แผนการดำเนินไปอย่างราบรื่นวันรุ่งขึ้น ตอนเย็น ทหารรักษาพระองค์ที่เฝ้าอยู่นอกตำหนักเจาหยางถอนกำลังจริงๆ ฉู่เชียนหลีอุ้มลูกไปถึงสถานที่นัดหมายกับฉู่เจียวเจียว ขึ้นรถม้าคันหนึ่งที่ออกจากวังเพื่อไปซื้อวัตถุดิบอาหารด่านตรวจประตูวังทหารรักษาพระองค์จะตรวจสอบ แต่ขันทีที่ขับรถม้ามีสิทธิพิเศษผ่านทาง จึงสามารถออกจากวังหลวงอย่างราบรื่นรถม้าแล่นไปถึงตรอกแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีรถม้าจอดอยู่หนึ่งคันรถม้าสองคันแล่นขนานกัน และตอนที่ไม่มีคนสังเกต คนบนรถม้ากระโดดจากรถม้าคันนี้ ไปยังรถม้าคันนั้นเวลานี้ รถม้าแยกทางกันที่ปลายถนนคันหนึ่งแล่นไปทางซ้าย คันหนึ่งแล่นไปทางขวาฉู่เจียวเจียวยืนอยู่บนหอคอยสูง มองดูจากระยะไกล เมื่อเห็นว่าถึงเวลาแล้ว เผยอมุมปากอย่างเย็นชาฉู่เชียนหลี เจ้ารนหาที่ตายเอง!“ลงมือ!”ทหารรักษาพระองค์เคลื่อนไหวทันที!ในเมืองหลวง ผู้คนสัญจรไปมา ใกล้จะปีใหม่แล้ว พ่อค้าขายของปีใหม่เยอะเป็นพิเศษ ถนนทั้งสายทั้งคึกคักทั้งเบียดเสียด“หยุดรถ”รถม้าจอดตรงหน้าตรอกแห่งหนึ่งที่มีคนค่อนข้างน้อย ฉู่เชียนหลีอุ้มลูกลงจากรถม้า วิ่งเข้าไปในตรอก หาร้านค้าร้านหนึ่งที่ไม่สะดุดตาป้ายหน้าประตูร้า
ตอนเห็นกระบี่แทงเข้าไปในรถม้า ลมหายใจเฟิงเจิ้งหลีชะงัก เกือบตกลงมาจากหลังม้า เขากระโดดลงพื้นอย่างโซซัดโซเซโดยไม่รอให้ม้าหยุด และพุ่งพรวดเข้าไปหา“ฉู่เจียวเจียว!”เปลวไฟลุกโชนในดวงตาของเขา ราวกับจะกลืนกินสรรพสิ่งฉู่เจียวเจียวใจสั่นเล็กน้อย แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็วขอแค่ฉู่เชียนหลีตายแล้ว ปัญหาอย่างอื่นก็ไม่ใช่ปัญหา!พลันนางหันไป กล่าวอย่างไร้เดียงสา“ฝ่าบาท พระองค์มาได้อย่างไรเพคะ? หม่อมฉันได้ยินว่าฉู่เชียนหลีพาพระนัดดาองค์โตหนีออกมาโดยพลการ จึงพาทหารรักษาพระองค์มาไล่ตาม ใครจะรู้ว่าฉู่เชียนหลียอมตายก็ไม่ยอมก้มหัว ทหารรักษาพระองค์จึงลงมือ…อ๊ะ!”เฟิงเจิ้งหลีพุ่งพรวดเข้าไปกระชากคอเสื้อของนางเหมือนกับหิ้วลูกไก่คว้าคอของนาง บีบด้วยความโกรธเมื่อชาวบ้านที่อยู่โดยรอบเห็นภาพนี้ ทุกคนตกใจมากเวลานี้เอง ทหารรักษาพระองค์อุทานกะทันหัน “รถม้าไม่มีคน!”“?”เฟิงเจิ้งหลีกับฉู่เจียวเจียวมองไปพร้อมกัน เห็นเพียงภายในรถม้าว่างเปล่า ไม่มีใครเลยฉู่เจียวเจียวเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาเป็นไปได้อย่างไร?ฉู่เชียนหลีล่ะ?เฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยล่ะ?คนล่ะ?เฟิงเจิ้งหลีตะลึงงันก่อน หลังจากนั้นก็
