อยู่ดี ๆ เซียวจือฮว่าก็เชิญนางไปหา?ใช้หัวแม่โป้งเท้าคิด ก็รู้ว่านั่นจะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอกเสียจากฉู่เชียนหลีจะว่างจนไม่มีงานทำ ถึงจะวิ่งเข้าหาปลายกระบอกปืน จึงปฏิเสธไปโดยไม่ต้องคิด“ข้ายังมีธุระอีก ไม่ไป หากนางมีธุระก็ส่งคนมาแจ้งก็พอ”นางกับเซียวจือฮว่าไม่มีอะไรต้องคุยกันมีอะไรต้องคุย?ศัตรูหัวใจ?แย่งผู้ชาย?เป่าอวี้ตะลึงงันไป “พระชายา...”นับตั้งแต่พระชายารองเซียวเข้ามาที่จวนอ๋องเฉิน มีผู้ใดไม่เคารพ ไม่ประจบสอพลอ ยังไม่เคยมีใครปฏิเสธคำเชิญของพระชายารองเซียวมาก่อน พระชายาเป็นคนแรกแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรมาก พระชายาก็ได้เดินจากไปแล้วเรือนหมิงเยว่เพล้ง!ถ้วยชาถูกปาลงไปบนพื้นอย่างแรง แตกกระจายเต็มพื้น น้ำชาและใบชาสาดกระเซ็นเต็มพื้น มือทั้งสองข้างของเซียวจือฮว่ายันโต๊ะทำงานเอาไว้ โมโหจนถึงขีดสุดนางยังไม่ได้สูญเสียความโปรดปรานเลยนะ!คิดไม่ถึงว่าฉู่เชียนหลีจะหยิ่งยโสขนาดนี้ไม่ได้ท้อง และไม่ได้คลอดลูกให้เลยแม้แต่คนเดียว คิดไม่ถึงว่าจะชูคอขนาดนี้!เรือนข้างภายในเรือนที่สะอาดสดชื่น ใต้ต้นไห่ถัง มีเก้าอี้โยกที่ทำจากไม้หนานตัวหนึ่ง ฉู่เชียนหลีนอนอยู่ด้านบนอย่างเกียจค
ตอนที่เซียวจือฮว่าเดินเข้ามา ก็เห็นร่างของทั้งสองคนใกล้ชิดกัน อยู่ภายในเรือนเล็กตั้งแต่อยู่ไกล ๆ “เจ้ากล้าหลอกข้า!”“ผู้ใดใช้ให้ท่านไม่ลองชิมดูก่อน ยังกินคำโตขนาดนั้น เป็นเพราะท่านละโมบ สมน้ำหน้า”“นี่เป็นเพราะข้าเชื่อใจเจ้า!”“ข้าพูดอะไรท่านก็เชื่อแบบนั้น ถ้าอย่างนั้นข้าพูดว่าท่านเป็นคนโง่...”“ฉู่เชียนหลี!”ส้มเปรี้ยวจนเข็ดฟันถ้าหากไม่ใช่เพราะเห็นว่าฉู่เชียนหลีกินอย่างเอร็ดอร่อย เขาก็คงจะไม่กินคำใหญ่ขนาดนั้น ผู้หญิงยังกินด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยมาก เพื่อหลอกลวงเขาช่างเลวเสียเหลือเกิน!ภาพที่ทั้งสองคนกำลังทะเลาะกันได้สะท้อนเข้าไปในดวงตาของเซียวจือฮว่า ทำให้มือทั้งสองข้างที่เก็บอยู่ภายในแขนเสื้อกำแน่น แน่นขึ้นอีก เล็บจิกบนฝ่ามือลึก จนเลือดไหลออกมา ก็ราวกับว่ายังไม่รู้สึกเจ็บปวดท่านอ๋องไม่เคยโปรดปรานเช่นนี้มาก่อน!สิบปีมานี้ ถึงแม้ว่าท่านอ๋องจะดูแลนาง เข้าข้างนาง แต่กับปฏิบัติต่อนางอย่างเคารพ และมีมารยาท แม้แต่รอยยิ้มก็น้อยมากที่จะเผยให้นางได้เห็นดูสิด้านในศาลา ชายหนุ่มยกมุมริมฝีปากขึ้น กำลังจักจี้ฉู่เชียนหลี ความอ่อนโยนกับรักใคร่นัยน์ตาคู่นั้น คือสิ่งที่นางไม่เคยได้รับมา
ภายในห้องเยว่เอ๋อร์ยืนอยู่หน้าประตู มองออกไปทางด้านนอกอยู่ครู่ใหญ่ เห็นท่านอ๋องกับพระชายารองเซียวออกไปพร้อมกัน ถึงได้ปิดประตูลง สาวเท้าไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง“พระชายา ท่านอ๋องกับพระชายารองเซียวไปแล้ว ท่าน...”นางอ้าปาก ก็หยุดพูด“ท่านไม่ใส่ใจจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”ความดีกับความโปรดปรานที่ท่านอ๋องมีต่อพระชายา นางเห็นทั้งหมด ใต้หล้ามีสตรีนางใดบางที่จะไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแค่ตัวจนถึงขนาดนำสามีของตนมอบให้ผู้อื่นด้วยความเต็มใจ“ใส่ใจอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมองปานอันอัปลักษณ์บนใบหน้าของตนเอง ในกระจก กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“ตอนนั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะข้าโดนวางยา... เฟิงเย่เสวียนก็คงไม่มีทางแต่งงานกับข้า เซียวจือฮว่าจะได้เป็นพระชายาอ๋องเฉิน เป็นสตรีเพียงนางเดียวที่อยู่ข้างกายของเขา เดิมทีก็คือข้าที่พยายามแทรกตัวเข้ามา”ทันทีที่เยว่เอ๋อร์ได้ยินคำพูดประโยคนี้ ก็กระทืบเท้า“พระชายา ใช่เหตุผลนี้เสียที่ไหนกัน? ในความรัก ไม่มีใครมาก่อนหลัง มีเพียงแค่ชื่นชอบ ที่เห็นบ่อยที่สุดก็คือผู้ที่มาทีหลังมักเหนือกว่า”มีบุรุษสักกี่คนที่ชื่นชอบสตรีเพียงนางเดียวตั้งแต่แรกจนสุดท้าย?บุรุษคนไหนบ้างไม่ได้ของใ
เยว่เอ๋อร์ยกน้ำชาร้อนที่เพิ่งชงเสร็จมาสองถ้วย ยกให้แต่ละคนเซียวจือฮว่า ทันทีที่เปิดฝาออก ตาเหลือบมองแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วกล่าว “พี่หญิง ท่านอ๋องไม่ชอบชาดำของเมืองฉีเหมิน เขาค่อนข้างชื่นชอบชาจวินซานอิ๋นเจินมาตั้งแต่เด็ก ภายในห้องหนังสือมีแอบไว้หลายกล่อง”นางวางถ้วยชาลง กล่าวพร้อมรอยยิ้ม“ชาจวินซานอิ๋นเจิน มาชงกับน้ำค้างในตอนเช้า น้ำแรกเป็นน้ำล้างชา ครั้งที่สองใช้ได้ ครั้งที่สามจึงจะออกรสชาติ ทั้งขมทั้งหอม กลิ่นหอมลอยไปไกลหลายเมตร เป็นยอดชาของในบรรดาชา เติบโตขึ้นจากน้ำที่สะอาด”คำพูดประโยคนี้ เผิน ๆ กำลังชมกลิ่นหอมของใบชา แต่อันที่จริงแล้วนางกำลังพูดถึงความเข้าใจในความชื่นชอบของท่านอ๋องข้อนี้ ไม่ใช่ว่าฉู่เชียนหลีไม่รู้ฉู่เชียนหลียกถ้วยชาขึ้น เป่าริมถ้วย“มีให้ดื่มก็พอแล้ว จะต้องไปสนใจมากมายขนาดนั้นทำไมกัน?”ทันทีที่เป่าอวี้ที่อยู่ด้านหลังของเซียวจือฮว่าได้ยินคำพูดประโยคนี้ ก็มองด้วยสายตาเหยียดหยามช่างพูดจาหยาบคายบ้านนอกเสียจริง !วัฒนธรรมของใบชามีมากมายนายหญิงเป็นยอดฝีมือนักชงชา เพียงแค่ดมใบชาแต่ละชนิด ก็รู้ถึงคุณภาพดีหรือไม่ดีของใบชาทันที หลายปีมานี้ ชาที่ส่งไปยังเรือนหานเฟิ
เซียวจือฮว่าตะลึงงันทันที “อะ อะไรนะ”“ดูเหมือนไม่ได้จ่าย” ฉู่เชียนหลีมองดูปฏิกิริยานี้ของนาง พลางใคร่ครวญเสียงเบา “บ่าวไพร่ทำงานยังมีเบี้ยเดือน พ่อครัว ช่างปัก ทำงานอะไรไม่ใช้เงินบ้าง? นี่เฟิงเย่เสวียนหาแม่นมที่ไม่ต้องจ่ายเงินมาหรือ? ใช้ชีวิตเป็นจริงๆ…”เสียงพึมพำดังเข้าไปในหูเซียวจือฮว่า ทำให้สีหน้าของนางประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว แลดูแปลกประหลาดมากปรนนิบัติท่านอ๋อง ยังขอเบี้ยเดือนอีก?ปรนนิบัติท่านอ๋องเป็นเรื่องที่นางสมควรทำไม่ใช่หรือ?ฉู่เชียนหลีต้องอิจฉานางแน่นอน!เซียวจือฮว่าเผยอริมฝีปาก กล่าวโอ้อวด “พี่หญิงไม่ต้องกังวล ข้าจะบอกความชอบของท่านอ๋องให้ท่าน ต่อไปท่านก็สามารถปรนนิบัติท่านอ๋องได้อย่างถี่ถ้วนแล้ว…”“เหตุใดข้าต้องปรนนิบัติเขา?” ฉู่เชียนหลีทำหน้าประหลาดใจ“ท่านเป็นพระชายาอ๋องเฉิน ไม่ควรปรนนิบัติเขาหรือ?”“บ่าวไพร่ตั้งมากมายในจวนมีไว้ประดับหรือ?”“...”ฉู่เชียนหลีรู้สึกว่าความคิดของเซียวจือฮว่ามีปัญหา “กว่าที่ท่านพ่อท่านแม่จะเลี้ยงข้าโตจนป่านนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ข้าได้เป็นพระชายา เจ้าคนนายคน มาเพื่อเสพสุข ไม่ได้มาเพื่อเป็นคนรับใช้”“...”เซียวจือฮว่ารู้สึก
ศูนย์กลางเมืองหลวง ภายในห้องส่วนตัวบนชั้นสามของโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง ร่างเงาสองสายนั่งหันหน้าเข้าหากัน“คุณหนู สืบเจอหมดแล้วขอรับ เมื่อสิบห้าปีก่อน เนื่องจากอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ไม่มีลูกชาย ฮูหยินอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายกังวลว่าเด็กที่อยู่ในท้องของนางอันเป็นเด็กผู้ชาย ตอนที่นางอันคลอด ได้ยัดเงินให้หมอตำแย”“นางอันรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงหนีออกจากรูสุนัขหลังจวนอัครมหาเสนาบดี ให้กำเนิดท่านในบ้านของชาวบ้านหลังหนึ่ง”“ตอนที่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ตามหานางอันเจอ ก็เป็นรุ่งเช้าของวันที่สองแล้ว”จิ่งอี้พูดข้อมูลที่สืบเจอออกมาทีละอย่างฉู่เชียนหลีกลับตะลึงงันแล้วคนของเมื่อสิบห้าปีก่อน เขาสืบเจอทั้งหมดในชั่วค่ำคืน?!ยังไม่พูดถึงเรื่องเวลาผ่านมานานมากแล้ว ทุกอย่างล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลง เฉพาะความเร็วและผลลัพธ์นี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถทำได้แล้วนางประหลาดใจ “เจ้าสืบรู้กระทั่งว่าเป็นบ้านไหน?”“ขอรับ” จิ่งอี้พยักหน้า “เป็นบ้านของหญิงม่ายคนหนึ่ง สามีและลูกชายของนางด่วนจากไปเร็วทั้งคู่ พึ่งพาอาศัยเพื่อความอยู่รอดกับหลานชายที่อายุยังน้อย นางเป็นคนทำคลอดให้นางอัน และป่วยตายเมื่อเจ็ดปีก่อน
แก่ อ่อนแอ ป่วย พิการ?ตกลงคุณหนูเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับพวกเขากันแน่… จิ่งอี้เงียบไปสิบวินาที “คุณหนู พวกเราเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งในยุทธภพ ไม่ใช่คนดีดลูกคิดทำการค้า…”ฉู่เชียนหลี “?”“จางเฟยเขาเป็นผู้นำเบญจพิษ แต่ท่านบอกว่าจะเปิดโรงหมอ เขาอดหลับอดนอนเจ็ดคืนเจ็ดวัน เปลี่ยนจากทักษะพิษเป็นทักษะแพทย์…”ฉู่เชียนหลี “?”“จางขาเป๋เขาไม่เพียงพิการ…เขาเป็นกุนซืออันดับหนึ่งในหล้า เพราะแพร่งพรายความลับสวรรค์ พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดมากเกินไป จึงถูกสวรรค์ลงโทษ แต่ว่าปัจจุบันเขาไม่ทำนายดวงชะตาแล้ว หากทำนายต่อไป ก็จะตาบอด”“แล้วก็หยางชี เขา…”“แล้วก็…”ฉู่เชียนหลีฟังคำพูดเหล่านี้ สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนจาก _ กลายเป็น Σ(°°。)︴… เบิกตาอ้าปากค้าง ปากของนางแทบสามารถกลืนไข่ไก่เข้าไปทั้งลูกที่แท้ กลุ่มคนที่เป็นลูกน้องของนางมันเจ๋งขนาดนี้เลย ที่แท้ ที่แท้… นางเก็บได้สมบัติล้ำค่า!แม่เจ้า!ฉู่เชียนหลีรีบลุกขึ้นยืน ประสานมือ คำนับจิ่งอี้อย่างนอบน้อม“ที่แท้เจ้าเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งในยุทธภพ ข้าคิดว่า…ข้ามองพลาดเอง ประเมินเจ้าต่ำเกินไป ก่อนหน้านี้ต้องขอโทษจริงๆ!”จิ่งอี้ลุกขึ้นอย่างเกรงกลัว ปร
ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วขึ้นสีหน้าเฟิงเย่เสวียนดูน่าเกลียด คลั่ง โมโห ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งสองครั้งแล้ว ครั้งนี้ นางไม่ได้ล่วงเกินเขา จะโวยวายก็มาไม่ถึงตัวนางก้าวเท้ายาวเดินเข้าไปเป็นอย่างที่คิด ผู้ชายบางคนนั่งอยู่ข้างโต๊ะ จ้องนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึมท่าทางนั้น เหมือนกับว่านางเป็นหนี้เขาหลายหมื่นตำลึงเงิน“ทำไม?” นางเดินเข้าไป “ใครล่วงเกินเจ้าแล้ว?”ดึงเก้าอี้มานั่งลง พลางรินชาให้ตนเองหนึ่งแก้วเฟิงเย่เสวียนเอาแต่จ้องนาง เสียงที่ทุ้มต่ำยากจะแยกแยะว่าโกรธหรือดีใจ “ดูเหมือนว่าพระชายาจะออกจากบ้านทุกวันเลยนะ ไปทำอะไรหรือ?”คำถามที่มาอย่างฉับพลัน ทำให้ฉู่เชียนหลีจับต้นชนปลายไม่ถูกเมื่อก่อนเขาไม่เคยยุ่งเรื่องเหล่านี้ จู่ๆ เขาก็ถาม สีหน้ายังเคร่งขรึมมาก ต้องมีสาเหตุแน่นอนหรือนางขยันออกจากจวนเกินไป ทำให้เขาไม่พอใจ? “เดินตลาดไง”“เหตุใดเดินตลาดไม่พาสาวใช้ไปด้วย?” เฟิงเย่เสวียนจี้ถามต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เหมือนสอบปากคำมาก “แล้วเหตุใดจึงไม่มีสิ่งของที่ซื้อล่ะ?”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว “ใครบอกว่าเดินตลาดก็ต้องซื้อของเลย”“เดินตลาดทุกวัน มีอะไรน่าเดิน?”ฉู่เชียนหลีถูกซักถามจน
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