สีหน้าฉู่เชียนหลีสงบ ดูสบายๆ“องค์หญิงมีเรื่องให้กังวลมากมายจริงๆ” นางกล่าวอย่างเรียบเฉย “เจ้าไม่รู้เรื่องภายในของแคว้นตงหลิง อย่ายุ่งให้มากจะดีกว่า”การต่อสู้ระหว่างเฟิงเจิ้งหลีกับเฟิงเย่เสวียน จะไม่หยุดหลงเพียงเพราะคืนเฟิงเจิ้งลู่ฉินเฟิงเจิ้งลู่ฉินมีแต่จะกลายเป็นเครื่องสังเวยที่ไม่รู้อะไรจวิ้นลั่วยวนขมวดคิ้ว“เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่มีเหตุผล กลับพูดเหมือนตัวเองมีเหตุผล”“แล้วแต่เจ้าจะพูดอย่างไร”นางจะไม่คืนเฟิงเจิ้งลู่ฉินจวิ้นลั่วยวนยิ่งขมวดคิ้วแน่นแล้ว “ถ้าหากเกิดสงครามจริง คนที่ทำให้เกิดการต่อสู้คือเจ้า คนที่ทำให้ราษฎรต้องพลัดถิ่นก็คือเจ้า เพราะเจ้าคนเดียว จะทำให้ผู้บริสุทธิ์มากมายต้องตาย”สายตาฉู่เชียนหลีขรึมลงมือที่อยู่ในแขนเสื้อกำหมัดแน่น กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“เจ้าตั้งใจมาเจียงหนาน ก็เพื่อทำสงครามไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงตั้งตนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว?”“เจ้า!”“เจ้ายืนตำหนิข้าบนบรรทัดฐานของศีลธรรม แต่ขณะเดียวกันก็คอยยุแหยง พลางห้ามปรามสงคราม พลางเคลื่อนย้ายกำลังทหาร ไม่รู้สึกว่ามันน่าอายหรือ?”“...”จวินลั่วยวนพูดไม่ออกแล้วนางพบว่าฉู่เชียนหลีคนนี้ปากร้ายจริงๆ โ
“เสด็จแม่!”จวินลั่วยวนลุกขึ้นยืน จับเอวที่ล้มจนเจ็บ ไม่ต้องพูดถึงว่าโกรธเคืองเพียงใดเดินเข้าไป จับแขนของมารดา กล่าวอย่างโมโห“นางผลักหม่อมฉัน!”“เมื่อครู่นางจงใจผลักหม่อมฉัน!”ทุกคนเจอนาง ล้วนนอกน้อม เชื่อฟัง สรรเสริญเยินยอ ตั้งแต่เล็กจนโต แม้แต่เสด็จพ่อเสด็จแม่ก็ไม่เคยตีนางเลยถูกพระชายาอ๋องเฉินที่ตัวเล็กๆ คนหนึ่งรังแก จะให้นางกล้ำกลืนลงไปได้อย่างไร?น่าโมโห!นางเดินเข้าไปจะผลักฉู่เชียนหลีโดยไม่ปล่อยให้มีโอกาสได้อธิบาย “ยวนเอ๋อร์!”ฮองเฮาหนานยวนจับข้อมือของลูกสาว หยุดนางไว้แล้วกล่าวเสียงเบา “เมื่อครู่พระชายาอ๋องเฉินไม่ได้ตั้งใจ พวกเจ้าแค่โต้เถียงกันเล็กน้อย ไม่ควรจริงจัง”องค์หญิงจิตใจกว้างขวาง ไม่จำเป็นต้องถือสาเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้จวินลั่วยวนเบิกตากว้างเสด็จแม่ไม่ช่วยนาง?“เสด็จแม่ ท่านเลอะเลือนแล้วหรือ?” นางถามอย่างไม่กล้าเชื่อ “หม่อมฉันถูกรังแกใต้จมูกท่าน ท่านยังพูดแทนคนร้ายอีก?”ตกลงใครจึงจะเป็นลูกสาวของนางกันแน่?ฮองเฮาหนานยวนเม้มปาก มองไปทางฉู่เชียนหลีที่ยืนอยู่ข้างๆไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กคนนี้ มีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด แค่เห็นห
ทำเนียบห้องหนังสือหนังสือประกาศสงครามถูกส่งมาจากเมืองหลวง โดยจำกัดเวลาแค่สามวัน เฟิงเย่เสวียนเรียกประชุม เพื่อรับฟังความเห็นของทุกคนทุกคนมีความคิดตรงกัน“ท่านอ๋อง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสู้ศึกนี้”เมื่อไรที่เปิดศึก จำนวนคนที่บาดเจ็บล้มตายจะมีนับหมื่น บ้านเรือนที่เสียหาย ราษฎรที่เสียชีวิต ครอบครัวที่พังพินาศ ยิ่งมีนับไม่ถ้วนเรื่องที่สามารถแก้ไขอย่างสันติ พยายามอย่าลงมือรองแม่ทัพหวังกล่าว“เดิมทีคุณหนูรองก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ของฮ่องเต้หลี พวกเขาขอลูกของตัวเองคืน ถูกทำนองคลองธรรม พ่อลูกพบกัน ผูกพันทางสายเลือด เป็นไปตามสัจธรรม ถ้าหากพวกเราฝืนแยกสายเลือดออกจากกัน คนที่เป็นคนชั่วก็คือพวกเราเอง”สองฝั่งของโต๊ะประชุม คนเกือบแปดส่วนพยักหน้า รู้สึกว่าคำพูดนี้มีเหตุผลฮ่องเต้หลีขอลูกสาวคืน มันก็สมเหตุสมผลไม่ว่าจะด้านความรู้สึกหรือเหตุผล ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน พวกเขาก็ไม่ควรแย่งลูกสาวของฮ่องเต้หลี“ท่านอ๋อง ศึกนี้สู้ไม่ได้จริงๆ”รองแม่ทัพคนหนึ่งลุกขึ้นกล่าว“ทุกสงครามที่ทหารห้ำหั่นกัน เกี่ยวข้องกับราษฎร ความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ และทรัพย์สิน มีผลกระทบมากมาย อีกอย่างนะ พวกเราก็ไม่ได้เป็น
ชานเมืองข้างถนนเก่าในทุ่งนา ชายฉกรรจ์หลายคนที่สวมเสื้อผ้าที่เย็บจากหนังสัตว์และถือดาบทรงโค้ง จับผู้หญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งไว้ กำลังสนทนาด้วยน้ำเสียงที่หยาบกระด้าง“เขาจะมาหรือไม่?”“ต่อให้ไม่มาก็ไม่เป็นไร ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ฆ่าแล้วก็ฆ่าเลย”“คิดไม่ถึงว่ามีลูกแล้ว…”เสียงของพวกเขาแหบและดังมาก เหมือนกับเสียงร้องของแม่ไก่แม่เป็ดแก่ บางครั้งก็ถมน้ำลาย บางครั้งก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย แต่ละคนพาแผ่กลิ่นอายที่จองหองของอันธพาลอวิ๋นอิงนั่งอยู่บนก้อนหิน สองมือถูกมัดไพล่หลัง ไม่เข้าใจเนื้อหาสนทนาของพวกเขา นั่งหลุบตาเงียบๆ เพื่อลดการมีตัวตน มือที่อยู่ข้างหลังกดเชือก ค่อยๆ ถูกับขอบก้อนหิน…ถูไปถูมาไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร“เขามาแล้ว!”เสียงอุทานเบาๆ ทำให้นางเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวกลับเห็นร่างเงาสีดำสายหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลใช้วิชาตัวเบาพุ่งมาทางนี้ในพริบตา ที่แท้คือ…จิ่งอี้!“เจ้ามาจริงๆ ด้วย!” ชายหน้าตาหยาบกระด้างลุกขึ้นด้วยความประหลาดใจ จากนั้นในแววตาก็เต็มไปด้วยความดีใจ และหัวเราะออกมาเสียงดังฮ่าๆๆ!คิดไม่ถึงจริงๆ องค์ชายองค์ใหญ่แห่งแคว้นซีอวี้ เร่ร่อนอยู่ข้างนอกยี่สิบกว่าปี ลอบสังหา
“?!”อวิ๋นอิงเบิกตามองจิ่งอี้ที่อยู่ไกลออกไปเจ็ดแปดเมตรอย่างตะลึง ราวกับหูฝาด นางเห็นจิ่งอี้อ้าปาก พูดคำคำหนึ่งออกมาอย่างสงบ “ได้”ครั้งนี้ ได้ยินชัดเจนมาก ไม่ใช่หูฝาดเขายอมกินยาฆ่าตัวตายเพื่อนางจริงๆ?แม้แต่พวกนักฆ่าก็คิดไม่ถึงชายหยาบกระด้างถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้ายินดีจริงหรือ?”เมื่อไรที่เขาตายแล้ว องค์ชายรองที่ให้กำเนิดโดยราชินีจึงจะสามารถนั่งบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง เขายินดีสละสิทธิ์การสืบทอดอำนาจของแคว้นซีอวี้เพื่อผู้หญิงคนนี้จริงๆ?แคว้นกับผู้หญิงเขาเลือกผู้หญิง!จิ่งอี้เม้มริมฝีปากบาง มองไปทางอวิ๋นอิงอย่างลึกซึ้งเดิมทีเขาก็ไม่สนใจฐานะองค์ชายอะไรอยู่แล้ว และไม่สนใจแคว้นกับการสืบทอดเช่นกัน สิ่งเดียวที่เขาต้องการ คือการให้อภัยของอวิ๋นอิง คือนางกับลูกปลอดภัยตายแล้วอย่างไร?นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เขาติดค้างอวิ๋นอิงเขากุมยาพิษในมือ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ข้าตายได้ แต่เจ้าต้องสาบาน ห้ามทำร้ายนางเด็ดขาด”“ได้ ตรงดี!”ชายหยาบกระด้างก็เป็นคนตรงไปตรงมาเช่นกันคนของแคว้นซีอวี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนตรงไปตรงมาและเด็ดขาด เรื่องที่สามารถทำเสร็จโดยตรง ไม่เคยอ้อมค้อมเขาล
“เจ้า!”หน้าอกจิ่งอี้กระตุก ทุกครั้งที่อารมณ์ขึ้นลง เลือดที่กระอักออกมายิ่งมาก สีหน้าซีดขาวอย่างรวดเร็ว หายใจถี่ดิ้นรนครั้งสุดท้ายลมหายใจรวยรินตายได้ทุกเมื่อจ้านหู่ก็เป็นคนมีน้ำใจเช่นกัน “องค์ชายใหญ่ เจ้าวางใจเถอะ ต่อให้วันนี้ข้าไม่ฆ่าเด็กคนนี้ ราชินีรู้แล้ว ก็จะส่งคนมาฆ่าอยู่ดี”“แล้วเหตุใดเจ้าต้องให้เด็กคนหนึ่งที่ไม่มีพ่อ มาทุกข์ทรมานบนโลกใบนี้?”“เจ้าชอบผู้หญิงคนนี้ ข้าจะไม่ทำร้ายนาง รอเอาเด็กไปแล้ว ก็จะส่งนางกลับเมืองเจียงหนานอย่างปลอดภัย”“อ่า…เจ้า…แค่ก…แค่กๆ…”จิ่งอี้โกรธจนตาแดง รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายในร่างกาย คลานเข้าไปอย่างสุดชีวิตมีคนสองคนเข้ามากดเขาไว้เขากระอักเลือดไม่หยุด มีเส้นเลือดสีฟ้าปูดขึ้นที่หน้าผาก โกรธสุดขีด แต่ดิ้นรนไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูต่อหน้าต่อตาจ้านหู่กล่าวกับอวิ๋นอิง“แม่นาง เด็กคนนี้ไม่ควรเกิดมาบนโลกใบนี้ เจ้าหลับตา ข้าแค่ถีบไปที่ท้องของเจ้าแรงๆ ทีหนึ่ง ครู่เดียวก็เสร็จแล้ว”หน้าอวิ๋นอิงซีดเล็กน้อย มือสองข้างกำหมัดแน่นมือถูกมัดไว้ และยังอยู่ในป่าในเขา เรียกฟ้าฟ้าไม่ตอบ เรียกดินดินไม่ขาน ไม่มีใครสามารถปกป้องเด็กคนนี้หรือแม้แต่สายเลือดเพ
ชีวิตครึ่งหนึ่งใช้เลี้ยงกู่แพทย์ ชีวิตอีกครึ่งหนึ่ง ตายเพราะกินยาพิษฆ่าตัวตายจิ่งอี้ยอมแลกด้วยชีวิตของตัวเองเพื่อนาง หนี้ที่เคยติดค้าง ก็คงจะหายกันแล้วกระมังเฟิ่งหรานมองนาง ถามอย่างระมัดระวัง“คุณหนูบอกว่า สถานการณ์ของจิ่งอี้แย่มาก โอกาสที่จะฟื้นมีแค่หนึ่งส่วน ถ้าหากเขาตายแล้ว เจ้าให้อภัยเขาได้หรือไม่?”อวิ๋นอิงหลุบตาให้อภัย…นึกถึงอดีต นางเจ็บปวดเช่นนั้น สิ้นหวังเช่นนั้น ต่อให้อ้อนวอนขอร้อง ก็ไม่สามารถหยุดการแก้แค้นของเขานางไม่มีวันลืมช่วงเวลาที่เจ็บปวดนั่นเฟิ่งหรานไม่ได้รับคำตอบ หัวใจค่อยๆ จมลงทีละนิด“คนตายแล้ว เกลียดชังยังมีความหมายหรือ?”เขาลองเปลี่ยนวิธีพูด เพื่อลดความเกลียดชังในใจของนาง“เขาตายเพื่อเจ้า”เมื่ออวิ๋นอิงได้ยินคำพูดนี้ เงยหน้าขึ้น สีหน้าเย็นชาและแข็งกระด้าง “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? จะใช้ศีลธรรมมาบีบคั้นข้าหรือ?”เพราะจิ่งอี้ตายเพื่อนาง นางก็ต้องให้อภัยจิ่งอี้?หมายถึงเช่นนี้หรือ?เฟิ่งหรานชะงัก“ข้าไม่…”“เฟิ่งหราน เจ้าไม่เคยเจอในสิ่งที่ข้าเคยเจอ ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจหรือวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของข้า เจ้าไม่มีวันรู้ว่าตอนนั้นข้าเจ็บปวด
ภายในห้องผ่านไปแล้วสองชั่วยามเต็มๆ ในที่สุดฉู่เชียนหลีก็วางมือ เช็ดเหงื่อบนหน้าผากอย่างเหนื่อยล้า ส่วนจิ่งอี้นอนหมดสติอยู่บนเตียงลมหายใจแผ่วเบาการขึ้นลงของหน้าอกก็เบามาก บาวจนแทบมองไม่เห็น ใบหน้าซีดเผือกเหมือนกับคนตาย ราวกับเป็นศพที่แข็งทื่อร่างหนึ่งโชคดีมากรอดมาได้ส่วนจะฟื้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเจตนาสวรรค์ฉู่เชียนหลีเปิดประตู เดินออกไปข้างนอก เฟิ่งหรานและคนอื่นกรูกันเข้ามาอย่างแทบรอไม่ไหว หลังจากรู้สถานการณ์คร่าวๆ คนของสำนักอู๋จี๋รีบเข้าไปเยี่ยมเฟิ่งหรานยืนอยู่ที่หน้าประตู เงยหน้ามองแวบหนึ่ง ไม่ได้เข้าไป“ข้าพยายามแล้ว” ฉู่เชียนหลีถอนหายใจเบาๆถ้าหากฟื้น ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลถ้าหากไม่ฟื้น…เฟิ่งหรานหลุบตา “ข้ารู้…”เขาแค่คิดไม่ถึงว่าจิ่งอี้ที่สามารถมองข้ามกระทั่งความชอบธรรมของบ้านเมือง สุดท้ายกลับมาเสียท่าเพราะผู้หญิงนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในหลายปีนี้…เขากล่าวเบาๆ “คุณหนูไม่มีอะไรจะถามหรือ?”ถามอะไร?เพราะเหตุใดจึงถูกจับ?คนพวกนั้นเป็นใคร?ฐานะของจิ่งอี้ฉู่เชียนหลีแค่เหลือบมองเขาแวบหนึ่งหลังจากเฟิ่งหรานลังเลครู่หนึ่ง ก็ไม่ปิดบังอีก เขาสารภาพทุกอย่าง “ที่จริ
พวกเขาตั้งใจมาช่วยคน หานเฟิง หานอิ๋ง มีความจงรักภักดีต่ออ๋องเฉิน พวกเขาไม่มีทางถอนตัว โดยไม่สนใจเฟิงเย่เสวียนนอกเสียจาก…เฟิงเย่เสวียนไปแล้ว!ฉู่เชียนหลีวิ่งไปถึงกระโจมหลัก ไม่มีใครอีกแล้ว นี่จึงจะรู้ตัวว่าถูกหลอกแล้ว ตอนที่จะถอนตัว ก็ถูกทหารกลุ่มหนึ่งล้อมแล้ว“นางแพศยา! ที่แท้เจ้าเป็นคนวางเพลิง!”“จับนาง!”เหล่าทหารชักอาวุธ พุ่งเข้าไปเหมือนฝูงผึ้งสีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึม รีบสร้างกระบี่น้ำแข็งขึ้นหนึ่งเล่ม นางถือกระบี่น้ำแข็งแน่น พุ่งออกไปปะทะกับคนเหล่านี้การต่อสู้อันดุเดือดปะทุขึ้นทันทีขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง จวินอี้หลินตามหาคอกม้าจนเจอ ขณะที่ขึ้นขี่บนหลังม้า กำลังจะพาน้องสาวจากไป เห็นเหล่าทหารกรูกันไปทางทิศทางหนึ่ง การเคลื่อนไหวชะงักเล็กน้อยเหมือนฉู่เชียนหลีถูกจับได้แล้ว?ทิ้งนางไว้ทั้งเช่นนี้ เหมือนจะไม่ค่อยดีกระมัง?เขากำสายบังเหียน อยากพุ่งกลับไปช่วยคนจวินลั่วยวนสัมผัสได้ถึงเจตนาของเขา กลอกตาไปมาหนึ่งรอบ รีบกอดแขนของเขา กล่าวทั้งน้ำตา“เสด็จพี่รอง ดีจริงๆ ที่ท่านไม่เป็นอะไร! ท่านไม่รู้หรอกว่าข้าเป็นห่วงท่านแค่ไหน ข้าคิดว่าจะไม่ได้เจอตัวท่านเป็นๆ แล้วเสียอี
“คนเยอะมาก!”จวินลั่วยวนซ่อนตัวในที่ลับตา มองออกไปข้างนอกอย่างระมัดระวัง “เสด็จพี่รองของข้าเลือดไหลเยอะมาก เหมือนจะไม่ไหวแล้ว!”“พวกเขาทรมานเสด็จพี่รองของข้าเช่นนี้ ไม่รู้ว่าปฏิบัติต่ออ๋องเฉินอย่างไร ได้ยินมาว่าฮ่องเต้หลีเกลียดอ๋องเฉินมาก ต้องทรมานเขาจนตายทั้งเป็นเลยกระมัง?”น้ำเสียงของนางวิตกกังวล แต่คำพูดเหล่านี้กลับจงใจพูดให้ฉู่เชียนหลีฟังฉู่เชียนหลีถูกบีบจนร้อนใจแล้วจริงๆไม่เห็นเฟิงเย่เสวียน ไม่สามารถยืนยันความปลอดภัยของเขา นางก็วางใจไม่ลงสักทีจวินลั่วยวนกล่าว“แต่ว่าทรมานก็ส่วนทรมาน น่าจะไม่ฆ่าเขา ฉู่เชียนหลี พวกเรารออยู่ที่ข้างนอก ไม่เกินห้าช่วยยาม กำลังเสริมต้องมาแน่นอน”“...”ห้าชั่วยามรอกองทัพเดินทางจากเจียงหนานมาถึงที่นี่ อ๋องเฉินคงตายไปแล้วนางรอไม่ได้แล้วสายตาฉู่เชียนหลีเคร่งขรึม คอยสำรวจภูมิประเทศของค่ายทหาร พลางครุ่นคิดอย่างรวดเร็วหลังจากวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียอย่างรวดเร็ว จู่ๆ ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่”“เจ้าจะไปทำอะไร? นี่…ฉู่เชียนหลี?”จวินลั่งยวนปิดปาก ไม่กล้าพูดเสียงดัง เห็นเพียงฉู่เชียนหลีย่องเข้าไปเจ็ดแปดเมตรอย่างไร้เสียง
“อืม…”จวินลั่วยวนยังไม่ทันลงมือ ฉู่เชียนหลีก็ฟื้นแล้ว นางตกใจจนก้อนหินหลุดจากมือ ตกลงไปที่ข้างๆนางร้อนตัว รีบหันไปล้มลงข้างๆ แสร้งหมดสติหนึ่งนาทีสองนาที…ฉู่เชียนหลียังไม่ฟื้น สิ่งที่ได้จากการรอคอย กลับเป็นผู้ติดตามคนหนึ่งที่ร่างกายเปื้อนเลือด“องค์หญิง องค์หญิง…ท่านอยู่นี่ได้อย่างไร…แค่กๆๆ…”อาการของผู้ติดตามสาหัสมาก เดินเข้ามาอย่างล้มลุกคลุกคลาน และหายใจลำบากจวินลั่วยวนรู้จักเขา เขาคือผู้ติดตามของเสด็จพี่รอง นางรีบเดินเข้าไปถาม“ช่วยอ๋องเฉินออกมาได้หรือไม่?”ผู้ติดตามชะงักเล็กน้อยองค์หญิงไม่ควรจะเป็นห่วงองค์ชายรองก่อนหรือ?แต่ในฐานะคนรับใช้ มีคำพูดมากมายไม่กล้าพูด เขากล่าวตอบ “อ๋องเฉินได้รับการช่วยเหลือแล้ว แต่องค์ชายรองถูกจับ ข้ากำลังจะกลับไปแจ้งข่าว และพาคนมาช่วย คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอท่านที่นี่”“ท่านกับพระชายาอ๋องเฉินข้ามแม่น้ำอูหลานแล้วไม่ใช่หรือ?”จวินลั่วยวนโล่งอกอ๋องเฉินปลอดภัยก็ดีแล้วพูดถึงเรื่องข้ามแม่น้ำ นางก็นึกถึงประสบการณ์ที่อันตรายเมื่อคืน อีกนิดเดียวนางก็จะตกเป็นของเล่นของทหารแล้ว อีกนิดเดียวก็จะตายแล้วนึกถึงภาพเมื่อคืน ทหารสิบกว่าคนทารุณกรรมผู้
ปัง!ทั้งสองกลิ้งไปไกลถึงห้าหกสิบเมตร จึงจะกลิ้งถึงตีนเขา คนหนึ่งชนเข้ากับต้นไม้ อีกคนชนเข้ากับก้อนหิน เปิดเสียงดัง ‘ปัง’ ทั้งสองล้วนหมดสติอย่างไม่สามารถควบคุมกลางคืนเงียบสงบเวลาค่อยๆ ผ่านไปเงียบๆ…ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ยามราตรีที่เงียบสงัด จึงจะมีเสียง“อืม…”ปลายนิ้วของจวินลั่วยวนกระดิกสองที หลังจากนั้นสองสามนาที จึงจะยกเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างยากลำบาก ความเจ็บปวดที่แผ่ไปทั่วร่าง ทำให้หายใจถี่ขณะเดียวกันก็นึกขึ้นได้พวกนางถูกทหารพบเห็น ระหว่างที่วิ่งหนี ไม่ระวังกลิ้งตกลงมาจากเนิน“ซี้ด!”เอว แขน ใบหน้า คอ ขาของนาง…ถูกหนามข่วนจนเป็นรอย ถูกกิ่งไม้แทง ถูกหินกระแทก ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล แทบจะไม่มีที่ใดที่สมบูรณ์เจ็บจัง!แต่โชคดีมากที่ไม่ถูกทหารจับนางพักหายใจครู่หนึ่ง ลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ประคองศีรษะที่หนักอึ้ง มองเห็นฉู่เชียนหลีที่ล้มห่างออกไปสามสี่เมตรเมื่อเทียบกันแล้ว อาการของฉู่เชียนหลีค่อนข้างสาหัสศีรษะของนางกระแทกกับก้อนหินจนเป็นแผล ใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางเปื้อนไปด้วยเลือด นางซีดราวกับกระดาษ เป็นตายไม่รู้แววตาของนางเผยให้เห็นความดีใจรีบเดิน
สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนเล็กน้อยเสด็จพี่รองจะช่วยนางเอง นางไม่ได้ขอให้เสด็จพี่รองทำเช่นนี้สักหน่อยเสด็จพี่รองยินดีทำเช่นนี้เอง เหตุใดกลายเป็นความผิดของนางแล้ว?อีกอย่างนะ เขาเป็นพี่ชาย นางเป็นน้องสาว พี่ชายปกป้องน้องสาว มันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วไม่ใช่หรือ?“จวินลั่วยวน เจ้ารู้หรือไม่ เจ้ามันไม่รู้จักพอ เจ้าเป็นแค่คนที่รู้จักเอาผลประโยชน์จากคนอื่น แต่ไม่เคยเสียสละ ไม่เคยตอบแทน เมื่อนานวันเข้า ก็กลายเป็นนิสัยเห็นแก่ตัว”“คิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง”“เอาแต่ได้อย่างเดียว”“ดูผิวเผินเหมือนเจ้าอยู่ในครอบครัวที่มีความสุข แต่ในความเป็นจริง ก็ไม่รู้เลยว่าอะไรคือความรักและความอบอุ่นในครอบครัว กลับกัน ข้ายังรู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่าแทนองค์ชายรอง”เขายอมเสี่ยงชีวิตช่วยน้องสาวออกมา แต่นางไม่สนใจความเป็นความตายของเขาเลยจวินลั่วยวนโกรธเล็กน้อยพูดถึงคำว่าครอบครัว นางก็จะนึกถึงเรื่องที่นางไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของฮองเฮาหนานยวนคำพูดของฉู่เชียนหลีกำลังเตือนนาง ความสุขที่นางได้รับในปัจจุบัน ล้วนขโมยมาทั้งสิ้น“ข้าควรทำอย่างไร เกี่ยวอะไรกับเจ้า!”นางเถียงกลับอย่างโกรธเคือง“ที่เสด็จพี่รองของ
สิ้นเสียงตะโกน เขาถูกทหารที่โถมเข้ามาปิดล้อมทหารโถมเข้ามาอย่างดุดันราวกับคลื่นยักษ์ กลืนกินเขาเข้าไปในนั้น เขาฟันกระบี่อย่างแน่วแน่ กัดฟันแน่น ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดเขายืนหยัดจนถึงแรงเฮือกสุดท้าย…ฉู่เชียนหลีตกใจมากคิดไม่ถึงว่าองค์ชายรองหนานยวนคนนี้ ต้องเสียสละชีวิตเพื่อน้องสาวแล้วหันมามองจวินลั่วยวน“อ๊ะ!”“ช่วยด้วย!”“รีบไป พวกเรารีบไปเร็ว! ถ้ายังไม่ไป ต้องตายอยู่ที่นี่แน่!”จวินลั่วยวนกลัวจนสติแตกไปแล้ว กุมศีรษะกรีดร้องไม่หยุด ริมฝีปากซีด ยกกระโปรงขึ้นก็วิ่งออกไปข้างนอก “รีบหนีเร็ว! อ๊ะ!”“...”พี่ชายของนางถูกปิดล้อม ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย นางจะไปทั้งเช่นนี้?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว แต่นึกถึงคำพูดของจวินอี้หลิน นางทำได้เพียงไล่ตาม“อ๊ะ!”“อ๊ะ!”จวินลั่วยวนพลางวิ่ง พลางกรีดร้อง ซึ่งดึงดูดความสนใจของทหาร มีทหารส่วนหนึ่งแยกตัวออกมาไล่ตามสายตาฉู่เชียนหลีขรึมลง ก้าวไปข้างหน้า “จวินลั่วยวน! หุบปาก!”ร้องต่อไปไม่ได้แล้ว!“เจ้าอยากล่อทุกคนมาหรือ!”“อ๊ะๆ! ข้ากลัว! เลือดเต็มไปหมด! จะตาย…อ๊ะ!”“หุบปาก!”“อ๊ะ!”เพียะ!นางไม่ฟังเลย ฉู่เชียนหลีเห็นทหารที่ม
เหล่าทหารตื่นตัวขึ้นมาทันที ทุกคนพากันหันไปมอง ก็เห็นร่างเงาสีดำวิ่งผ่าน สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน“แย่แล้ว!”“มีคนลอบโจมตี!”เสียงตะโกนทำให้ทุกคนตื่นตัว และคนหกเจ็ดสิบคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็รีบวิ่งมา พบฉู่เชียนหลีและคนอื่นแล้ว“จับพวกเขา!”ชักอาวุธออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรงฉู่เชียนหลีเห็นท่าไม่ดี ทำได้เพียงถือกระบี่ต่อสู้กับพวกเขา“เผด็จศึกโดยเร็ว อย่ายืดเยื้อ เน้นช่วยคนเป็นหลัก!”ยิ่งสู้นาน ก็จะยิ่งดึงดูดคนมามากขึ้นฉวยโอกาสตอนที่การเคลื่อนไหวของที่นี่ยังไม่กระจายออกไป รีบจัดการโดยเร็ว ช่วยอ๋องเฉินออกมา และรีบถอนกำลัง นี่จึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด“เจ้าค่ะ!”หานอิ๋งชักกระบี่ พาเหล่าองครักษ์ลับพุ่งออกไป เริ่มสู้กับเหล่าทหาร“ลงมือ!”จวินอี้หลินตวาดเบาๆ เขาดึงน้องสาวมาไว้ในอ้อมแขน ใช้มือข้างหนึ่งถือกระบี่ ต่อสู้กับทหารเหล่านั้นจนโกลาหลไปหมดทันใดนั้น ประกายดาบ เงากระบี่ เสียงตะโกน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดปัง!เคร้ง!“อ่า!”“พู่!”“ฉึก!”ในการต่อสู้ที่ดุเดือด มีคนล้มลง มีคนได้รับบาดเจ็บ มีคนกระอักเลือด ชั้นวาง ท่อนไม้ กาน้ำ ของต่างๆ ล้มเกลื่อนพื้นวุ่นวายไป
หลังจากฉู่เชียนหลีรวบรวมคนในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเตรียมตัวออกเดินทาง ได้พบกับองค์ชายรองแคว้นหนานยวนหลังจากรู้จุดประสงค์การมาของเขา นางขมวดคิ้วแน่นองค์ชายรองเข้าร่วม นางย่อมยินดี แต่สายตาของนางมองไปที่จวินลั่วยวนโดยตรง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา“นาง ไปไม่ได้”นิ้วชี้ชี้ไปทางจวินลั่วยวนโดยตรง“!”จวินลั่วยวนกระทืบเท้าทันที “เพราะอะไร!”แม้แต่เสด็จพี่รองก็ตอบตกลงแล้ว นางไปได้ไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับฉู่เชียนหลี?“อ๋องเฉินถูกจับ พวกเราเป็นพันธมิตรกัน ข้าช่วยออกแรงอีกส่วนมันจะเป็นอะไร? เจ้าคิดว่าอาศัยแค่เจ้าคนเดียว สามารถช่วยอ๋องเฉินได้หรือ?”“การมีคนเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ก็เท่ากับมีกำลังเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน จิตใจเจ้าคับแคบมาก ช่วยเปิดใจหน่อยได้หรือไม่?”เมื่อหานอิ๋งได้ยินคำพูดนี้ ก็จะพุ่งเข้าไปด้วยความหงุดหงิดทันทีพระชายาของพวกเขา ถึงคราวที่คนนอกจะมาสั่งสอนตั้งแต่เมื่อไร?คนที่ท่านอ๋องยังไม่ยอมตำหนิเลย จะปล่อยให้ขยะอย่างนางมารังแกได้อย่างไร?“หานอิ๋ง”ฉู่เชียนหลีห้ามนาง มีปัญหาน้อยลงดีกว่ามีปัญหาเพิ่ม อย่าทะเลาะกัน“พระชายา…”“ช่างเถอะ”จวินอี้หลินจับมือของจวินลั่วยวนแล้วก
เนื่องจากอ๋องเฉินถูกจับ บรรยากาศในทำเนียบจึงตึงเครียดมาก ทุกคนตั้งสติ ฟังคำสั่งของพระชายา ยืนเฝ้าประจำจุดของตัวเองอย่างเข้มงวดฉู่เชียนหลีออกคำสั่งปิดข่าว ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็นนอกทำเนียบอีกด้านของถนนจวินลั่วยวนนั่งอยู่บนบันได ระหว่างเข่าที่ชนกัน มีลูกอมที่เพิ่งซื้อมาวางอยู่หลายถุงนางกัดไม้เสียบเล็กๆ ไว้ พลางเลียลูกอม ดวงตาที่สวยงามคู่นั้น มองเห็นที่ทหารที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าร้อนใจ จากประตูใหญ่ของทำเนียบที่เปิดกว้าง เหมือนกับว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นนางหรี่ตาเลียมุมปาก“หวานจัง”ซวงซวงกล่าวเสียงเบา “องค์หญิง ขนมนี่หวานเกินไป ท่านกินน้อยหน่อย ระวังฟันผุนะเจ้าคะ”“ซวงซวง ขนมนี่ไม่หวาน ความหมายของข้าคือ ข้ามีความสุข”จวินลั่วยวนลุกขึ้นยืน โยนถุงลูกอมให้ซวงซวง อมไว้ในปากหนึ่งชิ้น เดินกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขซวงซวงสงสัยมีความสุข?มีความสุขอะไร?ก็แค่กินขนม ก็มีความสุขเช่นนี้แล้ว? หรือเป็นเพราะองค์ชายรองมา องค์หญิงมีความสุขมาก?ศาลาพักม้าจวินลั่วยวนเพิ่งกลับมา เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางเหมือนรองแม่ทัพ กำลังรายง