ไม่เคยมีใครกล้าดูถูกเขา และมองข้ามเขาเช่นนี้มาก่อนไม่มีเคยมีใครทำเช่นนี้!“ข้าไม่ได้เรียกท่านให้รีบกลับมาเสียหน่อย ข้าเรียกท่านกลับมางั้นหรือ?” มือทั้งสองข้างฉู่เชียนหลีออกแรงผลักแผ่นอกของเขาออก ถอยหลังได้ก็จะวิ่งหนี“ฉู่เชียนหลี!”เฟิงเย่เสวียนจับหัวไหล่เอาไว้ พยายามกดนางกลับลงไปบนเก้าอี้“ในใจของข้ามีเจ้า ถึงได้เป็นห่วงเจ้า อย่าท้าทายความอดทนของข้า!” เขามองลงต่ำ น้ำเสียงเคร่งขรึมมาก ราวกับว่าเพียงแค่ฉู่เชียนหลีพูดอีกแม้แต่ประโยคเดียว เขาก็จะระเบิดอารมณ์ฉู่เชียนหลีราวกับได้ยินเรื่องตลกอะไรในใจของเขามีนาง?นอกจากตัวนางเองแล้ว ก็ไม่เชื่อใครหน้าไหนทั้งนั้นไม่ว่าเขาจะรักนางก็ดี จะวางแผนร้ายต่อนางก็ดี เธอไม่สนใจ มองทุกอย่างออกหมดแล้ว“ข้าเพียงแค่ทำเรื่องที่อยากทำเท่านั้นเอง ท่านจะมาโมโหใส่ข้าทำไม? หรือว่าข้าเดินกี่ก้าว กินข้าวกี่คำ ทำอะไร ดูอะไร หายใจกี่ครั้ง ต้องรายงานให้ท่านทราบทุกอย่าง?”“ข้ากำลังพูดถึงเรื่องที่เจ้ากลับมาจากเมืองเซียงหนานตามลำพัง!”อย่าพูดเรื่องที่เหลวไหลพวกนี้“เจ้าไม่แม้แต่จะบอกกล่าวก็กลับมา เจ้าเห็นข้าเป็นอะไร? ไม่รู้ว่าข้าจะเป็นห่วงหรือ?” ชายหนุ่มซั
เฟิงเย่เสวียน “ห้ามพูดคำหยาบ ข้าพูดกับเจ้า จำได้แล้วหรือไม่?”“...”คนที่ทำเรื่องเลวทรามเห็นชัด ๆ ว่าเป็นเขา เขายังมีหน้ามาทำท่าทางสั่งสอนนางอีกประสาท!การหัวเราะครั้งนี้ หัวเราะจนนางลืมความโมโหไปจนหมดสิ้นอันที่จริง เขาได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาทให้ไปเมืองเซียงหนานเพื่อตามหาตัวหมอผีอวี๋เจวี๋ยจื่อ เป็นนางเองที่ทำเกินไป ถึงได้โมโห นางโมโหที่ตัวเองรู้สึกซาบซึ้งใจมากเกินไป เชื่อใจง่ายเกินไปกลับมาหลายวันนี้ นางคิดตกแล้วว่าจะไม่มีทางเชื่อคำใครง่าย ๆ อีกแต่ว่า การกระทำเมื่อครู่นี้ของเขาดูตลกจริง ๆ ฉู่เชียนหลีหัวเราะจนแทบลุกไม่ขึ้น “อยู่ดี ๆ ท่านไปตีคนอื่นทำไม ท่านเป็นบ้าหรือ ถ้าหากหากเป็นองครักษ์คนนั้นละก็ ข้าคงพุ่งเข้าหาท่านแล้วจะ...”“หืม?”เสียงพูดที่ยิ่งเบาลงเรื่อย ๆ สายตาของชายหนุ่มที่หรี่เล็กลงก็ยิ่งอันตรายขึ้นเรื่อย ๆ เสียงคำว่า ‘หืม’ ที่แฝงไปด้วยการตักเตือนออกมาจากลำคอ หางเสียงลากยาว ราวกับกำลังถือดาบเล่มใหญ่ที่ไร้รูปร่างเล่มหนึ่ง วางพาดที่บนลำคอของฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลี “...”ยังข่มขู่นางอีกผู้ชายสารเลว!เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ก่อนหน้านี้ข้าไปร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปร
ผู้ชายเชื่อฟัง รู้ความ ในเวลาเดียวกันก็ลึกซึ้งเสียจนหัวใจของฝ่าบาท ยิ่งรู้สึกละลายใจยิ่งกว่าเดิมวางฎีกาในมือลง ถอนหายใจ เรื่องที่ผ่านไปแล้วเอ่ยอีกก็ไม่มีประโยชน์ เด็กคนนี้เฉลียวฉลาด หวังแค่เพียงในใจของเขาไม่ได้เกลียดเขาจริง ๆ เป็นการเชื่อฟังอย่างแท้จริงฝ่าบาทพุ่งเป้าไปที่เรื่องของการลาดตระเวนทางใต้ ได้ทำข้อสรุป หลังจากชมทั้งสองคน ก็เอ่ยเรื่องที่เป็นห่วงขึ้น“ตามหาตัวหมอผีอวี๋เจวี๋ยจื่อเจอหรือไม่?”เฟิงเย่เสวียนกล่าว “เขาเสียชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เขาไม่พูดให้มากความ เพียงแค่พูดสั้น ๆ ไม่กี่ประโยคเท่านั้นหลังพูดจบ เขาเดินไปที่ข้างกายของฝ่าบาท กระซิบที่ข้างหูไม่กี่ประโยค...ดวงตาของฝ่าบาทเคร่งขรึม ไม่ได้พูดอะไรมาก โบกมือ คนทั้งสองก็ถอยออกไปหลังจากที่เขาจัดการเรื่องการลาดตระเวนทางใต้เรียบร้อย การนั่งเอนหลังพิงพนักอย่างสบายเมื่อครู่ ก็มีเสียงไออู้อี้ดังขึ้น“แค่ก แค่ก ๆ !”“ฝ่าบาท” หัวหน้าขันทีที่รีบยกน้ำชาร้อนถ้วยหนึ่งมาถวาย วางไว้ใกล้มือของฮ่องเต้ แล้วเดินมาที่ด้านหลังเขา ช่วยตบที่แผ่นหลังของเขาเบา ๆ เพื่อผ่อนคลายอาการฝ่าบาทไอติดต่อกันอีกหลายครั้ง ถึงอาการดีขึ้น สีหน้าดูซีดข
จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่วันนี้เป็นวันมงคล สินสอดทองหมั้นของจวนอ๋องหลีส่งมาถึงแล้ว~ถึงแม้ว่าอ๋องหลีจะไม่ได้รับความโปรดปรานตั้งแต่เด็ก แต่ขนาดของสินสอดทองหมั้นถือว่าจัดได้อย่างเคร่งครัด จำนวนเท่ากันกับตอนที่องค์ชายองค์อื่นสมรสบรรดาคนรับใช้กำลังวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา“คนหนึ่งเป็นคุณหนูที่เกิดจากอนุ คนหนึ่งเป็นท่านอ๋องที่ไม่ได้รับความโปรดปราน ทั้งสองคนช่างเหมาะสมกันเสียเหลือเกิน”“ถูกต้อง ข้าสามารถจินตนาการได้เลยว่า หลังจากที่คุณหนูสามแต่งงานออกไป อยู่ด้วยกันกับอ๋องหลี เฝ้าเรือนหลังใหญ่หลังนั้นของจวนอ๋อง อยู่โดดเดี่ยวไปจนแก่”“พรืด...”พวกคนรับใช้แอบหัวเราะ ทันใดนั้น น้ำเสียงเย็นยะเยือกก็ดังลอดเข้ามา“กำลังวิพากษ์วิจารณ์อะไรกันอยู่หรือ!”คนรับใช้พวกนั้นเงยหน้ามองด้วยจิตใต้สำนึก ตกใจจนสั่นเทาไปทั้งตัว แต่ละคนรีบหุบปากสนิท ไม่กล้าพูดมากอีกแม้แต่คำเดียวฉู่เจียวเจียวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าบึ้งตึง กวาดสายตามองทุกคนอย่างเย็นชา“พวกสารเลวเช่นพวกเจ้าชอบนินทาลับหลัง ในเมื่อชอบพูดนัก เช่นนั้นข้าจะให้พวกเจ้าได้พูดเสียจนพอใจ”“ใครก็ได้ ตัดลิ้นของพวกมันทิ้งแล้วเอาไปให้หมากิน!”คนรับใช้ทั้งสี่
ตบไม่ได้หากลงไม้ลงมือไป ถึงเวลา ตอนที่ฝ่าบาทเข้าร่วมงานแต่งงานของอ๋องหลีแล้วทรงทอดพระเนตรเห็นละก็...แต่ถ้าไม่ตบ ความโมโหภายในใจของนางก็ไม่สามารถหายไปได้โมโหจะตายอยู่แล้ว!“คุณหนูสาม พระชายาอ๋องเฉินมาแล้ว ตอนนี้อยู่กับฮูหยินอัน” เวลานี้ เด็กรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามารายงานฉู่เจียวเจียวเลิกคิ้วทีหนึ่ง ยกมือขึ้นอย่างสง่างาม“น้องสาวคนนี้ของข้ากลับมาแล้ว ไปกันเถอะ”สาวใช้ประคองนางพลางเดินออกไป พลางถอนหายใจอย่างไม่ตั้งใจ“เฮ้อ ชีวิตของคนเราช่างไม่แน่นอนเสียจริง พวกเราสองพี่น้องเป็นลูกอนุ แต่กลับได้เป็นถึงพระชายา นี่เกรงว่าจะเป็นเพราะเกิดมาพร้อมกับบุญวาสนา”ฉู่ซวง “!”คำพูดประโยคนี้เห็นได้ชัดว่าพูดให้นางฟัง!หานมู่ซีเป็นผู้ชายที่เธอชอบมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ว่าตอนนี้เขายังไม่ประสบความสำเร็จ แต่เป็นเพราะมีบิดาคอยสนับสนุน ไม่ช้าก็เร็วพี่มู่ซีจะต้องทำให้คนต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ฉู่เจียวเจียวนังแพศยา ยังไม่ทันเป็นพระชายาอ๋องหลี ก็โอ้อวดแสนยานุภาพต่อหน้าของนางเสียแล้วฉู่ซวงหรี่ดวงตา มองภาพเบื้องหลังของฉู่เจียวเจียวที่เดินออกไป สายตาฉายแววความโหดร้ายเป็นอย่างยิ่งออกมาแวบหนึ่งอยากจะให้
นางอันพูดได้อย่างสมเหตุสมผลฉู่เชียนหลีกลับยิ้ม “ใช่ ท่านแม่พูดถูกต้อง ระหว่างพี่น้องควรจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ปัญหาคือเป็นข้าที่ต้องคอยช่วยเหลือพี่สามตลอด เหมือนว่าพี่สามจะไม่ได้ช่วยเหลืออะไรข้าสักเท่าไหร่เลยกระมัง?”เอ่อ...คำพูดประโยคนี้ทำให้นางอันฉู่เจียวเจียวต่างก็อึ้งไป“ตอนนั้น เดิมทีคนที่ควรจะแต่งงานกับอ๋องเฉินก็คือพี่สาม แต่พี่สามกลับหลอกลวงให้ข้าดื่มน้ำชาที่ใส่ยาลงไป ทำให้ข้ากับอ๋องเฉิน...”ฉู่เจียวเจียวสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเรื่องนี้เป็นฝีมือของนางจริง ๆ ...เนื่องจาก นางรู้ว่าในใจของอ๋องเฉินมีเซียวจือฮว่าเพียงคนเดียวเท่านั้น นางแต่งไปมีแต่จะเป็นแม่ม่ายเท่านั้นนางชื่นชอบอ๋องหลีนางไม่อยากแต่งงานกับอ๋องเฉิน โดดเดี่ยวไปจนตายเพื่อความสุขของตนเอง นางจึงผลักฉู่เชียนหลีออกไป แต่ไฉนจะรู้เลยว่าหลังจากฉู่เชียนหลีที่ไม่มีผู้ใดสนใจมาสามเดือน คิดไม่ถึงว่าจะได้รับความโปรดปรานนางเหลือบตาทันที จับมือของฉู่เชียนหลีอย่างสนิทสนม“โอ๊ย น้องหญิงที่รักของข้า เจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าจะทำร้ายเจ้าได้อย่างไรกันล่ะ? จะต้องเป็นฝีมือของสองพี่น้องฉู่หงหลวนกับฉู่ซวง!”ฉู่หงหลวนก
ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงเย็นเยือก“ข้าได้ช่วยพี่สามไปรอบหนึ่งแล้ว ตอนนี้ พี่สามติดค้างข้าหนึ่งครั้ง เมื่อใดที่พี่สามช่วยข้า ข้าค่อยช่วยพี่สามต่อ”ให้อ๋องหลีไปลาดตระเวนทางใต้กับอ๋องเฉิน นางได้ระมัดระวังอย่างยิ่งแล้วจะให้อ๋องหลีเข้าหกกรมอีก?ทำไม?เมื่อคำพูดประโยคนี้หลุดออกไป คนอื่นจะมองนางเช่นไร? ยังคิดว่านางเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง จะสอดมือเรื่องของผู้สืบทอดราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยานที่จะควบคุมสถานการณ์แต่ว่า นางสามารถใช้ประโยชน์จากความมุ่งหวังให้สำเร็จผลโดยเร็วโดยไม่สนวิธีใดๆสองคนแม่ลูกฉู่เชียนหลีกุมตำหนิบนใบหน้า ค่อย ๆ เหลือบตาตา“ถ้าหาก...ตำหนิบนใบหน้าของข้าสามารถเลือนหายไปได้ละก็ อ๋องเฉินก็จะยิ่งโปรดปรานข้ายิ่งกว่าเดิม ถึงเวลา ข้าก็จะทุ่มเทแรงกายแรงใจช่วยพี่สามมากกว่าเดิม”พูดจบ หันหลังกลับแล้วเดินจากไปแต่ดวงตาของฉู่เจียวเจียวกลับมีความตื่นเต้นพลุ่งพล่านออกมา“ท่านแม่...”กำลังจะอ้าปากพูด นางอันก็ส่งสายตาห้ามปรามนางเอาไว้ฉู่เจียวเจียวสังเกตถึงอะไรบางอย่าง ก็รีบหุบปากทันที มองแผ่นหลังของฉู่เชียนหลีที่พึ่งเดินออกไปจากประตูอย่างระแวงเมื่อหันหลังให้ทั้
อยู่ดี ๆ เซียวจือฮว่าก็เชิญนางไปหา?ใช้หัวแม่โป้งเท้าคิด ก็รู้ว่านั่นจะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอกเสียจากฉู่เชียนหลีจะว่างจนไม่มีงานทำ ถึงจะวิ่งเข้าหาปลายกระบอกปืน จึงปฏิเสธไปโดยไม่ต้องคิด“ข้ายังมีธุระอีก ไม่ไป หากนางมีธุระก็ส่งคนมาแจ้งก็พอ”นางกับเซียวจือฮว่าไม่มีอะไรต้องคุยกันมีอะไรต้องคุย?ศัตรูหัวใจ?แย่งผู้ชาย?เป่าอวี้ตะลึงงันไป “พระชายา...”นับตั้งแต่พระชายารองเซียวเข้ามาที่จวนอ๋องเฉิน มีผู้ใดไม่เคารพ ไม่ประจบสอพลอ ยังไม่เคยมีใครปฏิเสธคำเชิญของพระชายารองเซียวมาก่อน พระชายาเป็นคนแรกแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรมาก พระชายาก็ได้เดินจากไปแล้วเรือนหมิงเยว่เพล้ง!ถ้วยชาถูกปาลงไปบนพื้นอย่างแรง แตกกระจายเต็มพื้น น้ำชาและใบชาสาดกระเซ็นเต็มพื้น มือทั้งสองข้างของเซียวจือฮว่ายันโต๊ะทำงานเอาไว้ โมโหจนถึงขีดสุดนางยังไม่ได้สูญเสียความโปรดปรานเลยนะ!คิดไม่ถึงว่าฉู่เชียนหลีจะหยิ่งยโสขนาดนี้ไม่ได้ท้อง และไม่ได้คลอดลูกให้เลยแม้แต่คนเดียว คิดไม่ถึงว่าจะชูคอขนาดนี้!เรือนข้างภายในเรือนที่สะอาดสดชื่น ใต้ต้นไห่ถัง มีเก้าอี้โยกที่ทำจากไม้หนานตัวหนึ่ง ฉู่เชียนหลีนอนอยู่ด้านบนอย่างเกียจค