เจียงหนานศาลาพักม้าภายในลานมีทหารยามเต็มไปหมด ชั้นบน ชั้นล่าง โถงทางเดิน คุ้มกันอย่างแน่นหนา ภายในห้องที่ปลอดภัยบนชั้นสอง มีหญิงงามอายุประมาณสามสิบเจ็ดแปดคนหนึ่งนั่งอยู่การแต่งกายเรียบง่ายสบายๆ สะอาดเรียบร้อย แม้การแต่งกายเรียบง่าย แต่ทุกการเคลื่อนไหวที่สง่างาม แผ่ความสูงศักดิ์ที่ฝังอยู่ในกระดูกออกมาอย่างเป็นธรรมชาตินางก็คือมารดาของจวินลั่วยวน…ฮองเฮาหนานยวน “ฮองเฮา สภาพอากาศของเจียงหนานไม่เหมือนแคว้นหนานยวน พระองค์ลองทาน้ำมันหอมที่ขมับ สามารถป้องกันอาการไม่พึงประสงค์พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ลับกล่าวอย่างนอบน้อมฮองเฮาหนานยวนรับขวดมา หมุนเล่นในฝ่ามือครู่หนึ่ง หัวเราะอย่างลึกลับถ้าหากเพิ่งมาแคว้นตงหลิงครั้งแรก นางอาจจะไม่ถูกกับสภาพอากาศแต่หลายปีนี้ นางเคยมาที่นี่อย่างลับๆ ยี่สิบสามสิบครั้ง เคยชินกับสภาพอากาศของที่นี่นานแล้ววางขวดลง “ยวนเอ๋อร์ล่ะ?”องครักษ์ลับกล่าว“องค์หญิงเดินทางเร็ว ถึงเจียงหนานตั้งแต่เมื่อเจ็ดวันก่อน พักอยู่ที่ทำเนียบของผู้ว่าการเจียงหนาน อยู่กับอ๋องเฉิน ตอนนี้ปลอดภัยดีพ่ะย่ะค่ะ”นางพยักหน้าเข้าใจแล้วอ๋องเฉินแคว้นตงหลิงเป็นคนรู้จักแยกแยะ เรื่องนี้ นาง
ณ จวนอ๋องเฉิน แคว้นตงหลิง “สารเลว!” “โอ๊ย!”เสียงตวาดแผดขึ้น ร่างผอมบางร่างหนึ่งถูกถีบจนกระเด็นเข้าชนกับเสาที่ผนัง ก่อนกระแทกกับพื้นอย่างแรง ปิ่นเงินร่วงลง เส้นผมสีดำกระจายลงบนพื้นเจ็บ...เจ็บจัง...เธอเพิ่งเสร็จสิ้นการผ่าตัดใหญ่ที่นานถึงสามสิบแปดชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก พอออกมาจากห้องผ่าตัดก็หมดสติล้มลงกับพื้น แต่ทำไมตัวเธอถึงได้เจ็บขนาดนี้นะ?จากนั้น ความทรงจำที่ไม่คุ้นเคยกลุ่มหนึ่งก็เบียดเข้ามาในหัวสมองและฉายให้เห็นอย่างรวดเร็ว ฉู่เชียนหลี คุณหนูสี่ผู้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ ใบหน้าอัปลักษณ์ไร้ซึ่งความงาม นางแต่งเข้าจวนเฉินอ๋องเมื่อสามเดือนก่อน ไม่เคยได้รับความชื่นและต้องอยู่ลำพังในห้องว่างเปล่าเรื่อยมาวันนี้อ๋องเฉินรับอนุภรรยา นางถูกเรียกให้มาปรนนิบัติอนุภรรยา แต่เพราะพลั้งเผลอปัดน้ำชาหกไปลวกถูกอีกฝ่าย จึงถูกอ๋องเฉินถีบจนตายในคราวเดียว!เป็นผู้ชายที่โหดจริงๆ!แต่ในเมื่อมาแล้ว ก็ทำใจอยู่อย่างสงบเสียฉู่เชียนหลีรับเรื่องราวต่างๆ เข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว ฝืนทนความเจ็บปวด เงยหน้าขึ้นมาห้องหอที่ประดับตกแต่งด้วยสีแดงแห่งงานมงคล ชายหญิงในชุดแต่งงานคู่หนึ่งอย
เซียวจือฮว่าตกตะลึง “เฉิน…”มิใช่ว่าเขารังเกียจฉู่เชียนหลีเป็นที่สุด ซ้ำยังบอกว่าจะยกตำแหน่งชายาเอกให้นางหรอกหรือ? เห็นอยู่ว่าหนังสือหย่าเขียนจวนจะเสร็จอยู่แล้ว แต่จู่ๆ กลับไม่หย่ากับนาง?ฉู่เชียนหลีเองก็รู้สึกแปลกใจ หากเขาไม่หย่ากับนาง แล้วนางจะได้ท่องเที่ยวในยุคโบราณอย่างสบายอุราและเที่ยวเล่นอย่างมีความสุขได้อย่างไร?“ท่านอ๋อง ข้ามีความผิดนี่!” นางโผเข้าไปกอดต้นขาของชายหนุ่ม เอ่ยประหนึ่งใจแทบขาด “สามเดือนก่อน ข้าวางยาท่าน บีบให้ท่านแต่งกับข้า ข้าผิดหลักคุณธรรม”“เมื่อครู่ ก็จงใจปัดน้ำชาร้อนไปลวกถูกน้องเซียวอีก จิตใจคับแคบนัก”“สตรีที่ใจแคบเช่นไส้ไก่ เจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นข้า ไม่มีหน้าจะรั้งตำแหน่งชายาอ๋องเฉินจริงๆ ขอท่านอ๋องให้ผู้ล้ำเลิศกว่ามาแทนที่เถิด!”ภายในใจ 'ผู้ชายบ้า รีบหย่าฉันเร็วๆ ฉันมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อยู่มานานกว่านายตั้งหลายพันปี ไอ้เด็กรุ่นกระเตาะที่ขนยังขึ้นไม่หมดอย่างนาย มีสิทธิ์อะไรจะแต่งกับฉัน?'รู้แต่แรก สิบปีก่อนฉันก็จะไม่ช่วยชีวิตนาย ให้นายจมน้ำตายไปเลยก็ดี!เฟิงเย่เสวียนปรี่เข้าไปกุมคอเสื้อนาง “เมื่อครู่เจ้ากล่าวสิ่งใด?”คนที่ช่วยชีวิตเขาเมื่อสิบปีก่
ในเรือนหลังเล็กโกโรโกโสสาวใช้เยว่เอ๋อร์กำลังเดินวนเวียนไปมา สองมือกำแน่นอย่างกระวนกระวายใจ และคอยชะเง้อมองข้างนอกตลอดเวลา ยามเห็นร่างที่คุ้นเคยนั้น นางก็พุ่งตัวออกไปทันใด“พระชายา!”นางรีบปรี่เข้าไปกุมมือสองของฉู่เชียนหลี ก่อนตรวจดูทั้งบนล่างซ้ายขวาหน้าหลัง “พระชายา เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” ท่านอ๋องไม่ได้ทำให้ท่านลำบากใช่หรือไม่เจ้าคะ? พระชายารองเซียวนั่นรังแกท่านหรือไม่เจ้าคะ? พวกเขาเรียกท่านไปทำสิ่งใดเจ้าคะ?”ฉู่เชียนหลีกะพริบตาเยว่เอ๋อร์เป็นสาวใช้ที่ปรนนิบัตินางมาสิบปีแล้ว เติบโตมาพร้อมกับนางตั้งแต่เล็ก สนิทกันดังพี่สาวน้องสาวนางส่ายหัวพลางผลักประตูเข้าไปในห้อง เรื่องแรกที่ทำก็คือปรี่เข้าไปที่โต๊ะแต่งหน้า และคว้าเอากระจกทองเหลืองแสนเก่าเขรอะขนาดเท่าฝ่ามืออี๋...น่าเกลียดชะมัด!แม้จะทำใจมาแล้ว แต่เมื่อได้เห็นใบหน้านี้ นางก็ยังต้องตกใจกับตัวเองภาพสะท้อนในกระจกทองเหลืองนั้น ครึ่งหน้าของสตรีหยาบขรุขระ เหมือนถูกเผาด้วยไฟร้อน ผิวหนังยู่ย่น อัปลักษณ์น่าตกใจกลัว เหมือนปีศาจไม่มีผิด ใครพบเห็นเข้า ตกกลางคืนต้องมีอันฝันร้ายเยว่เอ๋อร์กังวลว่าพระชายาจะน้อยเนื้อต่ำใจจึงรีบดึงกระจกท
ยามมีคนประคอง ราศีของเซียวจือฮว่ายิ่งดีสูงส่งอย่างเห็นได้ชัด ร่างขาวนวลอ้อนแอ้นบอบบางอรชร ก้าวย่างทีละน้อย ให้ความรู้สึกบอบบางจนแทบจะล้มไปตามลมเมื่อสาวใช้เงยหน้าขึ้นเห็นว่าฉู่เชียนหลียังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับแม้สักนิดราวกับมองไม่เห็นก็อดโมโหไม่ได้พระชายานี่ตาบอด ไม่รู้จักออกมาต้อนรับสักหน่อยรึ?“พี่หญิง...” เซียวจือฮว่าเดินเข้ามาเห็นว่าฉู่เชียนหลีกำลังกินซาลาเปา ที่พำนักผุพังก็รู้สึกปวดใจจนตาแดงก่ำขึ้นทันที “เหตุได้ท่านจึงอยู่ในสถานที่ชนิดนี้ นี่หาใช่ที่สำหรับคนอยู่...”“ไว้ข้ากลับไปจะต้องบอกกับเฉินสักหน่อย”น้ำเสียงนั้น ถ้อยคำเช่นนั้น ราวกับว่านางต่างหากที่เป็นนายหญิงของจวนแห่งนี้ ส่วนฉู่เชียนหลีก็เป็นแค่เด็กสาวบ้านป่าผู้หนึ่งเท่านั้นฉู่เชียนหลีปรายตามองนางเรียบๆ กัดซาลาเปาคำหนึ่ง “ เจ้ามาทำไม?”เมื่อสตรีผู้นี้ปรากฏตัว แน่นอนว่าต้องไม่ได้มาด้วยเจตนาดีก่อนนี้ เจ้าของเดิมของร่างนี้รักใคร่เฉินหวังอย่างล้ำลึก แต่เมื่อใดที่เซียวจือฮว่า ปรากฏตัว พอนางทำตาแดงๆ คราวหนึ่ง เบะปากคราวหนึ่ง ไม่ก็หลั่งน้ำตาครึ่งหยด ถ้านางไม่ถูกถีบกระเด็น ก็ถูกทุบตีอย่างทารุณยกหนึ่งพอเสร็จเรื่อง สตร
“ข้าจงใจผลักเอง” ฉู่เชียนหลีพูดต่อว่า “ข้าริษยาที่น้องเซียวเป็นที่รัก ไม่ใช่แค่ผลักนาง ยังอยากจะทุบตีนางด้วย เพราะรักกลายเป็นแค้น ไม่ว่าเรื่องใดก็ทำออกมาได้ทั้งสิ้น”เซียวจือฮว่าได้ยินคำก็หัวเราะเย็นอยู่ในใจแต่ไรมาท่านอ๋องก็รังเกียจสตรีขี้อิจฉาใจคับแคบเป็นที่สุด นี่เจ้ากลับโง่พูดออกมา เตรียมตัวถูกหย่าเสียเถิด ตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินจะต้องเป็นของนางในไม่ช้าก็เร็วเฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้วกระบี่ของตนนางอยากจะไปให้พ้นจากจวนอ๋องเฉินจนแทบทนไม่ไหวถึงเพียงนี้เชียวหรือ แต่เขาจะไม่ให้นางได้สมหวังเสียอย่าง“ในเมื่อรู้ผิดแล้ว ยังไม่รีบ…”หย่ากับนางเสีย?“ขอบคุณท่านอ๋อง!” ฉู่เชียนหลีดีใจจนเผลอหลุดปากเฟิงเย่เสวียนมองนางคราวหนึ่งด้วยปรายสายตายะเยือก“ยังไม่รีบไปคุกเข่าสำนึกผิดที่เรือนหานเฟิงอีก? คุกเข่าจนกว่าจือฮว่าจะยกโทษให้เจ้า”ฉู่เชียนหลี “?”เซียวจือฮว่าชะงักอยู่น้อยๆ เปลี่ยนจากหย่ามาเป็นคุกเข่าเช่นนั้นรึ?ช่างเถิดอีกสักครู่ ดวงตะวันก็จะออกมาแล้ว ความร้อนในฤดูร้อนรุนแรงหนักหนา หากฉู่เชียนหลีต้องคุกเข่าอยู่กลางตะวันแผดเผาสักสี่ห้าชั่วยาม ต่อให้ไม่ตายก็ต้องเกือบตายฉู่เชียนหลีจ้องชายห
“จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ว่าครั้งก่อนบอกกับนางว่าวันนี้ข้าจะกลับไปเยี่ยมนาง ข้าจะเป็นลูกสาวกตัญญูที่รู้ความ ข้าไม่สามารถไม่รักษาคำพูด!” ฉู่เชียนหลีสะอื้นกัดผ้าเช็ดหน้า ท่าทางราวกับคิดถึงบ้านอย่างมากในความเป็นจริง หนังศีรษะของนางโดนแดดเผาจนแทบปริแตกแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปนางต้องขาดน้ำตายแน่เฟิงเย่เสวียนกุมความคิดของนางไว้หมดแล้ว พอดีกับตอนนี้เขาก็มีเรื่องสำคัญต้องจัดการ ฉู่เชียนหลีมักจะมาป้วนเปี้ยนตรงหน้าเขา จิตใจไม่สามารถสงบ จึงมีความกรุณาเป็นพิเศษ “เช่นนั้นก็กลับ…”ฟิ้ว…พูดไม่ทันขาดคำ สายลมพัดผ่าน คนหายไปแล้วไม่มีแม้กระทั่งคำขอบคุณเลยหรือ? ผู้หญิงไร้มโนธรรมคนนี้!จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ราชสำนักในปัจจุบันแบ่งออกเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายและอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา ตระกูลฉู่คืออัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย ฐานะทางครอบครัวมั่งคั่ง เป็นชนชั้นสูงชั้นหนึ่งในเมืองหลวง เพียงแต่ ครอบครัวเช่นนี้กลับให้กำเนิดบุตรสาวหน้าตาอัปลักษณ์ไร้ความงามคนหนึ่ง กลายเป็นที่ขบขันของประชาชน ยิ่งมีคนวิจารณ์ว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆหลายปีมานี้ คุณหนูอัปลักษณ์ไม่ได้รับความโปรดปราน และยังใช้กลอุบายแต่งเข้าจวนอ๋องเฉิน เป็นที่
นางอันเอ่ยปากกล่าว “เจ้าแต่งเข้าจวนอ๋องเฉินสามเดือนแล้ว หนึ่งไม่ได้รับความโปรดปราน สองไม่ได้รับอำนาจ สามไม่ได้รับทรัพย์สิน สี่ไม่ได้รับข่าวที่เป็นประโยชน์ นั่งตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉิน ไม่กลัวผู้อื่นหัวเราะเยาะหรือ?”กระทั่งนางยังรู้สึกขายหน้าเลยมองดูใบหน้าที่อัปลักษณ์ของฉู่เชียนหลี่ ขมวดคิ้วกล่าว “เจ้าจำเป็นต้องทำให้ได้หนึ่งเรื่อง จึงจะสามารถทำประโยชน์ให้จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่”ต้องได้รับอำนาจหรือไม่ก็มีอิทธิพล“แล้วก็เดือนหน้าเป็นวันแต่งงานของพี่หญิงเจ้าแล้ว เจ้าไปหาทางจัดการเรื่องสินเจ้าสาวมาให้นางด้วย ยิ่งเยอะยิ่งดี” น้ำเสียงที่แข็งกร้าวของนางเหมือนออกคำสั่งเสียมากกว่าฉู่เชียนหลี่ราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลกพี่หญิงจะแต่งงาน จะอย่างไรก็ไม่ถึงคราวที่นางต้องซื้อสินเจ้าสาวกระมัง“น้องหญิงสี่ ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ทำให้เจ้าลำบากใจ…” ฉู่เจียวเจียวจับมือทั้งสองข้างนาง หลุบตาทั้งคู่ลงอย่างตำหนิตนเอง “เป็นเพราะข้าไม่เอาไหน ไม่สามารถได้รับความสำคัญจากท่านพ่อ ทำให้ตำแหน่งของพวกเราสามแม่ลูกในจวนกระอักกระอ่วนยิ่งนัก”นางอันเป็นอนุภรรยา ข้างบนยังมีฮูหยินข่มอยู่คุณหนูใหญ่ที่กำเนิดฮูหยินให
เจียงหนานศาลาพักม้าภายในลานมีทหารยามเต็มไปหมด ชั้นบน ชั้นล่าง โถงทางเดิน คุ้มกันอย่างแน่นหนา ภายในห้องที่ปลอดภัยบนชั้นสอง มีหญิงงามอายุประมาณสามสิบเจ็ดแปดคนหนึ่งนั่งอยู่การแต่งกายเรียบง่ายสบายๆ สะอาดเรียบร้อย แม้การแต่งกายเรียบง่าย แต่ทุกการเคลื่อนไหวที่สง่างาม แผ่ความสูงศักดิ์ที่ฝังอยู่ในกระดูกออกมาอย่างเป็นธรรมชาตินางก็คือมารดาของจวินลั่วยวน…ฮองเฮาหนานยวน “ฮองเฮา สภาพอากาศของเจียงหนานไม่เหมือนแคว้นหนานยวน พระองค์ลองทาน้ำมันหอมที่ขมับ สามารถป้องกันอาการไม่พึงประสงค์พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ลับกล่าวอย่างนอบน้อมฮองเฮาหนานยวนรับขวดมา หมุนเล่นในฝ่ามือครู่หนึ่ง หัวเราะอย่างลึกลับถ้าหากเพิ่งมาแคว้นตงหลิงครั้งแรก นางอาจจะไม่ถูกกับสภาพอากาศแต่หลายปีนี้ นางเคยมาที่นี่อย่างลับๆ ยี่สิบสามสิบครั้ง เคยชินกับสภาพอากาศของที่นี่นานแล้ววางขวดลง “ยวนเอ๋อร์ล่ะ?”องครักษ์ลับกล่าว“องค์หญิงเดินทางเร็ว ถึงเจียงหนานตั้งแต่เมื่อเจ็ดวันก่อน พักอยู่ที่ทำเนียบของผู้ว่าการเจียงหนาน อยู่กับอ๋องเฉิน ตอนนี้ปลอดภัยดีพ่ะย่ะค่ะ”นางพยักหน้าเข้าใจแล้วอ๋องเฉินแคว้นตงหลิงเป็นคนรู้จักแยกแยะ เรื่องนี้ นาง
“?”นางเพิ่งถลึงตา ก็เห็นอวิ๋นอิงอุ้มเด็กกลับไปแล้วนาง “...”ไม่เคยเห็นผู้ชายที่ขี้งกเช่นนี้มาก่อน…ขณะเดียวกัน ก็เกิดความอยากรู้อยากเห็น“ได้ยินมาว่า ท่านกับฮ่องเต้ตงหลิงแตกหักเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง?”และผู้หญิงคนนี้ ก็คือแม่ของฝาแฝดคู่นี้นางสงสัยมาก ผู้หญิงแบบไหนกัน ที่สามารถให้กำเนิดลูกสาวที่น่ารักทั้งสองคนนี้ และผู้หญิงแบบไหนกัน สามารถทำให้พี่น้องสองคนเกิดการต่อสู้ระดับบ้านเมืองผู้หญิงเช่นนี้ ควรเรียกว่าตัวหายนะที่นำภัยมาสู่บ้านเมืองและราษฎร“ได้ยินมาว่าท่านเตรียมบุกเจียงเป่ย ก็เพื่อผู้หญิงคนนี้เช่นกัน?”“ท่านรักนางมากเลย?”“นางสวยหรือไม่?”เพราะความอยากรู้อยากเห็น จวินลั่วยวนถามติดต่อกันสี่ห้าคำถามในสายตาของนาง อ๋องเฉินแคว้นตงหลิงเฉยเมย พูดน้อย เย่อหยิ่ง ไม่ว่าเวลาใดก็เย็นชาตลอด มีเพียงอยู่ต่อหน้าลูกสาวสองคนนี้ จึงจะเผยด้านที่อ่อนโยนออกมานางอยากรู้มาก ตกลงเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน ที่สามารถครอบครองหัวใจของอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียนนึกถึงฉู่เชียนหลี รู้สึกอุ่นใจความรักที่อยู่ในใจ ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูด“ถ้าหากองค์หญิงไม่มีอะไรแล้ว ก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะพิจารณาข้อเสน
เฟิงเย่เสวียนหรี่ตาอ้าปากก็จะเอาหนึ่งในสามของดินแดน?โลภใช้ได้!เขากับเฟิงเย่เสวียนสู้กันภายใน เขาจะยกทัพทำศึกในแคว้นของตัวเอง เข่นฆ่าราษฎรของตัวเอง ปรากฏว่ายังต้องแบ่งดินแดนให้คนนอก เห็นเขาเป็นคนโง่หรือ?“องค์หญิงเชิญตามสบาย” เขาวางตะเกียบ ลุกขึ้นเดินจากไปแล้วจวินลั่วยวนอึ้งไปครู่หนึ่ง รีบลุกขึ้นเดินตาม“อ๋องเฉิน ท่านจะไม่ลองคิดดูหน่อยหรือ?”“เทียบกับราชบัลลังก์แล้ว หนึ่งในสามของดินแดนนับอะไรไม่ได้เลย ท่านลองคิดดู ถ้าหากเปลี่ยนเป็นฮ่องเต้ตงหลิง เขาต้องใช้ดินแดนเหล่านี้ แลกกับการไร้ความกังวลตลอดไปแน่นอน”“ถ้าหากท่านไม่อยากเสียดินแดน หรือไม่ใช้ของอย่างอื่นแลก? ท่านอย่าเดินเร็วเช่นนี้สิ พวกเราคุยกันดีๆ ได้!”นางวิ่งไล่ตามนางตามลังเฟิงเย่เสวียน ประเดี๋ยวเอียงศีรษะไปทางซ้าย ประเดี๋ยวเอียงร่างกายไปทางขวา น้ำเสียงนุ่มนวล ท่าทางน่ารัก เหมือนกับแมลงตามตูดคนรับใช้และทหารเห็นแล้ว อดไม่ได้ที่จะขำได้ยินมาว่าฮ่องเต้หนานยวนมีลูกสาวแค่คนเดียว เอาอกเอาใจและให้ท้ายตั้งแต่เด็กเดิมทีคิดว่าองค์หญิงหนานยวนเป็นผู้หญิงสูงศักดิ์ เย่อหยิ่ง น่าเกรงขาม กลับคิดไม่ถึงว่าเป็นสาวน้อยที่สดใสร่าเริง
เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน ผิวของเขาขาวเหมือนไม่ได้ตากแดดเป็นปี แทบสามารถมองเห็นเส้นเลือดสีฟ้าที่หางตาแล้วทั้งสองเจอกันสายตาบรรจบเขาเม้มปากยิ้ม เดินเข้ามาหานาง ฝีเท้าที่เดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบา โอนเอียงเล็กน้อย แต่สามารถเดินอย่างมั่นคงทุกก้าวเขากล่าว “เจ้ากำลังตั้งครรภ์ เว่ยซีโตเช่นนี้แล้ว ต่อไปนางอุ้มนางบ่อย”พริบตาเดียว อวิ๋นอิงก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว แต่เนื่องจากร่างกายนางอ่อนแอ ท้องเล็กเหมือนเพิ่งจะสี่เดือนนางอุ้มเว่ยซีไว้เมื่อเว่ยซีเห็นเขา ยื่นมือน้อยสองข้างออกไปด้วยรอยยิ้ม ปากก็สูงเสียงอีอาๆ“อุ้ม…”เขาเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม ในแววตาเต็มไปด้วยความรักและความอ่อนโยน รับเด็กมา เด็กน้อยที่อ้วนท้วนทับจนเขาเซถอยหลังสองก้าวเมื่อทรงตัวได้ก็ตำหนิเบาๆ“เจ้านี่นะ ตัวอ้วนเช่นนี้ โตขึ้นผู้ชายคนไหนจะกล้าแต่งงานกับเจ้า?”“อาๆ…” เด็กน้อยหัวเราะคิกคักอวิ๋นอิงยืนอยู่ที่ข้างๆ มองจิ่งอี้ด้วยสายตาที่คาดคะเนเขาดูโทรมมาก?หรือว่าได้รับบาดเจ็บ?ตามที่นางรู้ สงครามที่เมืองเทียนสู่ยังไม่เริ่ม อยู่ดีๆ เขาไม่มีทางได้รับบาดเจ็บไม่รู้ว่าเขากำลังทำบ้าอะไรอยู่ แต่นางไม่อยากถามแม้แต่คำเดียว อ
หลังจากใช้เวลาหลายวัน ในที่สุดเฟิ่งหรานก็หาตัวอ่อนกู่แพทย์เจอแปดตัวในป่าลึกตัวอ่อนเหล่านี้อยู่บนเห็ดหลินจือ ขณะของมันแค่ใหญ่เท่าเส้นผมสองสามเส้น ตัวสีขาว บางๆ กินเห็ดหลินจือตั้งแต่เล็ก มีสรรพคุณยาในตัว และพวกมันที่ยังมีชีวิตยิ่งมีค่ามหาศาล“แมลงที่เจ้าต้องการ”เฟิ่งหรานเปิดกล่องผ้าแพรภายในกล่อง เห็ดหลินจือพันปี แมลงน้อยๆ แปดตัวเกาะอยู่บนนั้นไม่ต้องกังวลพวกมันหาย นอกจากเห็ดหลินจือ พวกมันก็ไม่ไปที่อื่นจิ่งอี้ใช้นิ้วลูบอย่างระมัดระวังแมลงที่ตัวเล็กแค่นี้และไม่สะดุดตา กลับสามารถช่วยชีวิตของอวิ๋นอิงกับลูก ช่างอัศจรรย์ ขณะเดียวกัน ก็สะเทือนใจเหลือเกินสวรรค์มีตาสวรรค์ไม่เคยทอดทิ้งคนมีความพยายาม“เตรียมวัตถุดิบยาที่พวกมันจะกินให้เรียบร้อย เลี้ยงดีๆ แล้วเลือดหัวใจป้อนอย่างไร?”เฟิ่งหรานเม้มปาก“ต้องป้อนอย่างต่อเนื่อง พวกมันดูดหมดแล้ว ก็ต้องป้อนต่อทันที”เมื่อจิ่งอี้ได้ยิน หยิบมีดสั้นออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เปิดเสื้อชั้นใน ใช้มีดแทงเข้าไปที่ตำแหน่งหัวใจโดยตรง และไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วเลือดหัวใจเอ่อล้นออกมา…ดึงมีดสั้นออกมา เลือดที่ปลายมีดหยดลงบนเห็ดหลินจือเบาๆติ๋ง!เลือดก
นางเงยหน้า แหงนมองเฟิงเย่เสวียน ใบหน้าทรงไข่ที่งดงามทำปากยื่น แลดูน้อยอกน้อยใจเล็กน้อย“อ๋องเฉิน เสด็จพ่อมีลูกสาวอย่างข้าแค่คนเดียว พวกเขาเอาอกเอาใจข้ามาโดยตลอด ข้าไม่สามารถดูแลตัวเองตั้งแต่เด็ก ข้าเพิ่งเดินทางไกลครั้งแรก ถ้าหากท่านไม่สนใจข้า ข้าก็จะไปหาฮ่องเต้ตงหลิงแล้วนะ…”กึ่งน้อยใจ กึ่งข่มขู่การปรากฏตัวของนาง เป็นตัวแทนของแคว้นหนานยวนถ้าหากอ๋องเฉินไม่ผูกมิตรกับแคว้นหนานยวน แคว้นหนานยวนก็ไปร่วมมือกับเฟิงเจิ้งหลี สองพี่น้องรบกัน อ๋องเฉินรับมือไม่ไหวแน่นอนนางให้ทางเลือกโดยตรงให้นางไปอยู่กับเขาที่ทำเนียบหรือไม่นางก็ไปหาเฟิงเจิ้งหลีเฟิงเย่เสวียนหลุบตา ก้มมองนางที่อยู่ข้างล่าง กล่าวอย่างเย็นชา“องค์หญิงเป็นพูดตรงเช่นนี้ตั้งแต่เด็กเลยหรือ?”จวินลั่วยวนสงสัย “หมายความว่าอย่างไร?”“ความหมายก็คือ ข้าจับตัวท่านตอนนี้ ไม่เพียงสามารถควบคุมแคว้นหนานยวน และยังทำให้ไม่สามารถสนับสนุนเฟิงเจิ้งหลี ยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว”จวินลั่วยวนตะลึงเขาจะจับนาง?เอาใจ?“ได้ยินมาว่าอ๋องเฉินแคว้นตงหลิงเป็นคนตรงไปตรงมา มีคุณธรรม มีหลักการ ข้าเดินทางมาแคว้นตงหลิงในฐานะทูต ท่านกลับจะจับข้า? ท่
ยกมือ ฟัน แทง เกี่ยว…ทุกการกระบวนท่าเฉียบคม ดุดันไล่ต้อนเฟิงเย่เสวียนไพร่มือข้างหนึ่งไว้ข้างหลัง ใช้แค่มือเดียว เห็นกระบวนท่าแก้กระบวนท่า รับมือได้อย่างง่ายดาย ท่าทางที่ผ่อนคลายนั่น ราวกับไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาดูเกียจคร้านคนชุดดำสังเกตเห็นแล้วปะทะกันสิบกว่ากระบวนท่า เขาไม่ใช้อาวุธก็ช่างเถอะ แถมยังใช้แค่มือข้างเดียว!ดูถูกนางเกินไปแล้วกระมัง?นางขมวดคิ้วด้วยความโมโห กระบวนท่าในมือก็ดุดันขึ้นสามส่วน การโจมตียิ่งรุนแรงแล้วขณะเดียวกัน เพราะโมโห จึงเผยช่องโหว่แล้วหนึ่งกระบวนท่าโจมตี เฟิงเย่เสวียนถอยหลังเพียงครึ่งก้าว ก็หลบพ้นกระบี่เล่มนั้น ขณะที่นางเตรียมโจมตีครั้งที่สอง เขายกมือคว้าคอของนางโดยตรง“วิธีปรากฏตัวขององค์หญิงน่าสนใจจริงๆ”เสียงทุ้มต่ำที่เฉยเมยของเฟิงเย่เสวียน ทำให้การเคลื่อนไหวของคนชุดดำชะงักแต่แค่อึดใจเดียวพลันสายตานางดุร้าย จะโจมตีอีกครั้ง“ยังสนุกไม่พอหรือ?” เขากล่าว “ข้าไม่มีนิสัยตีผู้หญิงกลางตลาด”“...”คนชุดดำแบะปาก โยนกระบี่ในมือทิ้ง เปิดผ้าคลุมหน้าภายใต้ผ้าคลุมหน้า ซ่อนใบหน้าหนึ่งที่งดงาม ประณีต สะอาด ธรรมชาติ และร่าเริงมีชีวิตชีวาไว้ ในแววตาซ่
“ส่งคนเข้าป่าทันที ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร ก็จำเป็นต้องหาแมลงชนิดนี้ให้เจอ นำกลับมา ข้าเลี้ยงเอง”จิ่งอี้พับกระดาษจดหมาย กล่าวอย่างเด็ดขาด ตัดสินใจแล้ว ไม่อนุญาตให้มีข้อกังขาเขาตัดสินใจแล้วเฟิ่งหรานเม้มปากแน่น“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกผิดต่ออวิ๋นอิง แต่ถ้าเจ้าเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว เกี่ยวพันไปถึงแคว้นซีอวี้กับแคว้นตงหลิง…”อยู่ต่อหน้าเรื่องของบ้านเมือง ลูกหลานคนรักก็ควรวางไว้ข้างๆจิ่งอี้หลุบตาแค่รู้สึกผิดหรือ?เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปแล้ว และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้เปลี่ยน ความรู้สึกที่เขามีต่ออวิ๋นอิงไม่เหมือนเมื่อก่อนนานแล้ว…หวงแหนวางไม่ลงรัก…เขาเม้มปาก ไม่ได้อธิบาย เฟิ่งหรานไม่เคยมีประสบการณ์ ไม่เข้าใจอะไรคือความรัก รอวันที่เขาเจอคนที่ชอบจริงๆ ก็จะเข้าใจในสิ่งที่เขาทำในวันนี้เองกล่าวอย่างเรียบเฉย“เวลาไม่คอยท่า ส่งคนเข้าป่าเถอะ”“ข้าไม่…ช่างเถอะ ข้าไม่สนใจเจ้าแล้ว! ตามใจเจ้าเลย!”ผ่านปีใหม่ ก็ฤดูใบไม้ผลิแล้วเฟิงเย่เสวียนยุ่งจนแทบไม่ได้หยุดพัก ตำแหน่งของเมืองเทียนสู่ตั้งอยู่ตรงจุดสำคัญที่เป็นเส้นบรรจบของเจียงหนานเจียงเป่ย และยังใกล้
เมื่อเฟิงเย่เสวียนได้ยิน สีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที รีบกล่าว“รีบเชิญคนเข้าจวน!”คนของสำนักคุ้มกันเทียนตี้มาแล้ว ส่งจดหมายมาสองฉบับ ฉบับหนึ่งให้เฟิงเย่เสวียน อีกหนึ่งฉบับให้จิ่งอี้เฟิงเย่เสวียนเปิดจดหมายอย่างแทบรอไม่ไหวลายมือที่คุ้นเคย คำทักทายที่เรียบง่าย ในถ้อยคำอันสวยหรือซ่อนความรู้สึกมากมายเอาไว้เขากางกระดาษจดหมายอออกอย่างระมัดระวัง อ่านช้าๆ ทีละคำอย่างละเอียด อ่านซ้ำรอบแล้วรอบเล่าเต็มไปด้วยความคิดถึงมองทะลุกระดาษจดหมายแผ่นนี้ ราวกับมีท่าทางของฉู่เชียนหลีตอนเขียนจดหมายปรากฏขึ้นตรงหน้า หลุบตาจริงจัง กัดปลายพู่กันเป็นระยะ ยิ้มเป็นบางครั้ง ขมวดคิ้วเป็นบางคราว…ทุกๆ คำล้วนเปลี่ยนเป็นใบหน้าของนางอักษรสั้นๆ เพียงไม่กี่บรรทัด เขาจ้องอยู่ครึ่งชั่วยามเต็มๆไม่มีใครกล้ารบกวนสุดท้ายยังเป็นหานอิ๋งที่ส่งข่าวสำคัญเข้ามา“นายท่าน สายข่าวมารายงาน องค์หญิงแคว้นหนานยวนเดินทางมาเมืองหลวงในฐานะราชทูต อาจจะมาถึงเจียงหนานในอีกสองวัน พวกเราจะต้อนรับนางหรือไม่?”ความคิดของเฟิงเย่เสวียนจึงจะเปลี่ยนจากความคิดถึงไปเป็นเรื่องงานพับกระดาษจดหมายอย่างระมัด เก็บเข้าไปในอก ใช้ฝ่ามือกดแล้วกดอีก