จิ่งอี้อ้าปาก คำพูดมาถึงปลายลิ้น เสียงคำนับของเยว่เอ๋อร์ดังมาจากนอกประตู“คำนับท่านอ๋อง”เฟิงเย่เสวียนมาแล้วจิ่งอี้กลืนคำพูดที่อยู่ปลายลิ้นกลับเข้าไป ประสานมือคำนับทำท่าบอกลาฉู่เชียนหลี ร่างกายสั่นไหวฉับพลัน กระโดดออกไปจากหน้าต่างพริบตาที่ร่างเงาหายไป เฟิงเย่เสวียนในชุดผาวสีหมึกผลักประตูเข้ามา“เชียนหลี”สายตาของฉู่เชียนหลีละจากหน้าต่างไปที่เฟิงเย่เสวียน มองเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขา ความรู้สึกแรก :เขาไม่ได้มาดีแน่เป็นอย่างที่คิด…เขาเอ่ยปาก “เยว่เอ๋อร์บอกว่าเจ้าพูดว่าหนาวตลอด ร่างกายของข้าอุ่น ตั้งใจมานอนกับเจ้าโดยเฉพาะ”“?”พูดจาฟังดูดีมาก!เห็นได้ชัดว่าอยากนอนกับนาง!ฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะ พลางบีบขาที่ด้านชาทั้งสองข้าง ขยับลงจากเตียงอย่างลำบากเล็กน้อย “ข้าไม่หนาว”“เยว่เอ๋อร์ไม่พูดโกหก เจ้าหนาว” เฟิงเย่เสวียนใช้สายตาที่ ‘ข้ามองออกหมดแล้ว เจ้าไม่ต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง’ มองนาง“ข้าไม่หนาวจริงๆ”เฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามา “เจ้าหนาว”“ข้าไม่…โอ๊ย!” ขาสองข้างของฉู่เชียนหลีเพิ่งลงจากเตียง ก็ชาจนยืนไม่ไหว ล้มเข้าไปในอ้อมแขนของเฟิงเย่เสวียนเมื่อเงยหน้าขึ้น ก็สบตาเข้ากับด
ในที่สุดเจ้าก็พูดความในใจของเจ้าแล้ว!คอยดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!เฟิงเย่เสวียนเผยอริมฝีปากบางขึ้นเล็กน้อย เจตนาที่ชั่วร้ายแวบผ่านแล้วหายวับไป จากนั้นจึงแสร้งพยักหน้าอย่างเห็นด้วย“อ๋องหลีทำงานสุขุมรอบคอบ เป็นคนถ่อมตน ขยันมั่นคง นับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วเอ๋?มีหวังแฮะ“แต่ว่า…” เฟิงเย่เสวียนเปลี่ยนประเด็น “การลาดตระเวนทางใต้เป็นภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากฝ่าบาท การเรียกใช้คนก็ต้องผ่านความเห็นชอบของฝ่าบาท หากข้าช่วยอ๋องหลี เกรงว่าเหล่าขุนนางในราชสำนักต้องพยายามปั้นน้ำเป็นตัว หากบานปลายจนเกิดปัญหา…”แววตาฉู่เชียนหลีขรึมลงเล็กน้อยมันก็จริงปัจจุบัน แม้ฮ่องเต้ได้แต่งตั้งรัชทายาทแล้ว แต่ยังอยู่ในวัยที่แข็งแรง ไม่มีวี่แววจะสืบทอดราชบัลลังก์ บรรดาองค์ชายไม่เต็มใจที่จะเป็นแค่ท่านอ๋อง ต่างก็อยากลองพยายามปีนขึ้นที่สูง เหล่าขุนนางในราชสำนักก็แบ่งพรรคแบ่งพวกเช่นกัน ต่างก็สนับสนุนองค์ชายของตนเองหากอ๋องเฉินกับอ๋องหลีใกล้ชิดกันเกินไป เมื่อถูกเผยแพร่ออกไป สามารถทำให้ผู้คนคิดมากได้อย่างง่ายดายนางอันให้โจทย์ยากกับนางจริงๆฉู่เชียนหลีกุมหน้าผาก นางไม่อยากยุ่งเรื่
ด้วยเหตุนี้ เฟิงเย่เสวียนทั้งขอโทษ ทั้งยอมรับผิด ง้อฉู่เชียนหลีด้วยความอดทนเป็นเวลาสองเค่อเต็มๆ จึงจะกลับไประหว่างทางกลับ เอาแต่ลูบริมฝีปากบางอย่างเหม่อลอย พยายามหวนนึกถึงแมลงปอแตะผิวน้ำเมื่อครู่เชียนหลีจูบเขาจริงหรือ?จูบโดนจริงหรือ?จริงหรือ?เอี๊ยด…สายตาส่งแผ่นหลังที่เดินจากไปไกลของท่านอ๋อง เยว่เอ๋อร์ปิดประตู จึงจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่“คิๆ!”ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ!ตลกจังเลย!เมื่อครู่พระชายาใช้นิ้วมือแตะริมฝีปากของท่านอ๋อง แสร้งทำเป็นจูบ หลังจากถูกตั้งคำถามยังโกรธอีก ท่าทางที่หลอกง่ายของท่านอ๋องน่าขำจริงๆลักษณะที่สวยงามที่สุดของความรัก บางทีอาจจะเป็นแค่การหยอกล้อ หัวเราะ กำเริบเสิบสาน หรือตามใจกระมังในที่มืดนอกหน้าต่าง มีร่างเงาสีดำสายหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เริ่มจนจบคือจิ่งอี้เขาไม่ได้จากไป จ้องมองชายหญิงที่อยู่ในห้องนอนด้วยสายตาลึกซึ้ง ภาพที่อยู่ด้วยกัน ปรองดอง หยอกล้อ ตามใจ ปรนเปรอ…แววตาของเขากลมกลืนเข้ากับยามราตรี เก็บเอาภาพเหล่านั้นเข้าไปอยู่ในส่วนลึกของแววตา กลายเป็นสีดำที่มืดสนิท และยิ่งมองไม่ออกว่าเวลานี้กำลังโกรธหรือดีใจก่อนหน้านี้คุณหนู
ขบวนที่เรียบง่ายเป็นพิเศษออกจากเมืองแล้ว คนทั้งกลุ่มออกเดินทางด้วยชุดที่เรียบง่ายไม่รีบร้อน ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใดๆลาดตระเวนทางใต้ครั้งนี้ สถานที่ที่เดินทางไปคือเขตทางตอนใต้ของแคว้นตงหลิง เมืองเซียงหนาน กว่างอัน อวิ๋นกุ้ย หนิงโจวและอื่นๆ สถานที่เหล่านี้ล้วนมีสภาพอากาศที่อบอุ่น เหมือนฤดูใบไม้ผลิทุกฤดูกาล และยังเป็นสถานที่เศรษฐกิจเฟื่องฟู ตั้งอยู่บนเส้นทางคมนาคมสายหลักออกนอกเมือง ผู้คนบางตา สงบ รถม้าแล่นอย่างไม่เร่งไม่รีบก๊อกแก๊กๆ…สงบมากนี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เชียนหลีออกจากเมืองหลวง ด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางจึงเลิกม่านหน้าต่างขึ้น มองออกไปข้างนอกตลอดทางภูเขางามลำธารใส เสียงนกเจื้อยแจ้วดอกไม้ผลิบาน ในป่ายังมีกระรอกน้อย กระต่ายป่า กระโดดผ่านไปอย่างว่องไวสภาพแวดล้อมของยุคโบราณนั้นดีมาก ไม่ถูกทำลายใดๆ อากาศบริสุทธิ์ สัตว์ป่ามากมาย ความงามของทิวทัศน์เป็นสิ่งที่โลกปัจจุบันไม่มีวันได้เห็นมองดูภูเขาและแม่น้ำนั้น ข้ามไปลูกแล้วลูกเล่า ดวงตาเป็นประกายเหมือนเด็กน้อยที่อยากรู้อยากเห็นหานเฟิงขี่อยู่บนหลังม้า เมื่อมองเห็นภาพนี้ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขัน“พระชายา เหตุใดท่านจึงดูภูเขาแล
รถม้าจอดลงหน้าโรงเตี๊ยมใจกลางเมืองแห่งหนึ่งหานเฟิงเดินนำหน้า “เถ้าแก่ ขอห้องให้พวกเราสามห้อง”ฉู่เชียนหลีได้ยินแล้วกวาดมองขบวนแวบหนึ่งขบวนนั้นเรียบง่ายมาก มีองครักษ์ลับสี่คน บวกกับนางและเฟิงเย่เสวียน ฟังจากคำพูดของหานเฟิง น่าจะเป็นองครักษ์ลับสองคนต่อหนึ่งห้อง นางกับเฟิงเย่เสวียนหนึ่งห้องนางพูดแทรกทันที “สี่ห้อง”หานเฟิง “?”เฟิงเย่เสวียนมองดูนางด้วยสายตาลึกล้ำฉู่เชียนหลีเบือนหน้าหนี อย่าใช้สายตาเช่นนี้มามองนาง แม้นางเป็นพระชายาอ๋องเฉิน แต่ยังสนิทสนมไม่ถึงขั้นนอนร่วมเตียงใช้หมอนใบเดียวกับเฟิงเย่เสวียนเชียนหลีช่างใจร้ายนัก…เฟิงเย่เสวียนมองไปทางโต๊ะจ่ายเงิน “สามห้อง”ฉู่เชียนหลี “สี่ห้อง”“สามห้อง”“สี่”หลังโต๊ะจ่ายเงิน ในมือเถ้าแก่ถือหนังสือเล็กๆ หนึ่งเล่ม เขามองซ้ายมองขวา บิดซ้ายบิดขวา อดไม่ได้ที่จะพูดแทรก“นายท่านทั้งสองท่านไม่ต้องเถียงกันแล้วขอรับ โรงเตี๊ยมของเราเหลือห้องนอนแค่สามห้อง”เมื่อหานเฟิงได้ยินเช่นนี้ รีบล้วงเงินออกมาจองห้องทันทีเขาหยิบกุญแจไปสองดอก แล้วค่อยมอบกุญแจดอกที่สามให้เฟิงเย่เสวียน จากนั้นก็พาองครักษ์ลับสามคนขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็วแล้วเฟิง
ชั้นสอง ห้องปีกข้างภายในห้องได้รับการทำความสะอาดอย่างสะอาดสะอ้าน การจัดวางเรียบร้อย และยังแขวนภาพวาดอันประณีตสวยงามกับฉากบังลมปักลายดอกไม้ ทุกอย่างดีไปหมด เพียงแต่…มีเตียงนอนแค่หนึ่งหลังฉู่เชียนหลีกอดห่อสัมภาระของตนเอง มองไปทางเตียงเล็กที่มีขนาดหนึ่งเมตรยี่สิบเซนติเมตร คิ้วขมวดแน่น ไม่รู้จริงๆ ว่าคืนนี้จะนอนอย่างไรอย่างไรก็ตาม…ผู้ชายบางคนพอเข้าประตู ก็ถอดเสื้อผาวชั้นนอกออก แล้วโยนลงบนเตียงอย่างไม่ใส่ใจ พฤติกรรมนี้เทียบเท่ากับ ‘การจองที่’หลังจากครุ่นคิด ก็ตัดสินใจลุกขึ้นยืน“ท่านอ๋อง เตียงนี่มันเล็กเกินไป ข้าจะออกไปเดินเล่นสักรอบ ลองดูว่าโรงเตี๊ยมอื่นยังมีห้องว่างหรือไม่”เฟิงเย่เสวียนนั่งลง “เมื่อครู่เถ้าแก่พูดแล้ว พรุ่งนี้ก็เป็นวันโยนซิ่วฉิวเลือกเจ้าบ่าวของผู้ว่าการแล้ว ชายหนุ่มโดยรอบอำเภอล้วนมา คืนนี้เป็นช่วงเวลาที่ห้องพักแน่นที่สุด”ไม่มีห้องแล้ว นอนกับเขาแต่โดยดีเถอะ…“คืนนี้ เจ้านอนข้างใน ข้านอนข้างนอก สบายใจได้ เวลาข้านอนสงบมาก ตรงไหนที่ไม่ควรขยับ จะไม่ขยับเลย”“?”อะไรคือตรงไหนที่ไม่ควรขยับ?ฉู่เชียนหลีกัดริมฝีปากเบาๆ ในใจต่อต้านอย่างยิ่ง “ท่านอ๋อง…”“ระหว่าง
เมื่อพูดจบ ก็วิ่งออกไปเหมือนหนีเอาชีวิตรอดเฟิงเย่เสวียนมองแผ่นหลังที่หนีไปอย่างตื่นตระหนกของนาง หรี่ตาสีหมึกลง รอยยิ้มที่มุมปากค่อยๆ ลึกขึ้น สุดท้ายก็หัวเราะเสียงดัง“ฮ่าๆๆ!”มีความกล้าแค่นี้ ยังกล้ามายั่วยวนเขา?ฮ่าๆ!กินอาหารเย็นที่ห้องโถงชั้นหนึ่งฉู่เชียนหลีเลือกโต๊ะที่อยู่ตำแหน่งมุมสุด หกคนกินกับข้าวแปดจานน้ำแกงสองถ้วยที่เรียบง่าย กินข้าวไปพลาง ฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างคึกคักของผู้คนโดยรอบไปพลางสิ่งที่ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ แทบเป็นเรื่องที่ ‘ผู้ว่าการโยนซิ่วฉิวเลือกลูกเขย’ ทั้งหมด เก้าส่วนของเด็กหนุ่มมากความสามารถที่มาจากต่างถิ่น ล้วนมาเพื่อเสี่ยงโชค“ผู้ว่าการของเมืองเซียงหนานเป็นใคร? เขาไม่ให้ลูกสาวแต่งงานกับครอบครัวที่มีฐานะเท่าเทียม หากคนที่แย่งซิ่วฉิวได้เป็นคนฆ่าหมู เขาก็ยอมให้แต่งหรือ?”หานเฟิงยังไม่ทันอ้าปาก เฟิงเย่เสวียนที่อยู่ด้านข้างเปิดปากตอบ“ผู้ว่าการเมืองเซียงหนานถังชิงหัว รับราชการยี่สิบกว่าปี มีลูกชายและลูกสาวอย่างละคน เป็นคนติดดิน เข้าถึงง่าย และเป็นขุนนางดีที่ได้รับการยอมรับจากราษฎร”โยนซิ่วฉิวเลือกเจ้าบ่าวครั้งนี้ ก็เพราะถังชิงหัวเป็นคนนิสัยติดดิน จึ
“หาทางโน้นหรือยัง?”“ลองไปดู!”“เร็ว…”ตามถนนตรอกซอกซอย ทหารของจวนผู้ว่าการวิ่งซอกแซกค้นหากันให้ทั่ว บรรดาชาวบ้านดูไปพลาง วิพากษ์วิจารณ์อะไรบางอย่างไปพลาง“หนีไปแล้ว…”“ไม่ใช่กระมัง ผู้ว่าการคงไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงาน จะไม่รักษาคำพูดกระมัง?”“ผู้ว่าการเป็นขุนนางใหญ่เช่นนี้ หากกลับคำพูด ไม่รักษาสัจจะ…”“นี่มันเรื่องอะไรกัน…”ผู้คนสามคนห้าคนยืนจับกลุ่มคุยกัน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กำลังคุยกันอย่างสนุกปาก มีร่างเงาเพรียวบางสายหนึ่งวิ่งผ่านตรอกที่อยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครสังเกตเห็นเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างผอมบางนางสวมเสื้อคลุม ปิดบังใบหน้า ก้มศีรษะต่ำมากซอกแซกท่ามกลางฝูงชน ไม่ดึงดูดความสนใจใดๆทันใดนั้น…เพล้ง!!นางไม่ระวังเตะโดนขวดโหลเครื่องลายครามใบหนึ่งที่อยู่ข้างถนน มันกลิ้งไปกลางถนน เสียงแตกที่ชัดเจนทำให้ผู้คนไม่น้อยหันไปมอง“คุณหนูอยู่นั้น!”ทหารคนหนึ่งมองเห็นอย่างสายตาเฉียบคมหลังจากนั้น ทหารสิบกว่าคนวิ่งตามอย่างรวดเร็วผู้หญิงคนนั้นเห็นแล้ว หมุนกายก็วิ่งทันทีฝีเท้าโซเซ ทั้งสะดุดทั้งชน สะดุดชาวบ้านล้มไปหลายคน ชนแผงลอยคว่
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