อธิบาย?บอกว่าแก้ตัวน่าจะเหมาะสมกว่า!เหอะ!เฟิงเจิ้งหลีคืนจื่อเยี่ยให้ฉู่เชียนหลี “ใครก็ได้ คุ้มกันแม่นางฉู่กับพระนัดดาองค์โตกลับวัง”รอสองแม่ลูกไปแล้ว เขาเดินไปที่ตรงหน้าฉู่เชียนหลี กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้าตามข้ามา”หัวใจฉู่เจียวเจียวเย็นวูบแล้ว…เวลาที่เขาเผชิญหน้ากับนาง ไร้ความปรานีและเฉยเมยตลอด เวลาที่เผชิญหน้ากับฉู่เชียนหลี ระมัดระวัง เอาใจใส่และอ่อนโยนตลอดนางนอนฝันยังอยากได้รับความรักจากเขานางทำเช่นนี้ ล้วนทำเพื่อเขา หรือนางทำผิดอะไร?ฉู่เจียวเจียวกัดริมฝีปากล่างเบาๆ ลากฝีเท้าที่หนักเล็กน้อย เดินไล่ตามหลังเฟิงเจิ้งหลี ทหารรักษาพระองค์แยกย้ายแล้ว เหลือเพียงชาวบ้านที่มามุงดู เริ่มวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา… วังหลวงเพิ่งก้าวเข้าห้องทรงพระอักษร นางก็ถูกเฟิงเจิ้งหลีบีบคอ ดันไปชิดติดกับกำแพงอย่างไร้ความปรานี สายตาดุร้ายมาก“เจ้าถึงกับกล้าคิดจะฆ่าฉู่เชียนหลีภายใต้จมูกของข้า!”ผู้หญิงที่เขาไม่ยอมแตะต้องด้วยซ้ำ นางกลับกล้าลงมือฆ่า!“ฉู่เจียวเจียว ดูเหมือนข้าตามใจเจ้ามากเกินไปแล้ว!”จึงยื่นกรงเล็บไปถึงบนกายฉู่เชียนหลี!ฉู่เจียวเจียวหลั่งน้ำตาอย่างเศร้าเสียใจ“ฝ่าบาท เพื่อผ
ตำหนักเจาหยางหลังจากกลับมาฉู่เชียนหลีนั่งหยอกล้อกับลูกอยู่ที่หน้าเปลโยก จื่อเยี่ยคลานไปคลานมา ร่าเริงอยู่ไม่นิ่งนางลูบเสื้อกันหนาวขนจิ้งจอกที่ซื้อมาใหม่ มีรอยยิ้มลึกๆ ในแววตาเวลานี้ ทางนั้นน่าจะทะเลาะกันใหญ่แล้วกระมังฉู่เจียวเจียว เรียกได้ว่าเจ้าช่วยข้าครั้งใหญ่จริงๆวันนั้น นางจงใจขอป้ายหยกมังกรของเฟิงเจิ้งหลี และให้จื่อเยี่ยเอาออกมาเล่น บอกเรื่องนี้ให้ฉู่เจียวเจียวรู้ในทางอ้อม ยั่วโมโหนางสำเร็จฉู่เจียวเจียวที่ถูกยั่วจนโมโหย่อมตัดสินใจลงมือฆ่า นางแสร้งร่วมมือ ออกจากวังอย่างราบรื่น หลังจากส่งจดหมายแล้ว ก็แสร้งทำเป็นเหมือนไม่รู้อะไร กลับมาอยู่ที่ข้างกายเฟิงเจิ้งหลีอีกครั้ง ความผิดทั้งหมดถูกโยนให้ฉู่เจียวเจียว ขณะเดียวกันนางก็ได้รับความเชื่อใจจากเฟิงเจิ้งหลีแล้วเมื่อมีความเชื่อใจส่วนนี้ เรื่องต่อจากนี้ก็ง่ายแล้ว“มา จื่อเยี่ย ลองเสื้อใหม่ตัวนี้ดูว่าใส่ได้หรือไม่”นางอุ้มลูกขึ้นมา ลองสวมให้เขาเขาโบกมือน้อยๆ ดวงตาสดใส มีชีวิตชีวา “นม นมๆ!”มุดเข้าไปในอ้อมแขนของนางขี้อ้อนฉู่เจียวเจียวถอนหายใจ“เรียกท่านพ่อ ท่านพ่อ สอนเจ้าทุกวัน เหตุใดยังพูดไม่เป็นอีก? เจ้าไม่เจอพ่อของเจ
น้ำเสียงที่เป็นกันเอง เหมือนกำลังพูดถึงเรื่องทั่วไป ที่จริงกำลังขอโทษและอธิบายต่อฉู่เชียนหลี เขาคือฮ่องเต้คำพูดของเขาก็คือพระราชโองการด้วยสถานะของเขา ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ใครฟัง แต่เขากลับก้มหัวให้ฉู่เชียนหลี…ฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอกเล็กน้อยนางจงใจทำเช่นนี้ หลอกให้ฉู่เจียวเจียวตกหลุม ตั้งแต่เริ่มจนจบล้วนเป็นแผนของนาง แต่การขอโทษของเขาอยู่เหนือความคาดหมายเหมือนว่าเขา…จริงจังกับนางแล้ว?“เจ้ายังโกรธหรือไม่?” เฟิงเจิ้งหลีที่ไม่ได้รับคำตอบ เงยหน้ามองนาง“ไม่ ไม่โกรธ”ฉู่เชียนหลีหลบสายตากะทันหัน นางไม่ถนัดเล่นกับความรู้สึก“ข้าไม่ได้เก็บเอาเรื่องนี้มาใส่ใจ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ ไม่ต้องพูดถึงอีกแล้ว” บางทีอาจเพราะร้อนตัว นางอุ้มลูกขึ้นมา เดินไปเขย่าที่ข้างหน้าต่างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเขาเดินไปหานางมีหลายอย่างอยากถาม แต่ก็กลัวเล็กน้อยเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง“วัน…วันนี้เจ้า เหตุใดไม่ไป?”เหตุใดจึงอยู่ต่อ?เพื่อเขาใช่หรือไม่?คำพูดนี้เขาไม่กล้าถาม กลัวผิดหวัง แต่ก็คาดหวังที่จะได้รับคำตอบจากนางฉู่เชียนหลีหลุบตา “ต้องมีเหตุผลด้วยหรือ?”“ข้าหวังเพียงจื่อ
วันรุ่งขึ้นลู่ฉินถูกอุ้มมาทั้งน้ำตา เฟิงเย่เสวียนเพิ่งป้อนนมให้เว่ยซีเสร็จ อวิ๋นอิงก็เข้ามาพร้อมกับนางที่กำลังร้องไห้แล้ว“ท่านอ๋อง…”อวิ๋นอิงคิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องอยู่เวลานี้ของที่ผ่านมา ท่านอ๋องไปดูแลเรื่องการทหารแล้วเมื่อพบท่านอ๋อง นางกอดลู่ฉินที่กำลังร้องไห้แน่นโดยไม่รู้ตัว จับท้ายทอยของเด็กเบา กดเข้าไปในอ้อมแขน ลดเสียงร้องไห้ของนาง สับขาก็คิดจะวิ่งทันทีเพราะเฟิงเจิ้งลู่ฉินคือลูกของเฟิงเจิ้งหลีกับฉู่เจียวเจียว หลังจากท่านอ๋องรู้ความจริง ก็ไม่เป็นที่ต้อนรับมาโดยตลอดเฟิงเย่เสวียนอุ้มลู่ฉินไว้ จู่ๆ ก็เอ่ยปาก“ในเมื่อมาแล้ว จะไปไหน?”อวิ๋นอิงชะงักเล็กน้อยนางกลัวท่านอ๋องเห็นลู่ฉิน จะนึกถึงสามีภรรยาอ๋องหลี นึกถึงพระชายากับลู่ จึงไม่มีความสุข…“ไม่ ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ…แค่ลู่ฉินเอาแต่ร้องไห้ คงจะคิดถึงพระชายาแล้ว พระชายาไม่อยู่ ข้าอยากให้นางอยู่กับเว่ยซี”“พวกนางสองพี่น้องอยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิด ลู่ฉินกับเว่ยซีอยู่ด้วยกัน จะเป็นเด็กดีกว่า…”นางพลางสังเกตสีหน้าเฟิงเย่เสวียน พลางกล่าวอย่างระมัดระวังสีหน้าเฟิงเย่เสวียนเรียบเฉย ตอนที่มองไปทางเฟิงเจิ้งลู่ฉิน สายตาสงบ ไร้อารมณ์ใดๆ
เมื่อเฟิงเย่เสวียนได้ยิน สีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที รีบกล่าว“รีบเชิญคนเข้าจวน!”คนของสำนักคุ้มกันเทียนตี้มาแล้ว ส่งจดหมายมาสองฉบับ ฉบับหนึ่งให้เฟิงเย่เสวียน อีกหนึ่งฉบับให้จิ่งอี้เฟิงเย่เสวียนเปิดจดหมายอย่างแทบรอไม่ไหวลายมือที่คุ้นเคย คำทักทายที่เรียบง่าย ในถ้อยคำอันสวยหรือซ่อนความรู้สึกมากมายเอาไว้เขากางกระดาษจดหมายอออกอย่างระมัดระวัง อ่านช้าๆ ทีละคำอย่างละเอียด อ่านซ้ำรอบแล้วรอบเล่าเต็มไปด้วยความคิดถึงมองทะลุกระดาษจดหมายแผ่นนี้ ราวกับมีท่าทางของฉู่เชียนหลีตอนเขียนจดหมายปรากฏขึ้นตรงหน้า หลุบตาจริงจัง กัดปลายพู่กันเป็นระยะ ยิ้มเป็นบางครั้ง ขมวดคิ้วเป็นบางคราว…ทุกๆ คำล้วนเปลี่ยนเป็นใบหน้าของนางอักษรสั้นๆ เพียงไม่กี่บรรทัด เขาจ้องอยู่ครึ่งชั่วยามเต็มๆไม่มีใครกล้ารบกวนสุดท้ายยังเป็นหานอิ๋งที่ส่งข่าวสำคัญเข้ามา“นายท่าน สายข่าวมารายงาน องค์หญิงแคว้นหนานยวนเดินทางมาเมืองหลวงในฐานะราชทูต อาจจะมาถึงเจียงหนานในอีกสองวัน พวกเราจะต้อนรับนางหรือไม่?”ความคิดของเฟิงเย่เสวียนจึงจะเปลี่ยนจากความคิดถึงไปเป็นเรื่องงานพับกระดาษจดหมายอย่างระมัด เก็บเข้าไปในอก ใช้ฝ่ามือกดแล้วกดอีก
“ส่งคนเข้าป่าทันที ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร ก็จำเป็นต้องหาแมลงชนิดนี้ให้เจอ นำกลับมา ข้าเลี้ยงเอง”จิ่งอี้พับกระดาษจดหมาย กล่าวอย่างเด็ดขาด ตัดสินใจแล้ว ไม่อนุญาตให้มีข้อกังขาเขาตัดสินใจแล้วเฟิ่งหรานเม้มปากแน่น“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกผิดต่ออวิ๋นอิง แต่ถ้าเจ้าเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว เกี่ยวพันไปถึงแคว้นซีอวี้กับแคว้นตงหลิง…”อยู่ต่อหน้าเรื่องของบ้านเมือง ลูกหลานคนรักก็ควรวางไว้ข้างๆจิ่งอี้หลุบตาแค่รู้สึกผิดหรือ?เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปแล้ว และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้เปลี่ยน ความรู้สึกที่เขามีต่ออวิ๋นอิงไม่เหมือนเมื่อก่อนนานแล้ว…หวงแหนวางไม่ลงรัก…เขาเม้มปาก ไม่ได้อธิบาย เฟิ่งหรานไม่เคยมีประสบการณ์ ไม่เข้าใจอะไรคือความรัก รอวันที่เขาเจอคนที่ชอบจริงๆ ก็จะเข้าใจในสิ่งที่เขาทำในวันนี้เองกล่าวอย่างเรียบเฉย“เวลาไม่คอยท่า ส่งคนเข้าป่าเถอะ”“ข้าไม่…ช่างเถอะ ข้าไม่สนใจเจ้าแล้ว! ตามใจเจ้าเลย!”ผ่านปีใหม่ ก็ฤดูใบไม้ผลิแล้วเฟิงเย่เสวียนยุ่งจนแทบไม่ได้หยุดพัก ตำแหน่งของเมืองเทียนสู่ตั้งอยู่ตรงจุดสำคัญที่เป็นเส้นบรรจบของเจียงหนานเจียงเป่ย และยังใกล้
พวกเขาตั้งใจมาช่วยคน หานเฟิง หานอิ๋ง มีความจงรักภักดีต่ออ๋องเฉิน พวกเขาไม่มีทางถอนตัว โดยไม่สนใจเฟิงเย่เสวียนนอกเสียจาก…เฟิงเย่เสวียนไปแล้ว!ฉู่เชียนหลีวิ่งไปถึงกระโจมหลัก ไม่มีใครอีกแล้ว นี่จึงจะรู้ตัวว่าถูกหลอกแล้ว ตอนที่จะถอนตัว ก็ถูกทหารกลุ่มหนึ่งล้อมแล้ว“นางแพศยา! ที่แท้เจ้าเป็นคนวางเพลิง!”“จับนาง!”เหล่าทหารชักอาวุธ พุ่งเข้าไปเหมือนฝูงผึ้งสีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึม รีบสร้างกระบี่น้ำแข็งขึ้นหนึ่งเล่ม นางถือกระบี่น้ำแข็งแน่น พุ่งออกไปปะทะกับคนเหล่านี้การต่อสู้อันดุเดือดปะทุขึ้นทันทีขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง จวินอี้หลินตามหาคอกม้าจนเจอ ขณะที่ขึ้นขี่บนหลังม้า กำลังจะพาน้องสาวจากไป เห็นเหล่าทหารกรูกันไปทางทิศทางหนึ่ง การเคลื่อนไหวชะงักเล็กน้อยเหมือนฉู่เชียนหลีถูกจับได้แล้ว?ทิ้งนางไว้ทั้งเช่นนี้ เหมือนจะไม่ค่อยดีกระมัง?เขากำสายบังเหียน อยากพุ่งกลับไปช่วยคนจวินลั่วยวนสัมผัสได้ถึงเจตนาของเขา กลอกตาไปมาหนึ่งรอบ รีบกอดแขนของเขา กล่าวทั้งน้ำตา“เสด็จพี่รอง ดีจริงๆ ที่ท่านไม่เป็นอะไร! ท่านไม่รู้หรอกว่าข้าเป็นห่วงท่านแค่ไหน ข้าคิดว่าจะไม่ได้เจอตัวท่านเป็นๆ แล้วเสียอี
“คนเยอะมาก!”จวินลั่วยวนซ่อนตัวในที่ลับตา มองออกไปข้างนอกอย่างระมัดระวัง “เสด็จพี่รองของข้าเลือดไหลเยอะมาก เหมือนจะไม่ไหวแล้ว!”“พวกเขาทรมานเสด็จพี่รองของข้าเช่นนี้ ไม่รู้ว่าปฏิบัติต่ออ๋องเฉินอย่างไร ได้ยินมาว่าฮ่องเต้หลีเกลียดอ๋องเฉินมาก ต้องทรมานเขาจนตายทั้งเป็นเลยกระมัง?”น้ำเสียงของนางวิตกกังวล แต่คำพูดเหล่านี้กลับจงใจพูดให้ฉู่เชียนหลีฟังฉู่เชียนหลีถูกบีบจนร้อนใจแล้วจริงๆไม่เห็นเฟิงเย่เสวียน ไม่สามารถยืนยันความปลอดภัยของเขา นางก็วางใจไม่ลงสักทีจวินลั่วยวนกล่าว“แต่ว่าทรมานก็ส่วนทรมาน น่าจะไม่ฆ่าเขา ฉู่เชียนหลี พวกเรารออยู่ที่ข้างนอก ไม่เกินห้าช่วยยาม กำลังเสริมต้องมาแน่นอน”“...”ห้าชั่วยามรอกองทัพเดินทางจากเจียงหนานมาถึงที่นี่ อ๋องเฉินคงตายไปแล้วนางรอไม่ได้แล้วสายตาฉู่เชียนหลีเคร่งขรึม คอยสำรวจภูมิประเทศของค่ายทหาร พลางครุ่นคิดอย่างรวดเร็วหลังจากวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียอย่างรวดเร็ว จู่ๆ ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่”“เจ้าจะไปทำอะไร? นี่…ฉู่เชียนหลี?”จวินลั่งยวนปิดปาก ไม่กล้าพูดเสียงดัง เห็นเพียงฉู่เชียนหลีย่องเข้าไปเจ็ดแปดเมตรอย่างไร้เสียง
“อืม…”จวินลั่วยวนยังไม่ทันลงมือ ฉู่เชียนหลีก็ฟื้นแล้ว นางตกใจจนก้อนหินหลุดจากมือ ตกลงไปที่ข้างๆนางร้อนตัว รีบหันไปล้มลงข้างๆ แสร้งหมดสติหนึ่งนาทีสองนาที…ฉู่เชียนหลียังไม่ฟื้น สิ่งที่ได้จากการรอคอย กลับเป็นผู้ติดตามคนหนึ่งที่ร่างกายเปื้อนเลือด“องค์หญิง องค์หญิง…ท่านอยู่นี่ได้อย่างไร…แค่กๆๆ…”อาการของผู้ติดตามสาหัสมาก เดินเข้ามาอย่างล้มลุกคลุกคลาน และหายใจลำบากจวินลั่วยวนรู้จักเขา เขาคือผู้ติดตามของเสด็จพี่รอง นางรีบเดินเข้าไปถาม“ช่วยอ๋องเฉินออกมาได้หรือไม่?”ผู้ติดตามชะงักเล็กน้อยองค์หญิงไม่ควรจะเป็นห่วงองค์ชายรองก่อนหรือ?แต่ในฐานะคนรับใช้ มีคำพูดมากมายไม่กล้าพูด เขากล่าวตอบ “อ๋องเฉินได้รับการช่วยเหลือแล้ว แต่องค์ชายรองถูกจับ ข้ากำลังจะกลับไปแจ้งข่าว และพาคนมาช่วย คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอท่านที่นี่”“ท่านกับพระชายาอ๋องเฉินข้ามแม่น้ำอูหลานแล้วไม่ใช่หรือ?”จวินลั่วยวนโล่งอกอ๋องเฉินปลอดภัยก็ดีแล้วพูดถึงเรื่องข้ามแม่น้ำ นางก็นึกถึงประสบการณ์ที่อันตรายเมื่อคืน อีกนิดเดียวนางก็จะตกเป็นของเล่นของทหารแล้ว อีกนิดเดียวก็จะตายแล้วนึกถึงภาพเมื่อคืน ทหารสิบกว่าคนทารุณกรรมผู้
