ทำเนียบห้องหนังสือหนังสือประกาศสงครามถูกส่งมาจากเมืองหลวง โดยจำกัดเวลาแค่สามวัน เฟิงเย่เสวียนเรียกประชุม เพื่อรับฟังความเห็นของทุกคนทุกคนมีความคิดตรงกัน“ท่านอ๋อง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสู้ศึกนี้”เมื่อไรที่เปิดศึก จำนวนคนที่บาดเจ็บล้มตายจะมีนับหมื่น บ้านเรือนที่เสียหาย ราษฎรที่เสียชีวิต ครอบครัวที่พังพินาศ ยิ่งมีนับไม่ถ้วนเรื่องที่สามารถแก้ไขอย่างสันติ พยายามอย่าลงมือรองแม่ทัพหวังกล่าว“เดิมทีคุณหนูรองก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ของฮ่องเต้หลี พวกเขาขอลูกของตัวเองคืน ถูกทำนองคลองธรรม พ่อลูกพบกัน ผูกพันทางสายเลือด เป็นไปตามสัจธรรม ถ้าหากพวกเราฝืนแยกสายเลือดออกจากกัน คนที่เป็นคนชั่วก็คือพวกเราเอง”สองฝั่งของโต๊ะประชุม คนเกือบแปดส่วนพยักหน้า รู้สึกว่าคำพูดนี้มีเหตุผลฮ่องเต้หลีขอลูกสาวคืน มันก็สมเหตุสมผลไม่ว่าจะด้านความรู้สึกหรือเหตุผล ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน พวกเขาก็ไม่ควรแย่งลูกสาวของฮ่องเต้หลี“ท่านอ๋อง ศึกนี้สู้ไม่ได้จริงๆ”รองแม่ทัพคนหนึ่งลุกขึ้นกล่าว“ทุกสงครามที่ทหารห้ำหั่นกัน เกี่ยวข้องกับราษฎร ความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ และทรัพย์สิน มีผลกระทบมากมาย อีกอย่างนะ พวกเราก็ไม่ได้เป็น
ชานเมืองข้างถนนเก่าในทุ่งนา ชายฉกรรจ์หลายคนที่สวมเสื้อผ้าที่เย็บจากหนังสัตว์และถือดาบทรงโค้ง จับผู้หญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งไว้ กำลังสนทนาด้วยน้ำเสียงที่หยาบกระด้าง“เขาจะมาหรือไม่?”“ต่อให้ไม่มาก็ไม่เป็นไร ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ฆ่าแล้วก็ฆ่าเลย”“คิดไม่ถึงว่ามีลูกแล้ว…”เสียงของพวกเขาแหบและดังมาก เหมือนกับเสียงร้องของแม่ไก่แม่เป็ดแก่ บางครั้งก็ถมน้ำลาย บางครั้งก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย แต่ละคนพาแผ่กลิ่นอายที่จองหองของอันธพาลอวิ๋นอิงนั่งอยู่บนก้อนหิน สองมือถูกมัดไพล่หลัง ไม่เข้าใจเนื้อหาสนทนาของพวกเขา นั่งหลุบตาเงียบๆ เพื่อลดการมีตัวตน มือที่อยู่ข้างหลังกดเชือก ค่อยๆ ถูกับขอบก้อนหิน…ถูไปถูมาไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร“เขามาแล้ว!”เสียงอุทานเบาๆ ทำให้นางเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวกลับเห็นร่างเงาสีดำสายหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลใช้วิชาตัวเบาพุ่งมาทางนี้ในพริบตา ที่แท้คือ…จิ่งอี้!“เจ้ามาจริงๆ ด้วย!” ชายหน้าตาหยาบกระด้างลุกขึ้นด้วยความประหลาดใจ จากนั้นในแววตาก็เต็มไปด้วยความดีใจ และหัวเราะออกมาเสียงดังฮ่าๆๆ!คิดไม่ถึงจริงๆ องค์ชายองค์ใหญ่แห่งแคว้นซีอวี้ เร่ร่อนอยู่ข้างนอกยี่สิบกว่าปี ลอบสังหา
