วันรุ่งขึ้นลู่ฉินถูกอุ้มมาทั้งน้ำตา เฟิงเย่เสวียนเพิ่งป้อนนมให้เว่ยซีเสร็จ อวิ๋นอิงก็เข้ามาพร้อมกับนางที่กำลังร้องไห้แล้ว“ท่านอ๋อง…”อวิ๋นอิงคิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องอยู่เวลานี้ของที่ผ่านมา ท่านอ๋องไปดูแลเรื่องการทหารแล้วเมื่อพบท่านอ๋อง นางกอดลู่ฉินที่กำลังร้องไห้แน่นโดยไม่รู้ตัว จับท้ายทอยของเด็กเบา กดเข้าไปในอ้อมแขน ลดเสียงร้องไห้ของนาง สับขาก็คิดจะวิ่งทันทีเพราะเฟิงเจิ้งลู่ฉินคือลูกของเฟิงเจิ้งหลีกับฉู่เจียวเจียว หลังจากท่านอ๋องรู้ความจริง ก็ไม่เป็นที่ต้อนรับมาโดยตลอดเฟิงเย่เสวียนอุ้มลู่ฉินไว้ จู่ๆ ก็เอ่ยปาก“ในเมื่อมาแล้ว จะไปไหน?”อวิ๋นอิงชะงักเล็กน้อยนางกลัวท่านอ๋องเห็นลู่ฉิน จะนึกถึงสามีภรรยาอ๋องหลี นึกถึงพระชายากับลู่ จึงไม่มีความสุข…“ไม่ ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ…แค่ลู่ฉินเอาแต่ร้องไห้ คงจะคิดถึงพระชายาแล้ว พระชายาไม่อยู่ ข้าอยากให้นางอยู่กับเว่ยซี”“พวกนางสองพี่น้องอยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิด ลู่ฉินกับเว่ยซีอยู่ด้วยกัน จะเป็นเด็กดีกว่า…”นางพลางสังเกตสีหน้าเฟิงเย่เสวียน พลางกล่าวอย่างระมัดระวังสีหน้าเฟิงเย่เสวียนเรียบเฉย ตอนที่มองไปทางเฟิงเจิ้งลู่ฉิน สายตาสงบ ไร้อารมณ์ใดๆ
เมื่อเฟิงเย่เสวียนได้ยิน สีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที รีบกล่าว“รีบเชิญคนเข้าจวน!”คนของสำนักคุ้มกันเทียนตี้มาแล้ว ส่งจดหมายมาสองฉบับ ฉบับหนึ่งให้เฟิงเย่เสวียน อีกหนึ่งฉบับให้จิ่งอี้เฟิงเย่เสวียนเปิดจดหมายอย่างแทบรอไม่ไหวลายมือที่คุ้นเคย คำทักทายที่เรียบง่าย ในถ้อยคำอันสวยหรือซ่อนความรู้สึกมากมายเอาไว้เขากางกระดาษจดหมายอออกอย่างระมัดระวัง อ่านช้าๆ ทีละคำอย่างละเอียด อ่านซ้ำรอบแล้วรอบเล่าเต็มไปด้วยความคิดถึงมองทะลุกระดาษจดหมายแผ่นนี้ ราวกับมีท่าทางของฉู่เชียนหลีตอนเขียนจดหมายปรากฏขึ้นตรงหน้า หลุบตาจริงจัง กัดปลายพู่กันเป็นระยะ ยิ้มเป็นบางครั้ง ขมวดคิ้วเป็นบางคราว…ทุกๆ คำล้วนเปลี่ยนเป็นใบหน้าของนางอักษรสั้นๆ เพียงไม่กี่บรรทัด เขาจ้องอยู่ครึ่งชั่วยามเต็มๆไม่มีใครกล้ารบกวนสุดท้ายยังเป็นหานอิ๋งที่ส่งข่าวสำคัญเข้ามา“นายท่าน สายข่าวมารายงาน องค์หญิงแคว้นหนานยวนเดินทางมาเมืองหลวงในฐานะราชทูต อาจจะมาถึงเจียงหนานในอีกสองวัน พวกเราจะต้อนรับนางหรือไม่?”ความคิดของเฟิงเย่เสวียนจึงจะเปลี่ยนจากความคิดถึงไปเป็นเรื่องงานพับกระดาษจดหมายอย่างระมัด เก็บเข้าไปในอก ใช้ฝ่ามือกดแล้วกดอีก
“ส่งคนเข้าป่าทันที ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร ก็จำเป็นต้องหาแมลงชนิดนี้ให้เจอ นำกลับมา ข้าเลี้ยงเอง”จิ่งอี้พับกระดาษจดหมาย กล่าวอย่างเด็ดขาด ตัดสินใจแล้ว ไม่อนุญาตให้มีข้อกังขาเขาตัดสินใจแล้วเฟิ่งหรานเม้มปากแน่น“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกผิดต่ออวิ๋นอิง แต่ถ้าเจ้าเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว เกี่ยวพันไปถึงแคว้นซีอวี้กับแคว้นตงหลิง…”อยู่ต่อหน้าเรื่องของบ้านเมือง ลูกหลานคนรักก็ควรวางไว้ข้างๆจิ่งอี้หลุบตาแค่รู้สึกผิดหรือ?เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปแล้ว และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้เปลี่ยน ความรู้สึกที่เขามีต่ออวิ๋นอิงไม่เหมือนเมื่อก่อนนานแล้ว…หวงแหนวางไม่ลงรัก…เขาเม้มปาก ไม่ได้อธิบาย เฟิ่งหรานไม่เคยมีประสบการณ์ ไม่เข้าใจอะไรคือความรัก รอวันที่เขาเจอคนที่ชอบจริงๆ ก็จะเข้าใจในสิ่งที่เขาทำในวันนี้เองกล่าวอย่างเรียบเฉย“เวลาไม่คอยท่า ส่งคนเข้าป่าเถอะ”“ข้าไม่…ช่างเถอะ ข้าไม่สนใจเจ้าแล้ว! ตามใจเจ้าเลย!”ผ่านปีใหม่ ก็ฤดูใบไม้ผลิแล้วเฟิงเย่เสวียนยุ่งจนแทบไม่ได้หยุดพัก ตำแหน่งของเมืองเทียนสู่ตั้งอยู่ตรงจุดสำคัญที่เป็นเส้นบรรจบของเจียงหนานเจียงเป่ย และยังใกล้
ยกมือ ฟัน แทง เกี่ยว…ทุกการกระบวนท่าเฉียบคม ดุดันไล่ต้อนเฟิงเย่เสวียนไพร่มือข้างหนึ่งไว้ข้างหลัง ใช้แค่มือเดียว เห็นกระบวนท่าแก้กระบวนท่า รับมือได้อย่างง่ายดาย ท่าทางที่ผ่อนคลายนั่น ราวกับไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาดูเกียจคร้านคนชุดดำสังเกตเห็นแล้วปะทะกันสิบกว่ากระบวนท่า เขาไม่ใช้อาวุธก็ช่างเถอะ แถมยังใช้แค่มือข้างเดียว!ดูถูกนางเกินไปแล้วกระมัง?นางขมวดคิ้วด้วยความโมโห กระบวนท่าในมือก็ดุดันขึ้นสามส่วน การโจมตียิ่งรุนแรงแล้วขณะเดียวกัน เพราะโมโห จึงเผยช่องโหว่แล้วหนึ่งกระบวนท่าโจมตี เฟิงเย่เสวียนถอยหลังเพียงครึ่งก้าว ก็หลบพ้นกระบี่เล่มนั้น ขณะที่นางเตรียมโจมตีครั้งที่สอง เขายกมือคว้าคอของนางโดยตรง“วิธีปรากฏตัวขององค์หญิงน่าสนใจจริงๆ”เสียงทุ้มต่ำที่เฉยเมยของเฟิงเย่เสวียน ทำให้การเคลื่อนไหวของคนชุดดำชะงักแต่แค่อึดใจเดียวพลันสายตานางดุร้าย จะโจมตีอีกครั้ง“ยังสนุกไม่พอหรือ?” เขากล่าว “ข้าไม่มีนิสัยตีผู้หญิงกลางตลาด”“...”คนชุดดำแบะปาก โยนกระบี่ในมือทิ้ง เปิดผ้าคลุมหน้าภายใต้ผ้าคลุมหน้า ซ่อนใบหน้าหนึ่งที่งดงาม ประณีต สะอาด ธรรมชาติ และร่าเริงมีชีวิตชีวาไว้ ในแววตาซ่
นางเงยหน้า แหงนมองเฟิงเย่เสวียน ใบหน้าทรงไข่ที่งดงามทำปากยื่น แลดูน้อยอกน้อยใจเล็กน้อย“อ๋องเฉิน เสด็จพ่อมีลูกสาวอย่างข้าแค่คนเดียว พวกเขาเอาอกเอาใจข้ามาโดยตลอด ข้าไม่สามารถดูแลตัวเองตั้งแต่เด็ก ข้าเพิ่งเดินทางไกลครั้งแรก ถ้าหากท่านไม่สนใจข้า ข้าก็จะไปหาฮ่องเต้ตงหลิงแล้วนะ…”กึ่งน้อยใจ กึ่งข่มขู่การปรากฏตัวของนาง เป็นตัวแทนของแคว้นหนานยวนถ้าหากอ๋องเฉินไม่ผูกมิตรกับแคว้นหนานยวน แคว้นหนานยวนก็ไปร่วมมือกับเฟิงเจิ้งหลี สองพี่น้องรบกัน อ๋องเฉินรับมือไม่ไหวแน่นอนนางให้ทางเลือกโดยตรงให้นางไปอยู่กับเขาที่ทำเนียบหรือไม่นางก็ไปหาเฟิงเจิ้งหลีเฟิงเย่เสวียนหลุบตา ก้มมองนางที่อยู่ข้างล่าง กล่าวอย่างเย็นชา“องค์หญิงเป็นพูดตรงเช่นนี้ตั้งแต่เด็กเลยหรือ?”จวินลั่วยวนสงสัย “หมายความว่าอย่างไร?”“ความหมายก็คือ ข้าจับตัวท่านตอนนี้ ไม่เพียงสามารถควบคุมแคว้นหนานยวน และยังทำให้ไม่สามารถสนับสนุนเฟิงเจิ้งหลี ยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว”จวินลั่วยวนตะลึงเขาจะจับนาง?เอาใจ?“ได้ยินมาว่าอ๋องเฉินแคว้นตงหลิงเป็นคนตรงไปตรงมา มีคุณธรรม มีหลักการ ข้าเดินทางมาแคว้นตงหลิงในฐานะทูต ท่านกลับจะจับข้า? ท่
หลังจากใช้เวลาหลายวัน ในที่สุดเฟิ่งหรานก็หาตัวอ่อนกู่แพทย์เจอแปดตัวในป่าลึกตัวอ่อนเหล่านี้อยู่บนเห็ดหลินจือ ขณะของมันแค่ใหญ่เท่าเส้นผมสองสามเส้น ตัวสีขาว บางๆ กินเห็ดหลินจือตั้งแต่เล็ก มีสรรพคุณยาในตัว และพวกมันที่ยังมีชีวิตยิ่งมีค่ามหาศาล“แมลงที่เจ้าต้องการ”เฟิ่งหรานเปิดกล่องผ้าแพรภายในกล่อง เห็ดหลินจือพันปี แมลงน้อยๆ แปดตัวเกาะอยู่บนนั้นไม่ต้องกังวลพวกมันหาย นอกจากเห็ดหลินจือ พวกมันก็ไม่ไปที่อื่นจิ่งอี้ใช้นิ้วลูบอย่างระมัดระวังแมลงที่ตัวเล็กแค่นี้และไม่สะดุดตา กลับสามารถช่วยชีวิตของอวิ๋นอิงกับลูก ช่างอัศจรรย์ ขณะเดียวกัน ก็สะเทือนใจเหลือเกินสวรรค์มีตาสวรรค์ไม่เคยทอดทิ้งคนมีความพยายาม“เตรียมวัตถุดิบยาที่พวกมันจะกินให้เรียบร้อย เลี้ยงดีๆ แล้วเลือดหัวใจป้อนอย่างไร?”เฟิ่งหรานเม้มปาก“ต้องป้อนอย่างต่อเนื่อง พวกมันดูดหมดแล้ว ก็ต้องป้อนต่อทันที”เมื่อจิ่งอี้ได้ยิน หยิบมีดสั้นออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เปิดเสื้อชั้นใน ใช้มีดแทงเข้าไปที่ตำแหน่งหัวใจโดยตรง และไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วเลือดหัวใจเอ่อล้นออกมา…ดึงมีดสั้นออกมา เลือดที่ปลายมีดหยดลงบนเห็ดหลินจือเบาๆติ๋ง!เลือดก
เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน ผิวของเขาขาวเหมือนไม่ได้ตากแดดเป็นปี แทบสามารถมองเห็นเส้นเลือดสีฟ้าที่หางตาแล้วทั้งสองเจอกันสายตาบรรจบเขาเม้มปากยิ้ม เดินเข้ามาหานาง ฝีเท้าที่เดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบา โอนเอียงเล็กน้อย แต่สามารถเดินอย่างมั่นคงทุกก้าวเขากล่าว “เจ้ากำลังตั้งครรภ์ เว่ยซีโตเช่นนี้แล้ว ต่อไปนางอุ้มนางบ่อย”พริบตาเดียว อวิ๋นอิงก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว แต่เนื่องจากร่างกายนางอ่อนแอ ท้องเล็กเหมือนเพิ่งจะสี่เดือนนางอุ้มเว่ยซีไว้เมื่อเว่ยซีเห็นเขา ยื่นมือน้อยสองข้างออกไปด้วยรอยยิ้ม ปากก็สูงเสียงอีอาๆ“อุ้ม…”เขาเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม ในแววตาเต็มไปด้วยความรักและความอ่อนโยน รับเด็กมา เด็กน้อยที่อ้วนท้วนทับจนเขาเซถอยหลังสองก้าวเมื่อทรงตัวได้ก็ตำหนิเบาๆ“เจ้านี่นะ ตัวอ้วนเช่นนี้ โตขึ้นผู้ชายคนไหนจะกล้าแต่งงานกับเจ้า?”“อาๆ…” เด็กน้อยหัวเราะคิกคักอวิ๋นอิงยืนอยู่ที่ข้างๆ มองจิ่งอี้ด้วยสายตาที่คาดคะเนเขาดูโทรมมาก?หรือว่าได้รับบาดเจ็บ?ตามที่นางรู้ สงครามที่เมืองเทียนสู่ยังไม่เริ่ม อยู่ดีๆ เขาไม่มีทางได้รับบาดเจ็บไม่รู้ว่าเขากำลังทำบ้าอะไรอยู่ แต่นางไม่อยากถามแม้แต่คำเดียว อ
เฟิงเย่เสวียนหรี่ตาอ้าปากก็จะเอาหนึ่งในสามของดินแดน?โลภใช้ได้!เขากับเฟิงเย่เสวียนสู้กันภายใน เขาจะยกทัพทำศึกในแคว้นของตัวเอง เข่นฆ่าราษฎรของตัวเอง ปรากฏว่ายังต้องแบ่งดินแดนให้คนนอก เห็นเขาเป็นคนโง่หรือ?“องค์หญิงเชิญตามสบาย” เขาวางตะเกียบ ลุกขึ้นเดินจากไปแล้วจวินลั่วยวนอึ้งไปครู่หนึ่ง รีบลุกขึ้นเดินตาม“อ๋องเฉิน ท่านจะไม่ลองคิดดูหน่อยหรือ?”“เทียบกับราชบัลลังก์แล้ว หนึ่งในสามของดินแดนนับอะไรไม่ได้เลย ท่านลองคิดดู ถ้าหากเปลี่ยนเป็นฮ่องเต้ตงหลิง เขาต้องใช้ดินแดนเหล่านี้ แลกกับการไร้ความกังวลตลอดไปแน่นอน”“ถ้าหากท่านไม่อยากเสียดินแดน หรือไม่ใช้ของอย่างอื่นแลก? ท่านอย่าเดินเร็วเช่นนี้สิ พวกเราคุยกันดีๆ ได้!”นางวิ่งไล่ตามนางตามลังเฟิงเย่เสวียน ประเดี๋ยวเอียงศีรษะไปทางซ้าย ประเดี๋ยวเอียงร่างกายไปทางขวา น้ำเสียงนุ่มนวล ท่าทางน่ารัก เหมือนกับแมลงตามตูดคนรับใช้และทหารเห็นแล้ว อดไม่ได้ที่จะขำได้ยินมาว่าฮ่องเต้หนานยวนมีลูกสาวแค่คนเดียว เอาอกเอาใจและให้ท้ายตั้งแต่เด็กเดิมทีคิดว่าองค์หญิงหนานยวนเป็นผู้หญิงสูงศักดิ์ เย่อหยิ่ง น่าเกรงขาม กลับคิดไม่ถึงว่าเป็นสาวน้อยที่สดใสร่าเริง
พวกเขาตั้งใจมาช่วยคน หานเฟิง หานอิ๋ง มีความจงรักภักดีต่ออ๋องเฉิน พวกเขาไม่มีทางถอนตัว โดยไม่สนใจเฟิงเย่เสวียนนอกเสียจาก…เฟิงเย่เสวียนไปแล้ว!ฉู่เชียนหลีวิ่งไปถึงกระโจมหลัก ไม่มีใครอีกแล้ว นี่จึงจะรู้ตัวว่าถูกหลอกแล้ว ตอนที่จะถอนตัว ก็ถูกทหารกลุ่มหนึ่งล้อมแล้ว“นางแพศยา! ที่แท้เจ้าเป็นคนวางเพลิง!”“จับนาง!”เหล่าทหารชักอาวุธ พุ่งเข้าไปเหมือนฝูงผึ้งสีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึม รีบสร้างกระบี่น้ำแข็งขึ้นหนึ่งเล่ม นางถือกระบี่น้ำแข็งแน่น พุ่งออกไปปะทะกับคนเหล่านี้การต่อสู้อันดุเดือดปะทุขึ้นทันทีขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง จวินอี้หลินตามหาคอกม้าจนเจอ ขณะที่ขึ้นขี่บนหลังม้า กำลังจะพาน้องสาวจากไป เห็นเหล่าทหารกรูกันไปทางทิศทางหนึ่ง การเคลื่อนไหวชะงักเล็กน้อยเหมือนฉู่เชียนหลีถูกจับได้แล้ว?ทิ้งนางไว้ทั้งเช่นนี้ เหมือนจะไม่ค่อยดีกระมัง?เขากำสายบังเหียน อยากพุ่งกลับไปช่วยคนจวินลั่วยวนสัมผัสได้ถึงเจตนาของเขา กลอกตาไปมาหนึ่งรอบ รีบกอดแขนของเขา กล่าวทั้งน้ำตา“เสด็จพี่รอง ดีจริงๆ ที่ท่านไม่เป็นอะไร! ท่านไม่รู้หรอกว่าข้าเป็นห่วงท่านแค่ไหน ข้าคิดว่าจะไม่ได้เจอตัวท่านเป็นๆ แล้วเสียอี
“คนเยอะมาก!”จวินลั่วยวนซ่อนตัวในที่ลับตา มองออกไปข้างนอกอย่างระมัดระวัง “เสด็จพี่รองของข้าเลือดไหลเยอะมาก เหมือนจะไม่ไหวแล้ว!”“พวกเขาทรมานเสด็จพี่รองของข้าเช่นนี้ ไม่รู้ว่าปฏิบัติต่ออ๋องเฉินอย่างไร ได้ยินมาว่าฮ่องเต้หลีเกลียดอ๋องเฉินมาก ต้องทรมานเขาจนตายทั้งเป็นเลยกระมัง?”น้ำเสียงของนางวิตกกังวล แต่คำพูดเหล่านี้กลับจงใจพูดให้ฉู่เชียนหลีฟังฉู่เชียนหลีถูกบีบจนร้อนใจแล้วจริงๆไม่เห็นเฟิงเย่เสวียน ไม่สามารถยืนยันความปลอดภัยของเขา นางก็วางใจไม่ลงสักทีจวินลั่วยวนกล่าว“แต่ว่าทรมานก็ส่วนทรมาน น่าจะไม่ฆ่าเขา ฉู่เชียนหลี พวกเรารออยู่ที่ข้างนอก ไม่เกินห้าช่วยยาม กำลังเสริมต้องมาแน่นอน”“...”ห้าชั่วยามรอกองทัพเดินทางจากเจียงหนานมาถึงที่นี่ อ๋องเฉินคงตายไปแล้วนางรอไม่ได้แล้วสายตาฉู่เชียนหลีเคร่งขรึม คอยสำรวจภูมิประเทศของค่ายทหาร พลางครุ่นคิดอย่างรวดเร็วหลังจากวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียอย่างรวดเร็ว จู่ๆ ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่”“เจ้าจะไปทำอะไร? นี่…ฉู่เชียนหลี?”จวินลั่งยวนปิดปาก ไม่กล้าพูดเสียงดัง เห็นเพียงฉู่เชียนหลีย่องเข้าไปเจ็ดแปดเมตรอย่างไร้เสียง
“อืม…”จวินลั่วยวนยังไม่ทันลงมือ ฉู่เชียนหลีก็ฟื้นแล้ว นางตกใจจนก้อนหินหลุดจากมือ ตกลงไปที่ข้างๆนางร้อนตัว รีบหันไปล้มลงข้างๆ แสร้งหมดสติหนึ่งนาทีสองนาที…ฉู่เชียนหลียังไม่ฟื้น สิ่งที่ได้จากการรอคอย กลับเป็นผู้ติดตามคนหนึ่งที่ร่างกายเปื้อนเลือด“องค์หญิง องค์หญิง…ท่านอยู่นี่ได้อย่างไร…แค่กๆๆ…”อาการของผู้ติดตามสาหัสมาก เดินเข้ามาอย่างล้มลุกคลุกคลาน และหายใจลำบากจวินลั่วยวนรู้จักเขา เขาคือผู้ติดตามของเสด็จพี่รอง นางรีบเดินเข้าไปถาม“ช่วยอ๋องเฉินออกมาได้หรือไม่?”ผู้ติดตามชะงักเล็กน้อยองค์หญิงไม่ควรจะเป็นห่วงองค์ชายรองก่อนหรือ?แต่ในฐานะคนรับใช้ มีคำพูดมากมายไม่กล้าพูด เขากล่าวตอบ “อ๋องเฉินได้รับการช่วยเหลือแล้ว แต่องค์ชายรองถูกจับ ข้ากำลังจะกลับไปแจ้งข่าว และพาคนมาช่วย คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอท่านที่นี่”“ท่านกับพระชายาอ๋องเฉินข้ามแม่น้ำอูหลานแล้วไม่ใช่หรือ?”จวินลั่วยวนโล่งอกอ๋องเฉินปลอดภัยก็ดีแล้วพูดถึงเรื่องข้ามแม่น้ำ นางก็นึกถึงประสบการณ์ที่อันตรายเมื่อคืน อีกนิดเดียวนางก็จะตกเป็นของเล่นของทหารแล้ว อีกนิดเดียวก็จะตายแล้วนึกถึงภาพเมื่อคืน ทหารสิบกว่าคนทารุณกรรมผู้