ปัง!ทั้งสองกลิ้งไปไกลถึงห้าหกสิบเมตร จึงจะกลิ้งถึงตีนเขา คนหนึ่งชนเข้ากับต้นไม้ อีกคนชนเข้ากับก้อนหิน เปิดเสียงดัง ‘ปัง’ ทั้งสองล้วนหมดสติอย่างไม่สามารถควบคุมกลางคืนเงียบสงบเวลาค่อยๆ ผ่านไปเงียบๆ…ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ยามราตรีที่เงียบสงัด จึงจะมีเสียง“อืม…”ปลายนิ้วของจวินลั่วยวนกระดิกสองที หลังจากนั้นสองสามนาที จึงจะยกเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างยากลำบาก ความเจ็บปวดที่แผ่ไปทั่วร่าง ทำให้หายใจถี่ขณะเดียวกันก็นึกขึ้นได้พวกนางถูกทหารพบเห็น ระหว่างที่วิ่งหนี ไม่ระวังกลิ้งตกลงมาจากเนิน“ซี้ด!”เอว แขน ใบหน้า คอ ขาของนาง…ถูกหนามข่วนจนเป็นรอย ถูกกิ่งไม้แทง ถูกหินกระแทก ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล แทบจะไม่มีที่ใดที่สมบูรณ์เจ็บจัง!แต่โชคดีมากที่ไม่ถูกทหารจับนางพักหายใจครู่หนึ่ง ลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ประคองศีรษะที่หนักอึ้ง มองเห็นฉู่เชียนหลีที่ล้มห่างออกไปสามสี่เมตรเมื่อเทียบกันแล้ว อาการของฉู่เชียนหลีค่อนข้างสาหัสศีรษะของนางกระแทกกับก้อนหินจนเป็นแผล ใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางเปื้อนไปด้วยเลือด นางซีดราวกับกระดาษ เป็นตายไม่รู้แววตาของนางเผยให้เห็นความดีใจรีบเดิน
สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนเล็กน้อยเสด็จพี่รองจะช่วยนางเอง นางไม่ได้ขอให้เสด็จพี่รองทำเช่นนี้สักหน่อยเสด็จพี่รองยินดีทำเช่นนี้เอง เหตุใดกลายเป็นความผิดของนางแล้ว?อีกอย่างนะ เขาเป็นพี่ชาย นางเป็นน้องสาว พี่ชายปกป้องน้องสาว มันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วไม่ใช่หรือ?“จวินลั่วยวน เจ้ารู้หรือไม่ เจ้ามันไม่รู้จักพอ เจ้าเป็นแค่คนที่รู้จักเอาผลประโยชน์จากคนอื่น แต่ไม่เคยเสียสละ ไม่เคยตอบแทน เมื่อนานวันเข้า ก็กลายเป็นนิสัยเห็นแก่ตัว”“คิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง”“เอาแต่ได้อย่างเดียว”“ดูผิวเผินเหมือนเจ้าอยู่ในครอบครัวที่มีความสุข แต่ในความเป็นจริง ก็ไม่รู้เลยว่าอะไรคือความรักและความอบอุ่นในครอบครัว กลับกัน ข้ายังรู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่าแทนองค์ชายรอง”เขายอมเสี่ยงชีวิตช่วยน้องสาวออกมา แต่นางไม่สนใจความเป็นความตายของเขาเลยจวินลั่วยวนโกรธเล็กน้อยพูดถึงคำว่าครอบครัว นางก็จะนึกถึงเรื่องที่นางไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของฮองเฮาหนานยวนคำพูดของฉู่เชียนหลีกำลังเตือนนาง ความสุขที่นางได้รับในปัจจุบัน ล้วนขโมยมาทั้งสิ้น“ข้าควรทำอย่างไร เกี่ยวอะไรกับเจ้า!”นางเถียงกลับอย่างโกรธเคือง“ที่เสด็จพี่รองของ
สิ้นเสียงตะโกน เขาถูกทหารที่โถมเข้ามาปิดล้อมทหารโถมเข้ามาอย่างดุดันราวกับคลื่นยักษ์ กลืนกินเขาเข้าไปในนั้น เขาฟันกระบี่อย่างแน่วแน่ กัดฟันแน่น ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดเขายืนหยัดจนถึงแรงเฮือกสุดท้าย…ฉู่เชียนหลีตกใจมากคิดไม่ถึงว่าองค์ชายรองหนานยวนคนนี้ ต้องเสียสละชีวิตเพื่อน้องสาวแล้วหันมามองจวินลั่วยวน“อ๊ะ!”“ช่วยด้วย!”“รีบไป พวกเรารีบไปเร็ว! ถ้ายังไม่ไป ต้องตายอยู่ที่นี่แน่!”จวินลั่วยวนกลัวจนสติแตกไปแล้ว กุมศีรษะกรีดร้องไม่หยุด ริมฝีปากซีด ยกกระโปรงขึ้นก็วิ่งออกไปข้างนอก “รีบหนีเร็ว! อ๊ะ!”“...”พี่ชายของนางถูกปิดล้อม ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย นางจะไปทั้งเช่นนี้?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว แต่นึกถึงคำพูดของจวินอี้หลิน นางทำได้เพียงไล่ตาม“อ๊ะ!”“อ๊ะ!”จวินลั่วยวนพลางวิ่ง พลางกรีดร้อง ซึ่งดึงดูดความสนใจของทหาร มีทหารส่วนหนึ่งแยกตัวออกมาไล่ตามสายตาฉู่เชียนหลีขรึมลง ก้าวไปข้างหน้า “จวินลั่วยวน! หุบปาก!”ร้องต่อไปไม่ได้แล้ว!“เจ้าอยากล่อทุกคนมาหรือ!”“อ๊ะๆ! ข้ากลัว! เลือดเต็มไปหมด! จะตาย…อ๊ะ!”“หุบปาก!”“อ๊ะ!”เพียะ!นางไม่ฟังเลย ฉู่เชียนหลีเห็นทหารที่ม
เหล่าทหารตื่นตัวขึ้นมาทันที ทุกคนพากันหันไปมอง ก็เห็นร่างเงาสีดำวิ่งผ่าน สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน“แย่แล้ว!”“มีคนลอบโจมตี!”เสียงตะโกนทำให้ทุกคนตื่นตัว และคนหกเจ็ดสิบคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็รีบวิ่งมา พบฉู่เชียนหลีและคนอื่นแล้ว“จับพวกเขา!”ชักอาวุธออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรงฉู่เชียนหลีเห็นท่าไม่ดี ทำได้เพียงถือกระบี่ต่อสู้กับพวกเขา“เผด็จศึกโดยเร็ว อย่ายืดเยื้อ เน้นช่วยคนเป็นหลัก!”ยิ่งสู้นาน ก็จะยิ่งดึงดูดคนมามากขึ้นฉวยโอกาสตอนที่การเคลื่อนไหวของที่นี่ยังไม่กระจายออกไป รีบจัดการโดยเร็ว ช่วยอ๋องเฉินออกมา และรีบถอนกำลัง นี่จึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด“เจ้าค่ะ!”หานอิ๋งชักกระบี่ พาเหล่าองครักษ์ลับพุ่งออกไป เริ่มสู้กับเหล่าทหาร“ลงมือ!”จวินอี้หลินตวาดเบาๆ เขาดึงน้องสาวมาไว้ในอ้อมแขน ใช้มือข้างหนึ่งถือกระบี่ ต่อสู้กับทหารเหล่านั้นจนโกลาหลไปหมดทันใดนั้น ประกายดาบ เงากระบี่ เสียงตะโกน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดปัง!เคร้ง!“อ่า!”“พู่!”“ฉึก!”ในการต่อสู้ที่ดุเดือด มีคนล้มลง มีคนได้รับบาดเจ็บ มีคนกระอักเลือด ชั้นวาง ท่อนไม้ กาน้ำ ของต่างๆ ล้มเกลื่อนพื้นวุ่นวายไป
หลังจากฉู่เชียนหลีรวบรวมคนในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเตรียมตัวออกเดินทาง ได้พบกับองค์ชายรองแคว้นหนานยวนหลังจากรู้จุดประสงค์การมาของเขา นางขมวดคิ้วแน่นองค์ชายรองเข้าร่วม นางย่อมยินดี แต่สายตาของนางมองไปที่จวินลั่วยวนโดยตรง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา“นาง ไปไม่ได้”นิ้วชี้ชี้ไปทางจวินลั่วยวนโดยตรง“!”จวินลั่วยวนกระทืบเท้าทันที “เพราะอะไร!”แม้แต่เสด็จพี่รองก็ตอบตกลงแล้ว นางไปได้ไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับฉู่เชียนหลี?“อ๋องเฉินถูกจับ พวกเราเป็นพันธมิตรกัน ข้าช่วยออกแรงอีกส่วนมันจะเป็นอะไร? เจ้าคิดว่าอาศัยแค่เจ้าคนเดียว สามารถช่วยอ๋องเฉินได้หรือ?”“การมีคนเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ก็เท่ากับมีกำลังเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน จิตใจเจ้าคับแคบมาก ช่วยเปิดใจหน่อยได้หรือไม่?”เมื่อหานอิ๋งได้ยินคำพูดนี้ ก็จะพุ่งเข้าไปด้วยความหงุดหงิดทันทีพระชายาของพวกเขา ถึงคราวที่คนนอกจะมาสั่งสอนตั้งแต่เมื่อไร?คนที่ท่านอ๋องยังไม่ยอมตำหนิเลย จะปล่อยให้ขยะอย่างนางมารังแกได้อย่างไร?“หานอิ๋ง”ฉู่เชียนหลีห้ามนาง มีปัญหาน้อยลงดีกว่ามีปัญหาเพิ่ม อย่าทะเลาะกัน“พระชายา…”“ช่างเถอะ”จวินอี้หลินจับมือของจวินลั่วยวนแล้วก
เนื่องจากอ๋องเฉินถูกจับ บรรยากาศในทำเนียบจึงตึงเครียดมาก ทุกคนตั้งสติ ฟังคำสั่งของพระชายา ยืนเฝ้าประจำจุดของตัวเองอย่างเข้มงวดฉู่เชียนหลีออกคำสั่งปิดข่าว ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็นนอกทำเนียบอีกด้านของถนนจวินลั่วยวนนั่งอยู่บนบันได ระหว่างเข่าที่ชนกัน มีลูกอมที่เพิ่งซื้อมาวางอยู่หลายถุงนางกัดไม้เสียบเล็กๆ ไว้ พลางเลียลูกอม ดวงตาที่สวยงามคู่นั้น มองเห็นที่ทหารที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าร้อนใจ จากประตูใหญ่ของทำเนียบที่เปิดกว้าง เหมือนกับว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นนางหรี่ตาเลียมุมปาก“หวานจัง”ซวงซวงกล่าวเสียงเบา “องค์หญิง ขนมนี่หวานเกินไป ท่านกินน้อยหน่อย ระวังฟันผุนะเจ้าคะ”“ซวงซวง ขนมนี่ไม่หวาน ความหมายของข้าคือ ข้ามีความสุข”จวินลั่วยวนลุกขึ้นยืน โยนถุงลูกอมให้ซวงซวง อมไว้ในปากหนึ่งชิ้น เดินกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขซวงซวงสงสัยมีความสุข?มีความสุขอะไร?ก็แค่กินขนม ก็มีความสุขเช่นนี้แล้ว? หรือเป็นเพราะองค์ชายรองมา องค์หญิงมีความสุขมาก?ศาลาพักม้าจวินลั่วยวนเพิ่งกลับมา เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางเหมือนรองแม่ทัพ กำลังรายง