ศูนย์กลางเมืองหลวง ภายในห้องส่วนตัวบนชั้นสามของโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง ร่างเงาสองสายนั่งหันหน้าเข้าหากัน“คุณหนู สืบเจอหมดแล้วขอรับ เมื่อสิบห้าปีก่อน เนื่องจากอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ไม่มีลูกชาย ฮูหยินอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายกังวลว่าเด็กที่อยู่ในท้องของนางอันเป็นเด็กผู้ชาย ตอนที่นางอันคลอด ได้ยัดเงินให้หมอตำแย”“นางอันรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงหนีออกจากรูสุนัขหลังจวนอัครมหาเสนาบดี ให้กำเนิดท่านในบ้านของชาวบ้านหลังหนึ่ง”“ตอนที่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ตามหานางอันเจอ ก็เป็นรุ่งเช้าของวันที่สองแล้ว”จิ่งอี้พูดข้อมูลที่สืบเจอออกมาทีละอย่างฉู่เชียนหลีกลับตะลึงงันแล้วคนของเมื่อสิบห้าปีก่อน เขาสืบเจอทั้งหมดในชั่วค่ำคืน?!ยังไม่พูดถึงเรื่องเวลาผ่านมานานมากแล้ว ทุกอย่างล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลง เฉพาะความเร็วและผลลัพธ์นี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถทำได้แล้วนางประหลาดใจ “เจ้าสืบรู้กระทั่งว่าเป็นบ้านไหน?”“ขอรับ” จิ่งอี้พยักหน้า “เป็นบ้านของหญิงม่ายคนหนึ่ง สามีและลูกชายของนางด่วนจากไปเร็วทั้งคู่ พึ่งพาอาศัยเพื่อความอยู่รอดกับหลานชายที่อายุยังน้อย นางเป็นคนทำคลอดให้นางอัน และป่วยตายเมื่อเจ็ดปีก่อน
แก่ อ่อนแอ ป่วย พิการ?ตกลงคุณหนูเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับพวกเขากันแน่… จิ่งอี้เงียบไปสิบวินาที “คุณหนู พวกเราเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งในยุทธภพ ไม่ใช่คนดีดลูกคิดทำการค้า…”ฉู่เชียนหลี “?”“จางเฟยเขาเป็นผู้นำเบญจพิษ แต่ท่านบอกว่าจะเปิดโรงหมอ เขาอดหลับอดนอนเจ็ดคืนเจ็ดวัน เปลี่ยนจากทักษะพิษเป็นทักษะแพทย์…”ฉู่เชียนหลี “?”“จางขาเป๋เขาไม่เพียงพิการ…เขาเป็นกุนซืออันดับหนึ่งในหล้า เพราะแพร่งพรายความลับสวรรค์ พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดมากเกินไป จึงถูกสวรรค์ลงโทษ แต่ว่าปัจจุบันเขาไม่ทำนายดวงชะตาแล้ว หากทำนายต่อไป ก็จะตาบอด”“แล้วก็หยางชี เขา…”“แล้วก็…”ฉู่เชียนหลีฟังคำพูดเหล่านี้ สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนจาก _ กลายเป็น Σ(°°。)︴… เบิกตาอ้าปากค้าง ปากของนางแทบสามารถกลืนไข่ไก่เข้าไปทั้งลูกที่แท้ กลุ่มคนที่เป็นลูกน้องของนางมันเจ๋งขนาดนี้เลย ที่แท้ ที่แท้… นางเก็บได้สมบัติล้ำค่า!แม่เจ้า!ฉู่เชียนหลีรีบลุกขึ้นยืน ประสานมือ คำนับจิ่งอี้อย่างนอบน้อม“ที่แท้เจ้าเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งในยุทธภพ ข้าคิดว่า…ข้ามองพลาดเอง ประเมินเจ้าต่ำเกินไป ก่อนหน้านี้ต้องขอโทษจริงๆ!”จิ่งอี้ลุกขึ้นอย่างเกรงกลัว ปร
ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วขึ้นสีหน้าเฟิงเย่เสวียนดูน่าเกลียด คลั่ง โมโห ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งสองครั้งแล้ว ครั้งนี้ นางไม่ได้ล่วงเกินเขา จะโวยวายก็มาไม่ถึงตัวนางก้าวเท้ายาวเดินเข้าไปเป็นอย่างที่คิด ผู้ชายบางคนนั่งอยู่ข้างโต๊ะ จ้องนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึมท่าทางนั้น เหมือนกับว่านางเป็นหนี้เขาหลายหมื่นตำลึงเงิน“ทำไม?” นางเดินเข้าไป “ใครล่วงเกินเจ้าแล้ว?”ดึงเก้าอี้มานั่งลง พลางรินชาให้ตนเองหนึ่งแก้วเฟิงเย่เสวียนเอาแต่จ้องนาง เสียงที่ทุ้มต่ำยากจะแยกแยะว่าโกรธหรือดีใจ “ดูเหมือนว่าพระชายาจะออกจากบ้านทุกวันเลยนะ ไปทำอะไรหรือ?”คำถามที่มาอย่างฉับพลัน ทำให้ฉู่เชียนหลีจับต้นชนปลายไม่ถูกเมื่อก่อนเขาไม่เคยยุ่งเรื่องเหล่านี้ จู่ๆ เขาก็ถาม สีหน้ายังเคร่งขรึมมาก ต้องมีสาเหตุแน่นอนหรือนางขยันออกจากจวนเกินไป ทำให้เขาไม่พอใจ? “เดินตลาดไง”“เหตุใดเดินตลาดไม่พาสาวใช้ไปด้วย?” เฟิงเย่เสวียนจี้ถามต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เหมือนสอบปากคำมาก “แล้วเหตุใดจึงไม่มีสิ่งของที่ซื้อล่ะ?”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว “ใครบอกว่าเดินตลาดก็ต้องซื้อของเลย”“เดินตลาดทุกวัน มีอะไรน่าเดิน?”ฉู่เชียนหลีถูกซักถามจน
อ้าปากหุบปากก็เป็นเซียวจือฮว่า!ตอนนี้เฟิงเย่เสวียนไม่อยากได้ยินสามคำนี้ สิ่งที่เขาต้องการในเวลานี้คือ คนที่อยู่ในใจนางต้องเป็นเขา! เป็นความซื่อสัตย์ที่แท้จริงที่นางมีต่อเขา ความซื่อสัตย์ของร่างกายและหัวใจ“เซียวจือฮว่ากับเจ้าไม่ได้ขัดแย้งกัน เจ้าเป็นพระชายาของเจ้า ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว!”เขาลากนาง เดินไปทางเตียงนอนฉู่เชียนหลีรีบกอดเสา สองขาหนีบไว้แน่น กล่าวเสียงดัง“ทั้งที่เจ้ารู้ว่าข้าต้องการอะไร และสิ่งที่ข้าต้องการเจ้าก็ให้ไม่ได้ อย่ามายุ่งกับข้า!”ทันใดนั้น คำพูดประโยคหนึ่งดังก้องอยู่ในสมองของเฟิงเย่เสวียนหนึ่งชีวิต หนึ่งชาติ เคียงคู่กัน…เฟิงเย่เสวียนชะงักเล็กน้อยหนึ่งชีวิต หนึ่งชาติ เคียงคู่กันหากจะให้เขาเลือกระหว่างเซียวจือฮว่ากับฉู่เชียนหลีให้ได้…มองไปทางศีรษะที่เชิดขึ้นของฉู่เชียนหลี ท่าทางที่ดื้อด้านเหมือนกับหมาป่าน้อย ดวงตาที่เปล่งประกายคู่นั้นเต็มไปด้วยสติปัญญาและการพึ่งพาตนเอง แผ่แรงดึงดูดที่มองไม่เห็นเขาจ้องนางอย่างลึกซึ้ง แววตาก็ค่อยๆ ขรึมลงผ่านไปพักใหญ่ริมฝีปากเปิด“ให้เวลาข้าหน่อย ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”ฉู่เชียนหลีถลนตาอย่าง
นางงับเขาไว้ก็ช่างเถอะ แต่ยังฉีกกระชากเหยื่อเหมือนหมาป่า ส่ายศีรษะ กระชากแรง ส่งเสียงคำราม ‘ฟ่อๆ’ ในลำคอเบาๆ เหมือนสัญชาตญาณสัตว์ป่ามากฝ่ามือใหญ่เฟิงเย่เสวียนจับหลังศีรษะนาง น้ำเสียงเคร่งขรึม“ปล่อย”“อ๊าๆ!”ไม่เพียงไม่ปล่อย แถมยังกัดแรงขึ้นคิ้วดาบของเขาคลายออก ไม่สนใจแล้ว ฝ่ามือใหญ่เลื่อนลงไปจับเอวเล็กของนางไว้ฉู่เชียนหลีรีบเงยหน้าหลบอย่างความรู้สึกไวทันที“เฟิงเย่เสวียน เจ้าอย่ามาบ้ากับข้า หากเจ้ากล้าบีบคั้นให้ข้าหลับนอนกับเจ้า ข้าจะกัดเจ้าให้ตายไปเลย!”ถลนตา แยกเขี้ยว ขนทั้งร่างตั้งตรง ท่าทางเหมือนแมวน้อยที่ยากจะทำให้เชื่องเฟิงเย่เสวียนหัวเราะ “เล่นไพ่?”นับว่าเป็นคำศัพท์ที่แปลกใหม่น่าสนใจ“เจ้าเป็นชายาของข้า ไม่นอนกับข้าจะนอนกับใคร? หากผู้ชายคนอื่นแตะโดนแม้แต่ปลายนิ้วของเจ้า ข้าจะสับเขาให้เป็นหมื่นชิ้น บดกระดูกโปรยทิ้ง” เฟิงเย่เสวียนมองดูนางด้วยรอยยิ้มลึกซึ้ง ทว่าน้ำเสียงที่เป็นมิตรกลับทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน ขนลุกขนพองท่าทางที่ไม่โกรธแต่มีความน่าเกรงขามนั่น ไม่ใช่แค่พูดไปอย่างนั้น เขาสามารถคุยกับนางอย่างยิ้มแย้ม วินาทีต่อมา ก็สามารถฆ่าคนอย่างยิ้มแย้มเช่นกันฉู่เ
นอกเรือนข้างเฟิงเย่เสวียนเดินออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ รอยยิ้มที่มุมปากหุบไม่ลงเสียทีหานเฟิงปรากฏตัว เมื่อเห็นรอยยิ้มแปลกๆ บนใบหน้าเขา ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ก็ไหนว่าพระชายากับผู้ชายแปลกหน้า…เหตุใดนายท่านยังหัวเราะได้เริงร่าเช่นนี้?“นายท่าน ท่าน!” เขารีบเดินเข้าไป “แม้ข้าน้อยเชื่อในนิสัยของพระชายา แต่ก่อนที่พระชายาจะแต่งงานกับท่านอ๋อง นางกับคุณชายตระกูลหานเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วัยเด็ก มีความสัมพันธ์ถึงสิบปีเต็ม หากลับหลังท่าน พวกเขา…”เฟิงเย่เสวียนยกฝ่ามือขึ้น ห้ามคำพูดของหานเฟิง หัวเราะอยู่สักพักก็ยังหยุดไม่ได้“นางไม่มีทางทำเช่นนั้น”เขารู้จักกลิ่นบนร่างกายฉู่เชียนหลีเป็นอย่างดี แม้นางด่าเขาในใจทุกวัน แต่ความประพฤติของนางเที่ยงตรง แยกแยะผิดถูก สิ่งที่ไม่ควรทำจะไม่ทำเด็ดขาดเซียวจือฮว่าน่าจะมองคนผิดหานเฟิงกลับไม่เข้าใจแต่นี่พระชายารองเซียวเป็นคนพูดเองเขาติดตามนายท่านสิบกว่าปีแล้ว พระชายารองเซียวก็ติดตามนายท่านสิบกว่าปีเช่นกัน เขากับพระชายารองเซียวก็นับว่าเติบโตมาด้วยกัน พระชายารองเซียวไม่น่าจะโกหกมองดูรอยยิ้มที่ยังไม่หายไปตรงมุมปากของนายท่าน ยิ่งสงสัยแล้ว“แล้วนายท่านท
หมาป่าขาวขนาดใหญ่ลงสู่พื้นพร้อมกับสายลม กรงเล็บอันแหลมคมขูดพื้น สายตาพกพาความดุร้าย เซียวจือฮว่าตกใจจนล้มก้นจ้ำเบ้า หน้าถอดสี เสียงกรีดร้องทำให้คนในเรือนตกใจเยว่เอ๋อร์วิ่งออกมาเป็นคนแรก “พระชายารองเซียว เหตุใดจึงเป็นท่าน…”“เกิดอะไรขึ้น?”ฉู่เชียนหลีถือถ้วยข้าวต้มไว้ในมือ นางจับขอบถ้วย เดินไปพลาง เงยหน้ากินไปพลาง“นายหญิง ท่านไม่เป็นอะไรกระมังเจ้าคะ!” เป่าอวี้รีบประคองเซียวจือฮว่า เซียวจือฮว่าเห็นหมาป่าตัวนั้น นางถึงกับเข่าอ่อนยืนไม่ไหวคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูในเรือนส่วนหลัง อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย การเดินทาง ทุกอย่างล้วนมีคนปรนนิบัติ สิบนิ้วไม่เคยทำงานหยาบ จะเคยเห็นหมาป่ายักษ์ที่ดุร้ายเชื่องยากและสามารถกินคนได้อย่างไร?สีหน้าเซียวจือฮว่าซีดขาว เกือบจับผ้าเช็ดหน้าในมือไม่อยู่ เงยหน้ามองไปทางฉู่เชียนหลีที่กินข้าวต้มอย่างสบายใจ น้ำตาแทบทะลักออกมาแล้วเป่าอวี้โมโหมาก “ใครก็ได้ ลากหมาป่าที่ชนพระชายารองเซียวตัวนี้ไปตีให้ตาย!”คนรับใช้สองคนกำลังจะก้าวเข้าไป เยว่เอ๋อร์ตะคอก“ดูสิว่าใครกล้า!”นางก้าวออกมา ยืนขวางอยู่ตรงหน้าเจ้าดำน้อย กางมือทั้งสองข้างออกเพื่อปกป้องมัน“หมา
เซียวจือฮว่าถูกเป่าอวี้ประคองไป งงงวยไปหมด “ท่านอ๋อง ความหมายของฮว่าเอ๋อร์คือ…ท่านอ๋อง…”เฟิงเย่เสวียนยกมือ “ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า ในเรือนพระชายามีสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ ต่อไปเจ้าจะไม่มาอีกแล้ว”เซียวจือฮว่า “?”“อีกอย่าง เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นสิทธิ์ของพระชายา ในเมื่อรู้ว่าอันตราย ก็ไม่ต้องมาเรือนของพระชายาอีก หากรู้ว่าอันตราย ก็ยังมา เช่นนั้นก็สมน้ำหน้าแล้ว!”เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่หน้าฉู่เชียนหลี ดวงตาสีหมึกที่เฉียบคมเหมือนนกอินทรีกวาดมองพวกบ่าวไพร่บรรดาบ่าวไพร่เกร็งหนังศีรษะ พากันก้มหน้าพูดพร้อมกัน“พวกเราน้อมรับคำสั่งท่านอ๋อง”จากนี้ไป หากไม่มีเรื่องสำคัญ จะไม่มารบกวนพระชายาอีกฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วขึ้น นับว่าได้ความสงบกลับคืนมาแล้ว เพียงแต่“เจ้าพูดก็ส่วนพูด แย่งข้าวต้มของข้าทำไม?”พลันเอื้อมมือออกไปแย่งชามข้าวต้มกลับมาจากมือเฟิงเย่เสวียน เงยหน้าดื่มไปหนึ่งคำ เดินกลับเข้าเรือนอย่างสบายใจ——อ๋องหลีจะแต่งงาน ฉันควรซื้อของขวัญแบบไหนให้เขาดีนะ?เฟิงเย่เสวียนเงี่ยหูฟัง ได้ยินเสียงในใจของนางแล้วของขวัญอวยพรสำหรับงานแต่งอ๋องหลีย่อมต้องถูกจัดเตรียมโดยจวนอ๋องเฉิน หรือนางจะมอบของขวัญ
นางกำนัลรีบอุ้มเด็กเดินเข้าไปฉู่เจียวเจียวรับมาเบาๆ “ฉินเอ๋อร์เป็นเด็กดีนะ ไม่ร้องแล้ว เสด็จแม่อยู่นี่”ตบหลังปลอบใจนางเบาๆทว่าลู่ฉินยิ่งร้องไห้หนักแล้ว“อุแว้!”อ้าปาก เสียงร้องไห้ดังเป็นพิเศษ น้ำตาร่วงเป็นเม็ดๆ ราวกับลูกปัดที่เชือกขาดแก้มทั้งสองข้างแดงก่ำ“อุแว้! ฮือๆ…”นางสะอึกสะอื้น นางกระสับกระส่ายจู่ๆ ก็มาถึงสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จัก รู้สึกไม่ปลอดภัย นางไม่อยากอยู่ที่นี่ นางอยากกลับไปหาท่านแม่“ไม่ร้อง เป็นเด็กดีนะ” ฉู่เจียวเจียวกล่อมนาง “เจ้าเป็นองค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวของแคว้นตงหลิง เรียกลมได้ลม เรียกฝนได้ฝน น้ำตาก็เหมือนกับเมล็ดถั่วทองคำ จะร้องไห้ส่งเดชได้อย่างไร?”“เจ้าเลิกร้องได้แล้ว เสด็จแม่ซื้อเครื่องประดับให้เจ้าสองชุด เป็นอย่างไร?”เฟิงเจิ้งลู่ฉิน “อุแว้!”นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ “...”อยากพูดแต่ก็ลังเลเห็นได้ชัดว่าฉู่เจียวเจียวเลี้ยงลูกไม่เป็น ไม่มีประสบการณ์ และกล่อมไม่เป็น แม้แต่ท่าอุ้มของนางก็ดูแข็งมาก“ถ้ายังไม่พอ ซื้อบ้านในเมืองหลวงให้เจ้าสองหลัง? ถ้าหากเจ้ารู้สึกเหงา ข้าก็ให้ลูกๆ ของขุนนางเข้าวังมาเล่นกับเจ้า”ฉู่เจียวเจียวกล่อมนาง“วันนี้เป็นวันด
ขบวนของอ๋องหลีลงจากสะพาน ถอนกำลังอย่างรวดเร็ว พวกเขามาอย่างเร่งรีบ และจากไปอย่างเร่งรีบ หายไปในความมืดอย่างว่องไวฉู่เชียนหลียืนอยู่ตรงที่เดิมบนสะพานลมแรง อากาศเย็นในยามค่ำคืนลมหนาวลอยมา พัดชายเสื้อของนางปลิวขึ้น ความเย็นปะทะใบหน้า ไร้ซึ่งความอบอุ่น ระหว่างคิ้วของนางเต็มไปด้วยความกังวลนางไม่ต้องการให้เกิดสงครามและยิ่งไม่ต้องการให้นางเป็น…ต้นเหตุของสงคราม“เชียนหลี”เฟิงเย่เสวียนเดินมา ดึงกระชับเสื้อให้นางจากข้างหลัง อุ้มนางขึ้นม้า หมุนกายกลับเจียงหนาน“เลิกห่วงลู่ฉินได้แล้ว หลังจากนางกลับไป ชีวิตไม่แย่ไปกว่าตอนนี้แน่นอน”ด้านหนึ่งฉู่เชียนหลีเป็นห่วงเฟิงเจิ้งลู่ฉิน อีกด้านหนึ่งคือกังวลคำพูดที่เฟิงเจิ้งหลีพูดทิ้งท้านก่อนไปเป็นอย่างที่คิดความกังวลกลายเป็นจริงวันถัดมาเกิดสงครามขึ้นในเมืองแห่งหนึ่งแถบชายแดนเจียงหนานตอนกลางคืนกะทันหัน เนื่องจากไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนใดๆ เมืองจึงถูกยึดโดยไม่ทันตั้งตัวในชั่วข้ามคืน และมีการปักธงของฮ่องเต้หลีบนกำแพงเมืองเมืองถูกยึดครอง ราษฎรอพยพมีการส่งข่าวกลับเจียงหนานอย่างเร่งด่วน เฟิงเย่เสวียนจัดการเรื่องนี้ทันทีตอนที่ฉู่เชียนหลีรู้ ก
ถึงกำหนดเวลาสามวันแล้วทางอ๋องเฉินตกลงที่จะส่งองค์หญิงลู่ฉินคืน เฟิงเจิ้งหลีมารับด้วยตัวเอง กองทัพทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันที่บนสะพานแม่น้ำอูหลานฝั่งนี้ของแม่น้ำคืออ๋องเฉินพร้อมด้วยกองทัพที่อาวุธครบมือ เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉินตลอดเวลาอีกฟากของแม่น้ำคือคนของอ๋องหลี ซึ่งมีทหารมายมากราวกับคลื่นสีดำเช่นเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายแข็งแกร่งพอกันฉู่เชียนหลีอุ้มเฟิงเจิ้งลู่ฉินที่ยังเด็ก เดินขึ้นสะพานภายใต้การคุ้มกันขององครักษ์ลับเฟิงเจิ้งหลีขี่ม้าขึ้นไป ทั้งสองสบตาห่างกันเจ็ดแปดเมตรเมื่อเจ็ดวันก่อน เขายืนอยู่ที่ริมแม่น้ำ มองดูนางจากไปต่อหน้าต่อตาเจ็ดวันต่อมา พบกันใหม่อีกครั้งนางยังคงเป็นนาง“แม่” ลู่ฉินน้อยใช้ดวงตาที่รู้ความและบริสุทธิ์กวาดมองสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จักด้วยความสงสัย กอดคอและมุดเข้าไปในอ้อมแขนของมารดาอย่างกระสับกระส่ายฉู่เชียนหลีหลุบตา“ข้าไม่ใช่แม่เจ้า…”เสียงเบามากๆ มีเพียงนางที่ได้ยิน“แม่?”ลู่ฉินเงยหน้ามองมารดาอย่างไร้เดียงสา กล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนิ่ม “กลับ กลับบ้าน…กลับ”มือน้อยๆ จับเสื้อของนางทันใดนั้น ฉู่เชียนหลีแน่นหน้า อยากเด็ดขาด แต่ทำไม่ลงแล้ว ทั้
สองมือจะสามารถอุ้มเด็กสามคนได้อย่างไร?ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เพื่อแสดงความยุติธรรม เช่นนั้นก็ไม่อุ้มเลยสักคน ลูบศีรษะน้อยๆ ของพวกเขา ถือเป็นการแสดงความรักต่อพวกเขาแล้วเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยแบะปาก หันหน้าอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย คลานไปเล่นคนเดียวเองแล้วเฟิงเจิ้งเว่ยซีอีอาๆ ก็ไปเล่นกับเขาเฟิงเจิ้งลู่ฉินมองไปทางพี่สาวและน้องชาย หลังจากกะพริบตาปริบๆ เข้าไปกอดขาของบิดา ร้องด้วยเสียงที่นุ่มนิ่ม“พ่อ…”คิ้วของเฟิงเย่เสวียนขมวดเล็กน้อย เวลาเผชิญหน้ากับเด็กคนนี้ เขารู้สึกสับสนมากลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ก้มลงไปอุ้มเด็กขึ้นมามือน้อยๆ ของลู่ฉินกอดคอของเขา จากนั้นยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเขาอย่างติดคนมั๊วะ…“พ่อ! อุ้ม…พ่อ…”เสียงพูดอาๆ ยังไม่ชัดมากนัก แต่การพึ่งพาและความชอบที่ลูกมีต่อพ่อ การกระทำของนางได้แสดงทุกอย่างออกมาแล้วเฟิงเย่เสวียนเม้มปากแน่นแม้แต่ฉู่เชียนหลีที่นั่งอยู่ข้างๆ สายตาก็ขรึมลงแล้วทั้งสองเงียบ แต่บรรยากาศที่หนักอึ้งอบอวลในอากาศแล้ว…เหลือเวลาพรุ่งนี้อีกหนึ่งวัน ก็ถึงกำหนดเฟิงเจิ้งหลีขอลูกคืนแล้วถ้าหากไม่คืน ก็จะเดินทัพถ้าหากเฟิงเจิ้งลู่ฉินนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจ และ
ภายในห้องผ่านไปแล้วสองชั่วยามเต็มๆ ในที่สุดฉู่เชียนหลีก็วางมือ เช็ดเหงื่อบนหน้าผากอย่างเหนื่อยล้า ส่วนจิ่งอี้นอนหมดสติอยู่บนเตียงลมหายใจแผ่วเบาการขึ้นลงของหน้าอกก็เบามาก บาวจนแทบมองไม่เห็น ใบหน้าซีดเผือกเหมือนกับคนตาย ราวกับเป็นศพที่แข็งทื่อร่างหนึ่งโชคดีมากรอดมาได้ส่วนจะฟื้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเจตนาสวรรค์ฉู่เชียนหลีเปิดประตู เดินออกไปข้างนอก เฟิ่งหรานและคนอื่นกรูกันเข้ามาอย่างแทบรอไม่ไหว หลังจากรู้สถานการณ์คร่าวๆ คนของสำนักอู๋จี๋รีบเข้าไปเยี่ยมเฟิ่งหรานยืนอยู่ที่หน้าประตู เงยหน้ามองแวบหนึ่ง ไม่ได้เข้าไป“ข้าพยายามแล้ว” ฉู่เชียนหลีถอนหายใจเบาๆถ้าหากฟื้น ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลถ้าหากไม่ฟื้น…เฟิ่งหรานหลุบตา “ข้ารู้…”เขาแค่คิดไม่ถึงว่าจิ่งอี้ที่สามารถมองข้ามกระทั่งความชอบธรรมของบ้านเมือง สุดท้ายกลับมาเสียท่าเพราะผู้หญิงนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในหลายปีนี้…เขากล่าวเบาๆ “คุณหนูไม่มีอะไรจะถามหรือ?”ถามอะไร?เพราะเหตุใดจึงถูกจับ?คนพวกนั้นเป็นใคร?ฐานะของจิ่งอี้ฉู่เชียนหลีแค่เหลือบมองเขาแวบหนึ่งหลังจากเฟิ่งหรานลังเลครู่หนึ่ง ก็ไม่ปิดบังอีก เขาสารภาพทุกอย่าง “ที่จริ
ชีวิตครึ่งหนึ่งใช้เลี้ยงกู่แพทย์ ชีวิตอีกครึ่งหนึ่ง ตายเพราะกินยาพิษฆ่าตัวตายจิ่งอี้ยอมแลกด้วยชีวิตของตัวเองเพื่อนาง หนี้ที่เคยติดค้าง ก็คงจะหายกันแล้วกระมังเฟิ่งหรานมองนาง ถามอย่างระมัดระวัง“คุณหนูบอกว่า สถานการณ์ของจิ่งอี้แย่มาก โอกาสที่จะฟื้นมีแค่หนึ่งส่วน ถ้าหากเขาตายแล้ว เจ้าให้อภัยเขาได้หรือไม่?”อวิ๋นอิงหลุบตาให้อภัย…นึกถึงอดีต นางเจ็บปวดเช่นนั้น สิ้นหวังเช่นนั้น ต่อให้อ้อนวอนขอร้อง ก็ไม่สามารถหยุดการแก้แค้นของเขานางไม่มีวันลืมช่วงเวลาที่เจ็บปวดนั่นเฟิ่งหรานไม่ได้รับคำตอบ หัวใจค่อยๆ จมลงทีละนิด“คนตายแล้ว เกลียดชังยังมีความหมายหรือ?”เขาลองเปลี่ยนวิธีพูด เพื่อลดความเกลียดชังในใจของนาง“เขาตายเพื่อเจ้า”เมื่ออวิ๋นอิงได้ยินคำพูดนี้ เงยหน้าขึ้น สีหน้าเย็นชาและแข็งกระด้าง “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? จะใช้ศีลธรรมมาบีบคั้นข้าหรือ?”เพราะจิ่งอี้ตายเพื่อนาง นางก็ต้องให้อภัยจิ่งอี้?หมายถึงเช่นนี้หรือ?เฟิ่งหรานชะงัก“ข้าไม่…”“เฟิ่งหราน เจ้าไม่เคยเจอในสิ่งที่ข้าเคยเจอ ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจหรือวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของข้า เจ้าไม่มีวันรู้ว่าตอนนั้นข้าเจ็บปวด
“เจ้า!”หน้าอกจิ่งอี้กระตุก ทุกครั้งที่อารมณ์ขึ้นลง เลือดที่กระอักออกมายิ่งมาก สีหน้าซีดขาวอย่างรวดเร็ว หายใจถี่ดิ้นรนครั้งสุดท้ายลมหายใจรวยรินตายได้ทุกเมื่อจ้านหู่ก็เป็นคนมีน้ำใจเช่นกัน “องค์ชายใหญ่ เจ้าวางใจเถอะ ต่อให้วันนี้ข้าไม่ฆ่าเด็กคนนี้ ราชินีรู้แล้ว ก็จะส่งคนมาฆ่าอยู่ดี”“แล้วเหตุใดเจ้าต้องให้เด็กคนหนึ่งที่ไม่มีพ่อ มาทุกข์ทรมานบนโลกใบนี้?”“เจ้าชอบผู้หญิงคนนี้ ข้าจะไม่ทำร้ายนาง รอเอาเด็กไปแล้ว ก็จะส่งนางกลับเมืองเจียงหนานอย่างปลอดภัย”“อ่า…เจ้า…แค่ก…แค่กๆ…”จิ่งอี้โกรธจนตาแดง รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายในร่างกาย คลานเข้าไปอย่างสุดชีวิตมีคนสองคนเข้ามากดเขาไว้เขากระอักเลือดไม่หยุด มีเส้นเลือดสีฟ้าปูดขึ้นที่หน้าผาก โกรธสุดขีด แต่ดิ้นรนไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูต่อหน้าต่อตาจ้านหู่กล่าวกับอวิ๋นอิง“แม่นาง เด็กคนนี้ไม่ควรเกิดมาบนโลกใบนี้ เจ้าหลับตา ข้าแค่ถีบไปที่ท้องของเจ้าแรงๆ ทีหนึ่ง ครู่เดียวก็เสร็จแล้ว”หน้าอวิ๋นอิงซีดเล็กน้อย มือสองข้างกำหมัดแน่นมือถูกมัดไว้ และยังอยู่ในป่าในเขา เรียกฟ้าฟ้าไม่ตอบ เรียกดินดินไม่ขาน ไม่มีใครสามารถปกป้องเด็กคนนี้หรือแม้แต่สายเลือดเพ
“?!”อวิ๋นอิงเบิกตามองจิ่งอี้ที่อยู่ไกลออกไปเจ็ดแปดเมตรอย่างตะลึง ราวกับหูฝาด นางเห็นจิ่งอี้อ้าปาก พูดคำคำหนึ่งออกมาอย่างสงบ “ได้”ครั้งนี้ ได้ยินชัดเจนมาก ไม่ใช่หูฝาดเขายอมกินยาฆ่าตัวตายเพื่อนางจริงๆ?แม้แต่พวกนักฆ่าก็คิดไม่ถึงชายหยาบกระด้างถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้ายินดีจริงหรือ?”เมื่อไรที่เขาตายแล้ว องค์ชายรองที่ให้กำเนิดโดยราชินีจึงจะสามารถนั่งบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง เขายินดีสละสิทธิ์การสืบทอดอำนาจของแคว้นซีอวี้เพื่อผู้หญิงคนนี้จริงๆ?แคว้นกับผู้หญิงเขาเลือกผู้หญิง!จิ่งอี้เม้มริมฝีปากบาง มองไปทางอวิ๋นอิงอย่างลึกซึ้งเดิมทีเขาก็ไม่สนใจฐานะองค์ชายอะไรอยู่แล้ว และไม่สนใจแคว้นกับการสืบทอดเช่นกัน สิ่งเดียวที่เขาต้องการ คือการให้อภัยของอวิ๋นอิง คือนางกับลูกปลอดภัยตายแล้วอย่างไร?นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เขาติดค้างอวิ๋นอิงเขากุมยาพิษในมือ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ข้าตายได้ แต่เจ้าต้องสาบาน ห้ามทำร้ายนางเด็ดขาด”“ได้ ตรงดี!”ชายหยาบกระด้างก็เป็นคนตรงไปตรงมาเช่นกันคนของแคว้นซีอวี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนตรงไปตรงมาและเด็ดขาด เรื่องที่สามารถทำเสร็จโดยตรง ไม่เคยอ้อมค้อมเขาล
ชานเมืองข้างถนนเก่าในทุ่งนา ชายฉกรรจ์หลายคนที่สวมเสื้อผ้าที่เย็บจากหนังสัตว์และถือดาบทรงโค้ง จับผู้หญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งไว้ กำลังสนทนาด้วยน้ำเสียงที่หยาบกระด้าง“เขาจะมาหรือไม่?”“ต่อให้ไม่มาก็ไม่เป็นไร ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ฆ่าแล้วก็ฆ่าเลย”“คิดไม่ถึงว่ามีลูกแล้ว…”เสียงของพวกเขาแหบและดังมาก เหมือนกับเสียงร้องของแม่ไก่แม่เป็ดแก่ บางครั้งก็ถมน้ำลาย บางครั้งก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย แต่ละคนพาแผ่กลิ่นอายที่จองหองของอันธพาลอวิ๋นอิงนั่งอยู่บนก้อนหิน สองมือถูกมัดไพล่หลัง ไม่เข้าใจเนื้อหาสนทนาของพวกเขา นั่งหลุบตาเงียบๆ เพื่อลดการมีตัวตน มือที่อยู่ข้างหลังกดเชือก ค่อยๆ ถูกับขอบก้อนหิน…ถูไปถูมาไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร“เขามาแล้ว!”เสียงอุทานเบาๆ ทำให้นางเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวกลับเห็นร่างเงาสีดำสายหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลใช้วิชาตัวเบาพุ่งมาทางนี้ในพริบตา ที่แท้คือ…จิ่งอี้!“เจ้ามาจริงๆ ด้วย!” ชายหน้าตาหยาบกระด้างลุกขึ้นด้วยความประหลาดใจ จากนั้นในแววตาก็เต็มไปด้วยความดีใจ และหัวเราะออกมาเสียงดังฮ่าๆๆ!คิดไม่ถึงจริงๆ องค์ชายองค์ใหญ่แห่งแคว้นซีอวี้ เร่ร่อนอยู่ข้างนอกยี่สิบกว่าปี ลอบสังหา