูกเขา และมองข้ามเขาเช่นนี้มาก่อนไม่มีเคยมีใครทำเช่นนี้!“ข้าไม่ได้เรียกท่านให้รีบกลับมาเสียหน่อย ข้าเรียกท่านกลับมางั้นหรือ?” มือทั้งสองข้างฉู่เชียนหลีออกแรงผลักแผ่นอกของเขาออก ถอยหลังได้ก็จะวิ่งหนี“ฉู่เชียนหลี!”เฟิงเย่เสวียนจับหัวไหล่เอาไว้ พยายามกดนางกลับลงไปบนเก้าอี้“ในใจของข้ามีเจ้า ถึงได้เป็นห่วงเจ้า อย่าท้าทายความอดทนของข้า!” เขามองลงต่ำ น้ำเสียงเคร่งขรึมมาก ราวกับว่าเพียงแค่ฉู่เชียนหลีพูดอีกแม้แต่ประโยคเดียว เขาก็จะระเบิดอารมณ์ฉู่เชียนหลีราวกับได้ยินเรื่องตลกอะไรในใจของเขามีนาง?นอกจากตัวนางเองแล้ว ก็ไม่เชื่อใครหน้าไหนทั้งนั้นไม่ว่าเขาจะรักนางก็ดี จะวางแผนร้ายต่อนางก็ดี เธอไม่สนใจ มองทุกอย่างออกหมดแล้ว“ข้าเพียงแค่ทำเรื่องที่อยากทำเท่านั้นเอง ท่านจะมาโมโหใส่ข้าทำไม? หรือว่าข้าเดินกี่ก้าว กินข้าวกี่คำ ทำอะไร ดูอะไร หายใจกี่ครั้ง ต้องรายงานให้ท่านทราบทุกอย่าง?”“ข้ากำลังพูดถึงเรื่องที่เจ้ากลับมาจากเมืองเซียงหนานตามลำพัง!”อย่าพูดเรื่องที่เหลวไหลพวกนี้“เจ้าไม่แม้แต่จะบอกกล่าวก็กลับมา เจ้าเห็นข้าเป็นอะไร? ไม่รู้ว่าข้าจะเป็นห่วงหรือ?” ชายหนุ่มซั
เฟิงเย่เสวียน “ห้ามพูดคำหยาบ ข้าพูดกับเจ้า จำได้แล้วหรือไม่?”“...”คนที่ทำเรื่องเลวทรามเห็นชัด ๆ ว่าเป็นเขา เขายังมีหน้ามาทำท่าทางสั่งสอนนางอีกประสาท!การหัวเราะครั้งนี้ หัวเราะจนนางลืมความโมโหไปจนหมดสิ้นอันที่จริง เขาได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาทให้ไปเมืองเซียงหนานเพื่อตามหาตัวหมอผีอวี๋เจวี๋ยจื่อ เป็นนางเองที่ทำเกินไป ถึงได้โมโห นางโมโหที่ตัวเองรู้สึกซาบซึ้งใจมากเกินไป เชื่อใจง่ายเกินไปกลับมาหลายวันนี้ นางคิดตกแล้วว่าจะไม่มีทางเชื่อคำใครง่าย ๆ อีกแต่ว่า การกระทำเมื่อครู่นี้ของเขาดูตลกจริง ๆ ฉู่เชียนหลีหัวเราะจนแทบลุกไม่ขึ้น “อยู่ดี ๆ ท่านไปตีคนอื่นทำไม ท่านเป็นบ้าหรือ ถ้าหากหากเป็นองครักษ์คนนั้นละก็ ข้าคงพุ่งเข้าหาท่านแล้วจะ...”“หืม?”เสียงพูดที่ยิ่งเบาลงเรื่อย ๆ สายตาของชายหนุ่มที่หรี่เล็กลงก็ยิ่งอันตรายขึ้นเรื่อย ๆ เสียงคำว่า ‘หืม’ ที่แฝงไปด้วยการตักเตือนออกมาจากลำคอ หางเสียงลากยาว ราวกับกำลังถือดาบเล่มใหญ่ที่ไร้รูปร่างเล่มหนึ่ง วางพาดที่บนลำคอของฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลี “...”ยังข่มขู่นางอีกผู้ชายสารเลว!เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ก่อนหน้านี้ข้าไปร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปร
ผู้ชายเชื่อฟัง รู้ความ ในเวลาเดียวกันก็ลึกซึ้งเสียจนหัวใจของฝ่าบาท ยิ่งรู้สึกละลายใจยิ่งกว่าเดิมวางฎีกาในมือลง ถอนหายใจ เรื่องที่ผ่านไปแล้วเอ่ยอีกก็ไม่มีประโยชน์ เด็กคนนี้เฉลียวฉลาด หวังแค่เพียงในใจของเขาไม่ได้เกลียดเขาจริง ๆ เป็นการเชื่อฟังอย่างแท้จริงฝ่าบาทพุ่งเป้าไปที่เรื่องของการลาดตระเวนทางใต้ ได้ทำข้อสรุป หลังจากชมทั้งสองคน ก็เอ่ยเรื่องที่เป็นห่วงขึ้น“ตามหาตัวหมอผีอวี๋เจวี๋ยจื่อเจอหรือไม่?”เฟิงเย่เสวียนกล่าว “เขาเสียชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เขาไม่พูดให้มากความ เพียงแค่พูดสั้น ๆ ไม่กี่ประโยคเท่านั้นหลังพูดจบ เขาเดินไปที่ข้างกายของฝ่าบาท กระซิบที่ข้างหูไม่กี่ประโยค...ดวงตาของฝ่าบาทเคร่งขรึม ไม่ได้พูดอะไรมาก โบกมือ คนทั้งสองก็ถอยออกไปหลังจากที่เขาจัดการเรื่องการลาดตระเวนทางใต้เรียบร้อย การนั่งเอนหลังพิงพนักอย่างสบายเมื่อครู่ ก็มีเสียงไออู้อี้ดังขึ้น“แค่ก แค่ก ๆ !”“ฝ่าบาท” หัวหน้าขันทีที่รีบยกน้ำชาร้อนถ้วยหนึ่งมาถวาย วางไว้ใกล้มือของฮ่องเต้ แล้วเดินมาที่ด้านหลังเขา ช่วยตบที่แผ่นหลังของเขาเบา ๆ เพื่อผ่อนคลายอาการฝ่าบาทไอติดต่อกันอีกหลายครั้ง ถึงอาการดีขึ้น สีหน้าดูซีดข
จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่วันนี้เป็นวันมงคล สินสอดทองหมั้นของจวนอ๋องหลีส่งมาถึงแล้ว~ถึงแม้ว่าอ๋องหลีจะไม่ได้รับความโปรดปรานตั้งแต่เด็ก แต่ขนาดของสินสอดทองหมั้นถือว่าจัดได้อย่างเคร่งครัด จำนวนเท่ากันกับตอนที่องค์ชายองค์อื่นสมรสบรรดาคนรับใช้กำลังวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา“คนหนึ่งเป็นคุณหนูที่เกิดจากอนุ คนหนึ่งเป็นท่านอ๋องที่ไม่ได้รับความโปรดปราน ทั้งสองคนช่างเหมาะสมกันเสียเหลือเกิน”“ถูกต้อง ข้าสามารถจินตนาการได้เลยว่า หลังจากที่คุณหนูสามแต่งงานออกไป อยู่ด้วยกันกับอ๋องหลี เฝ้าเรือนหลังใหญ่หลังนั้นของจวนอ๋อง อยู่โดดเดี่ยวไปจนแก่”“พรืด...”พวกคนรับใช้แอบหัวเราะ ทันใดนั้น น้ำเสียงเย็นยะเยือกก็ดังลอดเข้ามา“กำลังวิพากษ์วิจารณ์อะไรกันอยู่หรือ!”คนรับใช้พวกนั้นเงยหน้ามองด้วยจิตใต้สำนึก ตกใจจนสั่นเทาไปทั้งตัว แต่ละคนรีบหุบปากสนิท ไม่กล้าพูดมากอีกแม้แต่คำเดียวฉู่เจียวเจียวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าบึ้งตึง กวาดสายตามองทุกคนอย่างเย็นชา“พวกสารเลวเช่นพวกเจ้าชอบนินทาลับหลัง ในเมื่อชอบพูดนัก เช่นนั้นข้าจะให้พวกเจ้าได้พูดเสียจนพอใจ”“ใครก็ได้ ตัดลิ้นของพวกมันทิ้งแล้วเอาไปให้หมากิน!”คนรับใช้ทั้งสี่
ตบไม่ได้หากลงไม้ลงมือไป ถึงเวลา ตอนที่ฝ่าบาทเข้าร่วมงานแต่งงานของอ๋องหลีแล้วทรงทอดพระเนตรเห็นละก็...แต่ถ้าไม่ตบ ความโมโหภายในใจของนางก็ไม่สามารถหายไปได้โมโหจะตายอยู่แล้ว!“คุณหนูสาม พระชายาอ๋องเฉินมาแล้ว ตอนนี้อยู่กับฮูหยินอัน” เวลานี้ เด็กรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามารายงานฉู่เจียวเจียวเลิกคิ้วทีหนึ่ง ยกมือขึ้นอย่างสง่างาม“น้องสาวคนนี้ของข้ากลับมาแล้ว ไปกันเถอะ”สาวใช้ประคองนางพลางเดินออกไป พลางถอนหายใจอย่างไม่ตั้งใจ“เฮ้อ ชีวิตของคนเราช่างไม่แน่นอนเสียจริง พวกเราสองพี่น้องเป็นลูกอนุ แต่กลับได้เป็นถึงพระชายา นี่เกรงว่าจะเป็นเพราะเกิดมาพร้อมกับบุญวาสนา”ฉู่ซวง “!”คำพูดประโยคนี้เห็นได้ชัดว่าพูดให้นางฟัง!หานมู่ซีเป็นผู้ชายที่เธอชอบมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ว่าตอนนี้เขายังไม่ประสบความสำเร็จ แต่เป็นเพราะมีบิดาคอยสนับสนุน ไม่ช้าก็เร็วพี่มู่ซีจะต้องทำให้คนต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ฉู่เจียวเจียวนังแพศยา ยังไม่ทันเป็นพระชายาอ๋องหลี ก็โอ้อวดแสนยานุภาพต่อหน้าของนางเสียแล้วฉู่ซวงหรี่ดวงตา มองภาพเบื้องหลังของฉู่เจียวเจียวที่เดินออกไป สายตาฉายแววความโหดร้ายเป็นอย่างยิ่งออกมาแวบหนึ่งอยากจะให้