“ส่งคนเข้าป่าทันที ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร ก็จำเป็นต้องหาแมลงชนิดนี้ให้เจอ นำกลับมา ข้าเลี้ยงเอง”จิ่งอี้พับกระดาษจดหมาย กล่าวอย่างเด็ดขาด ตัดสินใจแล้ว ไม่อนุญาตให้มีข้อกังขาเขาตัดสินใจแล้วเฟิ่งหรานเม้มปากแน่น“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกผิดต่ออวิ๋นอิง แต่ถ้าเจ้าเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว เกี่ยวพันไปถึงแคว้นซีอวี้กับแคว้นตงหลิง…”อยู่ต่อหน้าเรื่องของบ้านเมือง ลูกหลานคนรักก็ควรวางไว้ข้างๆจิ่งอี้หลุบตาแค่รู้สึกผิดหรือ?เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปแล้ว และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้เปลี่ยน ความรู้สึกที่เขามีต่ออวิ๋นอิงไม่เหมือนเมื่อก่อนนานแล้ว…หวงแหนวางไม่ลงรัก…เขาเม้มปาก ไม่ได้อธิบาย เฟิ่งหรานไม่เคยมีประสบการณ์ ไม่เข้าใจอะไรคือความรัก รอวันที่เขาเจอคนที่ชอบจริงๆ ก็จะเข้าใจในสิ่งที่เขาทำในวันนี้เองกล่าวอย่างเรียบเฉย“เวลาไม่คอยท่า ส่งคนเข้าป่าเถอะ”“ข้าไม่…ช่างเถอะ ข้าไม่สนใจเจ้าแล้ว! ตามใจเจ้าเลย!”ผ่านปีใหม่ ก็ฤดูใบไม้ผลิแล้วเฟิงเย่เสวียนยุ่งจนแทบไม่ได้หยุดพัก ตำแหน่งของเมืองเทียนสู่ตั้งอยู่ตรงจุดสำคัญที่เป็นเส้นบรรจบของเจียงหนานเจียงเป่ย และยังใกล้
ยกมือ ฟัน แทง เกี่ยว…ทุกการกระบวนท่าเฉียบคม ดุดันไล่ต้อนเฟิงเย่เสวียนไพร่มือข้างหนึ่งไว้ข้างหลัง ใช้แค่มือเดียว เห็นกระบวนท่าแก้กระบวนท่า รับมือได้อย่างง่ายดาย ท่าทางที่ผ่อนคลายนั่น ราวกับไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาดูเกียจคร้านคนชุดดำสังเกตเห็นแล้วปะทะกันสิบกว่ากระบวนท่า เขาไม่ใช้อาวุธก็ช่างเถอะ แถมยังใช้แค่มือข้างเดียว!ดูถูกนางเกินไปแล้วกระมัง?นางขมวดคิ้วด้วยความโมโห กระบวนท่าในมือก็ดุดันขึ้นสามส่วน การโจมตียิ่งรุนแรงแล้วขณะเดียวกัน เพราะโมโห จึงเผยช่องโหว่แล้วหนึ่งกระบวนท่าโจมตี เฟิงเย่เสวียนถอยหลังเพียงครึ่งก้าว ก็หลบพ้นกระบี่เล่มนั้น ขณะที่นางเตรียมโจมตีครั้งที่สอง เขายกมือคว้าคอของนางโดยตรง“วิธีปรากฏตัวขององค์หญิงน่าสนใจจริงๆ”เสียงทุ้มต่ำที่เฉยเมยของเฟิงเย่เสวียน ทำให้การเคลื่อนไหวของคนชุดดำชะงักแต่แค่อึดใจเดียวพลันสายตานางดุร้าย จะโจมตีอีกครั้ง“ยังสนุกไม่พอหรือ?” เขากล่าว “ข้าไม่มีนิสัยตีผู้หญิงกลางตลาด”“...”คนชุดดำแบะปาก โยนกระบี่ในมือทิ้ง เปิดผ้าคลุมหน้าภายใต้ผ้าคลุมหน้า ซ่อนใบหน้าหนึ่งที่งดงาม ประณีต สะอาด ธรรมชาติ และร่าเริงมีชีวิตชีวาไว้ ในแววตาซ่
นางเงยหน้า แหงนมองเฟิงเย่เสวียน ใบหน้าทรงไข่ที่งดงามทำปากยื่น แลดูน้อยอกน้อยใจเล็กน้อย“อ๋องเฉิน เสด็จพ่อมีลูกสาวอย่างข้าแค่คนเดียว พวกเขาเอาอกเอาใจข้ามาโดยตลอด ข้าไม่สามารถดูแลตัวเองตั้งแต่เด็ก ข้าเพิ่งเดินทางไกลครั้งแรก ถ้าหากท่านไม่สนใจข้า ข้าก็จะไปหาฮ่องเต้ตงหลิงแล้วนะ…”กึ่งน้อยใจ กึ่งข่มขู่การปรากฏตัวของนาง เป็นตัวแทนของแคว้นหนานยวนถ้าหากอ๋องเฉินไม่ผูกมิตรกับแคว้นหนานยวน แคว้นหนานยวนก็ไปร่วมมือกับเฟิงเจิ้งหลี สองพี่น้องรบกัน อ๋องเฉินรับมือไม่ไหวแน่นอนนางให้ทางเลือกโดยตรงให้นางไปอยู่กับเขาที่ทำเนียบหรือไม่นางก็ไปหาเฟิงเจิ้งหลีเฟิงเย่เสวียนหลุบตา ก้มมองนางที่อยู่ข้างล่าง กล่าวอย่างเย็นชา“องค์หญิงเป็นพูดตรงเช่นนี้ตั้งแต่เด็กเลยหรือ?”จวินลั่วยวนสงสัย “หมายความว่าอย่างไร?”“ความหมายก็คือ ข้าจับตัวท่านตอนนี้ ไม่เพียงสามารถควบคุมแคว้นหนานยวน และยังทำให้ไม่สามารถสนับสนุนเฟิงเจิ้งหลี ยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว”จวินลั่วยวนตะลึงเขาจะจับนาง?เอาใจ?“ได้ยินมาว่าอ๋องเฉินแคว้นตงหลิงเป็นคนตรงไปตรงมา มีคุณธรรม มีหลักการ ข้าเดินทางมาแคว้นตงหลิงในฐานะทูต ท่านกลับจะจับข้า? ท่
หลังจากใช้เวลาหลายวัน ในที่สุดเฟิ่งหรานก็หาตัวอ่อนกู่แพทย์เจอแปดตัวในป่าลึกตัวอ่อนเหล่านี้อยู่บนเห็ดหลินจือ ขณะของมันแค่ใหญ่เท่าเส้นผมสองสามเส้น ตัวสีขาว บางๆ กินเห็ดหลินจือตั้งแต่เล็ก มีสรรพคุณยาในตัว และพวกมันที่ยังมีชีวิตยิ่งมีค่ามหาศาล“แมลงที่เจ้าต้องการ”เฟิ่งหรานเปิดกล่องผ้าแพรภายในกล่อง เห็ดหลินจือพันปี แมลงน้อยๆ แปดตัวเกาะอยู่บนนั้นไม่ต้องกังวลพวกมันหาย นอกจากเห็ดหลินจือ พวกมันก็ไม่ไปที่อื่นจิ่งอี้ใช้นิ้วลูบอย่างระมัดระวังแมลงที่ตัวเล็กแค่นี้และไม่สะดุดตา กลับสามารถช่วยชีวิตของอวิ๋นอิงกับลูก ช่างอัศจรรย์ ขณะเดียวกัน ก็สะเทือนใจเหลือเกินสวรรค์มีตาสวรรค์ไม่เคยทอดทิ้งคนมีความพยายาม“เตรียมวัตถุดิบยาที่พวกมันจะกินให้เรียบร้อย เลี้ยงดีๆ แล้วเลือดหัวใจป้อนอย่างไร?”เฟิ่งหรานเม้มปาก“ต้องป้อนอย่างต่อเนื่อง พวกมันดูดหมดแล้ว ก็ต้องป้อนต่อทันที”เมื่อจิ่งอี้ได้ยิน หยิบมีดสั้นออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เปิดเสื้อชั้นใน ใช้มีดแทงเข้าไปที่ตำแหน่งหัวใจโดยตรง และไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วเลือดหัวใจเอ่อล้นออกมา…ดึงมีดสั้นออกมา เลือดที่ปลายมีดหยดลงบนเห็ดหลินจือเบาๆติ๋ง!เลือดก
เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน ผิวของเขาขาวเหมือนไม่ได้ตากแดดเป็นปี แทบสามารถมองเห็นเส้นเลือดสีฟ้าที่หางตาแล้วทั้งสองเจอกันสายตาบรรจบเขาเม้มปากยิ้ม เดินเข้ามาหานาง ฝีเท้าที่เดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบา โอนเอียงเล็กน้อย แต่สามารถเดินอย่างมั่นคงทุกก้าวเขากล่าว “เจ้ากำลังตั้งครรภ์ เว่ยซีโตเช่นนี้แล้ว ต่อไปนางอุ้มนางบ่อย”พริบตาเดียว อวิ๋นอิงก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว แต่เนื่องจากร่างกายนางอ่อนแอ ท้องเล็กเหมือนเพิ่งจะสี่เดือนนางอุ้มเว่ยซีไว้เมื่อเว่ยซีเห็นเขา ยื่นมือน้อยสองข้างออกไปด้วยรอยยิ้ม ปากก็สูงเสียงอีอาๆ“อุ้ม…”เขาเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม ในแววตาเต็มไปด้วยความรักและความอ่อนโยน รับเด็กมา เด็กน้อยที่อ้วนท้วนทับจนเขาเซถอยหลังสองก้าวเมื่อทรงตัวได้ก็ตำหนิเบาๆ“เจ้านี่นะ ตัวอ้วนเช่นนี้ โตขึ้นผู้ชายคนไหนจะกล้าแต่งงานกับเจ้า?”“อาๆ…” เด็กน้อยหัวเราะคิกคักอวิ๋นอิงยืนอยู่ที่ข้างๆ มองจิ่งอี้ด้วยสายตาที่คาดคะเนเขาดูโทรมมาก?หรือว่าได้รับบาดเจ็บ?ตามที่นางรู้ สงครามที่เมืองเทียนสู่ยังไม่เริ่ม อยู่ดีๆ เขาไม่มีทางได้รับบาดเจ็บไม่รู้ว่าเขากำลังทำบ้าอะไรอยู่ แต่นางไม่อยากถามแม้แต่คำเดียว อ
เฟิงเย่เสวียนหรี่ตาอ้าปากก็จะเอาหนึ่งในสามของดินแดน?โลภใช้ได้!เขากับเฟิงเย่เสวียนสู้กันภายใน เขาจะยกทัพทำศึกในแคว้นของตัวเอง เข่นฆ่าราษฎรของตัวเอง ปรากฏว่ายังต้องแบ่งดินแดนให้คนนอก เห็นเขาเป็นคนโง่หรือ?“องค์หญิงเชิญตามสบาย” เขาวางตะเกียบ ลุกขึ้นเดินจากไปแล้วจวินลั่วยวนอึ้งไปครู่หนึ่ง รีบลุกขึ้นเดินตาม“อ๋องเฉิน ท่านจะไม่ลองคิดดูหน่อยหรือ?”“เทียบกับราชบัลลังก์แล้ว หนึ่งในสามของดินแดนนับอะไรไม่ได้เลย ท่านลองคิดดู ถ้าหากเปลี่ยนเป็นฮ่องเต้ตงหลิง เขาต้องใช้ดินแดนเหล่านี้ แลกกับการไร้ความกังวลตลอดไปแน่นอน”“ถ้าหากท่านไม่อยากเสียดินแดน หรือไม่ใช้ของอย่างอื่นแลก? ท่านอย่าเดินเร็วเช่นนี้สิ พวกเราคุยกันดีๆ ได้!”นางวิ่งไล่ตามนางตามลังเฟิงเย่เสวียน ประเดี๋ยวเอียงศีรษะไปทางซ้าย ประเดี๋ยวเอียงร่างกายไปทางขวา น้ำเสียงนุ่มนวล ท่าทางน่ารัก เหมือนกับแมลงตามตูดคนรับใช้และทหารเห็นแล้ว อดไม่ได้ที่จะขำได้ยินมาว่าฮ่องเต้หนานยวนมีลูกสาวแค่คนเดียว เอาอกเอาใจและให้ท้ายตั้งแต่เด็กเดิมทีคิดว่าองค์หญิงหนานยวนเป็นผู้หญิงสูงศักดิ์ เย่อหยิ่ง น่าเกรงขาม กลับคิดไม่ถึงว่าเป็นสาวน้อยที่สดใสร่าเริง
“?”นางเพิ่งถลึงตา ก็เห็นอวิ๋นอิงอุ้มเด็กกลับไปแล้วนาง “...”ไม่เคยเห็นผู้ชายที่ขี้งกเช่นนี้มาก่อน…ขณะเดียวกัน ก็เกิดความอยากรู้อยากเห็น“ได้ยินมาว่า ท่านกับฮ่องเต้ตงหลิงแตกหักเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง?”และผู้หญิงคนนี้ ก็คือแม่ของฝาแฝดคู่นี้นางสงสัยมาก ผู้หญิงแบบไหนกัน ที่สามารถให้กำเนิดลูกสาวที่น่ารักทั้งสองคนนี้ และผู้หญิงแบบไหนกัน สามารถทำให้พี่น้องสองคนเกิดการต่อสู้ระดับบ้านเมืองผู้หญิงเช่นนี้ ควรเรียกว่าตัวหายนะที่นำภัยมาสู่บ้านเมืองและราษฎร“ได้ยินมาว่าท่านเตรียมบุกเจียงเป่ย ก็เพื่อผู้หญิงคนนี้เช่นกัน?”“ท่านรักนางมากเลย?”“นางสวยหรือไม่?”เพราะความอยากรู้อยากเห็น จวินลั่วยวนถามติดต่อกันสี่ห้าคำถามในสายตาของนาง อ๋องเฉินแคว้นตงหลิงเฉยเมย พูดน้อย เย่อหยิ่ง ไม่ว่าเวลาใดก็เย็นชาตลอด มีเพียงอยู่ต่อหน้าลูกสาวสองคนนี้ จึงจะเผยด้านที่อ่อนโยนออกมานางอยากรู้มาก ตกลงเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน ที่สามารถครอบครองหัวใจของอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียนนึกถึงฉู่เชียนหลี รู้สึกอุ่นใจความรักที่อยู่ในใจ ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูด“ถ้าหากองค์หญิงไม่มีอะไรแล้ว ก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะพิจารณาข้อเสน
เจียงหนานศาลาพักม้าภายในลานมีทหารยามเต็มไปหมด ชั้นบน ชั้นล่าง โถงทางเดิน คุ้มกันอย่างแน่นหนา ภายในห้องที่ปลอดภัยบนชั้นสอง มีหญิงงามอายุประมาณสามสิบเจ็ดแปดคนหนึ่งนั่งอยู่การแต่งกายเรียบง่ายสบายๆ สะอาดเรียบร้อย แม้การแต่งกายเรียบง่าย แต่ทุกการเคลื่อนไหวที่สง่างาม แผ่ความสูงศักดิ์ที่ฝังอยู่ในกระดูกออกมาอย่างเป็นธรรมชาตินางก็คือมารดาของจวินลั่วยวน…ฮองเฮาหนานยวน “ฮองเฮา สภาพอากาศของเจียงหนานไม่เหมือนแคว้นหนานยวน พระองค์ลองทาน้ำมันหอมที่ขมับ สามารถป้องกันอาการไม่พึงประสงค์พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ลับกล่าวอย่างนอบน้อมฮองเฮาหนานยวนรับขวดมา หมุนเล่นในฝ่ามือครู่หนึ่ง หัวเราะอย่างลึกลับถ้าหากเพิ่งมาแคว้นตงหลิงครั้งแรก นางอาจจะไม่ถูกกับสภาพอากาศแต่หลายปีนี้ นางเคยมาที่นี่อย่างลับๆ ยี่สิบสามสิบครั้ง เคยชินกับสภาพอากาศของที่นี่นานแล้ววางขวดลง “ยวนเอ๋อร์ล่ะ?”องครักษ์ลับกล่าว“องค์หญิงเดินทางเร็ว ถึงเจียงหนานตั้งแต่เมื่อเจ็ดวันก่อน พักอยู่ที่ทำเนียบของผู้ว่าการเจียงหนาน อยู่กับอ๋องเฉิน ตอนนี้ปลอดภัยดีพ่ะย่ะค่ะ”นางพยักหน้าเข้าใจแล้วอ๋องเฉินแคว้นตงหลิงเป็นคนรู้จักแยกแยะ เรื่องนี้ นาง
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท