“ดีขึ้นหรือยัง?”เฟิงเจิ้งหลีกลับไปที่ห้อง มองไปทางฉู่เชียนหลีที่พิงหมอนจิบน้ำตาลแดงร้อนๆ บนเตียง เขานั่งลงที่ข้างเตียง จัดผ้าห่มให้นางฉู่เชียนหลีหลุบตาลง ริมฝีปากแตะขอบถ้วย กล่าวเบาๆ“ทำให้เจ้าอารมณ์เสียแล้ว…”น้ำเสียงหดหู่ ไม่มีชีวิตชีวาแต่ในแววตาของนางกลับมีความรู้สึกโชคดีและผ่อนคลายสายหนึ่งแลบผ่านก่อนหน้านี้ เพราะนางนึกถึงเรื่องรอบเดือนพอดี จึงเป็นฝ่ายที่เริ่มจูบเขาเพื่อถ่วงเวลา อยากลองเดิมพันสักครั้งถ้าหากเดิมพันชนะ เรื่องนี้ก็ผ่านไปโดยไม่ต้องทำอะไรถ้าหากรอบเดือนไม่มา นางอาจจะลงมือกับเขาโดยตรง ใช้ยาทำให้เขาสลบ ไปคืนนี้เลย…โชคดีรอบเดือนมาตรงเวลาบนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเสียดาย กล่าวอย่างคอตก “ข้าก็ไม่อยากให้มันเป็นเช่นนี้ ขอโทษ…”นางทำเหมือนตัวเองยินดีอยู่ติดกับเขา แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะรอบเดือนเฟิงเจิ้งหลีไม่เพียงไม่สงสัย กลับกันยังดีใจมาก“คนโง่ เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนี้กับข้า” เขาลูบศีรษะนางเบาๆนางสามารถยอมรับเขา เขาก็พอใจมากแล้ว“ช่วงนี้เป็นสถานการณ์พิเศษของเจ้า พักผ่อนให้เต็มที่ อย่าอุ้มจื่อเยี่ย เรื่องอะไรก็ให้นางกำนัลไปทำ อยากกินอะไร อยากทำอะไร ส
เขาจริงจังแล้วความรู้สึกที่เขามีต่อนาง จริงใจมาโดยตลอดนางคือสิ่งเดียวทึ่เขาวางไม่ลงฉู่เชียนหลีเหมือนมีอะไรติดคอ เขาควักหัวใจตัวเองออกมา เท่ากับเผยจุดอ่อนต่อหน้านาง เท่ากับมอบชีวิตของตัวเองไว้ในมือของนางนางอยากควบคุมเขา ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ แต่นางกลับพบว่าตัวเองทำไม่ลง…เฟิงเจิ้งหลี บางทีความรักของเจ้าอาจจะไม่ผิด ข้ากับเฟิงเย่เสวียนก็ไม่ผิด เพียงแต่เจ้าเข้ามาแทรกระหว่างข้ากับเฟิงเย่เสวียนช้าไปหนึ่งก้าวแรกเริ่ม ตอนที่ข้าเป็นพระชายาอ๋องเฉิน เจ้าก็ไม่ควรหวั่นไหวและเริ่มมันเดินผิดหนึ่งก้าว ผิดทุกก้าว… เวลาผ่านไปเร็วมาก พริบตาเดียวก็ห้าวันต่อมาแล้ววันออกรบทัพใหญ่รวมตัวกันที่นอกเมือง กลายเป็นกลุ่มก้อนสีดำคล้ายคลื่นสีดำ แผ่กลิ่นอายที่หนักหน่วงน่าเกรงขาม เฟิงเจิ้งหลีสวมชุดเกราะ ผู้นำสามเหล่าทัพ องอาจกล้าหาญ เฉียบคมไร้เทียมทานเหล่าขุนนางมาส่ง“ขอให้พระองค์เดินทางปลอดภัย ปราบปรามคนทรยศ กลับมาอย่างมีชัย!”เสียงตะโกนดังกึกก้องไปทั่วทางท้องฟ้า สะเทือนอยู่เนิ่นนาน ปลุกความฮึกเหิมในใจคนสามเหล่าทัพชูอาวุธ“ฆ่า!”“ฆ่า!”ขวัญกำลังใจเปี่ยมล้นเนื่องจากฉู่เชียนหลีเคยเป็นพระชา
