“ดีขึ้นหรือยัง?”เฟิงเจิ้งหลีกลับไปที่ห้อง มองไปทางฉู่เชียนหลีที่พิงหมอนจิบน้ำตาลแดงร้อนๆ บนเตียง เขานั่งลงที่ข้างเตียง จัดผ้าห่มให้นางฉู่เชียนหลีหลุบตาลง ริมฝีปากแตะขอบถ้วย กล่าวเบาๆ“ทำให้เจ้าอารมณ์เสียแล้ว…”น้ำเสียงหดหู่ ไม่มีชีวิตชีวาแต่ในแววตาของนางกลับมีความรู้สึกโชคดีและผ่อนคลายสายหนึ่งแลบผ่านก่อนหน้านี้ เพราะนางนึกถึงเรื่องรอบเดือนพอดี จึงเป็นฝ่ายที่เริ่มจูบเขาเพื่อถ่วงเวลา อยากลองเดิมพันสักครั้งถ้าหากเดิมพันชนะ เรื่องนี้ก็ผ่านไปโดยไม่ต้องทำอะไรถ้าหากรอบเดือนไม่มา นางอาจจะลงมือกับเขาโดยตรง ใช้ยาทำให้เขาสลบ ไปคืนนี้เลย…โชคดีรอบเดือนมาตรงเวลาบนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเสียดาย กล่าวอย่างคอตก “ข้าก็ไม่อยากให้มันเป็นเช่นนี้ ขอโทษ…”นางทำเหมือนตัวเองยินดีอยู่ติดกับเขา แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะรอบเดือนเฟิงเจิ้งหลีไม่เพียงไม่สงสัย กลับกันยังดีใจมาก“คนโง่ เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนี้กับข้า” เขาลูบศีรษะนางเบาๆนางสามารถยอมรับเขา เขาก็พอใจมากแล้ว“ช่วงนี้เป็นสถานการณ์พิเศษของเจ้า พักผ่อนให้เต็มที่ อย่าอุ้มจื่อเยี่ย เรื่องอะไรก็ให้นางกำนัลไปทำ อยากกินอะไร อยากทำอะไร ส
เขาจริงจังแล้วความรู้สึกที่เขามีต่อนาง จริงใจมาโดยตลอดนางคือสิ่งเดียวทึ่เขาวางไม่ลงฉู่เชียนหลีเหมือนมีอะไรติดคอ เขาควักหัวใจตัวเองออกมา เท่ากับเผยจุดอ่อนต่อหน้านาง เท่ากับมอบชีวิตของตัวเองไว้ในมือของนางนางอยากควบคุมเขา ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ แต่นางกลับพบว่าตัวเองทำไม่ลง…เฟิงเจิ้งหลี บางทีความรักของเจ้าอาจจะไม่ผิด ข้ากับเฟิงเย่เสวียนก็ไม่ผิด เพียงแต่เจ้าเข้ามาแทรกระหว่างข้ากับเฟิงเย่เสวียนช้าไปหนึ่งก้าวแรกเริ่ม ตอนที่ข้าเป็นพระชายาอ๋องเฉิน เจ้าก็ไม่ควรหวั่นไหวและเริ่มมันเดินผิดหนึ่งก้าว ผิดทุกก้าว… เวลาผ่านไปเร็วมาก พริบตาเดียวก็ห้าวันต่อมาแล้ววันออกรบทัพใหญ่รวมตัวกันที่นอกเมือง กลายเป็นกลุ่มก้อนสีดำคล้ายคลื่นสีดำ แผ่กลิ่นอายที่หนักหน่วงน่าเกรงขาม เฟิงเจิ้งหลีสวมชุดเกราะ ผู้นำสามเหล่าทัพ องอาจกล้าหาญ เฉียบคมไร้เทียมทานเหล่าขุนนางมาส่ง“ขอให้พระองค์เดินทางปลอดภัย ปราบปรามคนทรยศ กลับมาอย่างมีชัย!”เสียงตะโกนดังกึกก้องไปทั่วทางท้องฟ้า สะเทือนอยู่เนิ่นนาน ปลุกความฮึกเหิมในใจคนสามเหล่าทัพชูอาวุธ“ฆ่า!”“ฆ่า!”ขวัญกำลังใจเปี่ยมล้นเนื่องจากฉู่เชียนหลีเคยเป็นพระชา
ฉู่เชียนหลีหัวเราะเบาๆ ช่างเถอะ อุ้มเขาขึ้น เปิดประตู“แม่นางฉู่ ดึกเช่นนี้แล้ว ท่านจะออกไปข้างนอกหรือ?” ไฉ่เซียกับไฉ่เตี๋ยยืนอยู่ที่นอกประตู รับใช้อย่างเอาใจใส่ทั้งวันทั้งคืนโดยเฉพาะไฉ่เตี๋ย เป็นคนมากอุบายฉู่เชียนหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองเหมือนเช่นเคย“คืนนี้ป้อนนมจื่อเยี่ยมากไปหน่อย เขาไม่ค่อยสบาย ข้าพาเขาไปสูดอากาศในสวน”“ไฉ่เตี๋ย ไปเอานำซานจาที่ห้องครัวให้ข้าหน่อย”ไฉ่เตี๋ยโน้มกายกล่าวอย่างนอบน้อมโดยไม่ต้องคิด ‘เจ้าค่ะ’ ก็ไปแล้ว“ไฉ่เซีย”“เจ้าคะ” ไฉ่เซียเดินออกมาหนึ่งก้าว โน้มกายก้มหน้าฉู่เชียนหลีมองนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ครึ่งปีมานี้ ขอบคุณที่เจ้าดูแลข้า เจ้าเป็นคนจิตใจดี วันข้างหน้าต้องได้แต่งงานกับคนดีแน่นอน”เมื่อไฉ่เซียได้ยินคำนี้ จู่ๆ ก็แน่นหน้าอกอย่างน่าประหลาด“แม่นางฉู่…”อยู่ดีๆ มาพูดเรื่องนี้นางได้กลิ่นแปลกๆฝ่าบาทเพิ่งออกรบ แม่นางฉู่ก็พูดเรื่องนี้ คงไม่ได้คิดจะ…“แม่นางฉู่ เจ้า…”ฉู่เชียนหลีนำทรัพย์สินทั้งหมดที่มี และส่วนใหญ่เป็นของที่เฟิงเจิ้งหลีมอบให้นาง เปลี่ยนเป็นตั๋วเงิน มอบให้ไฉ่เตี๋ยทั้งหมด“ดูแลตัวเองด้วย”ไฉ่เซียเบิกตากว้าง มองตั๋วเงิ
“พ่ะย่ะค่ะ!”เหล่าขันทีขานรับ ล้วงไม้กระบองที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมา เดินปรี่เข้าไปยกกระบองขึ้นก็ฟาดลงไปอย่างแรงตายซะเถอะ!ฉู่เชียนหลีใช้มือซ้ายอุ้มลูกไว้แน่น เบี่ยงร่างกายหลบ มือขวาคว้าข้อมือของขันทีคนหนึ่ง พลันออกแรงหัก ก็ผลักเขาออก ชนขันทีล้มไปสามคนในเมื่ออย่างไรก็ต้องสู้ เช่นนั้นนางก็ไม่เกรงใจแล้วสะบัดแขนเสื้อ โคจรกำลังภายใน ยกมือคว้ากลางอากาศ ก็มีกระบี่น้ำแข็งเล่มหนึ่งปรากฏในมือชูกระบี่ฟันออกไป ไม้กระบองแตกเป็นเสี่ยงเพียะ!เมื่อกระทบกัน คมกระบี่แตกออกเป็นเศษน้ำแข็ง กระจายกลางอากาศ ระเหยเป็นไอ อากาศที่หนาวเย็นแผ่ออก ทำให้ค่ำคืนที่ไม่ธรรมดานี้ดุเดือดยิ่งขึ้นการเคลื่อนไหวของนางปราดเปรียว รับมือการโจมตีของเหล่าขันทีได้อย่างง่ายดาย ทำเอาพวกเขาไม่สามารถโต้ตอบฉู่เจียวเจียวเห็นแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อยฉู่เชียนหลีซ่อนไผ่ตายไว้ด้วย?เป็นวรยุทธ์ตั้งแต่เมื่อไร?เหตุใดร้ายกาจเช่นนี้?แต่ว่าต่อให้นางมีวรยุทธ์ที่ร้ายกาจเพียงใด มันก็ไม่มีประโยชน์ นางคนเดียวจะสู้คนมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? ต่อให้ผลัดกันเข้าไปสู้กับนาง ก็ต้องทำให้นางเหนื่อยตายทั้งเป็น!นางเหลือบมองนางกำน
แม่คือจุดอ่อนของลูกไม่มีข้อยกเว้นไม่ มีคนหนึ่งที่ยกเว้น ฉู่เจียวเจียวไม่เคยเป็นห่วงลูกสาวของตัวเองเลยฉู่เชียนหลีกล่าว “เจ้าเป็นผู้หญิงที่น่าเวทนาจริงๆ”ฉู่เจียวเจียวอึ้งไปครู่หนึ่ง“ในฐานะภรรยา เจ้าไม่ได้ใจของสามี ทำได้เพียงดึงดูดความสนใจด้วยวิธีที่บ้าคลั่งเหมือนคนบ้า”“ในฐานะแม่ เจ้าให้กำเนิดลู่ฉิน กลับไม่เคยเลี้ยงนาง ไม่เคยแยแสนาง เจ้าตั้งครรภ์สิบเดือนคลอดอะไรออกมา? เจ้าไม่รู้สึกว่าตัวเองน่าเวทนาและน่าสมเพชเลยหรือ?”ม่านตาฉู่เจียวเจียวหด มีอารมณ์บางอย่างแลบผ่านแววตาอารมณ์เชื่อมโยงกับหัวใจ แน่นหน้าอกฉับพลันนาง…ได้ครอบครองตำแหน่งฮองเฮาแล้วมารดาแห่งแผ่นดินในสายตาของผู้อื่น ความสูงศักดิ์และความสูงส่งของนางทำให้ผู้คนอิจฉาริษยา แต่ในความเป็นจริง ภายใต้รูปลักษณ์ที่สดใสงดงาม กลับมีจิตวิญญาณที่โดดเดี่ยวและน่าเวทนานางไม่มีครอบครัว…กำหมัดแน่น ไม่แสดงอารมณ์ออกมา กล่าวเสียงแข็ง“คนที่น่าเวทนาคือเจ้า! เจ้ามันก็แค่นักโทษคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรมาตัดสิน? คืนนี้ เจ้าก็จะตายแล้ว เมื่อเทียบกับว่าข้า ไม่สู้เป็นห่วงตัวเองก่อนดีกว่า!”เพิ่งสิ้นเสียง ยกมือจับคอที่บอบบางของเฟิงเจิ้งจื่
ฉู่เจียวเจียวกุมมือที่มีเลือดไหล เจ็บจนโกรธแล้ว ประกอบกับไฟโทสะที่อยู่เต็มอก ระเบิดออกมาโดยตรง“ความโชคร้ายของข้าล้วนเกิดจากเจ้า!”ฉู่เชียนหลีกล่าวเสียงเย็น“ข้าไม่เคยชอบเฟิงเจิ้งหลี และไม่เคยคิดจะแย่งผู้ชายกับเจ้า เจ้าเป็นคนยืนกรานว่าเป็นข้า เจ้าเป็นคนคาดเดาว่าเป็นข้าอย่างไร้เหตุผล เจ้าแต่งงานกับเขา และยังให้กำเนิดลูกสาวของเขาหนึ่งคน เป็นเจ้าที่ไม่รู้จักดูแลครอบครัวนี้ จึงส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ในวันนี้”“ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย!”คนสองคนอยู่ด้วยกัน ความสัมพันธ์ที่ยาวนานคืออาศัยการดูแลซึ่งกันและกันไม่ได้พยายามอะไรเลย ก็อยากได้มา?ใต้ฟ้าไม่มีเรื่องที่ดีเช่นนี้“ไม่! เจ้านั่นแหละ!” ฉู่เจียวเจียวกรีดร้อง น้ำตาทะลักออกมาอย่างไม่สามารถควบคุม “ตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิต ฝ่าบาทก็ชอบเจ้า ห่วงเจ้า เจ้ายังมีชีวิต ข้าก็ไม่มีวันมีโอกาส”“ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้า!”“อ๊ะ!”นางร้องไห้อย่างเศร้าโศก“ฉู่เชียนหลี เจ้าเป็นแค่ลูกสาวชาวนาที่แม่ข้าเก็บมาเลี้ยง ชาติกำเนิดของเจ้าต่ำต้อย ในร่างกายมีเลือดของคนธรรมดาไหลอยู่ ถ้าไม่ใช่แม่ข้ารับเลี้ยงเจ้า เจ้าก็ไม่มีวันกลายเป็นคุณสี่จวนอัครเสนาบดีฉู่ และไม่มีส
ข้าเกือบจะจมอยู่ในโลกของเจ้าแล้ว รักเจ้า ปกป้องเจ้า ตามใจเจ้า ในใจในสายตาล้วนมีแต่เจ้าสุดท้ายแล้วกลับบอกเขาว่า นี่เป็นเพียงแผนลวงฉู่เชียนหลี เจ้าเป็นเด็กดื้อจริงๆการอยู่ด้วยกันที่ยาวนานถึงครึ่งปี ข้าทุ่มเทให้เจ้าทุกอย่าง เจ้าไม่รู้สึกซาบซึ้งเลยหรือ? ไม่มีความผูกพันเลยหรือ?ต่อให้เป็นก้อนหิน ก็ควรจะกุมจนอุ่นนานแล้วต่อให้เป็นน้ำแข็ง ก็ควรกุมจนละลายนานแล้วหัวใจของเจ้าทำด้วยอะไร?เหตุใดจึงแข็งยิ่งกว่าก้อนหิน เย็นยิ่งกว่าหิมะน้ำแข็ง แต่ข้า…กลับรักเจ้าองครักษ์ลับคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างกระวนกระวาย หัวใจกระสับกระส่าย หางตากวาดมองสีหน้าเขาอย่างระมัดระวัง และกล่าวอย่างระมัดระวัง“นายท่านวางใจได้ ผู้บัญชาการจางจับตัวไว้แล้ว”อาศัยแค่แม่นางฉู่คนเดียว และเด็กอายุครึ่งขวบคนหนึ่ง ต่อให้ติดปีกก็ยากจะหนีออกจากเมืองหลวงเฟิงเจิ้งหลีค่อยๆ หลุบตา เสียงที่เฉยเมยฟังอารมณ์ไม่ออก“อย่าทำร้ายนาง”“ขอรับ…”เวลานี้แล้ว นายท่านยังห่วงความปลอดภัยของแม่นางฉู่เฮ้อตั้งแต่อดีตรักมากก็เจ็บมากองครักษ์ลับรับคำสั่ง ขี่ม้าเร็วกลับเมืองหลวง เวลาเดียวกัน ทหารส่งสารของเมืองเทียนสู่ก็ส่งจดหมายมา“รายงา
ฉู่เจียวเจียวได้ยินคำนี้ แค่อยากหัวเราะดังๆนี่มันเวลาไหนแล้ว นางกำนัลตัวน้อยๆ คนหนึ่งก็กล้าขวางนาง?“ข้าอยากให้ใครตาย คนคนนั้นก็ต้องตาย ข้าอยากฆ่าเจ้า ก็ง่ายเหมือนบี้มดตัวหนึ่ง”มดตัวน้อยๆ ยังกล้ากระโดดออกมาเรียกร้องความสนใจ?น่าขำ!ขันทีคนหนึ่งเดินเข้าไปใช้มือคว้าคอของไฉ่เซียไว้“อ่า!”ออกแรงบีบ!ไฉ่เซียหายใจไม่ออก หน้าแดงก่ำ ดิ้นรนอย่างเจ็บปวด“คนอย่างเจ้าก็กล้าออกหน้าแทนฉู่เชียนหลี? รนหาที่ตาย นี่ก็คือจุดจบของเจ้า!” ฉู่เจียวเจียวมองอย่างเย็นชาฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วพลันยกเขาถีบขันทีคนนั้นจนหน้าหงาย“แค่ก…แค่กๆ…” ไฉ่เซียล้มลงพื้นอย่างเจ็บปวด หอบหายใจและน้ำตาคลอเบ้า“กลับไป” ฉู่เชียนหลีหลุบตาไฉ่เซียพักหายใจครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้น จับชายกระโปรงของฉู่เชียนหลี “บ่าวไม่ไป”นางรับใช้แม่นางฉู่ครึ่งปี แม่นางฉู่ดีกับนางมาก และนางก็ชอบจื่อเยี่ยน้อยมาก มีความผูกพันต่อกัน“ฝ่าบาทเคยสั่งไว้ ต้องดูแลท่านให้ดี บ่าวจะปล่อยให้ท่านตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร?”เขาหอยหายใจ ลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซ“ฮองเฮา ท่านขัดเจตนาของฝ่าบาท หลังจากฝ่าบาทกลับมา ต้องลงโทษท่านแน่”ฉู่เจียวเจียวโกรธทันทีนา
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท