“เจ้า!”ยานั้น…มีปัญหา!ทุกครั้งที่ฮ่องเต้กิน ล้วนให้คนของสำนักหมอหลวงตรวจ แน่ใจว่าปลอดภัยก่อนจึงจะกิน แต่คิดไม่ถึงว่าก็ยังเปิดช่องโหว่ให้อ๋องหลีเขาดูถูกลูกชายคนนี้เกินไปแล้ว!ดูอ่อนโยน สุภาพเรียบร้อย ไม่มีพิษภัย แต่ในความเป็นจริง เวลาลงมือเขาจึงจะเป็นคนที่ฆ่าคนไม่เห็นเลือด และโหดเหี้ยมที่สุดคนนั้น!บนใบหน้าฮ่องเต้เต็มไปด้วยความโกรธ พุ่งเข้าไปก็เหวี่ยงฝ่ามือออกไป“เจ้าลูกทรพี!”เพียะ!เสียงดังชัดเจนฝ่ามือนี้ตบจนศีรษะเฟิงเจิ้งหลีเอียงไปด้านข้าง มุมปากแตกมีเลือดไหล มีรอยนิ้วมือห้านิ้วปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างชัดเจนทันที ทั้งแดงทั้งลึกอูหนูขมวดคิ้ว “ท่านอ๋อง…”เขายกมือห้ามนางยกริมฝีปากเบาๆ เลียเลือดที่มุมปาก ปลายนิ้วเช็ดหยดเลือด “เหอะ”หน้าอกกระตุก จู่ๆ เขาก็หัวเราะอย่างน่าประหลาด“เหอะๆ”ลูกทรพี?ที่เขาสามารถเดินมาถึงขั้นนี้ ล้วนถูกบีบบังคับไม่ใช่หรอกหรือ?ถ้าหากฮ่องเต้ยุติธรรมตั้งแต่เด็ก แล้วเหตุใดเขาต้องออกนอกลู่นอกทาง?“ตบเลย ตบเลย” เขายิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “รอข้าจับอ๋องเฉินกลับมา ข้าจะให้พระองค์ฆ่าเขาด้วยมือตัวเอง ถึงเวลานั้น ดูสิว่าข้าเหี้ยมโหดกว่า หรือพระองค์อำมหิต
พระราชโองการฉบับนี้ พูดอะไรฮ่องเต้ก็ไม่มีทางเขียนต่อให้เขาตาย ก็ไม่มีทางปล่อยให้เฟิงเจิ้งหลีทำสำเร็จ!ฮ่องเต้กำหมัด พลันสายตาเหี้ยมเกรียม ทันใดนั้นกระโจนออกไปข้างหน้า ใช้คอไปชนกระบี่เขาจะฆ่าตัวตาย!พลันเฟิงเจิ้งหลีขมวดคิ้ว พลิกมือเก็บกระบี่อย่างมือว่องตาไว ด้ามกระบี่กระทบหน้าอกฮ่องเต้อย่างแรง กระแทกจนเขาถอยหลังหลายก้าว ล้มนั่งลงบนเก้าอี้ สีหน้าซีดและไอไม่หยุด“อยากตาย?”เขายิ้มอย่างเย็นชา“ไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก!”ฮ่องเต้ยังมีประโยชน์สำหรับเขา ก่อนที่เขาจะกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ เขายังตายไม่ได้อูหนูลงมือ สกัดจุดชีพจรของฮ่องเต้ร่างกายฮ่องเต้แข็งฉับพลัน นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ในท่าเดิม ขยับไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงจ้องเฟิงเจิ้งหลีด้วยความโกรธเฟิงเจิ้งหลีเดินไปที่หน้าโต๊ะ สะบัดเสื้อเพ้า ทิ้งตัวนั่งลงไปอย่างสง่าผ่าเผย“ในเมื่อเสด็จพ่อไม่ยอมเขียนหนังสือสืบราชสมบัติ เช่นนั้นกระหม่อมเขียนเองก็ได้”“อูหนู ฝนหมึก”“เจ้าค่ะ”เขาจับพู่กัน หลังจากจุ่มน้ำหมึกก็ครุ่นคิด “พระราชโองการนี่ควรเขียนอย่างไรดีนะ? องค์ชายห้าอ๋องหลีฉลาดปราดเปรื่อง อ่อนโยนมีเมตตา เป็นบุคคลมีความสามารถแก่การปกครองแคว้น
“!”หลังของเต๋อฝูแข็งทื่อ เสียวสันหลังวาบ ตกใจจนขวัญแทบกระเจิงแล้ว คำพูดไม่ปะติดปะต่อ“บ่าว บ่าว…ต่อให้บ่าวมีสิบสองชีวิต บ่าวก็ไม่กล้าโกหกท่านขอรับ! ในวังแห่งนี้ก็คือใต้ฟ้าของท่าน ถ้าหากบ่าวพูดปด ท่านแค่สั่งคนตรวจสอบก็รู้แล้ว บ่าวยังจะโกหกท่าน ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ…”เขารีบโขกศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่า“อ๋องหลี ท่านโปรดปฏิบัติดีต่อฝ่าบาท บ่าวยินดีเชื่อฟังและจงรักภักดีต่อท่าน!”เขาอ้อนวอนอย่างถ่อมตนและจริงใจเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเขา สายตาเฉียบคมเหมือนนกอินทรี ราวกับกำลังพิจารณาคำพูดของเขาจริงหรือเท็จเต๋อฝูเป็นคนเก่าคนแก่ที่รับใช้ฮ่องเต้มานานสี่สิบกว่าปี และเป็นคนที่เข้าใจฮ่องเต้ที่สุด คำพูดของเขาไม่มีเท็จ นอกเสียจากเขาไม่ต้องการชีวิตสุนัขนี้แล้วช่างเถอะ!คนคนนี้มีความคุ้นเคยกับเรื่องการส่งมอบอำนาจ ผลประโยชน์ และการจัดสรรขุนนางต่างๆ เก็บไว้ยังมีประโยชน์“ไสหัวออกไป”“ขอรับ ขอรับ ขอบคุณอ๋องหลี ขอบคุณ…” เต๋อฝูตกใจจนหน้าซีด ขาสองข้างสั่นระริก วิ่งล้มลุกคลุกคลานออกไปแล้ว“ท่านอ๋อง พระนัดดาองค์โตร้องไห้ กล่อมอย่างไรก็ไม่หยุดร้องเจ้าค่ะ!”นางกำนัลคนอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย วิ่
เฟิงเจิ้งหลีวางเด็กไว้ในอ้อมแขนของอูหนู ตอนที่หมุนกาย ความอ่อนโยนบนใบหน้าหายไป เหลือเพียงความเย็นเยือก ก้าวเท้าเดินจากไปแล้วข้าไม่พยักหน้า เฟิงเย่เสวียน เจ้าอยากพาฉู่เชียนหลีหนี?ฝันไปเถอะ!“เออ!”ฮ่องเต้พยายามส่ายร่างกาย สายตาก็มองไปทางเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนอูหนูอย่างสุดชีวิตนั่นเป็นเลือดเนื้อของอ๋องเฉิน!เขาไม่รู้ และยังทำร้ายอ๋องเฉิน ตอนนี้อ๋องหลีเรืองอำนาจ และมีเด็กคนนี้อยู่ในมือ อ๋องหลีได้เปรียบทุกทางเหตุใดเฟิงเจิ้งหลีจึงเหี้ยมโหดเช่นนี้!หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนที่เขาเพิ่งเกิด ก็สมควรประทานความตาย เหมือนกับแม่ที่เป็นนางกำนัลของเขา!เขาใจดีเกินไปแล้ว!อย่างไรเขาก็คิดไม่ถึง ตลอดทางที่ตนเองเดินมา เคยพบเห็นสิ่งต่างๆ พายุคลื่นลมอะไรที่ไม่เคยเห็นบ้าง? สุดท้ายกลับมาพลาดท่าให้กับลูกชายที่ไม่สะดุดตาที่สุด!อ๊ะ!ความโกลาหลตรงหน้า ตัวตนที่แท้จริงของพระนัดดาองค์โต ความปลอดภัยของอ๋องเฉินไม่ทราบแน่ชัด เขากลับทำได้เพียงนั่งอยู่ตรงนี้ ทำอะไรไม่ได้เลย การโจมตีทุกรูปแบบถาโถมเข้ามาพร้อมกัน ประกอบกับไฟแห่งความโกรธอัดอั้นอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ลมหายใจไม่สามารถสงบ กลายเป็นกล
“อ๋องเฉิน พระชายาอ๋องเฉิน ฝ่าบาทมีคำสั่งจากบริเวณจวนอ๋อง นี่พวกท่านจะไปไหนหรือ?”บนถนน ทหารรักษาพระองค์แหวกออกเป็นสองฝั่ง เปิดเป็นทางกว้างสายหนึ่ง ตรงปลายถนน อ๋องหลีในชุดเพ้าสีขาว เดินเข้ามาอย่างช้าๆ ด้วยท่วงท่าที่สง่างามเขาหรี่ตา มุมปากอมยิ้ม ในมือถือธนูหนึ่งคัน เดินเข้ามาอย่างสบายๆ รอยยิ้มอบอุ่นเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว เดินมาถึงขั้นนี้ ก็ไม่พูดมากแล้ว กำกระบี่เปื้อนเลือดในมือแน่น พร้อมลงมือทุกเมื่อ“นายท่าน พระชายา พวกท่านรีบขึ้นกำแพงเมือง นอกกำแพงมีคนรอรับ พวกเราจะถ่วงเวลาไว้เอง!”หานเฟิง หานอิ๋ง และองครักษ์ลับสิบกว่าคนยืนเป็นครึ่งวงกลม ป้องทั้งสองไว้ข้างหลัง ปลายกระบี่ชี้ไปทางทหารรักษาพระองค์ที่อยู่โดยรอบนี่คือการประมือที่มีผลแพ้ชนะแตกต่างกันมากพวกเขามีเพียงสิบกว่าคน แต่ทหารรักษาพระองค์ล้อมข้างในสามชั้น ข้างนอกสามชั้น มีเป็นพันคน และบนกำแพงเมืองก็มีทหารถือธนู เล็งตรงมาที่พวกเขา เมื่อไรที่ลงมือ ฝนธนูก็ถูกยิงลงมาเหมือนกำลังยิงเป้าที่มีชีวิตโอกาสที่จะออกจากเมืองมีน้อยมากฉู่เชียนหลีกล่าว “จะไปก็ไปด้วยกัน จะอยู่ก็อยู่ทั้งหมด”ลูกทั้งสองออกจากเมืองแล้ว
มาถึงตอนนี้ ในที่สุดการต่อสู้อันดุเดือดของค่ำคืนนี้ก็สิ้นสุดลง คนทั้งกลุ่มถูกคุมตัวไปขังที่คุกหลวง สนามรบก็ถูกเก็บกวาดอย่างรวดเร็ว กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในอากาศของเมืองหลวงเป็นเวลานานค่ำคืนนี้ ยาวนานเป็นพิเศษ…วังหลวง“ในที่สุดข้าก็ได้เจ้ามาครอบครองแล้ว!”เฟิงเจิ้งหลีผลักฉู่เชียนหลีจนเสียหลักเซไปข้างหลัง แผ่นหลังชนใส่ประตูของห้องทรงพระอักษรจนเปิด ถอยหลังติดต่อกันเจ็ดแปดก้าว จึงจะสามารถยืนได้อย่างมั่นคงมือทั้งสองข้างถูกพันธนาการไพล่หลัง ขยับไม่ได้“ฉู่เชียนหลี!”เขาเดินตรงเข้ามาหานาง จับไหล่ของนาง เดินเข้าใกล้นางทีละก้าวถอยถอยจนกระทั่งนางล้มนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่สามารถถอยได้อีกแล้ว ร่างกายที่สูงยาวของเขาโน้มลงไป จับคางที่ผอมบาง ออกแรงยกขึ้นมา“ข้าเคยพูดไว้ ข้าไม่มีทางแพ้”ผู้ชนะคนสุดท้ายต้องเป็นเขาเท่านั้น“ข้าเคยพูดไว้ จะแก้แค้นให้แม่บุญธรรม จะแก้ชื่อเสียงของแม่ข้าให้ถูกต้อง จะเอาคืนเฟิงเย่เสวียน จะได้เจ้ามาครอบครอง ข้าทำได้แล้ว”“ข้าทำได้แล้ว!”คำพูดถูกเค้นออกมาจากไรฟัน แต่ละคำชัดเจนมากเขาต้องการระบายความเกลียดชังในใจ ประกาศความสุขในเวลานี้ ยิ่งนึกย้อนถึงอุปสรรค
“เฟิงเจิ้งหลี เจ้าบ้าไปแล้ว! ข้าเป็นคนของอ๋องเฉิน เจ้าทำเช่นนี้ไม่กลัวผู้คนรังเกียจหรือ?”เขาแหงนหน้าหัวเราะ เหมือนบ้าแต่ก็ไม่บ้า ในดวงตาแจ่มชัดเป็นพิเศษ“ข้ากล้ากระทั่งวางแผนชิงราชบัลลังก์ แล้วเหตุใดต้องกลัวคำนินทาเหล่านี้ด้วย?”เรื่องที่เขาทำ เป็นไปตามแผนตลอด ไม่เลือกวิธีการ ต้องทำให้ได้ฉู่เชียนหลีเม้มปากแน่น คิ้วทั้งสองข้างขมวดจนเหมือนปม “เจ้าโน้มน้าวให้ฝ่าบาทเข้าข้างเจ้าได้อย่างไร?”เขาให้ความสำคัญอ๋องเฉินมากเช่นนั้น ไม่มีทางเข้าข้างอ๋องหลี“เจ้าใช้วิธีสกปรกอะไร?”“อย่าใช้คำว่าวิธีสกปรกที่หยาบคายเช่นนี้ ข้าแค่มอบสิ่งที่เขาต้องการเล็กน้อยก็เท่านั้น บางทีเจ้าอาจยังไม่รู้ ตอนนั้น ฝ่าบาทให้พวกเจ้าตามหาดอกไม้แห่งความตาย จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา อยากเป็นอมตะกระมัง?”เป็นอมตะ!สมัยโบราณ เพื่อสามารถกุมอำนาจทั้งชีวิต จักรพรรดิหลายคนก็ค้นหาพวกสูตรยาพื้นบ้าน ปรุงยาอะไรจริงๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายของการเป็นอมตะคิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทก็…ตอนนั้น ฝ่าบาทให้นางหาวิธีกินดอกไม้แห่งความตาย นางยังไร้เดียงสาคิดว่ารักษาโรคให้ฮองเฮา“เจ้ารู้เรื่องดอกไม้แห่งความตายได้อย่างไร? ตอนนั้น พวกเราไปตามหาด
พลันสายตาเฟิงเจิ้งหลีเย็นลง “เขาเฟิงเย่เสวียนมีอะไรดี? สิ่งที่เขาสามารถให้เจ้า ข้าก็สามารถให้เจ้า หรือแม้กระทั่งดีกว่าเขา!”แม้แต่แผ่นดินเขาไม่เข้าใจ เขามอบตัวเองและแผ่นดินให้นางหมดแล้ว นางยังมีอะไรไม่พอใจอีก?ฉู่เชียนหลีหัวเราะเบาๆ“เฟิงเจิ้งหลี เจ้าไม่เข้าใจอะไรคือความรัก”ความรักไม่ใช่สิ่งที่วัตถุสามารถวัดได้ค่า อธิบายด้วยประโยคง่ายๆ ก็คือไม่ว่าเขาจะแย่เพียงใด ขอแค่ข้ารัก เขาก็คือสิ่งที่ดีที่สุดไม่ว่าเขาจะสมบูรณ์แบบเพียงใด ขอแค่ข้าไม่รัก เขาก็มีหรือไม่มีก็ได้ ไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึงมันง่ายเช่นนี้แหละ“ข้าไม่เข้าใจ?” เขาขมวดคิ้ว “ข้ามอบสิ่งที่ตัวเองใส่ใจให้เจ้า และถึงขั้นเห็นเจ้าเป็นจุดศูนย์กลาง ข้าดีกับเจ้าเช่นนี้ เจ้ายังบอกว่าข้าไม่เข้าใจอะไรคือความรัก?”ฉู่เชียนหลีเงียบ แค่มองเขาด้วยรอยยิ้มที่เรียบเฉย“ฉู่เชียนหลี เจ้าโลภมากเกินไปแล้ว ถ้าหากข้าปล่อยเจ้าตอนนี้ เจ้ายังอยากเอาชีวิตข้าใช่หรือไม่?”ฉู่เชียนหลียิ้ม“เจ้าสามารถเอาชีวิตข้าไปได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ รอหลังจากข้าจัดการเฟิงเย่เสวียน เจ้าอยากทำอะไรข้า ข้ายินดีทุกเมื่อ!”เขาชื่นชมตัวเองที่ตามใจนางมาก สิทธิพิเศษเช่นน
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋
ตอนที่ตื่น ก็เป็นเที่ยงของวันใหม่แล้ว เฟิงเย่เสวียนรู้จักเตียงนานแล้ว หลังจากฉู่เชียนหลีกินอะไรง่ายๆ ก็ไปที่สำนักหมอหลวง หมกมุ่นอยู่กับตำราแพทย์พริบตาเดียวก็กลางคืนแล้วนางกำนัลมารายงาน ฮ่องเต้ฟื้นแล้ว ฉู่เชียนหลีไปตำหนักผานหลง ฮ่องเต้นอนตัวเกร็งอยู่บนเตียง นิ้วมือหยิกงอ ร่างกายครึ่งหนึ่งแข็งเหมือนท่อนไม้ ปากก็เบี้ยวจนมีน้ำลายไหลยืดเขาเบิกตากว้างจนลูกตาแทบทะลักออกมาแล้ว นางกำนัลที่ปรนนิบัติกลัวเล็กน้อย ไม่กล้าเข้าไปปรนนิบัติฉู่เชียนหลีเดินเข้ามา“ฝ่าบาททรงฟื้นเมื่อไร”“เมื่อหนึ่งเค่อก่อนเจ้าค่ะ” นางกำนัลตอบ“ดื่มโอสถหรือยัง?”“หนึ่งวันสามมื้อ ป้อนตรงเวลาเจ้าค่ะ”“อืม”นางเดินไปที่หน้าเตียง จับชีพจรของฮ่องเต้ ลักษณะชีพจรคงที่ ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร เพียงแต่ร่างกายได้รับหญ้าหมาเฟ้ยมากเกินไป ส่งผลให้ร่างกายชาจนไม่ตอบสนอง อย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกครึ่งปี จึงจะสามารถสลายหญ้าหมาเฟ้ยเหล่านี้หมดถึงเวลา ก็สามารถกลับมาเป็นปกติ“ดูแลดีๆ ต้องมีคนเฝ้าอยู่ข้างพระวรกายตลอดอย่างน้อยสองคน” นางกำชับนางกำนัลเวลานี้เอง ที่นอกประตู อวิ๋นอิงอุ้มน้องสาวมาแล้ว“พระชายา ท่านเอาแต่ยุ่งทั้งวัน ลู่ฉิ
ฉู่เชียนหลีมองนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้า อ๋องหลีก็ไม่สามารถก่อเรื่องมากมายเช่นนี้ เจ้าจะให้ข้าจัดการเจ้าอย่างไรจึงจะดี?”ถ้าไม่มียาอายุวัฒนะ อ๋องหลีจบสิ้นไปนานแล้วและยาชนิดนี้ก็มาจากมือของอูหนูอูหนูยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา ยืดอกหลังตรง การแสดงออกบนใบหน้าไม่เย่อหยิ่งแต่ก็ไม่ถ่อมตน นางเป็นคนที่เคยตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ย่อมไม่กลัว“จะฆ่าจะแกง เชิญตามสะดวก”นางเงยหน้า หลับตา“เจ้าเป็นผู้ช่วยที่ดีของอ๋องหลี ข้าฆ่าเจ้าทั้งเช่นนี้ จะไม่เสียดายแย่หรือ?” ฉู่เชียนหลีเดินไปที่ตรงหน้านาง “ข้าขอถามเจ้า เจ้าทำอะไรกับฝ่าบาท? เหตุใดจู่ๆ เขาก็เป็นอัมพาตเฉียบพลัน”อูหนูย่อมไม่อยากพูดไม่รอนางเอ่ยปาก ฉู่เชียนหลีเสริมอีกประโยค“ตายเป็นแค่ผลลัพธ์อย่างหนึ่ง แต่ขั้นตอนการตาย ควรตายอย่างไร ขึ้นอยู่กับข้า”“เจ้าสามารถปากแข็ง แต่ปากแข็งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ และยังจะเพิ่มความเจ็บปวด เจ้าเป็นคนฉลาด รู้ว่าควรเลือกอย่างไร”อูหนู “...”ข่มขู่อย่างโจ่งแจ้งถ้าหากนางยอมพูด มอบความตายที่ไม่เจ็บปวดให้นางถ้าหากนางไม่ยอมพูด คิดวิธีทรมานสารพัด เพื่อทำให้นางยอมพูด สุดท้ายก็ตายอยู่