ผู้ชายเชื่อฟัง รู้ความ ในเวลาเดียวกันก็ลึกซึ้งเสียจนหัวใจของฝ่าบาท ยิ่งรู้สึกละลายใจยิ่งกว่าเดิมวางฎีกาในมือลง ถอนหายใจ เรื่องที่ผ่านไปแล้วเอ่ยอีกก็ไม่มีประโยชน์ เด็กคนนี้เฉลียวฉลาด หวังแค่เพียงในใจของเขาไม่ได้เกลียดเขาจริง ๆ เป็นการเชื่อฟังอย่างแท้จริงฝ่าบาทพุ่งเป้าไปที่เรื่องของการลาดตระเวนทางใต้ ได้ทำข้อสรุป หลังจากชมทั้งสองคน ก็เอ่ยเรื่องที่เป็นห่วงขึ้น“ตามหาตัวหมอผีอวี๋เจวี๋ยจื่อเจอหรือไม่?”เฟิงเย่เสวียนกล่าว “เขาเสียชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เขาไม่พูดให้มากความ เพียงแค่พูดสั้น ๆ ไม่กี่ประโยคเท่านั้นหลังพูดจบ เขาเดินไปที่ข้างกายของฝ่าบาท กระซิบที่ข้างหูไม่กี่ประโยค...ดวงตาของฝ่าบาทเคร่งขรึม ไม่ได้พูดอะไรมาก โบกมือ คนทั้งสองก็ถอยออกไปหลังจากที่เขาจัดการเรื่องการลาดตระเวนทางใต้เรียบร้อย การนั่งเอนหลังพิงพนักอย่างสบายเมื่อครู่ ก็มีเสียงไออู้อี้ดังขึ้น“แค่ก แค่ก ๆ !”“ฝ่าบาท” หัวหน้าขันทีที่รีบยกน้ำชาร้อนถ้วยหนึ่งมาถวาย วางไว้ใกล้มือของฮ่องเต้ แล้วเดินมาที่ด้านหลังเขา ช่วยตบที่แผ่นหลังของเขาเบา ๆ เพื่อผ่อนคลายอาการฝ่าบาทไอติดต่อกันอีกหลายครั้ง ถึงอาการดีขึ้น สีหน้าดูซีดข
จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่วันนี้เป็นวันมงคล สินสอดทองหมั้นของจวนอ๋องหลีส่งมาถึงแล้ว~ถึงแม้ว่าอ๋องหลีจะไม่ได้รับความโปรดปรานตั้งแต่เด็ก แต่ขนาดของสินสอดทองหมั้นถือว่าจัดได้อย่างเคร่งครัด จำนวนเท่ากันกับตอนที่องค์ชายองค์อื่นสมรสบรรดาคนรับใช้กำลังวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา“คนหนึ่งเป็นคุณหนูที่เกิดจากอนุ คนหนึ่งเป็นท่านอ๋องที่ไม่ได้รับความโปรดปราน ทั้งสองคนช่างเหมาะสมกันเสียเหลือเกิน”“ถูกต้อง ข้าสามารถจินตนาการได้เลยว่า หลังจากที่คุณหนูสามแต่งงานออกไป อยู่ด้วยกันกับอ๋องหลี เฝ้าเรือนหลังใหญ่หลังนั้นของจวนอ๋อง อยู่โดดเดี่ยวไปจนแก่”“พรืด...”พวกคนรับใช้แอบหัวเราะ ทันใดนั้น น้ำเสียงเย็นยะเยือกก็ดังลอดเข้ามา“กำลังวิพากษ์วิจารณ์อะไรกันอยู่หรือ!”คนรับใช้พวกนั้นเงยหน้ามองด้วยจิตใต้สำนึก ตกใจจนสั่นเทาไปทั้งตัว แต่ละคนรีบหุบปากสนิท ไม่กล้าพูดมากอีกแม้แต่คำเดียวฉู่เจียวเจียวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าบึ้งตึง กวาดสายตามองทุกคนอย่างเย็นชา“พวกสารเลวเช่นพวกเจ้าชอบนินทาลับหลัง ในเมื่อชอบพูดนัก เช่นนั้นข้าจะให้พวกเจ้าได้พูดเสียจนพอใจ”“ใครก็ได้ ตัดลิ้นของพวกมันทิ้งแล้วเอาไปให้หมากิน!”คนรับใช้ทั้งสี่
ตบไม่ได้หากลงไม้ลงมือไป ถึงเวลา ตอนที่ฝ่าบาทเข้าร่วมงานแต่งงานของอ๋องหลีแล้วทรงทอดพระเนตรเห็นละก็...แต่ถ้าไม่ตบ ความโมโหภายในใจของนางก็ไม่สามารถหายไปได้โมโหจะตายอยู่แล้ว!“คุณหนูสาม พระชายาอ๋องเฉินมาแล้ว ตอนนี้อยู่กับฮูหยินอัน” เวลานี้ เด็กรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามารายงานฉู่เจียวเจียวเลิกคิ้วทีหนึ่ง ยกมือขึ้นอย่างสง่างาม“น้องสาวคนนี้ของข้ากลับมาแล้ว ไปกันเถอะ”สาวใช้ประคองนางพลางเดินออกไป พลางถอนหายใจอย่างไม่ตั้งใจ“เฮ้อ ชีวิตของคนเราช่างไม่แน่นอนเสียจริง พวกเราสองพี่น้องเป็นลูกอนุ แต่กลับได้เป็นถึงพระชายา นี่เกรงว่าจะเป็นเพราะเกิดมาพร้อมกับบุญวาสนา”ฉู่ซวง “!”คำพูดประโยคนี้เห็นได้ชัดว่าพูดให้นางฟัง!หานมู่ซีเป็นผู้ชายที่เธอชอบมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ว่าตอนนี้เขายังไม่ประสบความสำเร็จ แต่เป็นเพราะมีบิดาคอยสนับสนุน ไม่ช้าก็เร็วพี่มู่ซีจะต้องทำให้คนต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ฉู่เจียวเจียวนังแพศยา ยังไม่ทันเป็นพระชายาอ๋องหลี ก็โอ้อวดแสนยานุภาพต่อหน้าของนางเสียแล้วฉู่ซวงหรี่ดวงตา มองภาพเบื้องหลังของฉู่เจียวเจียวที่เดินออกไป สายตาฉายแววความโหดร้ายเป็นอย่างยิ่งออกมาแวบหนึ่งอยากจะให้
นางอันพูดได้อย่างสมเหตุสมผลฉู่เชียนหลีกลับยิ้ม “ใช่ ท่านแม่พูดถูกต้อง ระหว่างพี่น้องควรจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ปัญหาคือเป็นข้าที่ต้องคอยช่วยเหลือพี่สามตลอด เหมือนว่าพี่สามจะไม่ได้ช่วยเหลืออะไรข้าสักเท่าไหร่เลยกระมัง?”เอ่อ...คำพูดประโยคนี้ทำให้นางอันฉู่เจียวเจียวต่างก็อึ้งไป“ตอนนั้น เดิมทีคนที่ควรจะแต่งงานกับอ๋องเฉินก็คือพี่สาม แต่พี่สามกลับหลอกลวงให้ข้าดื่มน้ำชาที่ใส่ยาลงไป ทำให้ข้ากับอ๋องเฉิน...”ฉู่เจียวเจียวสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเรื่องนี้เป็นฝีมือของนางจริง ๆ ...เนื่องจาก นางรู้ว่าในใจของอ๋องเฉินมีเซียวจือฮว่าเพียงคนเดียวเท่านั้น นางแต่งไปมีแต่จะเป็นแม่ม่ายเท่านั้นนางชื่นชอบอ๋องหลีนางไม่อยากแต่งงานกับอ๋องเฉิน โดดเดี่ยวไปจนตายเพื่อความสุขของตนเอง นางจึงผลักฉู่เชียนหลีออกไป แต่ไฉนจะรู้เลยว่าหลังจากฉู่เชียนหลีที่ไม่มีผู้ใดสนใจมาสามเดือน คิดไม่ถึงว่าจะได้รับความโปรดปรานนางเหลือบตาทันที จับมือของฉู่เชียนหลีอย่างสนิทสนม“โอ๊ย น้องหญิงที่รักของข้า เจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าจะทำร้ายเจ้าได้อย่างไรกันล่ะ? จะต้องเป็นฝีมือของสองพี่น้องฉู่หงหลวนกับฉู่ซวง!”ฉู่หงหลวนก
ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงเย็นเยือก“ข้าได้ช่วยพี่สามไปรอบหนึ่งแล้ว ตอนนี้ พี่สามติดค้างข้าหนึ่งครั้ง เมื่อใดที่พี่สามช่วยข้า ข้าค่อยช่วยพี่สามต่อ”ให้อ๋องหลีไปลาดตระเวนทางใต้กับอ๋องเฉิน นางได้ระมัดระวังอย่างยิ่งแล้วจะให้อ๋องหลีเข้าหกกรมอีก?ทำไม?เมื่อคำพูดประโยคนี้หลุดออกไป คนอื่นจะมองนางเช่นไร? ยังคิดว่านางเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง จะสอดมือเรื่องของผู้สืบทอดราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยานที่จะควบคุมสถานการณ์แต่ว่า นางสามารถใช้ประโยชน์จากความมุ่งหวังให้สำเร็จผลโดยเร็วโดยไม่สนวิธีใดๆสองคนแม่ลูกฉู่เชียนหลีกุมตำหนิบนใบหน้า ค่อย ๆ เหลือบตาตา“ถ้าหาก...ตำหนิบนใบหน้าของข้าสามารถเลือนหายไปได้ละก็ อ๋องเฉินก็จะยิ่งโปรดปรานข้ายิ่งกว่าเดิม ถึงเวลา ข้าก็จะทุ่มเทแรงกายแรงใจช่วยพี่สามมากกว่าเดิม”พูดจบ หันหลังกลับแล้วเดินจากไปแต่ดวงตาของฉู่เจียวเจียวกลับมีความตื่นเต้นพลุ่งพล่านออกมา“ท่านแม่...”กำลังจะอ้าปากพูด นางอันก็ส่งสายตาห้ามปรามนางเอาไว้ฉู่เจียวเจียวสังเกตถึงอะไรบางอย่าง ก็รีบหุบปากทันที มองแผ่นหลังของฉู่เชียนหลีที่พึ่งเดินออกไปจากประตูอย่างระแวงเมื่อหันหลังให้ทั้
อยู่ดี ๆ เซียวจือฮว่าก็เชิญนางไปหา?ใช้หัวแม่โป้งเท้าคิด ก็รู้ว่านั่นจะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอกเสียจากฉู่เชียนหลีจะว่างจนไม่มีงานทำ ถึงจะวิ่งเข้าหาปลายกระบอกปืน จึงปฏิเสธไปโดยไม่ต้องคิด“ข้ายังมีธุระอีก ไม่ไป หากนางมีธุระก็ส่งคนมาแจ้งก็พอ”นางกับเซียวจือฮว่าไม่มีอะไรต้องคุยกันมีอะไรต้องคุย?ศัตรูหัวใจ?แย่งผู้ชาย?เป่าอวี้ตะลึงงันไป “พระชายา...”นับตั้งแต่พระชายารองเซียวเข้ามาที่จวนอ๋องเฉิน มีผู้ใดไม่เคารพ ไม่ประจบสอพลอ ยังไม่เคยมีใครปฏิเสธคำเชิญของพระชายารองเซียวมาก่อน พระชายาเป็นคนแรกแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรมาก พระชายาก็ได้เดินจากไปแล้วเรือนหมิงเยว่เพล้ง!ถ้วยชาถูกปาลงไปบนพื้นอย่างแรง แตกกระจายเต็มพื้น น้ำชาและใบชาสาดกระเซ็นเต็มพื้น มือทั้งสองข้างของเซียวจือฮว่ายันโต๊ะทำงานเอาไว้ โมโหจนถึงขีดสุดนางยังไม่ได้สูญเสียความโปรดปรานเลยนะ!คิดไม่ถึงว่าฉู่เชียนหลีจะหยิ่งยโสขนาดนี้ไม่ได้ท้อง และไม่ได้คลอดลูกให้เลยแม้แต่คนเดียว คิดไม่ถึงว่าจะชูคอขนาดนี้!เรือนข้างภายในเรือนที่สะอาดสดชื่น ใต้ต้นไห่ถัง มีเก้าอี้โยกที่ทำจากไม้หนานตัวหนึ่ง ฉู่เชียนหลีนอนอยู่ด้านบนอย่างเกียจค
ตอนที่เซียวจือฮว่าเดินเข้ามา ก็เห็นร่างของทั้งสองคนใกล้ชิดกัน อยู่ภายในเรือนเล็กตั้งแต่อยู่ไกล ๆ “เจ้ากล้าหลอกข้า!”“ผู้ใดใช้ให้ท่านไม่ลองชิมดูก่อน ยังกินคำโตขนาดนั้น เป็นเพราะท่านละโมบ สมน้ำหน้า”“นี่เป็นเพราะข้าเชื่อใจเจ้า!”“ข้าพูดอะไรท่านก็เชื่อแบบนั้น ถ้าอย่างนั้นข้าพูดว่าท่านเป็นคนโง่...”“ฉู่เชียนหลี!”ส้มเปรี้ยวจนเข็ดฟันถ้าหากไม่ใช่เพราะเห็นว่าฉู่เชียนหลีกินอย่างเอร็ดอร่อย เขาก็คงจะไม่กินคำใหญ่ขนาดนั้น ผู้หญิงยังกินด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยมาก เพื่อหลอกลวงเขาช่างเลวเสียเหลือเกิน!ภาพที่ทั้งสองคนกำลังทะเลาะกันได้สะท้อนเข้าไปในดวงตาของเซียวจือฮว่า ทำให้มือทั้งสองข้างที่เก็บอยู่ภายในแขนเสื้อกำแน่น แน่นขึ้นอีก เล็บจิกบนฝ่ามือลึก จนเลือดไหลออกมา ก็ราวกับว่ายังไม่รู้สึกเจ็บปวดท่านอ๋องไม่เคยโปรดปรานเช่นนี้มาก่อน!สิบปีมานี้ ถึงแม้ว่าท่านอ๋องจะดูแลนาง เข้าข้างนาง แต่กับปฏิบัติต่อนางอย่างเคารพ และมีมารยาท แม้แต่รอยยิ้มก็น้อยมากที่จะเผยให้นางได้เห็นดูสิด้านในศาลา ชายหนุ่มยกมุมริมฝีปากขึ้น กำลังจักจี้ฉู่เชียนหลี ความอ่อนโยนกับรักใคร่นัยน์ตาคู่นั้น คือสิ่งที่นางไม่เคยได้รับมา
ภายในห้องเยว่เอ๋อร์ยืนอยู่หน้าประตู มองออกไปทางด้านนอกอยู่ครู่ใหญ่ เห็นท่านอ๋องกับพระชายารองเซียวออกไปพร้อมกัน ถึงได้ปิดประตูลง สาวเท้าไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง“พระชายา ท่านอ๋องกับพระชายารองเซียวไปแล้ว ท่าน...”นางอ้าปาก ก็หยุดพูด“ท่านไม่ใส่ใจจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”ความดีกับความโปรดปรานที่ท่านอ๋องมีต่อพระชายา นางเห็นทั้งหมด ใต้หล้ามีสตรีนางใดบางที่จะไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแค่ตัวจนถึงขนาดนำสามีของตนมอบให้ผู้อื่นด้วยความเต็มใจ“ใส่ใจอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมองปานอันอัปลักษณ์บนใบหน้าของตนเอง ในกระจก กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“ตอนนั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะข้าโดนวางยา... เฟิงเย่เสวียนก็คงไม่มีทางแต่งงานกับข้า เซียวจือฮว่าจะได้เป็นพระชายาอ๋องเฉิน เป็นสตรีเพียงนางเดียวที่อยู่ข้างกายของเขา เดิมทีก็คือข้าที่พยายามแทรกตัวเข้ามา”ทันทีที่เยว่เอ๋อร์ได้ยินคำพูดประโยคนี้ ก็กระทืบเท้า“พระชายา ใช่เหตุผลนี้เสียที่ไหนกัน? ในความรัก ไม่มีใครมาก่อนหลัง มีเพียงแค่ชื่นชอบ ที่เห็นบ่อยที่สุดก็คือผู้ที่มาทีหลังมักเหนือกว่า”มีบุรุษสักกี่คนที่ชื่นชอบสตรีเพียงนางเดียวตั้งแต่แรกจนสุดท้าย?บุรุษคนไหนบ้างไม่ได้ของใ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท