เจียงหนานศาลาพักม้าภายในลานมีทหารยามเต็มไปหมด ชั้นบน ชั้นล่าง โถงทางเดิน คุ้มกันอย่างแน่นหนา ภายในห้องที่ปลอดภัยบนชั้นสอง มีหญิงงามอายุประมาณสามสิบเจ็ดแปดคนหนึ่งนั่งอยู่การแต่งกายเรียบง่ายสบายๆ สะอาดเรียบร้อย แม้การแต่งกายเรียบง่าย แต่ทุกการเคลื่อนไหวที่สง่างาม แผ่ความสูงศักดิ์ที่ฝังอยู่ในกระดูกออกมาอย่างเป็นธรรมชาตินางก็คือมารดาของจวินลั่วยวน…ฮองเฮาหนานยวน “ฮองเฮา สภาพอากาศของเจียงหนานไม่เหมือนแคว้นหนานยวน พระองค์ลองทาน้ำมันหอมที่ขมับ สามารถป้องกันอาการไม่พึงประสงค์พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ลับกล่าวอย่างนอบน้อมฮองเฮาหนานยวนรับขวดมา หมุนเล่นในฝ่ามือครู่หนึ่ง หัวเราะอย่างลึกลับถ้าหากเพิ่งมาแคว้นตงหลิงครั้งแรก นางอาจจะไม่ถูกกับสภาพอากาศแต่หลายปีนี้ นางเคยมาที่นี่อย่างลับๆ ยี่สิบสามสิบครั้ง เคยชินกับสภาพอากาศของที่นี่นานแล้ววางขวดลง “ยวนเอ๋อร์ล่ะ?”องครักษ์ลับกล่าว“องค์หญิงเดินทางเร็ว ถึงเจียงหนานตั้งแต่เมื่อเจ็ดวันก่อน พักอยู่ที่ทำเนียบของผู้ว่าการเจียงหนาน อยู่กับอ๋องเฉิน ตอนนี้ปลอดภัยดีพ่ะย่ะค่ะ”นางพยักหน้าเข้าใจแล้วอ๋องเฉินแคว้นตงหลิงเป็นคนรู้จักแยกแยะ เรื่องนี้ นาง
เจียงหนานเมืองหลวงวังหลวง มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา เหล่าทหารรักษาพระองค์เห็นแม่นางฉู่ที่อุ้มลูกเดินผ่านมา เพียงแค่เหลือบมองแวบหนึ่ง ก็ไม่สนใจแล้วเมื่อครึ่งปีก่อน เหล่าทหารรักษาพระองค์ทุกๆ สามก้าวหนึ่งคน ทุกๆ ห้าก้าวหนึ่งหน่วย ห่างแม้แต่ก้าวเดียว จับตาอยู่ตลอดเวลา กลัวว่าแค่กะพริบตาทีเดียว แม่นางฉู่ก็ติดปีกหนีไปแล้วตอนนี้ มองแค่แวบเดียว ก็ต่างคนต่างไปยุ่งเรื่องของตัวเองแล้วฉู่เชียนหลีอุ้มจื่อเยี่ยไว้ เดินเข้าห้องทรงพระอักษรบังเอิญมีขุนนางหลายคนกำลังหารือกัน เมื่อเห็นสองแม่ลูกมา ต่างก็พากันหยุดพูด“โอ๊ย ขออภัย”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว กล่าวอย่างเกียจคร้าน “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังยุ่งอยู่ ให้ไฉ่เซียชงชาเพื่อสุขภาพมาให้ วางเสร็จก็ไป”ไฉ่เซียค่อยๆ เดินเข้าไป วางน้ำชาลงข้างมือฮ่องเต้อย่างนอบน้อมแล้วถอยออกไปเฟิงเจิ้งหลีเงยหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่รีบ”กล่าวกับขุนนาง “พวกเจ้าออกไปก่อน”“ไม่ต้อง เจ้าทำงานเถอะ ข้ากับจื่อเยี่ยกลับก่อนแล้ว” ฉู่เชียนหลีกวาดมองฎีกาบนโต๊ะ และย่อมเห็นเนื้อหาบางส่วนที่อยู่ข้างในไม่นานนางก็ถอนสายตากลับ แสร้งเหมือนไม่เห็นอะไร ยิ้มอย่างอ่อนโยน หมุนกายเด
“ไป?”เต๋อฝูตะลึง ยังคงไม่เข้าใจไป?ไปไหน?“อีกห้าววัน เฟิงเจิ้งหลีจะไปเมืองเทียนสู่ เมืองเทียนสู่อยู่ห่างจากเมืองหลวงถึงสามร้อยลี้ เขาออกจากเมืองหลวง พวกเราก็ไป ไปเจียงหนาน” ฉู่เชียนหลีกล่าวเบาๆเต๋อฝูเบิกตากว้าง “!”ความหมายของพระชายาคือ…หนีเขาตกใจเล็กน้อย “พระชายาอ๋องเฉิน ในวังหลวงมีทหารรักษาพระองค์เต็มไปหมด ต่อให้เฟิงเจิ้งหลีไม่อยู่ พวกเราก็ไปไม่ได้…”“ทหารรักษาพระองค์ไม่ได้จับตาดูข้าแล้ว”ครึ่งปีมานี้ นางอยู่ในวังอย่างสงบเสงี่ยม ได้รับความเชื่อใจจากเฟิงเจิ้งหลีนานแล้ว แม้แต่สถานที่สำคัญอย่างห้องทรงพระอักษร ก็สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าออกจากวังแล้ว“เต๋อฝู ช่วงพลบค่ำในอีกห้าวัน ข้าจะเตรียมรถม้าไว้หนึ่งคัน เจ้าพาเสด็จพ่อออกจากวัง”นางล้วงป้ายหยกรูปมังกรออกมามอบให้เต๋อฝู “นี่เป็นของคู่กายเฟิงเจิ้งหลี ใช้ของสิ่งนี้ตอนออกจากวัง ไม่มีใครกล้าตรวจ”“หลังออกจากวัง ตรงไปที่ตรอกข้างตลาดจูเชวี่ย มีสำนักคุ้มกันเทียนตี้อยู่ที่นั่น พวกเราไปรวมตัวกันที่นั่น”นางวางแผนเส้นทางและแผนการไว้แล้วเต๋อฝูพาฮ่องเต้ไป นางพาจื่อเยี่ยไปหลังจากรวมตัวกัน ออกจากเมือง มุ่
เย็นที่หน้าอก…ลมหายใจฉู่เชียนหลีชะงัก เข้าใจความหมายของเขาในพริบตา เขาอยาก…ครึ่งปีแล้ว เขาเคารพนางมาโดยตลอด ไม่ล้ำเส้นแม้แต่นิดเดียวปัจจุบัน เขาใกล้จะออกรบแล้ว ก็เลยอยาก…มือของเขาเลื่อนไปที่กระดุมเม็ดที่สอง ม่านตาของนางหด ยกมือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวขึ้น ร่างกายหดเกร็ง คำปฏิเสธพุ่งขึ้นมาที่ลำคอ พร้อมตะโกนออกมากำลังจะผลักเขาออกพลันก็ถูกอุ้มขึ้นมา เดินไปที่เตียงนอนร่างกายล่วงร่างกายหนักเขากดลงมาแล้ว…“เสียวฉู่” ฝ่ามือสองข้างของเขายันอยู่ที่ข้างศีรษะนาง ในส่วนลึกของแววตาเต็มไปด้วยความปรารถนา กล่าวเสียงแหบ“ทำให้ข้าสบายใจหน่อย”เขาจับมือซ้ายของนาง ปลายนิ้วเกี่ยวกัน ค่อยๆ ดันจากข้างเอวขึ้นไปที่หมอนแล้วกดลงไป“บอกข้า เจ้ายินดีอยู่ข้างกายข้า”จับมือขวาของนาง กดลงไปที่หมอน“เจ้าพูด เจ้าชอบข้า”ฉู่เชียนหลีแน่นคอนางรู้ดี ในใจเขายังมีความสงสัย ถ้าหากไม่ทำให้เขาเลิกสงสัย เขาอาจจะไม่ไปเมืองเทียนสู่ง่ายๆเขาไม่ไป นางก็ไปไม่ได้แต่ถ้าหากไม่ทำให้เขาสบายใจ ก็เท่ากับสิ่งที่นางพูดเมื่อครู่เป็นการโกหกเขา? ทุกสิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็สูญเปล่าแล้วในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาที นางแทบเห
“ดีขึ้นหรือยัง?”เฟิงเจิ้งหลีกลับไปที่ห้อง มองไปทางฉู่เชียนหลีที่พิงหมอนจิบน้ำตาลแดงร้อนๆ บนเตียง เขานั่งลงที่ข้างเตียง จัดผ้าห่มให้นางฉู่เชียนหลีหลุบตาลง ริมฝีปากแตะขอบถ้วย กล่าวเบาๆ“ทำให้เจ้าอารมณ์เสียแล้ว…”น้ำเสียงหดหู่ ไม่มีชีวิตชีวาแต่ในแววตาของนางกลับมีความรู้สึกโชคดีและผ่อนคลายสายหนึ่งแลบผ่านก่อนหน้านี้ เพราะนางนึกถึงเรื่องรอบเดือนพอดี จึงเป็นฝ่ายที่เริ่มจูบเขาเพื่อถ่วงเวลา อยากลองเดิมพันสักครั้งถ้าหากเดิมพันชนะ เรื่องนี้ก็ผ่านไปโดยไม่ต้องทำอะไรถ้าหากรอบเดือนไม่มา นางอาจจะลงมือกับเขาโดยตรง ใช้ยาทำให้เขาสลบ ไปคืนนี้เลย…โชคดีรอบเดือนมาตรงเวลาบนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเสียดาย กล่าวอย่างคอตก “ข้าก็ไม่อยากให้มันเป็นเช่นนี้ ขอโทษ…”นางทำเหมือนตัวเองยินดีอยู่ติดกับเขา แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะรอบเดือนเฟิงเจิ้งหลีไม่เพียงไม่สงสัย กลับกันยังดีใจมาก“คนโง่ เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนี้กับข้า” เขาลูบศีรษะนางเบาๆนางสามารถยอมรับเขา เขาก็พอใจมากแล้ว“ช่วงนี้เป็นสถานการณ์พิเศษของเจ้า พักผ่อนให้เต็มที่ อย่าอุ้มจื่อเยี่ย เรื่องอะไรก็ให้นางกำนัลไปทำ อยากกินอะไร อยากทำอะไร ส
เขาจริงจังแล้วความรู้สึกที่เขามีต่อนาง จริงใจมาโดยตลอดนางคือสิ่งเดียวทึ่เขาวางไม่ลงฉู่เชียนหลีเหมือนมีอะไรติดคอ เขาควักหัวใจตัวเองออกมา เท่ากับเผยจุดอ่อนต่อหน้านาง เท่ากับมอบชีวิตของตัวเองไว้ในมือของนางนางอยากควบคุมเขา ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ แต่นางกลับพบว่าตัวเองทำไม่ลง…เฟิงเจิ้งหลี บางทีความรักของเจ้าอาจจะไม่ผิด ข้ากับเฟิงเย่เสวียนก็ไม่ผิด เพียงแต่เจ้าเข้ามาแทรกระหว่างข้ากับเฟิงเย่เสวียนช้าไปหนึ่งก้าวแรกเริ่ม ตอนที่ข้าเป็นพระชายาอ๋องเฉิน เจ้าก็ไม่ควรหวั่นไหวและเริ่มมันเดินผิดหนึ่งก้าว ผิดทุกก้าว… เวลาผ่านไปเร็วมาก พริบตาเดียวก็ห้าวันต่อมาแล้ววันออกรบทัพใหญ่รวมตัวกันที่นอกเมือง กลายเป็นกลุ่มก้อนสีดำคล้ายคลื่นสีดำ แผ่กลิ่นอายที่หนักหน่วงน่าเกรงขาม เฟิงเจิ้งหลีสวมชุดเกราะ ผู้นำสามเหล่าทัพ องอาจกล้าหาญ เฉียบคมไร้เทียมทานเหล่าขุนนางมาส่ง“ขอให้พระองค์เดินทางปลอดภัย ปราบปรามคนทรยศ กลับมาอย่างมีชัย!”เสียงตะโกนดังกึกก้องไปทั่วทางท้องฟ้า สะเทือนอยู่เนิ่นนาน ปลุกความฮึกเหิมในใจคนสามเหล่าทัพชูอาวุธ“ฆ่า!”“ฆ่า!”ขวัญกำลังใจเปี่ยมล้นเนื่องจากฉู่เชียนหลีเคยเป็นพระชา
ฉู่เชียนหลีหัวเราะเบาๆ ช่างเถอะ อุ้มเขาขึ้น เปิดประตู“แม่นางฉู่ ดึกเช่นนี้แล้ว ท่านจะออกไปข้างนอกหรือ?” ไฉ่เซียกับไฉ่เตี๋ยยืนอยู่ที่นอกประตู รับใช้อย่างเอาใจใส่ทั้งวันทั้งคืนโดยเฉพาะไฉ่เตี๋ย เป็นคนมากอุบายฉู่เชียนหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองเหมือนเช่นเคย“คืนนี้ป้อนนมจื่อเยี่ยมากไปหน่อย เขาไม่ค่อยสบาย ข้าพาเขาไปสูดอากาศในสวน”“ไฉ่เตี๋ย ไปเอานำซานจาที่ห้องครัวให้ข้าหน่อย”ไฉ่เตี๋ยโน้มกายกล่าวอย่างนอบน้อมโดยไม่ต้องคิด ‘เจ้าค่ะ’ ก็ไปแล้ว“ไฉ่เซีย”“เจ้าคะ” ไฉ่เซียเดินออกมาหนึ่งก้าว โน้มกายก้มหน้าฉู่เชียนหลีมองนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ครึ่งปีมานี้ ขอบคุณที่เจ้าดูแลข้า เจ้าเป็นคนจิตใจดี วันข้างหน้าต้องได้แต่งงานกับคนดีแน่นอน”เมื่อไฉ่เซียได้ยินคำนี้ จู่ๆ ก็แน่นหน้าอกอย่างน่าประหลาด“แม่นางฉู่…”อยู่ดีๆ มาพูดเรื่องนี้นางได้กลิ่นแปลกๆฝ่าบาทเพิ่งออกรบ แม่นางฉู่ก็พูดเรื่องนี้ คงไม่ได้คิดจะ…“แม่นางฉู่ เจ้า…”ฉู่เชียนหลีนำทรัพย์สินทั้งหมดที่มี และส่วนใหญ่เป็นของที่เฟิงเจิ้งหลีมอบให้นาง เปลี่ยนเป็นตั๋วเงิน มอบให้ไฉ่เตี๋ยทั้งหมด“ดูแลตัวเองด้วย”ไฉ่เซียเบิกตากว้าง มองตั๋วเงิ
“พ่ะย่ะค่ะ!”เหล่าขันทีขานรับ ล้วงไม้กระบองที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมา เดินปรี่เข้าไปยกกระบองขึ้นก็ฟาดลงไปอย่างแรงตายซะเถอะ!ฉู่เชียนหลีใช้มือซ้ายอุ้มลูกไว้แน่น เบี่ยงร่างกายหลบ มือขวาคว้าข้อมือของขันทีคนหนึ่ง พลันออกแรงหัก ก็ผลักเขาออก ชนขันทีล้มไปสามคนในเมื่ออย่างไรก็ต้องสู้ เช่นนั้นนางก็ไม่เกรงใจแล้วสะบัดแขนเสื้อ โคจรกำลังภายใน ยกมือคว้ากลางอากาศ ก็มีกระบี่น้ำแข็งเล่มหนึ่งปรากฏในมือชูกระบี่ฟันออกไป ไม้กระบองแตกเป็นเสี่ยงเพียะ!เมื่อกระทบกัน คมกระบี่แตกออกเป็นเศษน้ำแข็ง กระจายกลางอากาศ ระเหยเป็นไอ อากาศที่หนาวเย็นแผ่ออก ทำให้ค่ำคืนที่ไม่ธรรมดานี้ดุเดือดยิ่งขึ้นการเคลื่อนไหวของนางปราดเปรียว รับมือการโจมตีของเหล่าขันทีได้อย่างง่ายดาย ทำเอาพวกเขาไม่สามารถโต้ตอบฉู่เจียวเจียวเห็นแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อยฉู่เชียนหลีซ่อนไผ่ตายไว้ด้วย?เป็นวรยุทธ์ตั้งแต่เมื่อไร?เหตุใดร้ายกาจเช่นนี้?แต่ว่าต่อให้นางมีวรยุทธ์ที่ร้ายกาจเพียงใด มันก็ไม่มีประโยชน์ นางคนเดียวจะสู้คนมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? ต่อให้ผลัดกันเข้าไปสู้กับนาง ก็ต้องทำให้นางเหนื่อยตายทั้งเป็น!นางเหลือบมองนางกำน
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท