พลันสายตาเฟิงเจิ้งหลีเย็นลง “เขาเฟิงเย่เสวียนมีอะไรดี? สิ่งที่เขาสามารถให้เจ้า ข้าก็สามารถให้เจ้า หรือแม้กระทั่งดีกว่าเขา!”แม้แต่แผ่นดินเขาไม่เข้าใจ เขามอบตัวเองและแผ่นดินให้นางหมดแล้ว นางยังมีอะไรไม่พอใจอีก?ฉู่เชียนหลีหัวเราะเบาๆ“เฟิงเจิ้งหลี เจ้าไม่เข้าใจอะไรคือความรัก”ความรักไม่ใช่สิ่งที่วัตถุสามารถวัดได้ค่า อธิบายด้วยประโยคง่ายๆ ก็คือไม่ว่าเขาจะแย่เพียงใด ขอแค่ข้ารัก เขาก็คือสิ่งที่ดีที่สุดไม่ว่าเขาจะสมบูรณ์แบบเพียงใด ขอแค่ข้าไม่รัก เขาก็มีหรือไม่มีก็ได้ ไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึงมันง่ายเช่นนี้แหละ“ข้าไม่เข้าใจ?” เขาขมวดคิ้ว “ข้ามอบสิ่งที่ตัวเองใส่ใจให้เจ้า และถึงขั้นเห็นเจ้าเป็นจุดศูนย์กลาง ข้าดีกับเจ้าเช่นนี้ เจ้ายังบอกว่าข้าไม่เข้าใจอะไรคือความรัก?”ฉู่เชียนหลีเงียบ แค่มองเขาด้วยรอยยิ้มที่เรียบเฉย“ฉู่เชียนหลี เจ้าโลภมากเกินไปแล้ว ถ้าหากข้าปล่อยเจ้าตอนนี้ เจ้ายังอยากเอาชีวิตข้าใช่หรือไม่?”ฉู่เชียนหลียิ้ม“เจ้าสามารถเอาชีวิตข้าไปได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ รอหลังจากข้าจัดการเฟิงเย่เสวียน เจ้าอยากทำอะไรข้า ข้ายินดีทุกเมื่อ!”เขาชื่นชมตัวเองที่ตามใจนางมาก สิทธิพิเศษเช่นน
“เฟิงเย่เสวียน…”ฉู่เชียนหลีจับราวลูกกรงแน่น หันกลับไปจ้องเฟิงเจิ้งหลีอย่างโกรธเคือง “เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไม? ถ้าไม่ฆ่าพวกเรา ก็ขังพวกเราด้วยกัน!”เฟิงเจิ้งหลีเดินเข้ามาบีบคางของนาง“ขังด้วยกัน? เจ้าฝันไปเถอะ!”เขาใช้ฝ่ามือบิดศีรษะของนางอย่างเย็นชา ทำให้ตาของนางมองตรงไปยังผู้ชายที่สะบักสะบอมคนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ“เบิกตาเจ้าดูให้ดี ผู้ชายที่เหมือนสุนัขคนนี้ จะปกป้องเจ้าอย่างไร? เจ้าอยู่กับเขา มีแต่ตายสถานเดียว อยู่ข้างกายข้าจึงจะเป็นทางเลือกเดียวของเจ้า เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ?”ในคุกหลวงแห่งนี้มืดมนมาก เต็มไปด้วยความตาย เครื่องทรมานต่างๆ น่ากลัว เป็นสถานที่ที่ผู้คนได้ยินแล้วขนลุกนางกัดฟันแน่น ความดื้อรั้นระหว่างคิ้วไม่ลดลงแม้แต่น้อย“แล้วอย่างไร? เป็นหรือตายข้าก็จะอยู่กับเฟิงเย่เสวียน เจ้าสามารถแยกพวกเราออกจากกัน แต่ไม่สามารถขัดขวางหัวใจของข้า?”เวลานี้ นางเด็ดเดี่ยวจริงจังมากแต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ เฟิงเจิ้งหลียิ่งโกรธเขาได้ใต้ฟ้ามาครอบครองแล้ว เหตุใดยังไม่ได้นางมาครอบครองอีก?เขาไม่เชื่อ!ใต้ฟ้าผืนนี้ ไม่มีอะไรที่เขาไม่สามารถได้มาครอบครอง ต่อให้เป็นแตงที่ฝืน
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักถึงบางสิ่ง มองไปทางผู้ชายที่อยู่บนเสา “เจ้าไม่ใช่เฟิงเย่เสวียน?!”พลันก็เดินเข้าไปจับยกใบหน้าของเขาขึ้น ทันทีที่นิ้วมือสัมผัส ก็จับโดนตุ่มเล็กๆ ที่เว้านูนไม่เสมอกันตรงข้างหูของชายคนนั้น เขาควักตุ่มเล็กๆ นั่นขึ้นมา แล้วออกแรงกระชากซ่า…ภายใต้หน้ากากหนังมนุษย์ที่บางเฉียบ เผยให้เห็นใบหน้าที่ไม่รู้จัก“เจ้า…”ติดกับแล้ว!เฟิงเจิ้งหลีเซถอยหลังสี่ห้าก้าว หลังจากตระหนักถึงสิ่งนี้ มันก็สายไปแล้ว“อ๋องหลี น่าเกรงขามจริงๆ”บนทางเดิน องครักษ์ลับและทหารแยกออกเป็นสองฝั่ง ร่างเงาที่สูงยาวในชุดเพ้าสีหมึกค่อยๆ เดินเข้ามา มือข้างหนึ่งของเขาไพล่หลัง ยื่นมือขวาไปดึงฉู่เชียนหลีเข้ามาในอ้อมแขน สูดดมกลิ่นหอมจางๆ ที่คุ้นเคยบนร่างกายนางอย่างพึงพอใจ ยกริมฝีปากกล่าว“ข้าไม่รู้เลยว่าพระชายาของตัวเองเป็นที่ชื่นชอบมากเช่นนี้ อ๋องหลีถึงกับชอบมากเช่นนี้”เฟิงเย่เสวียน!ทั้งสองถูกกั้นด้วยราวลูกกรงที่เย็นเฉียบ คนหนึ่งอยู่ข้างนอก คนหนึ่งอยู่ข้างในคนหนึ่งคือผู้ชนะ คนหนึ่งคือผู้แพ้คนหนึ่งคือเป็น คนหนึ่งคือตายเฟิงเจิ้งหลีตะลึงงัน “เหตุใด…เหตุใดเจ้า…”ทั้งๆ ที่เขาจับอ๋องเฉินแล้ว อ๋
ออกจากคุกหลวง ข้างนอกวุ่นวายไปหมดพรรคของอ๋องหลีถูกจับ คุกเข่าเต็มพื้นในตำหนักใหญ่ยามดึก แต่ละคนตกใจจนหน้าซีด ร่างกายสั่นเทา ไม่เคยคาดคิดว่า จะเปลี่ยนจากผู้ชนะกลายเป็นผู้แพ้ในชั่วข้ามคืนเกรงว่าอันตรายถึงชีวิต ตอนที่เห็นอ๋องเฉินเดินเข้ามา รีบคุกเข่าขอความเมตตา“อ๋องเฉินโปรดไว้ชีวิต โปรดไว้ชีวิต! ข้าไม่ได้ทำเรื่องที่เลวร้าย แค่ยืนผิดฝั่งเท่านั้นเอง…”“ได้โปรดอ๋องเฉินเมตตา พวกเราเลอะเลือน หน้ามืดตามัวไปชั่วขณะ…”“อ๋องเฉิน…”พวกเขาแย่งกันร้องไห้ขอความเมตตาอย่างกลัวตัวเองจะรั้งท้ายใครก็ไม่อยากตายเฟิงเย่เสวียนก้าวผ่านทุกคน เดินไปนั่งลงที่เก้าอี้หลักตรงข้างบนสุด มองทุกคนที่อยู่ข้างล่าง ล้วนแต่เป็นมือซ้ายมือขวาของอ๋องเฉินกวาดมองอย่างเฉยเมยแวบหนึ่งคนที่สมควรจับก็จับหมดแล้ว อ๋องหลีก็ถูกควบคุมตัวแล้ว ค่อยๆ สอบสวนคนเหล่านี้ก็ได้ ไม่สามารถทำให้เกิดคลื่นลมอะไรตอนนี้ มีเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่สุด“ในบรรดาพวกเจ้าทั้งหมด ใครเป็นคนจัดยาให้ฝ่าบาท?”ทุกคนตะลึงจัดยา?เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ตอบอย่างระมัดระวัง“ข้าเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ไม่มีความรู้เรื่องยา”“ข้าเป็นผู้บัญชาการทหาร ดูสูตรยาไ
ร่างกายฉู่เจียวเจียวชะงักเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าฉู่เชียนหลีจะมาเป็นห่วงนางนางกอดลูกไว้แน่น และยิ่งก้มหน้าต่ำเล็กน้อย “ถ้าหากเจ้าเป็นห่วงเด็กคนนี้จริงๆ ไม่สู้พาข้าไปขังร่วมกับอ๋องหลีดีกว่า ให้พวกเราทั้งครอบครัวได้อยู่ด้วยกัน”เมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ สายตาสั่นไหวเล็กน้อยครอบครัว…เวลานี้ นางเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจขึ้นในใจตอนที่นางอยู่ในสถานการณ์ตกระกำลำบาก สิ่งเดียวที่สมองคิดไม่ใช่เป็นหรือตาย แต่เป็นอยู่กับเฟิงเย่เสวียน เป็นตายไม่แยกจากกันเช่นเดียวกันความรักที่ฉู่เจียวเจียวมีต่ออ๋องหลี ก็เป็นเช่นนี้แต่ว่านะ นี่ไม่ใช่ยุคปัจจุบันที่ปกครองด้วยกฎหมาย ในยุคอันโหดร้ายที่ผู้ชนะคือราชา ผู้แพ้คือโจร มีเพียงชนะเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์เลือกเส้นทางที่ต้องการ และจุดจบของผู้แพ้มักจะมีเพียงอย่างเดียว…ถ้าหากวันนี้ผู้แพ้คือนาง จุดจบของนางแย่กว่าเฟิงเจิ้งหลีกับฉู่เจียวเจียวแน่นอนนางเม้มปาก มองเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนฉู่เจียวเจียวเด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ควรตกเป็นเครื่องสังเวยของการแย่งชิงฉู่เชียนหลีกล่าว “จื่อเยี่ยเพิ่งอายุครบหนึ่งเดือน ยังอยู่ในช่วงต้องให้นม เจ้าดูแลเขาดีๆ เถอะ รอหลัง
ใบหน้าฮ่องเต้กระตุกจนเบี้ยวแล้ว มีน้ำลายไหลออกจากมุมปาก มือเท้าสั่นจนเกร็ง แต่เขายังมีสติอยู่เมื่อเห็นอ๋องเฉินมา เขาดีใจแต่ไม่สามารถสื่อออกมา ทำได้เพียงส่งเสียงที่คลุมเครือออกมา“เออ…เออ…”เฟิงเย่เสวียนเห็นแล้ว ปวดที่ระหว่างคิ้วเล็กน้อยเสด็จพ่อลำเอียงรักเขาตั้งแต่เด็ก เอาใจเขา ตามใจเขา ในสายตาของเขา เสด็จพ่อมีภาพลักษณ์ที่สูงส่งผ่าเผย สุขุมและน่าเกรงขามมาโดยตลอด จู่ๆ ก็กลายเป็นสภาพเช่นนี้ เขารู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก“รักษาหายได้ ไม่ต้องห่วง เป็นแค่ปัญหาของเวลา จับตัวอูหนูให้ได้ก่อน ถามให้รู้ว่าพวกเขาว่าทำอะไรกับฝ่าบาท แล้วค่อยจ่ายยาตามอาการ”เฟิงเย่เสวียนเม้มริมฝีปากบาง ฝืนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเชื่อในทักษะการแพทย์ของเจ้า”เวลานี้เอง ฮ่องเต้มองเห็นฉู่เจียวเจียวที่ยืนอยู่ตรงประตู และเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยที่อยู่ในอ้อมแขนของนาง เขาเบิกตากว้างทันที“เออ!”อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านกะทันหัน ร่างกายก็สั่นอย่างแรง พยายามอยากลุกขึ้นยืน กลับล้มลงพื้นอย่างชักกระตุก“เสด็จพ่อ!”“ฝ่าบาท!”ฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียนช่วยกันประคองเขาขึ้นมา“เออ!”ฮ่องเต้พยายามชำเลืองมองแม่ลูกที่อย
หมอหลวงของสำนักหมอหลวงมาถึงอย่างรวดเร็ว หลังจากฉู่เชียนหลีจัดยาสมุนไพรให้ฮ่องเต้ดื่ม ชีพจรจึงจะคงที่ แต่ยังคงหมดสติอยู่จนถึงตอนนี้ยามห้าแสงแรกของวันปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า แสงรุ่งอรุณที่ริบหรี่ จะว่าสว่างก็ไม่สว่าง จะว่ามืดก็ไม่มืด จากทางตำหนัก แผ่ขยายไปจนถึงสุดขอบฟ้า มีความรู้สึกที่พูดไม่ถูกอธิบายไม่ได้สายหนึ่งอบอวลอยู่ฉู่เชียนหลียืนอยู่บนบันไดที่สูงสูงตระหง่าน มองดูแสงยามเช้าบนท้องฟ้าค่ำคืนนี้ เกิดเรื่องมากมาย แต่แสงยามเช้านี้ยังคงเป็นเหมือนเช่นเดิม สว่าง มีพลัง เปี่ยมล้นไปด้วยความหวังฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งโอบนางจากข้างหลัง“สวยมาก”เฟิงเย่เสวียนเงยหน้ามองแล้วกล่าว“ท้องฟ้าตอนที่จะสว่างไม่สว่าง สวยที่สุด”ฉู่เชียนหลีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“มนุษย์ตอนที่อยู่ใกล้แต่ไม่กล้า มีเสน่ห์ที่สุด”เขาเลิกคิ้ว หมุนร่างกายนางกลับมา ประทับจูบลงบนกลีบริมฝีปากนาง เขากัดริมฝีปากล่างของนางไว้ กล่าวด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ“พูดเหลวไหล”“ไม่ว่าเวลาใด เจ้าก็ล้วนมีเสน่ห์ที่สุด”ฉู่เชียนหลีหลุดหัวเราะ ปลายนิ้วจิ้มหน้าอกของเขา ลูกก็มีแล้ว ยังใช้คำพูดเจ้าชู้เช่นนี้อีก ไม่ใช่คู่ใหม่ปลามันอะไรแล้ว“ฟ้าใกล้
ในที่สุดทุกคนก็สามารถออกจากวังแล้ว สีหน้าของแต่ละคน…ยากจะพูดให้เข้าใจในประโยคเดียวมีทั้งโล่งอก มีทั้งร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา มีทั้งรู้สึกโชคดีที่รอดมาได้ ต่างๆ นานาหลังจากนั่งมานานทั้งคืน ร่างกายของทุกคนแข็งหมดแล้ว ตอนที่ลุกขึ้นยืน บางคนก็ตัวแข็งจนเดินไม่ไหว บางคนก็ล้มลงพื้นด้วยอาการเหน็บชา และยังมีบางคนเป็นตะคริวที่ขา ต้องใช้คนสองคนช่วยพยุงภาพภาพนี้ นับว่าเป็นความสุขอีกแบบหนึ่งฉู่เชียนหลีเห็นแล้วเม้มปากกลั้นยิ้ม เดินไปรอเฟิงเย่เสวียนที่ข้างนอกแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเฟิงเย่เสวียนมาแล้ว“เจ้าก็เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว ไปนอนพักสักครู่?” เขากล่าวอย่างห่วงใยฉู่เชียนหลีกล่าว “เจ้ารู้สุขภาพของฝ่าบาทดี ไม่รู้ว่าอ๋องหลีทำอะไรลงไป เขาอาจจะไม่สามารถฟื้นตัวในครึ่งปีหรือหนึ่งปี…เหตุใดเจ้าไม่ถือโอกาสนี้ดูแลราชสำนักล่ะ?”แม้เป็นตัวแทน แต่ความหมายก็ใกล้เคียงกันแต่ก็นะ ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ เก้าในสิบราชบัลลังก์เป็นของเขาแล้ว จะช้าหรือเร็วมันก็เหมือนกัน“ในขุนนางกลุ่มนั้น เกรงว่ายังมีคนของอ๋องหลีไม่น้อย ถ้าหากข้าฉวยโอกาสตอนที่ฝ่าบาทไม่มีสติ แทรกแซงการบริหารแผ่นดินอย่างโจ่งแจ้ง อาจจะถูกคนเจตนาร้
“อืม…”จวินลั่วยวนยังไม่ทันลงมือ ฉู่เชียนหลีก็ฟื้นแล้ว นางตกใจจนก้อนหินหลุดจากมือ ตกลงไปที่ข้างๆนางร้อนตัว รีบหันไปล้มลงข้างๆ แสร้งหมดสติหนึ่งนาทีสองนาที…ฉู่เชียนหลียังไม่ฟื้น สิ่งที่ได้จากการรอคอย กลับเป็นผู้ติดตามคนหนึ่งที่ร่างกายเปื้อนเลือด“องค์หญิง องค์หญิง…ท่านอยู่นี่ได้อย่างไร…แค่กๆๆ…”อาการของผู้ติดตามสาหัสมาก เดินเข้ามาอย่างล้มลุกคลุกคลาน และหายใจลำบากจวินลั่วยวนรู้จักเขา เขาคือผู้ติดตามของเสด็จพี่รอง นางรีบเดินเข้าไปถาม“ช่วยอ๋องเฉินออกมาได้หรือไม่?”ผู้ติดตามชะงักเล็กน้อยองค์หญิงไม่ควรจะเป็นห่วงองค์ชายรองก่อนหรือ?แต่ในฐานะคนรับใช้ มีคำพูดมากมายไม่กล้าพูด เขากล่าวตอบ “อ๋องเฉินได้รับการช่วยเหลือแล้ว แต่องค์ชายรองถูกจับ ข้ากำลังจะกลับไปแจ้งข่าว และพาคนมาช่วย คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอท่านที่นี่”“ท่านกับพระชายาอ๋องเฉินข้ามแม่น้ำอูหลานแล้วไม่ใช่หรือ?”จวินลั่วยวนโล่งอกอ๋องเฉินปลอดภัยก็ดีแล้วพูดถึงเรื่องข้ามแม่น้ำ นางก็นึกถึงประสบการณ์ที่อันตรายเมื่อคืน อีกนิดเดียวนางก็จะตกเป็นของเล่นของทหารแล้ว อีกนิดเดียวก็จะตายแล้วนึกถึงภาพเมื่อคืน ทหารสิบกว่าคนทารุณกรรมผู้
ปัง!ทั้งสองกลิ้งไปไกลถึงห้าหกสิบเมตร จึงจะกลิ้งถึงตีนเขา คนหนึ่งชนเข้ากับต้นไม้ อีกคนชนเข้ากับก้อนหิน เปิดเสียงดัง ‘ปัง’ ทั้งสองล้วนหมดสติอย่างไม่สามารถควบคุมกลางคืนเงียบสงบเวลาค่อยๆ ผ่านไปเงียบๆ…ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ยามราตรีที่เงียบสงัด จึงจะมีเสียง“อืม…”ปลายนิ้วของจวินลั่วยวนกระดิกสองที หลังจากนั้นสองสามนาที จึงจะยกเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างยากลำบาก ความเจ็บปวดที่แผ่ไปทั่วร่าง ทำให้หายใจถี่ขณะเดียวกันก็นึกขึ้นได้พวกนางถูกทหารพบเห็น ระหว่างที่วิ่งหนี ไม่ระวังกลิ้งตกลงมาจากเนิน“ซี้ด!”เอว แขน ใบหน้า คอ ขาของนาง…ถูกหนามข่วนจนเป็นรอย ถูกกิ่งไม้แทง ถูกหินกระแทก ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล แทบจะไม่มีที่ใดที่สมบูรณ์เจ็บจัง!แต่โชคดีมากที่ไม่ถูกทหารจับนางพักหายใจครู่หนึ่ง ลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ประคองศีรษะที่หนักอึ้ง มองเห็นฉู่เชียนหลีที่ล้มห่างออกไปสามสี่เมตรเมื่อเทียบกันแล้ว อาการของฉู่เชียนหลีค่อนข้างสาหัสศีรษะของนางกระแทกกับก้อนหินจนเป็นแผล ใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางเปื้อนไปด้วยเลือด นางซีดราวกับกระดาษ เป็นตายไม่รู้แววตาของนางเผยให้เห็นความดีใจรีบเดิน
สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนเล็กน้อยเสด็จพี่รองจะช่วยนางเอง นางไม่ได้ขอให้เสด็จพี่รองทำเช่นนี้สักหน่อยเสด็จพี่รองยินดีทำเช่นนี้เอง เหตุใดกลายเป็นความผิดของนางแล้ว?อีกอย่างนะ เขาเป็นพี่ชาย นางเป็นน้องสาว พี่ชายปกป้องน้องสาว มันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วไม่ใช่หรือ?“จวินลั่วยวน เจ้ารู้หรือไม่ เจ้ามันไม่รู้จักพอ เจ้าเป็นแค่คนที่รู้จักเอาผลประโยชน์จากคนอื่น แต่ไม่เคยเสียสละ ไม่เคยตอบแทน เมื่อนานวันเข้า ก็กลายเป็นนิสัยเห็นแก่ตัว”“คิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง”“เอาแต่ได้อย่างเดียว”“ดูผิวเผินเหมือนเจ้าอยู่ในครอบครัวที่มีความสุข แต่ในความเป็นจริง ก็ไม่รู้เลยว่าอะไรคือความรักและความอบอุ่นในครอบครัว กลับกัน ข้ายังรู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่าแทนองค์ชายรอง”เขายอมเสี่ยงชีวิตช่วยน้องสาวออกมา แต่นางไม่สนใจความเป็นความตายของเขาเลยจวินลั่วยวนโกรธเล็กน้อยพูดถึงคำว่าครอบครัว นางก็จะนึกถึงเรื่องที่นางไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของฮองเฮาหนานยวนคำพูดของฉู่เชียนหลีกำลังเตือนนาง ความสุขที่นางได้รับในปัจจุบัน ล้วนขโมยมาทั้งสิ้น“ข้าควรทำอย่างไร เกี่ยวอะไรกับเจ้า!”นางเถียงกลับอย่างโกรธเคือง“ที่เสด็จพี่รองของ
สิ้นเสียงตะโกน เขาถูกทหารที่โถมเข้ามาปิดล้อมทหารโถมเข้ามาอย่างดุดันราวกับคลื่นยักษ์ กลืนกินเขาเข้าไปในนั้น เขาฟันกระบี่อย่างแน่วแน่ กัดฟันแน่น ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดเขายืนหยัดจนถึงแรงเฮือกสุดท้าย…ฉู่เชียนหลีตกใจมากคิดไม่ถึงว่าองค์ชายรองหนานยวนคนนี้ ต้องเสียสละชีวิตเพื่อน้องสาวแล้วหันมามองจวินลั่วยวน“อ๊ะ!”“ช่วยด้วย!”“รีบไป พวกเรารีบไปเร็ว! ถ้ายังไม่ไป ต้องตายอยู่ที่นี่แน่!”จวินลั่วยวนกลัวจนสติแตกไปแล้ว กุมศีรษะกรีดร้องไม่หยุด ริมฝีปากซีด ยกกระโปรงขึ้นก็วิ่งออกไปข้างนอก “รีบหนีเร็ว! อ๊ะ!”“...”พี่ชายของนางถูกปิดล้อม ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย นางจะไปทั้งเช่นนี้?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว แต่นึกถึงคำพูดของจวินอี้หลิน นางทำได้เพียงไล่ตาม“อ๊ะ!”“อ๊ะ!”จวินลั่วยวนพลางวิ่ง พลางกรีดร้อง ซึ่งดึงดูดความสนใจของทหาร มีทหารส่วนหนึ่งแยกตัวออกมาไล่ตามสายตาฉู่เชียนหลีขรึมลง ก้าวไปข้างหน้า “จวินลั่วยวน! หุบปาก!”ร้องต่อไปไม่ได้แล้ว!“เจ้าอยากล่อทุกคนมาหรือ!”“อ๊ะๆ! ข้ากลัว! เลือดเต็มไปหมด! จะตาย…อ๊ะ!”“หุบปาก!”“อ๊ะ!”เพียะ!นางไม่ฟังเลย ฉู่เชียนหลีเห็นทหารที่ม
เหล่าทหารตื่นตัวขึ้นมาทันที ทุกคนพากันหันไปมอง ก็เห็นร่างเงาสีดำวิ่งผ่าน สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน“แย่แล้ว!”“มีคนลอบโจมตี!”เสียงตะโกนทำให้ทุกคนตื่นตัว และคนหกเจ็ดสิบคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็รีบวิ่งมา พบฉู่เชียนหลีและคนอื่นแล้ว“จับพวกเขา!”ชักอาวุธออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรงฉู่เชียนหลีเห็นท่าไม่ดี ทำได้เพียงถือกระบี่ต่อสู้กับพวกเขา“เผด็จศึกโดยเร็ว อย่ายืดเยื้อ เน้นช่วยคนเป็นหลัก!”ยิ่งสู้นาน ก็จะยิ่งดึงดูดคนมามากขึ้นฉวยโอกาสตอนที่การเคลื่อนไหวของที่นี่ยังไม่กระจายออกไป รีบจัดการโดยเร็ว ช่วยอ๋องเฉินออกมา และรีบถอนกำลัง นี่จึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด“เจ้าค่ะ!”หานอิ๋งชักกระบี่ พาเหล่าองครักษ์ลับพุ่งออกไป เริ่มสู้กับเหล่าทหาร“ลงมือ!”จวินอี้หลินตวาดเบาๆ เขาดึงน้องสาวมาไว้ในอ้อมแขน ใช้มือข้างหนึ่งถือกระบี่ ต่อสู้กับทหารเหล่านั้นจนโกลาหลไปหมดทันใดนั้น ประกายดาบ เงากระบี่ เสียงตะโกน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดปัง!เคร้ง!“อ่า!”“พู่!”“ฉึก!”ในการต่อสู้ที่ดุเดือด มีคนล้มลง มีคนได้รับบาดเจ็บ มีคนกระอักเลือด ชั้นวาง ท่อนไม้ กาน้ำ ของต่างๆ ล้มเกลื่อนพื้นวุ่นวายไป
หลังจากฉู่เชียนหลีรวบรวมคนในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเตรียมตัวออกเดินทาง ได้พบกับองค์ชายรองแคว้นหนานยวนหลังจากรู้จุดประสงค์การมาของเขา นางขมวดคิ้วแน่นองค์ชายรองเข้าร่วม นางย่อมยินดี แต่สายตาของนางมองไปที่จวินลั่วยวนโดยตรง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา“นาง ไปไม่ได้”นิ้วชี้ชี้ไปทางจวินลั่วยวนโดยตรง“!”จวินลั่วยวนกระทืบเท้าทันที “เพราะอะไร!”แม้แต่เสด็จพี่รองก็ตอบตกลงแล้ว นางไปได้ไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับฉู่เชียนหลี?“อ๋องเฉินถูกจับ พวกเราเป็นพันธมิตรกัน ข้าช่วยออกแรงอีกส่วนมันจะเป็นอะไร? เจ้าคิดว่าอาศัยแค่เจ้าคนเดียว สามารถช่วยอ๋องเฉินได้หรือ?”“การมีคนเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ก็เท่ากับมีกำลังเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน จิตใจเจ้าคับแคบมาก ช่วยเปิดใจหน่อยได้หรือไม่?”เมื่อหานอิ๋งได้ยินคำพูดนี้ ก็จะพุ่งเข้าไปด้วยความหงุดหงิดทันทีพระชายาของพวกเขา ถึงคราวที่คนนอกจะมาสั่งสอนตั้งแต่เมื่อไร?คนที่ท่านอ๋องยังไม่ยอมตำหนิเลย จะปล่อยให้ขยะอย่างนางมารังแกได้อย่างไร?“หานอิ๋ง”ฉู่เชียนหลีห้ามนาง มีปัญหาน้อยลงดีกว่ามีปัญหาเพิ่ม อย่าทะเลาะกัน“พระชายา…”“ช่างเถอะ”จวินอี้หลินจับมือของจวินลั่วยวนแล้วก
เนื่องจากอ๋องเฉินถูกจับ บรรยากาศในทำเนียบจึงตึงเครียดมาก ทุกคนตั้งสติ ฟังคำสั่งของพระชายา ยืนเฝ้าประจำจุดของตัวเองอย่างเข้มงวดฉู่เชียนหลีออกคำสั่งปิดข่าว ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็นนอกทำเนียบอีกด้านของถนนจวินลั่วยวนนั่งอยู่บนบันได ระหว่างเข่าที่ชนกัน มีลูกอมที่เพิ่งซื้อมาวางอยู่หลายถุงนางกัดไม้เสียบเล็กๆ ไว้ พลางเลียลูกอม ดวงตาที่สวยงามคู่นั้น มองเห็นที่ทหารที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าร้อนใจ จากประตูใหญ่ของทำเนียบที่เปิดกว้าง เหมือนกับว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นนางหรี่ตาเลียมุมปาก“หวานจัง”ซวงซวงกล่าวเสียงเบา “องค์หญิง ขนมนี่หวานเกินไป ท่านกินน้อยหน่อย ระวังฟันผุนะเจ้าคะ”“ซวงซวง ขนมนี่ไม่หวาน ความหมายของข้าคือ ข้ามีความสุข”จวินลั่วยวนลุกขึ้นยืน โยนถุงลูกอมให้ซวงซวง อมไว้ในปากหนึ่งชิ้น เดินกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขซวงซวงสงสัยมีความสุข?มีความสุขอะไร?ก็แค่กินขนม ก็มีความสุขเช่นนี้แล้ว? หรือเป็นเพราะองค์ชายรองมา องค์หญิงมีความสุขมาก?ศาลาพักม้าจวินลั่วยวนเพิ่งกลับมา เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางเหมือนรองแม่ทัพ กำลังรายง
ฉู่เชียนหลีเป็นคนประเภทชอบลงมือทำ พูดแล้วก็ทำเลยบ่ายวันนั้น อวิ๋นอิงก็ไปซื้อเรียนสำหรับเด็กมาแล้ว ในหนังสือมีภาพว่า และตัวอักษรขนาดใหญ่ เหมาะกับเด็กอายุสามสี่ขวบที่เพิ่งหัดอ่านฉู่เชียนหลีถือหนังสือ สอนเด็กทั้งสองอย่างอดทน“แมลงปอ”“เว่ยซี จื่อเยี่ย ดู อันนี้เรียกว่าแมลงปอ มีปีกยาวๆ หนึ่งคู่ และยังมีตาที่โต”“นี่คือผีเสื้อ มา อ่านตามแม่ ฮวาหูเตี๋ย”เว่ยซีมองนมจนน้ำลายไหล ดูน่าสงสารมากจื่อเยี่ยอ้าปากส่งเสียงอีอาๆ แต่พูดไม่ชัด ไม่สามารถออกเสียงที่ถูกต้อง หัดพูดจนแก้มสีชมพูจะกลายเป็นสีแดงแล้ว“ฮวา…ฝู…ฝู…ฝูเตี๋ย…”“ไม่ถูก ฮวาหูเตี๋ย”“ฮวา…ฝู…เตีย…เตียเตี่ย!”พลันจื่อเยี่ยตาเป็นประกาย จู่ๆ ก็โบกมือน้อยเหมือนผีเสื้อกระพือปีก ปากก็ตะโกนอย่างสนุกสนาน“เตียเตี่ย!”ความหมายของเขาเหมือนกำลังบอกว่า เตียเตี่ย[1]เป็นผีเสื้อ “...”อวิ๋นอิงอุ้มเจี๋ยวเจี๋ยวยืนดูที่ข้างๆ รู้สึกเพียงภาพนี้โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมมาก จู่ๆ ก็สงสารเว่ยซีกับจื่อเยี่ยอย่างอธิบายไม่ถูกเด็กบ้านอื่นเริ่มเรียนตอนอายุห้าขวบแต่ของพระชายา หนึ่งขวบก็เริ่มเรียนแล้วนางก้มหน้า มองใบหน้าเล็กของลูกสาว กล่าวเสียงเบา
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก