เยว่เอ๋อร์ยกน้ำชาร้อนที่เพิ่งชงเสร็จมาสองถ้วย ยกให้แต่ละคนเซียวจือฮว่า ทันทีที่เปิดฝาออก ตาเหลือบมองแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วกล่าว “พี่หญิง ท่านอ๋องไม่ชอบชาดำของเมืองฉีเหมิน เขาค่อนข้างชื่นชอบชาจวินซานอิ๋นเจินมาตั้งแต่เด็ก ภายในห้องหนังสือมีแอบไว้หลายกล่อง”นางวางถ้วยชาลง กล่าวพร้อมรอยยิ้ม“ชาจวินซานอิ๋นเจิน มาชงกับน้ำค้างในตอนเช้า น้ำแรกเป็นน้ำล้างชา ครั้งที่สองใช้ได้ ครั้งที่สามจึงจะออกรสชาติ ทั้งขมทั้งหอม กลิ่นหอมลอยไปไกลหลายเมตร เป็นยอดชาของในบรรดาชา เติบโตขึ้นจากน้ำที่สะอาด”คำพูดประโยคนี้ เผิน ๆ กำลังชมกลิ่นหอมของใบชา แต่อันที่จริงแล้วนางกำลังพูดถึงความเข้าใจในความชื่นชอบของท่านอ๋องข้อนี้ ไม่ใช่ว่าฉู่เชียนหลีไม่รู้ฉู่เชียนหลียกถ้วยชาขึ้น เป่าริมถ้วย“มีให้ดื่มก็พอแล้ว จะต้องไปสนใจมากมายขนาดนั้นทำไมกัน?”ทันทีที่เป่าอวี้ที่อยู่ด้านหลังของเซียวจือฮว่าได้ยินคำพูดประโยคนี้ ก็มองด้วยสายตาเหยียดหยามช่างพูดจาหยาบคายบ้านนอกเสียจริง !วัฒนธรรมของใบชามีมากมายนายหญิงเป็นยอดฝีมือนักชงชา เพียงแค่ดมใบชาแต่ละชนิด ก็รู้ถึงคุณภาพดีหรือไม่ดีของใบชาทันที หลายปีมานี้ ชาที่ส่งไปยังเรือนหานเฟิ
เซียวจือฮว่าตะลึงงันทันที “อะ อะไรนะ”“ดูเหมือนไม่ได้จ่าย” ฉู่เชียนหลีมองดูปฏิกิริยานี้ของนาง พลางใคร่ครวญเสียงเบา “บ่าวไพร่ทำงานยังมีเบี้ยเดือน พ่อครัว ช่างปัก ทำงานอะไรไม่ใช้เงินบ้าง? นี่เฟิงเย่เสวียนหาแม่นมที่ไม่ต้องจ่ายเงินมาหรือ? ใช้ชีวิตเป็นจริงๆ…”เสียงพึมพำดังเข้าไปในหูเซียวจือฮว่า ทำให้สีหน้าของนางประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว แลดูแปลกประหลาดมากปรนนิบัติท่านอ๋อง ยังขอเบี้ยเดือนอีก?ปรนนิบัติท่านอ๋องเป็นเรื่องที่นางสมควรทำไม่ใช่หรือ?ฉู่เชียนหลีต้องอิจฉานางแน่นอน!เซียวจือฮว่าเผยอริมฝีปาก กล่าวโอ้อวด “พี่หญิงไม่ต้องกังวล ข้าจะบอกความชอบของท่านอ๋องให้ท่าน ต่อไปท่านก็สามารถปรนนิบัติท่านอ๋องได้อย่างถี่ถ้วนแล้ว…”“เหตุใดข้าต้องปรนนิบัติเขา?” ฉู่เชียนหลีทำหน้าประหลาดใจ“ท่านเป็นพระชายาอ๋องเฉิน ไม่ควรปรนนิบัติเขาหรือ?”“บ่าวไพร่ตั้งมากมายในจวนมีไว้ประดับหรือ?”“...”ฉู่เชียนหลีรู้สึกว่าความคิดของเซียวจือฮว่ามีปัญหา “กว่าที่ท่านพ่อท่านแม่จะเลี้ยงข้าโตจนป่านนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ข้าได้เป็นพระชายา เจ้าคนนายคน มาเพื่อเสพสุข ไม่ได้มาเพื่อเป็นคนรับใช้”“...”เซียวจือฮว่ารู้สึก
ศูนย์กลางเมืองหลวง ภายในห้องส่วนตัวบนชั้นสามของโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง ร่างเงาสองสายนั่งหันหน้าเข้าหากัน“คุณหนู สืบเจอหมดแล้วขอรับ เมื่อสิบห้าปีก่อน เนื่องจากอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ไม่มีลูกชาย ฮูหยินอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายกังวลว่าเด็กที่อยู่ในท้องของนางอันเป็นเด็กผู้ชาย ตอนที่นางอันคลอด ได้ยัดเงินให้หมอตำแย”“นางอันรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงหนีออกจากรูสุนัขหลังจวนอัครมหาเสนาบดี ให้กำเนิดท่านในบ้านของชาวบ้านหลังหนึ่ง”“ตอนที่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ตามหานางอันเจอ ก็เป็นรุ่งเช้าของวันที่สองแล้ว”จิ่งอี้พูดข้อมูลที่สืบเจอออกมาทีละอย่างฉู่เชียนหลีกลับตะลึงงันแล้วคนของเมื่อสิบห้าปีก่อน เขาสืบเจอทั้งหมดในชั่วค่ำคืน?!ยังไม่พูดถึงเรื่องเวลาผ่านมานานมากแล้ว ทุกอย่างล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลง เฉพาะความเร็วและผลลัพธ์นี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถทำได้แล้วนางประหลาดใจ “เจ้าสืบรู้กระทั่งว่าเป็นบ้านไหน?”“ขอรับ” จิ่งอี้พยักหน้า “เป็นบ้านของหญิงม่ายคนหนึ่ง สามีและลูกชายของนางด่วนจากไปเร็วทั้งคู่ พึ่งพาอาศัยเพื่อความอยู่รอดกับหลานชายที่อายุยังน้อย นางเป็นคนทำคลอดให้นางอัน และป่วยตายเมื่อเจ็ดปีก่อน
แก่ อ่อนแอ ป่วย พิการ?ตกลงคุณหนูเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับพวกเขากันแน่… จิ่งอี้เงียบไปสิบวินาที “คุณหนู พวกเราเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งในยุทธภพ ไม่ใช่คนดีดลูกคิดทำการค้า…”ฉู่เชียนหลี “?”“จางเฟยเขาเป็นผู้นำเบญจพิษ แต่ท่านบอกว่าจะเปิดโรงหมอ เขาอดหลับอดนอนเจ็ดคืนเจ็ดวัน เปลี่ยนจากทักษะพิษเป็นทักษะแพทย์…”ฉู่เชียนหลี “?”“จางขาเป๋เขาไม่เพียงพิการ…เขาเป็นกุนซืออันดับหนึ่งในหล้า เพราะแพร่งพรายความลับสวรรค์ พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดมากเกินไป จึงถูกสวรรค์ลงโทษ แต่ว่าปัจจุบันเขาไม่ทำนายดวงชะตาแล้ว หากทำนายต่อไป ก็จะตาบอด”“แล้วก็หยางชี เขา…”“แล้วก็…”ฉู่เชียนหลีฟังคำพูดเหล่านี้ สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนจาก _ กลายเป็น Σ(°°。)︴… เบิกตาอ้าปากค้าง ปากของนางแทบสามารถกลืนไข่ไก่เข้าไปทั้งลูกที่แท้ กลุ่มคนที่เป็นลูกน้องของนางมันเจ๋งขนาดนี้เลย ที่แท้ ที่แท้… นางเก็บได้สมบัติล้ำค่า!แม่เจ้า!ฉู่เชียนหลีรีบลุกขึ้นยืน ประสานมือ คำนับจิ่งอี้อย่างนอบน้อม“ที่แท้เจ้าเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งในยุทธภพ ข้าคิดว่า…ข้ามองพลาดเอง ประเมินเจ้าต่ำเกินไป ก่อนหน้านี้ต้องขอโทษจริงๆ!”จิ่งอี้ลุกขึ้นอย่างเกรงกลัว ปร
ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วขึ้นสีหน้าเฟิงเย่เสวียนดูน่าเกลียด คลั่ง โมโห ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งสองครั้งแล้ว ครั้งนี้ นางไม่ได้ล่วงเกินเขา จะโวยวายก็มาไม่ถึงตัวนางก้าวเท้ายาวเดินเข้าไปเป็นอย่างที่คิด ผู้ชายบางคนนั่งอยู่ข้างโต๊ะ จ้องนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึมท่าทางนั้น เหมือนกับว่านางเป็นหนี้เขาหลายหมื่นตำลึงเงิน“ทำไม?” นางเดินเข้าไป “ใครล่วงเกินเจ้าแล้ว?”ดึงเก้าอี้มานั่งลง พลางรินชาให้ตนเองหนึ่งแก้วเฟิงเย่เสวียนเอาแต่จ้องนาง เสียงที่ทุ้มต่ำยากจะแยกแยะว่าโกรธหรือดีใจ “ดูเหมือนว่าพระชายาจะออกจากบ้านทุกวันเลยนะ ไปทำอะไรหรือ?”คำถามที่มาอย่างฉับพลัน ทำให้ฉู่เชียนหลีจับต้นชนปลายไม่ถูกเมื่อก่อนเขาไม่เคยยุ่งเรื่องเหล่านี้ จู่ๆ เขาก็ถาม สีหน้ายังเคร่งขรึมมาก ต้องมีสาเหตุแน่นอนหรือนางขยันออกจากจวนเกินไป ทำให้เขาไม่พอใจ? “เดินตลาดไง”“เหตุใดเดินตลาดไม่พาสาวใช้ไปด้วย?” เฟิงเย่เสวียนจี้ถามต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เหมือนสอบปากคำมาก “แล้วเหตุใดจึงไม่มีสิ่งของที่ซื้อล่ะ?”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว “ใครบอกว่าเดินตลาดก็ต้องซื้อของเลย”“เดินตลาดทุกวัน มีอะไรน่าเดิน?”ฉู่เชียนหลีถูกซักถามจน
อ้าปากหุบปากก็เป็นเซียวจือฮว่า!ตอนนี้เฟิงเย่เสวียนไม่อยากได้ยินสามคำนี้ สิ่งที่เขาต้องการในเวลานี้คือ คนที่อยู่ในใจนางต้องเป็นเขา! เป็นความซื่อสัตย์ที่แท้จริงที่นางมีต่อเขา ความซื่อสัตย์ของร่างกายและหัวใจ“เซียวจือฮว่ากับเจ้าไม่ได้ขัดแย้งกัน เจ้าเป็นพระชายาของเจ้า ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว!”เขาลากนาง เดินไปทางเตียงนอนฉู่เชียนหลีรีบกอดเสา สองขาหนีบไว้แน่น กล่าวเสียงดัง“ทั้งที่เจ้ารู้ว่าข้าต้องการอะไร และสิ่งที่ข้าต้องการเจ้าก็ให้ไม่ได้ อย่ามายุ่งกับข้า!”ทันใดนั้น คำพูดประโยคหนึ่งดังก้องอยู่ในสมองของเฟิงเย่เสวียนหนึ่งชีวิต หนึ่งชาติ เคียงคู่กัน…เฟิงเย่เสวียนชะงักเล็กน้อยหนึ่งชีวิต หนึ่งชาติ เคียงคู่กันหากจะให้เขาเลือกระหว่างเซียวจือฮว่ากับฉู่เชียนหลีให้ได้…มองไปทางศีรษะที่เชิดขึ้นของฉู่เชียนหลี ท่าทางที่ดื้อด้านเหมือนกับหมาป่าน้อย ดวงตาที่เปล่งประกายคู่นั้นเต็มไปด้วยสติปัญญาและการพึ่งพาตนเอง แผ่แรงดึงดูดที่มองไม่เห็นเขาจ้องนางอย่างลึกซึ้ง แววตาก็ค่อยๆ ขรึมลงผ่านไปพักใหญ่ริมฝีปากเปิด“ให้เวลาข้าหน่อย ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”ฉู่เชียนหลีถลนตาอย่าง
นางงับเขาไว้ก็ช่างเถอะ แต่ยังฉีกกระชากเหยื่อเหมือนหมาป่า ส่ายศีรษะ กระชากแรง ส่งเสียงคำราม ‘ฟ่อๆ’ ในลำคอเบาๆ เหมือนสัญชาตญาณสัตว์ป่ามากฝ่ามือใหญ่เฟิงเย่เสวียนจับหลังศีรษะนาง น้ำเสียงเคร่งขรึม“ปล่อย”“อ๊าๆ!”ไม่เพียงไม่ปล่อย แถมยังกัดแรงขึ้นคิ้วดาบของเขาคลายออก ไม่สนใจแล้ว ฝ่ามือใหญ่เลื่อนลงไปจับเอวเล็กของนางไว้ฉู่เชียนหลีรีบเงยหน้าหลบอย่างความรู้สึกไวทันที“เฟิงเย่เสวียน เจ้าอย่ามาบ้ากับข้า หากเจ้ากล้าบีบคั้นให้ข้าหลับนอนกับเจ้า ข้าจะกัดเจ้าให้ตายไปเลย!”ถลนตา แยกเขี้ยว ขนทั้งร่างตั้งตรง ท่าทางเหมือนแมวน้อยที่ยากจะทำให้เชื่องเฟิงเย่เสวียนหัวเราะ “เล่นไพ่?”นับว่าเป็นคำศัพท์ที่แปลกใหม่น่าสนใจ“เจ้าเป็นชายาของข้า ไม่นอนกับข้าจะนอนกับใคร? หากผู้ชายคนอื่นแตะโดนแม้แต่ปลายนิ้วของเจ้า ข้าจะสับเขาให้เป็นหมื่นชิ้น บดกระดูกโปรยทิ้ง” เฟิงเย่เสวียนมองดูนางด้วยรอยยิ้มลึกซึ้ง ทว่าน้ำเสียงที่เป็นมิตรกลับทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน ขนลุกขนพองท่าทางที่ไม่โกรธแต่มีความน่าเกรงขามนั่น ไม่ใช่แค่พูดไปอย่างนั้น เขาสามารถคุยกับนางอย่างยิ้มแย้ม วินาทีต่อมา ก็สามารถฆ่าคนอย่างยิ้มแย้มเช่นกันฉู่เ
นอกเรือนข้างเฟิงเย่เสวียนเดินออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ รอยยิ้มที่มุมปากหุบไม่ลงเสียทีหานเฟิงปรากฏตัว เมื่อเห็นรอยยิ้มแปลกๆ บนใบหน้าเขา ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ก็ไหนว่าพระชายากับผู้ชายแปลกหน้า…เหตุใดนายท่านยังหัวเราะได้เริงร่าเช่นนี้?“นายท่าน ท่าน!” เขารีบเดินเข้าไป “แม้ข้าน้อยเชื่อในนิสัยของพระชายา แต่ก่อนที่พระชายาจะแต่งงานกับท่านอ๋อง นางกับคุณชายตระกูลหานเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วัยเด็ก มีความสัมพันธ์ถึงสิบปีเต็ม หากลับหลังท่าน พวกเขา…”เฟิงเย่เสวียนยกฝ่ามือขึ้น ห้ามคำพูดของหานเฟิง หัวเราะอยู่สักพักก็ยังหยุดไม่ได้“นางไม่มีทางทำเช่นนั้น”เขารู้จักกลิ่นบนร่างกายฉู่เชียนหลีเป็นอย่างดี แม้นางด่าเขาในใจทุกวัน แต่ความประพฤติของนางเที่ยงตรง แยกแยะผิดถูก สิ่งที่ไม่ควรทำจะไม่ทำเด็ดขาดเซียวจือฮว่าน่าจะมองคนผิดหานเฟิงกลับไม่เข้าใจแต่นี่พระชายารองเซียวเป็นคนพูดเองเขาติดตามนายท่านสิบกว่าปีแล้ว พระชายารองเซียวก็ติดตามนายท่านสิบกว่าปีเช่นกัน เขากับพระชายารองเซียวก็นับว่าเติบโตมาด้วยกัน พระชายารองเซียวไม่น่าจะโกหกมองดูรอยยิ้มที่ยังไม่หายไปตรงมุมปากของนายท่าน ยิ่งสงสัยแล้ว“แล้วนายท่านท