ปัง!ทั้งสองกลิ้งไปไกลถึงห้าหกสิบเมตร จึงจะกลิ้งถึงตีนเขา คนหนึ่งชนเข้ากับต้นไม้ อีกคนชนเข้ากับก้อนหิน เปิดเสียงดัง ‘ปัง’ ทั้งสองล้วนหมดสติอย่างไม่สามารถควบคุมกลางคืนเงียบสงบเวลาค่อยๆ ผ่านไปเงียบๆ…ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ยามราตรีที่เงียบสงัด จึงจะมีเสียง“อืม…”ปลายนิ้วของจวินลั่วยวนกระดิกสองที หลังจากนั้นสองสามนาที จึงจะยกเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างยากลำบาก ความเจ็บปวดที่แผ่ไปทั่วร่าง ทำให้หายใจถี่ขณะเดียวกันก็นึกขึ้นได้พวกนางถูกทหารพบเห็น ระหว่างที่วิ่งหนี ไม่ระวังกลิ้งตกลงมาจากเนิน“ซี้ด!”เอว แขน ใบหน้า คอ ขาของนาง…ถูกหนามข่วนจนเป็นรอย ถูกกิ่งไม้แทง ถูกหินกระแทก ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล แทบจะไม่มีที่ใดที่สมบูรณ์เจ็บจัง!แต่โชคดีมากที่ไม่ถูกทหารจับนางพักหายใจครู่หนึ่ง ลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ประคองศีรษะที่หนักอึ้ง มองเห็นฉู่เชียนหลีที่ล้มห่างออกไปสามสี่เมตรเมื่อเทียบกันแล้ว อาการของฉู่เชียนหลีค่อนข้างสาหัสศีรษะของนางกระแทกกับก้อนหินจนเป็นแผล ใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางเปื้อนไปด้วยเลือด นางซีดราวกับกระดาษ เป็นตายไม่รู้แววตาของนางเผยให้เห็นความดีใจรีบเดิน
สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนเล็กน้อยเสด็จพี่รองจะช่วยนางเอง นางไม่ได้ขอให้เสด็จพี่รองทำเช่นนี้สักหน่อยเสด็จพี่รองยินดีทำเช่นนี้เอง เหตุใดกลายเป็นความผิดของนางแล้ว?อีกอย่างนะ เขาเป็นพี่ชาย นางเป็นน้องสาว พี่ชายปกป้องน้องสาว มันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วไม่ใช่หรือ?“จวินลั่วยวน เจ้ารู้หรือไม่ เจ้ามันไม่รู้จักพอ เจ้าเป็นแค่คนที่รู้จักเอาผลประโยชน์จากคนอื่น แต่ไม่เคยเสียสละ ไม่เคยตอบแทน เมื่อนานวันเข้า ก็กลายเป็นนิสัยเห็นแก่ตัว”“คิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง”“เอาแต่ได้อย่างเดียว”“ดูผิวเผินเหมือนเจ้าอยู่ในครอบครัวที่มีความสุข แต่ในความเป็นจริง ก็ไม่รู้เลยว่าอะไรคือความรักและความอบอุ่นในครอบครัว กลับกัน ข้ายังรู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่าแทนองค์ชายรอง”เขายอมเสี่ยงชีวิตช่วยน้องสาวออกมา แต่นางไม่สนใจความเป็นความตายของเขาเลยจวินลั่วยวนโกรธเล็กน้อยพูดถึงคำว่าครอบครัว นางก็จะนึกถึงเรื่องที่นางไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของฮองเฮาหนานยวนคำพูดของฉู่เชียนหลีกำลังเตือนนาง ความสุขที่นางได้รับในปัจจุบัน ล้วนขโมยมาทั้งสิ้น“ข้าควรทำอย่างไร เกี่ยวอะไรกับเจ้า!”นางเถียงกลับอย่างโกรธเคือง“ที่เสด็จพี่รองของ
สิ้นเสียงตะโกน เขาถูกทหารที่โถมเข้ามาปิดล้อมทหารโถมเข้ามาอย่างดุดันราวกับคลื่นยักษ์ กลืนกินเขาเข้าไปในนั้น เขาฟันกระบี่อย่างแน่วแน่ กัดฟันแน่น ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดเขายืนหยัดจนถึงแรงเฮือกสุดท้าย…ฉู่เชียนหลีตกใจมากคิดไม่ถึงว่าองค์ชายรองหนานยวนคนนี้ ต้องเสียสละชีวิตเพื่อน้องสาวแล้วหันมามองจวินลั่วยวน“อ๊ะ!”“ช่วยด้วย!”“รีบไป พวกเรารีบไปเร็ว! ถ้ายังไม่ไป ต้องตายอยู่ที่นี่แน่!”จวินลั่วยวนกลัวจนสติแตกไปแล้ว กุมศีรษะกรีดร้องไม่หยุด ริมฝีปากซีด ยกกระโปรงขึ้นก็วิ่งออกไปข้างนอก “รีบหนีเร็ว! อ๊ะ!”“...”พี่ชายของนางถูกปิดล้อม ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย นางจะไปทั้งเช่นนี้?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว แต่นึกถึงคำพูดของจวินอี้หลิน นางทำได้เพียงไล่ตาม“อ๊ะ!”“อ๊ะ!”จวินลั่วยวนพลางวิ่ง พลางกรีดร้อง ซึ่งดึงดูดความสนใจของทหาร มีทหารส่วนหนึ่งแยกตัวออกมาไล่ตามสายตาฉู่เชียนหลีขรึมลง ก้าวไปข้างหน้า “จวินลั่วยวน! หุบปาก!”ร้องต่อไปไม่ได้แล้ว!“เจ้าอยากล่อทุกคนมาหรือ!”“อ๊ะๆ! ข้ากลัว! เลือดเต็มไปหมด! จะตาย…อ๊ะ!”“หุบปาก!”“อ๊ะ!”เพียะ!นางไม่ฟังเลย ฉู่เชียนหลีเห็นทหารที่ม
เหล่าทหารตื่นตัวขึ้นมาทันที ทุกคนพากันหันไปมอง ก็เห็นร่างเงาสีดำวิ่งผ่าน สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน“แย่แล้ว!”“มีคนลอบโจมตี!”เสียงตะโกนทำให้ทุกคนตื่นตัว และคนหกเจ็ดสิบคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็รีบวิ่งมา พบฉู่เชียนหลีและคนอื่นแล้ว“จับพวกเขา!”ชักอาวุธออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรงฉู่เชียนหลีเห็นท่าไม่ดี ทำได้เพียงถือกระบี่ต่อสู้กับพวกเขา“เผด็จศึกโดยเร็ว อย่ายืดเยื้อ เน้นช่วยคนเป็นหลัก!”ยิ่งสู้นาน ก็จะยิ่งดึงดูดคนมามากขึ้นฉวยโอกาสตอนที่การเคลื่อนไหวของที่นี่ยังไม่กระจายออกไป รีบจัดการโดยเร็ว ช่วยอ๋องเฉินออกมา และรีบถอนกำลัง นี่จึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด“เจ้าค่ะ!”หานอิ๋งชักกระบี่ พาเหล่าองครักษ์ลับพุ่งออกไป เริ่มสู้กับเหล่าทหาร“ลงมือ!”จวินอี้หลินตวาดเบาๆ เขาดึงน้องสาวมาไว้ในอ้อมแขน ใช้มือข้างหนึ่งถือกระบี่ ต่อสู้กับทหารเหล่านั้นจนโกลาหลไปหมดทันใดนั้น ประกายดาบ เงากระบี่ เสียงตะโกน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดปัง!เคร้ง!“อ่า!”“พู่!”“ฉึก!”ในการต่อสู้ที่ดุเดือด มีคนล้มลง มีคนได้รับบาดเจ็บ มีคนกระอักเลือด ชั้นวาง ท่อนไม้ กาน้ำ ของต่างๆ ล้มเกลื่อนพื้นวุ่นวายไป
หลังจากฉู่เชียนหลีรวบรวมคนในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเตรียมตัวออกเดินทาง ได้พบกับองค์ชายรองแคว้นหนานยวนหลังจากรู้จุดประสงค์การมาของเขา นางขมวดคิ้วแน่นองค์ชายรองเข้าร่วม นางย่อมยินดี แต่สายตาของนางมองไปที่จวินลั่วยวนโดยตรง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา“นาง ไปไม่ได้”นิ้วชี้ชี้ไปทางจวินลั่วยวนโดยตรง“!”จวินลั่วยวนกระทืบเท้าทันที “เพราะอะไร!”แม้แต่เสด็จพี่รองก็ตอบตกลงแล้ว นางไปได้ไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับฉู่เชียนหลี?“อ๋องเฉินถูกจับ พวกเราเป็นพันธมิตรกัน ข้าช่วยออกแรงอีกส่วนมันจะเป็นอะไร? เจ้าคิดว่าอาศัยแค่เจ้าคนเดียว สามารถช่วยอ๋องเฉินได้หรือ?”“การมีคนเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ก็เท่ากับมีกำลังเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน จิตใจเจ้าคับแคบมาก ช่วยเปิดใจหน่อยได้หรือไม่?”เมื่อหานอิ๋งได้ยินคำพูดนี้ ก็จะพุ่งเข้าไปด้วยความหงุดหงิดทันทีพระชายาของพวกเขา ถึงคราวที่คนนอกจะมาสั่งสอนตั้งแต่เมื่อไร?คนที่ท่านอ๋องยังไม่ยอมตำหนิเลย จะปล่อยให้ขยะอย่างนางมารังแกได้อย่างไร?“หานอิ๋ง”ฉู่เชียนหลีห้ามนาง มีปัญหาน้อยลงดีกว่ามีปัญหาเพิ่ม อย่าทะเลาะกัน“พระชายา…”“ช่างเถอะ”จวินอี้หลินจับมือของจวินลั่วยวนแล้วก
เนื่องจากอ๋องเฉินถูกจับ บรรยากาศในทำเนียบจึงตึงเครียดมาก ทุกคนตั้งสติ ฟังคำสั่งของพระชายา ยืนเฝ้าประจำจุดของตัวเองอย่างเข้มงวดฉู่เชียนหลีออกคำสั่งปิดข่าว ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็นนอกทำเนียบอีกด้านของถนนจวินลั่วยวนนั่งอยู่บนบันได ระหว่างเข่าที่ชนกัน มีลูกอมที่เพิ่งซื้อมาวางอยู่หลายถุงนางกัดไม้เสียบเล็กๆ ไว้ พลางเลียลูกอม ดวงตาที่สวยงามคู่นั้น มองเห็นที่ทหารที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าร้อนใจ จากประตูใหญ่ของทำเนียบที่เปิดกว้าง เหมือนกับว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นนางหรี่ตาเลียมุมปาก“หวานจัง”ซวงซวงกล่าวเสียงเบา “องค์หญิง ขนมนี่หวานเกินไป ท่านกินน้อยหน่อย ระวังฟันผุนะเจ้าคะ”“ซวงซวง ขนมนี่ไม่หวาน ความหมายของข้าคือ ข้ามีความสุข”จวินลั่วยวนลุกขึ้นยืน โยนถุงลูกอมให้ซวงซวง อมไว้ในปากหนึ่งชิ้น เดินกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขซวงซวงสงสัยมีความสุข?มีความสุขอะไร?ก็แค่กินขนม ก็มีความสุขเช่นนี้แล้ว? หรือเป็นเพราะองค์ชายรองมา องค์หญิงมีความสุขมาก?ศาลาพักม้าจวินลั่วยวนเพิ่งกลับมา เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางเหมือนรองแม่ทัพ กำลังรายง