ฉู่เชียนหลีหัวเราะเบาๆ ช่างเถอะ อุ้มเขาขึ้น เปิดประตู“แม่นางฉู่ ดึกเช่นนี้แล้ว ท่านจะออกไปข้างนอกหรือ?” ไฉ่เซียกับไฉ่เตี๋ยยืนอยู่ที่นอกประตู รับใช้อย่างเอาใจใส่ทั้งวันทั้งคืนโดยเฉพาะไฉ่เตี๋ย เป็นคนมากอุบายฉู่เชียนหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองเหมือนเช่นเคย“คืนนี้ป้อนนมจื่อเยี่ยมากไปหน่อย เขาไม่ค่อยสบาย ข้าพาเขาไปสูดอากาศในสวน”“ไฉ่เตี๋ย ไปเอานำซานจาที่ห้องครัวให้ข้าหน่อย”ไฉ่เตี๋ยโน้มกายกล่าวอย่างนอบน้อมโดยไม่ต้องคิด ‘เจ้าค่ะ’ ก็ไปแล้ว“ไฉ่เซีย”“เจ้าคะ” ไฉ่เซียเดินออกมาหนึ่งก้าว โน้มกายก้มหน้าฉู่เชียนหลีมองนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ครึ่งปีมานี้ ขอบคุณที่เจ้าดูแลข้า เจ้าเป็นคนจิตใจดี วันข้างหน้าต้องได้แต่งงานกับคนดีแน่นอน”เมื่อไฉ่เซียได้ยินคำนี้ จู่ๆ ก็แน่นหน้าอกอย่างน่าประหลาด“แม่นางฉู่…”อยู่ดีๆ มาพูดเรื่องนี้นางได้กลิ่นแปลกๆฝ่าบาทเพิ่งออกรบ แม่นางฉู่ก็พูดเรื่องนี้ คงไม่ได้คิดจะ…“แม่นางฉู่ เจ้า…”ฉู่เชียนหลีนำทรัพย์สินทั้งหมดที่มี และส่วนใหญ่เป็นของที่เฟิงเจิ้งหลีมอบให้นาง เปลี่ยนเป็นตั๋วเงิน มอบให้ไฉ่เตี๋ยทั้งหมด“ดูแลตัวเองด้วย”ไฉ่เซียเบิกตากว้าง มองตั๋วเงิ
ณ จวนอ๋องเฉิน แคว้นตงหลิง “สารเลว!” “โอ๊ย!”เสียงตวาดแผดขึ้น ร่างผอมบางร่างหนึ่งถูกถีบจนกระเด็นเข้าชนกับเสาที่ผนัง ก่อนกระแทกกับพื้นอย่างแรง ปิ่นเงินร่วงลง เส้นผมสีดำกระจายลงบนพื้นเจ็บ...เจ็บจัง...เธอเพิ่งเสร็จสิ้นการผ่าตัดใหญ่ที่นานถึงสามสิบแปดชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก พอออกมาจากห้องผ่าตัดก็หมดสติล้มลงกับพื้น แต่ทำไมตัวเธอถึงได้เจ็บขนาดนี้นะ?จากนั้น ความทรงจำที่ไม่คุ้นเคยกลุ่มหนึ่งก็เบียดเข้ามาในหัวสมองและฉายให้เห็นอย่างรวดเร็ว ฉู่เชียนหลี คุณหนูสี่ผู้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ ใบหน้าอัปลักษณ์ไร้ซึ่งความงาม นางแต่งเข้าจวนเฉินอ๋องเมื่อสามเดือนก่อน ไม่เคยได้รับความชื่นและต้องอยู่ลำพังในห้องว่างเปล่าเรื่อยมาวันนี้อ๋องเฉินรับอนุภรรยา นางถูกเรียกให้มาปรนนิบัติอนุภรรยา แต่เพราะพลั้งเผลอปัดน้ำชาหกไปลวกถูกอีกฝ่าย จึงถูกอ๋องเฉินถีบจนตายในคราวเดียว!เป็นผู้ชายที่โหดจริงๆ!แต่ในเมื่อมาแล้ว ก็ทำใจอยู่อย่างสงบเสียฉู่เชียนหลีรับเรื่องราวต่างๆ เข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว ฝืนทนความเจ็บปวด เงยหน้าขึ้นมาห้องหอที่ประดับตกแต่งด้วยสีแดงแห่งงานมงคล ชายหญิงในชุดแต่งงานคู่หนึ่งอย
เซียวจือฮว่าตกตะลึง “เฉิน…”มิใช่ว่าเขารังเกียจฉู่เชียนหลีเป็นที่สุด ซ้ำยังบอกว่าจะยกตำแหน่งชายาเอกให้นางหรอกหรือ? เห็นอยู่ว่าหนังสือหย่าเขียนจวนจะเสร็จอยู่แล้ว แต่จู่ๆ กลับไม่หย่ากับนาง?ฉู่เชียนหลีเองก็รู้สึกแปลกใจ หากเขาไม่หย่ากับนาง แล้วนางจะได้ท่องเที่ยวในยุคโบราณอย่างสบายอุราและเที่ยวเล่นอย่างมีความสุขได้อย่างไร?“ท่านอ๋อง ข้ามีความผิดนี่!” นางโผเข้าไปกอดต้นขาของชายหนุ่ม เอ่ยประหนึ่งใจแทบขาด “สามเดือนก่อน ข้าวางยาท่าน บีบให้ท่านแต่งกับข้า ข้าผิดหลักคุณธรรม”“เมื่อครู่ ก็จงใจปัดน้ำชาร้อนไปลวกถูกน้องเซียวอีก จิตใจคับแคบนัก”“สตรีที่ใจแคบเช่นไส้ไก่ เจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นข้า ไม่มีหน้าจะรั้งตำแหน่งชายาอ๋องเฉินจริงๆ ขอท่านอ๋องให้ผู้ล้ำเลิศกว่ามาแทนที่เถิด!”ภายในใจ 'ผู้ชายบ้า รีบหย่าฉันเร็วๆ ฉันมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อยู่มานานกว่านายตั้งหลายพันปี ไอ้เด็กรุ่นกระเตาะที่ขนยังขึ้นไม่หมดอย่างนาย มีสิทธิ์อะไรจะแต่งกับฉัน?'รู้แต่แรก สิบปีก่อนฉันก็จะไม่ช่วยชีวิตนาย ให้นายจมน้ำตายไปเลยก็ดี!เฟิงเย่เสวียนปรี่เข้าไปกุมคอเสื้อนาง “เมื่อครู่เจ้ากล่าวสิ่งใด?”คนที่ช่วยชีวิตเขาเมื่อสิบปีก่
ในเรือนหลังเล็กโกโรโกโสสาวใช้เยว่เอ๋อร์กำลังเดินวนเวียนไปมา สองมือกำแน่นอย่างกระวนกระวายใจ และคอยชะเง้อมองข้างนอกตลอดเวลา ยามเห็นร่างที่คุ้นเคยนั้น นางก็พุ่งตัวออกไปทันใด“พระชายา!”นางรีบปรี่เข้าไปกุมมือสองของฉู่เชียนหลี ก่อนตรวจดูทั้งบนล่างซ้ายขวาหน้าหลัง “พระชายา เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” ท่านอ๋องไม่ได้ทำให้ท่านลำบากใช่หรือไม่เจ้าคะ? พระชายารองเซียวนั่นรังแกท่านหรือไม่เจ้าคะ? พวกเขาเรียกท่านไปทำสิ่งใดเจ้าคะ?”ฉู่เชียนหลีกะพริบตาเยว่เอ๋อร์เป็นสาวใช้ที่ปรนนิบัตินางมาสิบปีแล้ว เติบโตมาพร้อมกับนางตั้งแต่เล็ก สนิทกันดังพี่สาวน้องสาวนางส่ายหัวพลางผลักประตูเข้าไปในห้อง เรื่องแรกที่ทำก็คือปรี่เข้าไปที่โต๊ะแต่งหน้า และคว้าเอากระจกทองเหลืองแสนเก่าเขรอะขนาดเท่าฝ่ามืออี๋...น่าเกลียดชะมัด!แม้จะทำใจมาแล้ว แต่เมื่อได้เห็นใบหน้านี้ นางก็ยังต้องตกใจกับตัวเองภาพสะท้อนในกระจกทองเหลืองนั้น ครึ่งหน้าของสตรีหยาบขรุขระ เหมือนถูกเผาด้วยไฟร้อน ผิวหนังยู่ย่น อัปลักษณ์น่าตกใจกลัว เหมือนปีศาจไม่มีผิด ใครพบเห็นเข้า ตกกลางคืนต้องมีอันฝันร้ายเยว่เอ๋อร์กังวลว่าพระชายาจะน้อยเนื้อต่ำใจจึงรีบดึงกระจกท
ยามมีคนประคอง ราศีของเซียวจือฮว่ายิ่งดีสูงส่งอย่างเห็นได้ชัด ร่างขาวนวลอ้อนแอ้นบอบบางอรชร ก้าวย่างทีละน้อย ให้ความรู้สึกบอบบางจนแทบจะล้มไปตามลมเมื่อสาวใช้เงยหน้าขึ้นเห็นว่าฉู่เชียนหลียังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับแม้สักนิดราวกับมองไม่เห็นก็อดโมโหไม่ได้พระชายานี่ตาบอด ไม่รู้จักออกมาต้อนรับสักหน่อยรึ?“พี่หญิง...” เซียวจือฮว่าเดินเข้ามาเห็นว่าฉู่เชียนหลีกำลังกินซาลาเปา ที่พำนักผุพังก็รู้สึกปวดใจจนตาแดงก่ำขึ้นทันที “เหตุได้ท่านจึงอยู่ในสถานที่ชนิดนี้ นี่หาใช่ที่สำหรับคนอยู่...”“ไว้ข้ากลับไปจะต้องบอกกับเฉินสักหน่อย”น้ำเสียงนั้น ถ้อยคำเช่นนั้น ราวกับว่านางต่างหากที่เป็นนายหญิงของจวนแห่งนี้ ส่วนฉู่เชียนหลีก็เป็นแค่เด็กสาวบ้านป่าผู้หนึ่งเท่านั้นฉู่เชียนหลีปรายตามองนางเรียบๆ กัดซาลาเปาคำหนึ่ง “ เจ้ามาทำไม?”เมื่อสตรีผู้นี้ปรากฏตัว แน่นอนว่าต้องไม่ได้มาด้วยเจตนาดีก่อนนี้ เจ้าของเดิมของร่างนี้รักใคร่เฉินหวังอย่างล้ำลึก แต่เมื่อใดที่เซียวจือฮว่า ปรากฏตัว พอนางทำตาแดงๆ คราวหนึ่ง เบะปากคราวหนึ่ง ไม่ก็หลั่งน้ำตาครึ่งหยด ถ้านางไม่ถูกถีบกระเด็น ก็ถูกทุบตีอย่างทารุณยกหนึ่งพอเสร็จเรื่อง สตร
“ข้าจงใจผลักเอง” ฉู่เชียนหลีพูดต่อว่า “ข้าริษยาที่น้องเซียวเป็นที่รัก ไม่ใช่แค่ผลักนาง ยังอยากจะทุบตีนางด้วย เพราะรักกลายเป็นแค้น ไม่ว่าเรื่องใดก็ทำออกมาได้ทั้งสิ้น”เซียวจือฮว่าได้ยินคำก็หัวเราะเย็นอยู่ในใจแต่ไรมาท่านอ๋องก็รังเกียจสตรีขี้อิจฉาใจคับแคบเป็นที่สุด นี่เจ้ากลับโง่พูดออกมา เตรียมตัวถูกหย่าเสียเถิด ตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินจะต้องเป็นของนางในไม่ช้าก็เร็วเฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้วกระบี่ของตนนางอยากจะไปให้พ้นจากจวนอ๋องเฉินจนแทบทนไม่ไหวถึงเพียงนี้เชียวหรือ แต่เขาจะไม่ให้นางได้สมหวังเสียอย่าง“ในเมื่อรู้ผิดแล้ว ยังไม่รีบ…”หย่ากับนางเสีย?“ขอบคุณท่านอ๋อง!” ฉู่เชียนหลีดีใจจนเผลอหลุดปากเฟิงเย่เสวียนมองนางคราวหนึ่งด้วยปรายสายตายะเยือก“ยังไม่รีบไปคุกเข่าสำนึกผิดที่เรือนหานเฟิงอีก? คุกเข่าจนกว่าจือฮว่าจะยกโทษให้เจ้า”ฉู่เชียนหลี “?”เซียวจือฮว่าชะงักอยู่น้อยๆ เปลี่ยนจากหย่ามาเป็นคุกเข่าเช่นนั้นรึ?ช่างเถิดอีกสักครู่ ดวงตะวันก็จะออกมาแล้ว ความร้อนในฤดูร้อนรุนแรงหนักหนา หากฉู่เชียนหลีต้องคุกเข่าอยู่กลางตะวันแผดเผาสักสี่ห้าชั่วยาม ต่อให้ไม่ตายก็ต้องเกือบตายฉู่เชียนหลีจ้องชายห
ฉู่เชียนหลีหัวเราะเบาๆ ช่างเถอะ อุ้มเขาขึ้น เปิดประตู“แม่นางฉู่ ดึกเช่นนี้แล้ว ท่านจะออกไปข้างนอกหรือ?” ไฉ่เซียกับไฉ่เตี๋ยยืนอยู่ที่นอกประตู รับใช้อย่างเอาใจใส่ทั้งวันทั้งคืนโดยเฉพาะไฉ่เตี๋ย เป็นคนมากอุบายฉู่เชียนหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองเหมือนเช่นเคย“คืนนี้ป้อนนมจื่อเยี่ยมากไปหน่อย เขาไม่ค่อยสบาย ข้าพาเขาไปสูดอากาศในสวน”“ไฉ่เตี๋ย ไปเอานำซานจาที่ห้องครัวให้ข้าหน่อย”ไฉ่เตี๋ยโน้มกายกล่าวอย่างนอบน้อมโดยไม่ต้องคิด ‘เจ้าค่ะ’ ก็ไปแล้ว“ไฉ่เซีย”“เจ้าคะ” ไฉ่เซียเดินออกมาหนึ่งก้าว โน้มกายก้มหน้าฉู่เชียนหลีมองนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ครึ่งปีมานี้ ขอบคุณที่เจ้าดูแลข้า เจ้าเป็นคนจิตใจดี วันข้างหน้าต้องได้แต่งงานกับคนดีแน่นอน”เมื่อไฉ่เซียได้ยินคำนี้ จู่ๆ ก็แน่นหน้าอกอย่างน่าประหลาด“แม่นางฉู่…”อยู่ดีๆ มาพูดเรื่องนี้นางได้กลิ่นแปลกๆฝ่าบาทเพิ่งออกรบ แม่นางฉู่ก็พูดเรื่องนี้ คงไม่ได้คิดจะ…“แม่นางฉู่ เจ้า…”ฉู่เชียนหลีนำทรัพย์สินทั้งหมดที่มี และส่วนใหญ่เป็นของที่เฟิงเจิ้งหลีมอบให้นาง เปลี่ยนเป็นตั๋วเงิน มอบให้ไฉ่เตี๋ยทั้งหมด“ดูแลตัวเองด้วย”ไฉ่เซียเบิกตากว้าง มองตั๋วเงิ
เขาจริงจังแล้วความรู้สึกที่เขามีต่อนาง จริงใจมาโดยตลอดนางคือสิ่งเดียวทึ่เขาวางไม่ลงฉู่เชียนหลีเหมือนมีอะไรติดคอ เขาควักหัวใจตัวเองออกมา เท่ากับเผยจุดอ่อนต่อหน้านาง เท่ากับมอบชีวิตของตัวเองไว้ในมือของนางนางอยากควบคุมเขา ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ แต่นางกลับพบว่าตัวเองทำไม่ลง…เฟิงเจิ้งหลี บางทีความรักของเจ้าอาจจะไม่ผิด ข้ากับเฟิงเย่เสวียนก็ไม่ผิด เพียงแต่เจ้าเข้ามาแทรกระหว่างข้ากับเฟิงเย่เสวียนช้าไปหนึ่งก้าวแรกเริ่ม ตอนที่ข้าเป็นพระชายาอ๋องเฉิน เจ้าก็ไม่ควรหวั่นไหวและเริ่มมันเดินผิดหนึ่งก้าว ผิดทุกก้าว… เวลาผ่านไปเร็วมาก พริบตาเดียวก็ห้าวันต่อมาแล้ววันออกรบทัพใหญ่รวมตัวกันที่นอกเมือง กลายเป็นกลุ่มก้อนสีดำคล้ายคลื่นสีดำ แผ่กลิ่นอายที่หนักหน่วงน่าเกรงขาม เฟิงเจิ้งหลีสวมชุดเกราะ ผู้นำสามเหล่าทัพ องอาจกล้าหาญ เฉียบคมไร้เทียมทานเหล่าขุนนางมาส่ง“ขอให้พระองค์เดินทางปลอดภัย ปราบปรามคนทรยศ กลับมาอย่างมีชัย!”เสียงตะโกนดังกึกก้องไปทั่วทางท้องฟ้า สะเทือนอยู่เนิ่นนาน ปลุกความฮึกเหิมในใจคนสามเหล่าทัพชูอาวุธ“ฆ่า!”“ฆ่า!”ขวัญกำลังใจเปี่ยมล้นเนื่องจากฉู่เชียนหลีเคยเป็นพระชา
“ดีขึ้นหรือยัง?”เฟิงเจิ้งหลีกลับไปที่ห้อง มองไปทางฉู่เชียนหลีที่พิงหมอนจิบน้ำตาลแดงร้อนๆ บนเตียง เขานั่งลงที่ข้างเตียง จัดผ้าห่มให้นางฉู่เชียนหลีหลุบตาลง ริมฝีปากแตะขอบถ้วย กล่าวเบาๆ“ทำให้เจ้าอารมณ์เสียแล้ว…”น้ำเสียงหดหู่ ไม่มีชีวิตชีวาแต่ในแววตาของนางกลับมีความรู้สึกโชคดีและผ่อนคลายสายหนึ่งแลบผ่านก่อนหน้านี้ เพราะนางนึกถึงเรื่องรอบเดือนพอดี จึงเป็นฝ่ายที่เริ่มจูบเขาเพื่อถ่วงเวลา อยากลองเดิมพันสักครั้งถ้าหากเดิมพันชนะ เรื่องนี้ก็ผ่านไปโดยไม่ต้องทำอะไรถ้าหากรอบเดือนไม่มา นางอาจจะลงมือกับเขาโดยตรง ใช้ยาทำให้เขาสลบ ไปคืนนี้เลย…โชคดีรอบเดือนมาตรงเวลาบนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเสียดาย กล่าวอย่างคอตก “ข้าก็ไม่อยากให้มันเป็นเช่นนี้ ขอโทษ…”นางทำเหมือนตัวเองยินดีอยู่ติดกับเขา แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะรอบเดือนเฟิงเจิ้งหลีไม่เพียงไม่สงสัย กลับกันยังดีใจมาก“คนโง่ เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนี้กับข้า” เขาลูบศีรษะนางเบาๆนางสามารถยอมรับเขา เขาก็พอใจมากแล้ว“ช่วงนี้เป็นสถานการณ์พิเศษของเจ้า พักผ่อนให้เต็มที่ อย่าอุ้มจื่อเยี่ย เรื่องอะไรก็ให้นางกำนัลไปทำ อยากกินอะไร อยากทำอะไร ส
เย็นที่หน้าอก…ลมหายใจฉู่เชียนหลีชะงัก เข้าใจความหมายของเขาในพริบตา เขาอยาก…ครึ่งปีแล้ว เขาเคารพนางมาโดยตลอด ไม่ล้ำเส้นแม้แต่นิดเดียวปัจจุบัน เขาใกล้จะออกรบแล้ว ก็เลยอยาก…มือของเขาเลื่อนไปที่กระดุมเม็ดที่สอง ม่านตาของนางหด ยกมือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวขึ้น ร่างกายหดเกร็ง คำปฏิเสธพุ่งขึ้นมาที่ลำคอ พร้อมตะโกนออกมากำลังจะผลักเขาออกพลันก็ถูกอุ้มขึ้นมา เดินไปที่เตียงนอนร่างกายล่วงร่างกายหนักเขากดลงมาแล้ว…“เสียวฉู่” ฝ่ามือสองข้างของเขายันอยู่ที่ข้างศีรษะนาง ในส่วนลึกของแววตาเต็มไปด้วยความปรารถนา กล่าวเสียงแหบ“ทำให้ข้าสบายใจหน่อย”เขาจับมือซ้ายของนาง ปลายนิ้วเกี่ยวกัน ค่อยๆ ดันจากข้างเอวขึ้นไปที่หมอนแล้วกดลงไป“บอกข้า เจ้ายินดีอยู่ข้างกายข้า”จับมือขวาของนาง กดลงไปที่หมอน“เจ้าพูด เจ้าชอบข้า”ฉู่เชียนหลีแน่นคอนางรู้ดี ในใจเขายังมีความสงสัย ถ้าหากไม่ทำให้เขาเลิกสงสัย เขาอาจจะไม่ไปเมืองเทียนสู่ง่ายๆเขาไม่ไป นางก็ไปไม่ได้แต่ถ้าหากไม่ทำให้เขาสบายใจ ก็เท่ากับสิ่งที่นางพูดเมื่อครู่เป็นการโกหกเขา? ทุกสิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็สูญเปล่าแล้วในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาที นางแทบเห
“ไป?”เต๋อฝูตะลึง ยังคงไม่เข้าใจไป?ไปไหน?“อีกห้าววัน เฟิงเจิ้งหลีจะไปเมืองเทียนสู่ เมืองเทียนสู่อยู่ห่างจากเมืองหลวงถึงสามร้อยลี้ เขาออกจากเมืองหลวง พวกเราก็ไป ไปเจียงหนาน” ฉู่เชียนหลีกล่าวเบาๆเต๋อฝูเบิกตากว้าง “!”ความหมายของพระชายาคือ…หนีเขาตกใจเล็กน้อย “พระชายาอ๋องเฉิน ในวังหลวงมีทหารรักษาพระองค์เต็มไปหมด ต่อให้เฟิงเจิ้งหลีไม่อยู่ พวกเราก็ไปไม่ได้…”“ทหารรักษาพระองค์ไม่ได้จับตาดูข้าแล้ว”ครึ่งปีมานี้ นางอยู่ในวังอย่างสงบเสงี่ยม ได้รับความเชื่อใจจากเฟิงเจิ้งหลีนานแล้ว แม้แต่สถานที่สำคัญอย่างห้องทรงพระอักษร ก็สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าออกจากวังแล้ว“เต๋อฝู ช่วงพลบค่ำในอีกห้าวัน ข้าจะเตรียมรถม้าไว้หนึ่งคัน เจ้าพาเสด็จพ่อออกจากวัง”นางล้วงป้ายหยกรูปมังกรออกมามอบให้เต๋อฝู “นี่เป็นของคู่กายเฟิงเจิ้งหลี ใช้ของสิ่งนี้ตอนออกจากวัง ไม่มีใครกล้าตรวจ”“หลังออกจากวัง ตรงไปที่ตรอกข้างตลาดจูเชวี่ย มีสำนักคุ้มกันเทียนตี้อยู่ที่นั่น พวกเราไปรวมตัวกันที่นั่น”นางวางแผนเส้นทางและแผนการไว้แล้วเต๋อฝูพาฮ่องเต้ไป นางพาจื่อเยี่ยไปหลังจากรวมตัวกัน ออกจากเมือง มุ่
เจียงหนานเมืองหลวงวังหลวง มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา เหล่าทหารรักษาพระองค์เห็นแม่นางฉู่ที่อุ้มลูกเดินผ่านมา เพียงแค่เหลือบมองแวบหนึ่ง ก็ไม่สนใจแล้วเมื่อครึ่งปีก่อน เหล่าทหารรักษาพระองค์ทุกๆ สามก้าวหนึ่งคน ทุกๆ ห้าก้าวหนึ่งหน่วย ห่างแม้แต่ก้าวเดียว จับตาอยู่ตลอดเวลา กลัวว่าแค่กะพริบตาทีเดียว แม่นางฉู่ก็ติดปีกหนีไปแล้วตอนนี้ มองแค่แวบเดียว ก็ต่างคนต่างไปยุ่งเรื่องของตัวเองแล้วฉู่เชียนหลีอุ้มจื่อเยี่ยไว้ เดินเข้าห้องทรงพระอักษรบังเอิญมีขุนนางหลายคนกำลังหารือกัน เมื่อเห็นสองแม่ลูกมา ต่างก็พากันหยุดพูด“โอ๊ย ขออภัย”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว กล่าวอย่างเกียจคร้าน “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังยุ่งอยู่ ให้ไฉ่เซียชงชาเพื่อสุขภาพมาให้ วางเสร็จก็ไป”ไฉ่เซียค่อยๆ เดินเข้าไป วางน้ำชาลงข้างมือฮ่องเต้อย่างนอบน้อมแล้วถอยออกไปเฟิงเจิ้งหลีเงยหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่รีบ”กล่าวกับขุนนาง “พวกเจ้าออกไปก่อน”“ไม่ต้อง เจ้าทำงานเถอะ ข้ากับจื่อเยี่ยกลับก่อนแล้ว” ฉู่เชียนหลีกวาดมองฎีกาบนโต๊ะ และย่อมเห็นเนื้อหาบางส่วนที่อยู่ข้างในไม่นานนางก็ถอนสายตากลับ แสร้งเหมือนไม่เห็นอะไร ยิ้มอย่างอ่อนโยน หมุนกายเด
เจียงหนานศาลาพักม้าภายในลานมีทหารยามเต็มไปหมด ชั้นบน ชั้นล่าง โถงทางเดิน คุ้มกันอย่างแน่นหนา ภายในห้องที่ปลอดภัยบนชั้นสอง มีหญิงงามอายุประมาณสามสิบเจ็ดแปดคนหนึ่งนั่งอยู่การแต่งกายเรียบง่ายสบายๆ สะอาดเรียบร้อย แม้การแต่งกายเรียบง่าย แต่ทุกการเคลื่อนไหวที่สง่างาม แผ่ความสูงศักดิ์ที่ฝังอยู่ในกระดูกออกมาอย่างเป็นธรรมชาตินางก็คือมารดาของจวินลั่วยวน…ฮองเฮาหนานยวน “ฮองเฮา สภาพอากาศของเจียงหนานไม่เหมือนแคว้นหนานยวน พระองค์ลองทาน้ำมันหอมที่ขมับ สามารถป้องกันอาการไม่พึงประสงค์พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ลับกล่าวอย่างนอบน้อมฮองเฮาหนานยวนรับขวดมา หมุนเล่นในฝ่ามือครู่หนึ่ง หัวเราะอย่างลึกลับถ้าหากเพิ่งมาแคว้นตงหลิงครั้งแรก นางอาจจะไม่ถูกกับสภาพอากาศแต่หลายปีนี้ นางเคยมาที่นี่อย่างลับๆ ยี่สิบสามสิบครั้ง เคยชินกับสภาพอากาศของที่นี่นานแล้ววางขวดลง “ยวนเอ๋อร์ล่ะ?”องครักษ์ลับกล่าว“องค์หญิงเดินทางเร็ว ถึงเจียงหนานตั้งแต่เมื่อเจ็ดวันก่อน พักอยู่ที่ทำเนียบของผู้ว่าการเจียงหนาน อยู่กับอ๋องเฉิน ตอนนี้ปลอดภัยดีพ่ะย่ะค่ะ”นางพยักหน้าเข้าใจแล้วอ๋องเฉินแคว้นตงหลิงเป็นคนรู้จักแยกแยะ เรื่องนี้ นาง
“?”นางเพิ่งถลึงตา ก็เห็นอวิ๋นอิงอุ้มเด็กกลับไปแล้วนาง “...”ไม่เคยเห็นผู้ชายที่ขี้งกเช่นนี้มาก่อน…ขณะเดียวกัน ก็เกิดความอยากรู้อยากเห็น“ได้ยินมาว่า ท่านกับฮ่องเต้ตงหลิงแตกหักเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง?”และผู้หญิงคนนี้ ก็คือแม่ของฝาแฝดคู่นี้นางสงสัยมาก ผู้หญิงแบบไหนกัน ที่สามารถให้กำเนิดลูกสาวที่น่ารักทั้งสองคนนี้ และผู้หญิงแบบไหนกัน สามารถทำให้พี่น้องสองคนเกิดการต่อสู้ระดับบ้านเมืองผู้หญิงเช่นนี้ ควรเรียกว่าตัวหายนะที่นำภัยมาสู่บ้านเมืองและราษฎร“ได้ยินมาว่าท่านเตรียมบุกเจียงเป่ย ก็เพื่อผู้หญิงคนนี้เช่นกัน?”“ท่านรักนางมากเลย?”“นางสวยหรือไม่?”เพราะความอยากรู้อยากเห็น จวินลั่วยวนถามติดต่อกันสี่ห้าคำถามในสายตาของนาง อ๋องเฉินแคว้นตงหลิงเฉยเมย พูดน้อย เย่อหยิ่ง ไม่ว่าเวลาใดก็เย็นชาตลอด มีเพียงอยู่ต่อหน้าลูกสาวสองคนนี้ จึงจะเผยด้านที่อ่อนโยนออกมานางอยากรู้มาก ตกลงเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน ที่สามารถครอบครองหัวใจของอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียนนึกถึงฉู่เชียนหลี รู้สึกอุ่นใจความรักที่อยู่ในใจ ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูด“ถ้าหากองค์หญิงไม่มีอะไรแล้ว ก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะพิจารณาข้อเสน
เฟิงเย่เสวียนหรี่ตาอ้าปากก็จะเอาหนึ่งในสามของดินแดน?โลภใช้ได้!เขากับเฟิงเย่เสวียนสู้กันภายใน เขาจะยกทัพทำศึกในแคว้นของตัวเอง เข่นฆ่าราษฎรของตัวเอง ปรากฏว่ายังต้องแบ่งดินแดนให้คนนอก เห็นเขาเป็นคนโง่หรือ?“องค์หญิงเชิญตามสบาย” เขาวางตะเกียบ ลุกขึ้นเดินจากไปแล้วจวินลั่วยวนอึ้งไปครู่หนึ่ง รีบลุกขึ้นเดินตาม“อ๋องเฉิน ท่านจะไม่ลองคิดดูหน่อยหรือ?”“เทียบกับราชบัลลังก์แล้ว หนึ่งในสามของดินแดนนับอะไรไม่ได้เลย ท่านลองคิดดู ถ้าหากเปลี่ยนเป็นฮ่องเต้ตงหลิง เขาต้องใช้ดินแดนเหล่านี้ แลกกับการไร้ความกังวลตลอดไปแน่นอน”“ถ้าหากท่านไม่อยากเสียดินแดน หรือไม่ใช้ของอย่างอื่นแลก? ท่านอย่าเดินเร็วเช่นนี้สิ พวกเราคุยกันดีๆ ได้!”นางวิ่งไล่ตามนางตามลังเฟิงเย่เสวียน ประเดี๋ยวเอียงศีรษะไปทางซ้าย ประเดี๋ยวเอียงร่างกายไปทางขวา น้ำเสียงนุ่มนวล ท่าทางน่ารัก เหมือนกับแมลงตามตูดคนรับใช้และทหารเห็นแล้ว อดไม่ได้ที่จะขำได้ยินมาว่าฮ่องเต้หนานยวนมีลูกสาวแค่คนเดียว เอาอกเอาใจและให้ท้ายตั้งแต่เด็กเดิมทีคิดว่าองค์หญิงหนานยวนเป็นผู้หญิงสูงศักดิ์ เย่อหยิ่ง น่าเกรงขาม กลับคิดไม่ถึงว่าเป็นสาวน้อยที่สดใสร่าเริง