“?!”อวิ๋นอิงเบิกตามองจิ่งอี้ที่อยู่ไกลออกไปเจ็ดแปดเมตรอย่างตะลึง ราวกับหูฝาด นางเห็นจิ่งอี้อ้าปาก พูดคำคำหนึ่งออกมาอย่างสงบ “ได้”ครั้งนี้ ได้ยินชัดเจนมาก ไม่ใช่หูฝาดเขายอมกินยาฆ่าตัวตายเพื่อนางจริงๆ?แม้แต่พวกนักฆ่าก็คิดไม่ถึงชายหยาบกระด้างถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้ายินดีจริงหรือ?”เมื่อไรที่เขาตายแล้ว องค์ชายรองที่ให้กำเนิดโดยราชินีจึงจะสามารถนั่งบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง เขายินดีสละสิทธิ์การสืบทอดอำนาจของแคว้นซีอวี้เพื่อผู้หญิงคนนี้จริงๆ?แคว้นกับผู้หญิงเขาเลือกผู้หญิง!จิ่งอี้เม้มริมฝีปากบาง มองไปทางอวิ๋นอิงอย่างลึกซึ้งเดิมทีเขาก็ไม่สนใจฐานะองค์ชายอะไรอยู่แล้ว และไม่สนใจแคว้นกับการสืบทอดเช่นกัน สิ่งเดียวที่เขาต้องการ คือการให้อภัยของอวิ๋นอิง คือนางกับลูกปลอดภัยตายแล้วอย่างไร?นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เขาติดค้างอวิ๋นอิงเขากุมยาพิษในมือ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ข้าตายได้ แต่เจ้าต้องสาบาน ห้ามทำร้ายนางเด็ดขาด”“ได้ ตรงดี!”ชายหยาบกระด้างก็เป็นคนตรงไปตรงมาเช่นกันคนของแคว้นซีอวี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนตรงไปตรงมาและเด็ดขาด เรื่องที่สามารถทำเสร็จโดยตรง ไม่เคยอ้อมค้อมเขาล
“เจ้า!”หน้าอกจิ่งอี้กระตุก ทุกครั้งที่อารมณ์ขึ้นลง เลือดที่กระอักออกมายิ่งมาก สีหน้าซีดขาวอย่างรวดเร็ว หายใจถี่ดิ้นรนครั้งสุดท้ายลมหายใจรวยรินตายได้ทุกเมื่อจ้านหู่ก็เป็นคนมีน้ำใจเช่นกัน “องค์ชายใหญ่ เจ้าวางใจเถอะ ต่อให้วันนี้ข้าไม่ฆ่าเด็กคนนี้ ราชินีรู้แล้ว ก็จะส่งคนมาฆ่าอยู่ดี”“แล้วเหตุใดเจ้าต้องให้เด็กคนหนึ่งที่ไม่มีพ่อ มาทุกข์ทรมานบนโลกใบนี้?”“เจ้าชอบผู้หญิงคนนี้ ข้าจะไม่ทำร้ายนาง รอเอาเด็กไปแล้ว ก็จะส่งนางกลับเมืองเจียงหนานอย่างปลอดภัย”“อ่า…เจ้า…แค่ก…แค่กๆ…”จิ่งอี้โกรธจนตาแดง รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายในร่างกาย คลานเข้าไปอย่างสุดชีวิตมีคนสองคนเข้ามากดเขาไว้เขากระอักเลือดไม่หยุด มีเส้นเลือดสีฟ้าปูดขึ้นที่หน้าผาก โกรธสุดขีด แต่ดิ้นรนไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูต่อหน้าต่อตาจ้านหู่กล่าวกับอวิ๋นอิง“แม่นาง เด็กคนนี้ไม่ควรเกิดมาบนโลกใบนี้ เจ้าหลับตา ข้าแค่ถีบไปที่ท้องของเจ้าแรงๆ ทีหนึ่ง ครู่เดียวก็เสร็จแล้ว”หน้าอวิ๋นอิงซีดเล็กน้อย มือสองข้างกำหมัดแน่นมือถูกมัดไว้ และยังอยู่ในป่าในเขา เรียกฟ้าฟ้าไม่ตอบ เรียกดินดินไม่ขาน ไม่มีใครสามารถปกป้องเด็กคนนี้หรือแม้แต่สายเลือดเพ
ชีวิตครึ่งหนึ่งใช้เลี้ยงกู่แพทย์ ชีวิตอีกครึ่งหนึ่ง ตายเพราะกินยาพิษฆ่าตัวตายจิ่งอี้ยอมแลกด้วยชีวิตของตัวเองเพื่อนาง หนี้ที่เคยติดค้าง ก็คงจะหายกันแล้วกระมังเฟิ่งหรานมองนาง ถามอย่างระมัดระวัง“คุณหนูบอกว่า สถานการณ์ของจิ่งอี้แย่มาก โอกาสที่จะฟื้นมีแค่หนึ่งส่วน ถ้าหากเขาตายแล้ว เจ้าให้อภัยเขาได้หรือไม่?”อวิ๋นอิงหลุบตาให้อภัย…นึกถึงอดีต นางเจ็บปวดเช่นนั้น สิ้นหวังเช่นนั้น ต่อให้อ้อนวอนขอร้อง ก็ไม่สามารถหยุดการแก้แค้นของเขานางไม่มีวันลืมช่วงเวลาที่เจ็บปวดนั่นเฟิ่งหรานไม่ได้รับคำตอบ หัวใจค่อยๆ จมลงทีละนิด“คนตายแล้ว เกลียดชังยังมีความหมายหรือ?”เขาลองเปลี่ยนวิธีพูด เพื่อลดความเกลียดชังในใจของนาง“เขาตายเพื่อเจ้า”เมื่ออวิ๋นอิงได้ยินคำพูดนี้ เงยหน้าขึ้น สีหน้าเย็นชาและแข็งกระด้าง “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? จะใช้ศีลธรรมมาบีบคั้นข้าหรือ?”เพราะจิ่งอี้ตายเพื่อนาง นางก็ต้องให้อภัยจิ่งอี้?หมายถึงเช่นนี้หรือ?เฟิ่งหรานชะงัก“ข้าไม่…”“เฟิ่งหราน เจ้าไม่เคยเจอในสิ่งที่ข้าเคยเจอ ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจหรือวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของข้า เจ้าไม่มีวันรู้ว่าตอนนั้นข้าเจ็บปวด
ภายในห้องผ่านไปแล้วสองชั่วยามเต็มๆ ในที่สุดฉู่เชียนหลีก็วางมือ เช็ดเหงื่อบนหน้าผากอย่างเหนื่อยล้า ส่วนจิ่งอี้นอนหมดสติอยู่บนเตียงลมหายใจแผ่วเบาการขึ้นลงของหน้าอกก็เบามาก บาวจนแทบมองไม่เห็น ใบหน้าซีดเผือกเหมือนกับคนตาย ราวกับเป็นศพที่แข็งทื่อร่างหนึ่งโชคดีมากรอดมาได้ส่วนจะฟื้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเจตนาสวรรค์ฉู่เชียนหลีเปิดประตู เดินออกไปข้างนอก เฟิ่งหรานและคนอื่นกรูกันเข้ามาอย่างแทบรอไม่ไหว หลังจากรู้สถานการณ์คร่าวๆ คนของสำนักอู๋จี๋รีบเข้าไปเยี่ยมเฟิ่งหรานยืนอยู่ที่หน้าประตู เงยหน้ามองแวบหนึ่ง ไม่ได้เข้าไป“ข้าพยายามแล้ว” ฉู่เชียนหลีถอนหายใจเบาๆถ้าหากฟื้น ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลถ้าหากไม่ฟื้น…เฟิ่งหรานหลุบตา “ข้ารู้…”เขาแค่คิดไม่ถึงว่าจิ่งอี้ที่สามารถมองข้ามกระทั่งความชอบธรรมของบ้านเมือง สุดท้ายกลับมาเสียท่าเพราะผู้หญิงนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในหลายปีนี้…เขากล่าวเบาๆ “คุณหนูไม่มีอะไรจะถามหรือ?”ถามอะไร?เพราะเหตุใดจึงถูกจับ?คนพวกนั้นเป็นใคร?ฐานะของจิ่งอี้ฉู่เชียนหลีแค่เหลือบมองเขาแวบหนึ่งหลังจากเฟิ่งหรานลังเลครู่หนึ่ง ก็ไม่ปิดบังอีก เขาสารภาพทุกอย่าง “ที่จริ
สองมือจะสามารถอุ้มเด็กสามคนได้อย่างไร?ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เพื่อแสดงความยุติธรรม เช่นนั้นก็ไม่อุ้มเลยสักคน ลูบศีรษะน้อยๆ ของพวกเขา ถือเป็นการแสดงความรักต่อพวกเขาแล้วเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยแบะปาก หันหน้าอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย คลานไปเล่นคนเดียวเองแล้วเฟิงเจิ้งเว่ยซีอีอาๆ ก็ไปเล่นกับเขาเฟิงเจิ้งลู่ฉินมองไปทางพี่สาวและน้องชาย หลังจากกะพริบตาปริบๆ เข้าไปกอดขาของบิดา ร้องด้วยเสียงที่นุ่มนิ่ม“พ่อ…”คิ้วของเฟิงเย่เสวียนขมวดเล็กน้อย เวลาเผชิญหน้ากับเด็กคนนี้ เขารู้สึกสับสนมากลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ก้มลงไปอุ้มเด็กขึ้นมามือน้อยๆ ของลู่ฉินกอดคอของเขา จากนั้นยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเขาอย่างติดคนมั๊วะ…“พ่อ! อุ้ม…พ่อ…”เสียงพูดอาๆ ยังไม่ชัดมากนัก แต่การพึ่งพาและความชอบที่ลูกมีต่อพ่อ การกระทำของนางได้แสดงทุกอย่างออกมาแล้วเฟิงเย่เสวียนเม้มปากแน่นแม้แต่ฉู่เชียนหลีที่นั่งอยู่ข้างๆ สายตาก็ขรึมลงแล้วทั้งสองเงียบ แต่บรรยากาศที่หนักอึ้งอบอวลในอากาศแล้ว…เหลือเวลาพรุ่งนี้อีกหนึ่งวัน ก็ถึงกำหนดเฟิงเจิ้งหลีขอลูกคืนแล้วถ้าหากไม่คืน ก็จะเดินทัพถ้าหากเฟิงเจิ้งลู่ฉินนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจ และ
ถึงกำหนดเวลาสามวันแล้วทางอ๋องเฉินตกลงที่จะส่งองค์หญิงลู่ฉินคืน เฟิงเจิ้งหลีมารับด้วยตัวเอง กองทัพทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันที่บนสะพานแม่น้ำอูหลานฝั่งนี้ของแม่น้ำคืออ๋องเฉินพร้อมด้วยกองทัพที่อาวุธครบมือ เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉินตลอดเวลาอีกฟากของแม่น้ำคือคนของอ๋องหลี ซึ่งมีทหารมายมากราวกับคลื่นสีดำเช่นเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายแข็งแกร่งพอกันฉู่เชียนหลีอุ้มเฟิงเจิ้งลู่ฉินที่ยังเด็ก เดินขึ้นสะพานภายใต้การคุ้มกันขององครักษ์ลับเฟิงเจิ้งหลีขี่ม้าขึ้นไป ทั้งสองสบตาห่างกันเจ็ดแปดเมตรเมื่อเจ็ดวันก่อน เขายืนอยู่ที่ริมแม่น้ำ มองดูนางจากไปต่อหน้าต่อตาเจ็ดวันต่อมา พบกันใหม่อีกครั้งนางยังคงเป็นนาง“แม่” ลู่ฉินน้อยใช้ดวงตาที่รู้ความและบริสุทธิ์กวาดมองสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จักด้วยความสงสัย กอดคอและมุดเข้าไปในอ้อมแขนของมารดาอย่างกระสับกระส่ายฉู่เชียนหลีหลุบตา“ข้าไม่ใช่แม่เจ้า…”เสียงเบามากๆ มีเพียงนางที่ได้ยิน“แม่?”ลู่ฉินเงยหน้ามองมารดาอย่างไร้เดียงสา กล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนิ่ม “กลับ กลับบ้าน…กลับ”มือน้อยๆ จับเสื้อของนางทันใดนั้น ฉู่เชียนหลีแน่นหน้า อยากเด็ดขาด แต่ทำไม่ลงแล้ว ทั้
ทหารของฮ่องเต้หลีพากันหยิบคันธนู เล็งร่างเงาที่ปีนอยู่บนกำแพง ปล่อยธนูยิงฟิ้วๆๆฉู่เชียนหลีเหวี่ยงร่างกายหลบลูกธนู พลางหลบพลางปีนกำแพงเมืองสูงประมาณยี่สิบกว่าเมตร นางห้อยอยู่ตรงตำแหน่งที่สูงประมาณเจ็ดแปดเมตร กำลังค่อยๆ ปีนขึ้นไปฟิ้ว!ฟิ้วๆ!ลูกธนูแฝงไปด้วยจิตสังหารและอายเย็นนางหลบอย่างปราดเปรียว พลันไม่ระวังแขนถูกขุดจนถลอก แต่ยังคงจับเชือกแน่น ใช้เท้าถีบกำแพง ปีนขึ้นไปอย่างสุดชีวิตสิบเมตรสิบห้าเมตรสิบแปดเมตรใกล้แล้วขณะที่กำลังจะปีนถึงแล้ว จู่ๆ ก็มีร่างเงาสองสายปรากฏตัวบนกำแพงสูงจวินอี้หลินกับจวินลั่วยวน!นางห้อยอยู่บนกำแพง พวกเขายืนอยู่ที่ด้านหลังกำแพง คนหนึ่งอยู่ข้างบน คนหนึ่งอยู่ข้างล่าง คนหนึ่งแหงนมอง คนหนึ่งก้มมอง ระหว่างทั้งสองห่างกันเพียงห้าเมตรใกล้มากๆแต่มุมปากของจวินลั่วยวนเผยอขึ้นเป็นเส้นโค้ง ทำให้ฉู่เชียนหลีรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีในใจ“เจ้าจะทำอะไร!”จวินลั่ยยวนยิ้ม“เสด็จพี่รอง ท่านดูผู้หญิงเห็นแก่ตัวคนนี้สิ นางหนีมาถึงที่นี่จนได้ พวกเราอุตส่าห์ช่วยนาง ช่วยอ๋องเฉินด้วยความหวังดี แต่นางล่ะ?”“ทันทีที่อ๋องเฉินได้รับการช่วยเหลือ ก็ถอนกำลังทั้งห
จำนวนทหารเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับคลื่นยักษ์ มือมากมายเช่นนั้น กระบี่มากมายเช่นนั้น ฉู่เชียนหลีถูกต้องจนถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถโต้ตอบเลยสองมือยากจะต้านสี่แขนเหนื่อยมาทั้งคืน ประกอบกับร่างกายได้รับบาดเจ็บ สู้จนหมดแรงนานแล้ว แม้แต่มือก็ยกไม่ขึ้น ร่างกายยิ่งอ่อนล้าจนถึงขีดสุดต้องรอด!นางตายไม่ได้!เว่ยซีกับจื่อเยี่ยยังรอนางกลับบ้าน!ความคิดนี้ลุกโชนอยู่ในสมองของนาง รวบรวมแหล่งเฮือกสุดท้าย ฟันกระบี่ฟาดกำลังภายในที่แข็งแกร่งสายหนึ่งออกไป กระแทกคนที่อยู่ตรงหน้าล้ม วิ่งออกจากทางช่องว่างตรงนั้น ปีนขึ้นม้าตัวหนึ่งได้สำเร็จ“ย่ะ!”ขี่ม้าจากไปเหล่าทหารชูกระบี่ไล่ตาม“ล้อมนาง!”“ห้ามปล่อยนางไปเด็ดขาด!”“ปล่อยธนู!”เหล่าทหารบางคนปล่อยธนู บางคนขี่ม้าไล่ตาม สถานการณ์วุ่นวายไปหมด เสียงตะโกนต่างๆ ประสานกัน ทำให้ค่ำคืนนี้ยิ่งดูกดดันและตึงเครียดกุกๆๆ!เสียงกีบเท้าม้าที่ยุ่งเหยิงดังลั่นในอากาศยามค่ำคืน ฉู่เชียนหลีหนีบท้องม้าแน่น โน้มกายเล็กน้อย สองตาจ้องข้างหน้า ไม่รู้ว่าวิ่งไปทางไหน แต่ไม่กล้าหยุด ทำได้เพียงวิ่งไปข้างหน้าท่ามกลางความมืด มองไม่เห็นทาง แยกทิศทางไม่ออก ด้วยเ
พวกเขาตั้งใจมาช่วยคน หานเฟิง หานอิ๋ง มีความจงรักภักดีต่ออ๋องเฉิน พวกเขาไม่มีทางถอนตัว โดยไม่สนใจเฟิงเย่เสวียนนอกเสียจาก…เฟิงเย่เสวียนไปแล้ว!ฉู่เชียนหลีวิ่งไปถึงกระโจมหลัก ไม่มีใครอีกแล้ว นี่จึงจะรู้ตัวว่าถูกหลอกแล้ว ตอนที่จะถอนตัว ก็ถูกทหารกลุ่มหนึ่งล้อมแล้ว“นางแพศยา! ที่แท้เจ้าเป็นคนวางเพลิง!”“จับนาง!”เหล่าทหารชักอาวุธ พุ่งเข้าไปเหมือนฝูงผึ้งสีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึม รีบสร้างกระบี่น้ำแข็งขึ้นหนึ่งเล่ม นางถือกระบี่น้ำแข็งแน่น พุ่งออกไปปะทะกับคนเหล่านี้การต่อสู้อันดุเดือดปะทุขึ้นทันทีขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง จวินอี้หลินตามหาคอกม้าจนเจอ ขณะที่ขึ้นขี่บนหลังม้า กำลังจะพาน้องสาวจากไป เห็นเหล่าทหารกรูกันไปทางทิศทางหนึ่ง การเคลื่อนไหวชะงักเล็กน้อยเหมือนฉู่เชียนหลีถูกจับได้แล้ว?ทิ้งนางไว้ทั้งเช่นนี้ เหมือนจะไม่ค่อยดีกระมัง?เขากำสายบังเหียน อยากพุ่งกลับไปช่วยคนจวินลั่วยวนสัมผัสได้ถึงเจตนาของเขา กลอกตาไปมาหนึ่งรอบ รีบกอดแขนของเขา กล่าวทั้งน้ำตา“เสด็จพี่รอง ดีจริงๆ ที่ท่านไม่เป็นอะไร! ท่านไม่รู้หรอกว่าข้าเป็นห่วงท่านแค่ไหน ข้าคิดว่าจะไม่ได้เจอตัวท่านเป็นๆ แล้วเสียอี
“คนเยอะมาก!”จวินลั่วยวนซ่อนตัวในที่ลับตา มองออกไปข้างนอกอย่างระมัดระวัง “เสด็จพี่รองของข้าเลือดไหลเยอะมาก เหมือนจะไม่ไหวแล้ว!”“พวกเขาทรมานเสด็จพี่รองของข้าเช่นนี้ ไม่รู้ว่าปฏิบัติต่ออ๋องเฉินอย่างไร ได้ยินมาว่าฮ่องเต้หลีเกลียดอ๋องเฉินมาก ต้องทรมานเขาจนตายทั้งเป็นเลยกระมัง?”น้ำเสียงของนางวิตกกังวล แต่คำพูดเหล่านี้กลับจงใจพูดให้ฉู่เชียนหลีฟังฉู่เชียนหลีถูกบีบจนร้อนใจแล้วจริงๆไม่เห็นเฟิงเย่เสวียน ไม่สามารถยืนยันความปลอดภัยของเขา นางก็วางใจไม่ลงสักทีจวินลั่วยวนกล่าว“แต่ว่าทรมานก็ส่วนทรมาน น่าจะไม่ฆ่าเขา ฉู่เชียนหลี พวกเรารออยู่ที่ข้างนอก ไม่เกินห้าช่วยยาม กำลังเสริมต้องมาแน่นอน”“...”ห้าชั่วยามรอกองทัพเดินทางจากเจียงหนานมาถึงที่นี่ อ๋องเฉินคงตายไปแล้วนางรอไม่ได้แล้วสายตาฉู่เชียนหลีเคร่งขรึม คอยสำรวจภูมิประเทศของค่ายทหาร พลางครุ่นคิดอย่างรวดเร็วหลังจากวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียอย่างรวดเร็ว จู่ๆ ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่”“เจ้าจะไปทำอะไร? นี่…ฉู่เชียนหลี?”จวินลั่งยวนปิดปาก ไม่กล้าพูดเสียงดัง เห็นเพียงฉู่เชียนหลีย่องเข้าไปเจ็ดแปดเมตรอย่างไร้เสียง
“อืม…”จวินลั่วยวนยังไม่ทันลงมือ ฉู่เชียนหลีก็ฟื้นแล้ว นางตกใจจนก้อนหินหลุดจากมือ ตกลงไปที่ข้างๆนางร้อนตัว รีบหันไปล้มลงข้างๆ แสร้งหมดสติหนึ่งนาทีสองนาที…ฉู่เชียนหลียังไม่ฟื้น สิ่งที่ได้จากการรอคอย กลับเป็นผู้ติดตามคนหนึ่งที่ร่างกายเปื้อนเลือด“องค์หญิง องค์หญิง…ท่านอยู่นี่ได้อย่างไร…แค่กๆๆ…”อาการของผู้ติดตามสาหัสมาก เดินเข้ามาอย่างล้มลุกคลุกคลาน และหายใจลำบากจวินลั่วยวนรู้จักเขา เขาคือผู้ติดตามของเสด็จพี่รอง นางรีบเดินเข้าไปถาม“ช่วยอ๋องเฉินออกมาได้หรือไม่?”ผู้ติดตามชะงักเล็กน้อยองค์หญิงไม่ควรจะเป็นห่วงองค์ชายรองก่อนหรือ?แต่ในฐานะคนรับใช้ มีคำพูดมากมายไม่กล้าพูด เขากล่าวตอบ “อ๋องเฉินได้รับการช่วยเหลือแล้ว แต่องค์ชายรองถูกจับ ข้ากำลังจะกลับไปแจ้งข่าว และพาคนมาช่วย คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอท่านที่นี่”“ท่านกับพระชายาอ๋องเฉินข้ามแม่น้ำอูหลานแล้วไม่ใช่หรือ?”จวินลั่วยวนโล่งอกอ๋องเฉินปลอดภัยก็ดีแล้วพูดถึงเรื่องข้ามแม่น้ำ นางก็นึกถึงประสบการณ์ที่อันตรายเมื่อคืน อีกนิดเดียวนางก็จะตกเป็นของเล่นของทหารแล้ว อีกนิดเดียวก็จะตายแล้วนึกถึงภาพเมื่อคืน ทหารสิบกว่าคนทารุณกรรมผู้
ปัง!ทั้งสองกลิ้งไปไกลถึงห้าหกสิบเมตร จึงจะกลิ้งถึงตีนเขา คนหนึ่งชนเข้ากับต้นไม้ อีกคนชนเข้ากับก้อนหิน เปิดเสียงดัง ‘ปัง’ ทั้งสองล้วนหมดสติอย่างไม่สามารถควบคุมกลางคืนเงียบสงบเวลาค่อยๆ ผ่านไปเงียบๆ…ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ยามราตรีที่เงียบสงัด จึงจะมีเสียง“อืม…”ปลายนิ้วของจวินลั่วยวนกระดิกสองที หลังจากนั้นสองสามนาที จึงจะยกเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างยากลำบาก ความเจ็บปวดที่แผ่ไปทั่วร่าง ทำให้หายใจถี่ขณะเดียวกันก็นึกขึ้นได้พวกนางถูกทหารพบเห็น ระหว่างที่วิ่งหนี ไม่ระวังกลิ้งตกลงมาจากเนิน“ซี้ด!”เอว แขน ใบหน้า คอ ขาของนาง…ถูกหนามข่วนจนเป็นรอย ถูกกิ่งไม้แทง ถูกหินกระแทก ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล แทบจะไม่มีที่ใดที่สมบูรณ์เจ็บจัง!แต่โชคดีมากที่ไม่ถูกทหารจับนางพักหายใจครู่หนึ่ง ลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ประคองศีรษะที่หนักอึ้ง มองเห็นฉู่เชียนหลีที่ล้มห่างออกไปสามสี่เมตรเมื่อเทียบกันแล้ว อาการของฉู่เชียนหลีค่อนข้างสาหัสศีรษะของนางกระแทกกับก้อนหินจนเป็นแผล ใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางเปื้อนไปด้วยเลือด นางซีดราวกับกระดาษ เป็นตายไม่รู้แววตาของนางเผยให้เห็นความดีใจรีบเดิน
สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนเล็กน้อยเสด็จพี่รองจะช่วยนางเอง นางไม่ได้ขอให้เสด็จพี่รองทำเช่นนี้สักหน่อยเสด็จพี่รองยินดีทำเช่นนี้เอง เหตุใดกลายเป็นความผิดของนางแล้ว?อีกอย่างนะ เขาเป็นพี่ชาย นางเป็นน้องสาว พี่ชายปกป้องน้องสาว มันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วไม่ใช่หรือ?“จวินลั่วยวน เจ้ารู้หรือไม่ เจ้ามันไม่รู้จักพอ เจ้าเป็นแค่คนที่รู้จักเอาผลประโยชน์จากคนอื่น แต่ไม่เคยเสียสละ ไม่เคยตอบแทน เมื่อนานวันเข้า ก็กลายเป็นนิสัยเห็นแก่ตัว”“คิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง”“เอาแต่ได้อย่างเดียว”“ดูผิวเผินเหมือนเจ้าอยู่ในครอบครัวที่มีความสุข แต่ในความเป็นจริง ก็ไม่รู้เลยว่าอะไรคือความรักและความอบอุ่นในครอบครัว กลับกัน ข้ายังรู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่าแทนองค์ชายรอง”เขายอมเสี่ยงชีวิตช่วยน้องสาวออกมา แต่นางไม่สนใจความเป็นความตายของเขาเลยจวินลั่วยวนโกรธเล็กน้อยพูดถึงคำว่าครอบครัว นางก็จะนึกถึงเรื่องที่นางไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของฮองเฮาหนานยวนคำพูดของฉู่เชียนหลีกำลังเตือนนาง ความสุขที่นางได้รับในปัจจุบัน ล้วนขโมยมาทั้งสิ้น“ข้าควรทำอย่างไร เกี่ยวอะไรกับเจ้า!”นางเถียงกลับอย่างโกรธเคือง“ที่เสด็จพี่รองของ
สิ้นเสียงตะโกน เขาถูกทหารที่โถมเข้ามาปิดล้อมทหารโถมเข้ามาอย่างดุดันราวกับคลื่นยักษ์ กลืนกินเขาเข้าไปในนั้น เขาฟันกระบี่อย่างแน่วแน่ กัดฟันแน่น ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดเขายืนหยัดจนถึงแรงเฮือกสุดท้าย…ฉู่เชียนหลีตกใจมากคิดไม่ถึงว่าองค์ชายรองหนานยวนคนนี้ ต้องเสียสละชีวิตเพื่อน้องสาวแล้วหันมามองจวินลั่วยวน“อ๊ะ!”“ช่วยด้วย!”“รีบไป พวกเรารีบไปเร็ว! ถ้ายังไม่ไป ต้องตายอยู่ที่นี่แน่!”จวินลั่วยวนกลัวจนสติแตกไปแล้ว กุมศีรษะกรีดร้องไม่หยุด ริมฝีปากซีด ยกกระโปรงขึ้นก็วิ่งออกไปข้างนอก “รีบหนีเร็ว! อ๊ะ!”“...”พี่ชายของนางถูกปิดล้อม ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย นางจะไปทั้งเช่นนี้?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว แต่นึกถึงคำพูดของจวินอี้หลิน นางทำได้เพียงไล่ตาม“อ๊ะ!”“อ๊ะ!”จวินลั่วยวนพลางวิ่ง พลางกรีดร้อง ซึ่งดึงดูดความสนใจของทหาร มีทหารส่วนหนึ่งแยกตัวออกมาไล่ตามสายตาฉู่เชียนหลีขรึมลง ก้าวไปข้างหน้า “จวินลั่วยวน! หุบปาก!”ร้องต่อไปไม่ได้แล้ว!“เจ้าอยากล่อทุกคนมาหรือ!”“อ๊ะๆ! ข้ากลัว! เลือดเต็มไปหมด! จะตาย…อ๊ะ!”“หุบปาก!”“อ๊ะ!”เพียะ!นางไม่ฟังเลย ฉู่เชียนหลีเห็นทหารที่ม
เหล่าทหารตื่นตัวขึ้นมาทันที ทุกคนพากันหันไปมอง ก็เห็นร่างเงาสีดำวิ่งผ่าน สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน“แย่แล้ว!”“มีคนลอบโจมตี!”เสียงตะโกนทำให้ทุกคนตื่นตัว และคนหกเจ็ดสิบคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็รีบวิ่งมา พบฉู่เชียนหลีและคนอื่นแล้ว“จับพวกเขา!”ชักอาวุธออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรงฉู่เชียนหลีเห็นท่าไม่ดี ทำได้เพียงถือกระบี่ต่อสู้กับพวกเขา“เผด็จศึกโดยเร็ว อย่ายืดเยื้อ เน้นช่วยคนเป็นหลัก!”ยิ่งสู้นาน ก็จะยิ่งดึงดูดคนมามากขึ้นฉวยโอกาสตอนที่การเคลื่อนไหวของที่นี่ยังไม่กระจายออกไป รีบจัดการโดยเร็ว ช่วยอ๋องเฉินออกมา และรีบถอนกำลัง นี่จึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด“เจ้าค่ะ!”หานอิ๋งชักกระบี่ พาเหล่าองครักษ์ลับพุ่งออกไป เริ่มสู้กับเหล่าทหาร“ลงมือ!”จวินอี้หลินตวาดเบาๆ เขาดึงน้องสาวมาไว้ในอ้อมแขน ใช้มือข้างหนึ่งถือกระบี่ ต่อสู้กับทหารเหล่านั้นจนโกลาหลไปหมดทันใดนั้น ประกายดาบ เงากระบี่ เสียงตะโกน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดปัง!เคร้ง!“อ่า!”“พู่!”“ฉึก!”ในการต่อสู้ที่ดุเดือด มีคนล้มลง มีคนได้รับบาดเจ็บ มีคนกระอักเลือด ชั้นวาง ท่อนไม้ กาน้ำ ของต่างๆ ล้มเกลื่อนพื้นวุ่นวายไป