“เจ้า!”สีหน้าผู้บัญชาการจางเปลี่ยนฉับพลันกระบี่ก็ชักออกมาแล้วเยี่ยม เห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมตัวมา!ก่อนอ๋องหลีออกคำสั่ง ก็ได้กำชับแล้ว ถ้าหากเกิดการปะทะ ลงมือได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ ไว้ชีวิตพระชายาอ๋องเฉินคนเดียวก็พอ ที่เหลือไม่ต้องสนใจ“พระชายาอ๋องเฉิน ท่านกล้าฝ่าฝืนพระบัญชาของฝ่าบาทอย่างเปิดเผย นี่คิดจะกบฏหรือ!” เขาตะคอกเสียงดังฉู่เชียนหลีหัวเราะ“อย่างไรอ๋องหลีก็เรืองอำนาจแล้ว ข้าก่อกบฏก็ดี ทรยศก็ช่าง มันก็ขึ้นอยู่กับคำพูดของเขาไม่ใช่หรือ?”สิ่งที่นางจะทำในตอนนี้ ก็คือถ่วงเวลาแค่ต้องถ่วงเวลาหนึ่งเค่อหลังจากหนึ่งเค่อ รอพวกอวิ๋นอิงออกจากเมืองแล้ว นางก็วางใจแล้วผู้บัญชาการจางเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว กลับถูกกระบี่บีบให้ถอยกลับไปเมื่อเห็นดังนี้ เขาก็ไม่เกรงใจแล้วเช่นกัน พลันตะคอก“ใครก็ได้ จับอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉิน ที่เหลือตามข้าไปปิดเมือง!”“รับทราบ!”เมื่อคำสั่งออกมา ทหารรักษาพระองค์ชักกระบี่ ก็พุ่งเข้าไปทันทีฉู่เชียนหลีถอยหลังสามก้าว ยืนขวางถนนทั้งสายด้วยกำลังเพียงลำพัง “วันนี้มีข้าอยู่ที่นี่ ข้าดูสิว่าใครกล้าไปปิดเมือง!”อยากไปที่ประตูเมือง นอกจากข้ามศพขอ
“เจ้า!”ยานั้น…มีปัญหา!ทุกครั้งที่ฮ่องเต้กิน ล้วนให้คนของสำนักหมอหลวงตรวจ แน่ใจว่าปลอดภัยก่อนจึงจะกิน แต่คิดไม่ถึงว่าก็ยังเปิดช่องโหว่ให้อ๋องหลีเขาดูถูกลูกชายคนนี้เกินไปแล้ว!ดูอ่อนโยน สุภาพเรียบร้อย ไม่มีพิษภัย แต่ในความเป็นจริง เวลาลงมือเขาจึงจะเป็นคนที่ฆ่าคนไม่เห็นเลือด และโหดเหี้ยมที่สุดคนนั้น!บนใบหน้าฮ่องเต้เต็มไปด้วยความโกรธ พุ่งเข้าไปก็เหวี่ยงฝ่ามือออกไป“เจ้าลูกทรพี!”เพียะ!เสียงดังชัดเจนฝ่ามือนี้ตบจนศีรษะเฟิงเจิ้งหลีเอียงไปด้านข้าง มุมปากแตกมีเลือดไหล มีรอยนิ้วมือห้านิ้วปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างชัดเจนทันที ทั้งแดงทั้งลึกอูหนูขมวดคิ้ว “ท่านอ๋อง…”เขายกมือห้ามนางยกริมฝีปากเบาๆ เลียเลือดที่มุมปาก ปลายนิ้วเช็ดหยดเลือด “เหอะ”หน้าอกกระตุก จู่ๆ เขาก็หัวเราะอย่างน่าประหลาด“เหอะๆ”ลูกทรพี?ที่เขาสามารถเดินมาถึงขั้นนี้ ล้วนถูกบีบบังคับไม่ใช่หรอกหรือ?ถ้าหากฮ่องเต้ยุติธรรมตั้งแต่เด็ก แล้วเหตุใดเขาต้องออกนอกลู่นอกทาง?“ตบเลย ตบเลย” เขายิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “รอข้าจับอ๋องเฉินกลับมา ข้าจะให้พระองค์ฆ่าเขาด้วยมือตัวเอง ถึงเวลานั้น ดูสิว่าข้าเหี้ยมโหดกว่า หรือพระองค์อำมหิต
พระราชโองการฉบับนี้ พูดอะไรฮ่องเต้ก็ไม่มีทางเขียนต่อให้เขาตาย ก็ไม่มีทางปล่อยให้เฟิงเจิ้งหลีทำสำเร็จ!ฮ่องเต้กำหมัด พลันสายตาเหี้ยมเกรียม ทันใดนั้นกระโจนออกไปข้างหน้า ใช้คอไปชนกระบี่เขาจะฆ่าตัวตาย!พลันเฟิงเจิ้งหลีขมวดคิ้ว พลิกมือเก็บกระบี่อย่างมือว่องตาไว ด้ามกระบี่กระทบหน้าอกฮ่องเต้อย่างแรง กระแทกจนเขาถอยหลังหลายก้าว ล้มนั่งลงบนเก้าอี้ สีหน้าซีดและไอไม่หยุด“อยากตาย?”เขายิ้มอย่างเย็นชา“ไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก!”ฮ่องเต้ยังมีประโยชน์สำหรับเขา ก่อนที่เขาจะกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ เขายังตายไม่ได้อูหนูลงมือ สกัดจุดชีพจรของฮ่องเต้ร่างกายฮ่องเต้แข็งฉับพลัน นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ในท่าเดิม ขยับไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงจ้องเฟิงเจิ้งหลีด้วยความโกรธเฟิงเจิ้งหลีเดินไปที่หน้าโต๊ะ สะบัดเสื้อเพ้า ทิ้งตัวนั่งลงไปอย่างสง่าผ่าเผย“ในเมื่อเสด็จพ่อไม่ยอมเขียนหนังสือสืบราชสมบัติ เช่นนั้นกระหม่อมเขียนเองก็ได้”“อูหนู ฝนหมึก”“เจ้าค่ะ”เขาจับพู่กัน หลังจากจุ่มน้ำหมึกก็ครุ่นคิด “พระราชโองการนี่ควรเขียนอย่างไรดีนะ? องค์ชายห้าอ๋องหลีฉลาดปราดเปรื่อง อ่อนโยนมีเมตตา เป็นบุคคลมีความสามารถแก่การปกครองแคว้น
“!”หลังของเต๋อฝูแข็งทื่อ เสียวสันหลังวาบ ตกใจจนขวัญแทบกระเจิงแล้ว คำพูดไม่ปะติดปะต่อ“บ่าว บ่าว…ต่อให้บ่าวมีสิบสองชีวิต บ่าวก็ไม่กล้าโกหกท่านขอรับ! ในวังแห่งนี้ก็คือใต้ฟ้าของท่าน ถ้าหากบ่าวพูดปด ท่านแค่สั่งคนตรวจสอบก็รู้แล้ว บ่าวยังจะโกหกท่าน ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ…”เขารีบโขกศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่า“อ๋องหลี ท่านโปรดปฏิบัติดีต่อฝ่าบาท บ่าวยินดีเชื่อฟังและจงรักภักดีต่อท่าน!”เขาอ้อนวอนอย่างถ่อมตนและจริงใจเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเขา สายตาเฉียบคมเหมือนนกอินทรี ราวกับกำลังพิจารณาคำพูดของเขาจริงหรือเท็จเต๋อฝูเป็นคนเก่าคนแก่ที่รับใช้ฮ่องเต้มานานสี่สิบกว่าปี และเป็นคนที่เข้าใจฮ่องเต้ที่สุด คำพูดของเขาไม่มีเท็จ นอกเสียจากเขาไม่ต้องการชีวิตสุนัขนี้แล้วช่างเถอะ!คนคนนี้มีความคุ้นเคยกับเรื่องการส่งมอบอำนาจ ผลประโยชน์ และการจัดสรรขุนนางต่างๆ เก็บไว้ยังมีประโยชน์“ไสหัวออกไป”“ขอรับ ขอรับ ขอบคุณอ๋องหลี ขอบคุณ…” เต๋อฝูตกใจจนหน้าซีด ขาสองข้างสั่นระริก วิ่งล้มลุกคลุกคลานออกไปแล้ว“ท่านอ๋อง พระนัดดาองค์โตร้องไห้ กล่อมอย่างไรก็ไม่หยุดร้องเจ้าค่ะ!”นางกำนัลคนอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย วิ่
เฟิงเจิ้งหลีวางเด็กไว้ในอ้อมแขนของอูหนู ตอนที่หมุนกาย ความอ่อนโยนบนใบหน้าหายไป เหลือเพียงความเย็นเยือก ก้าวเท้าเดินจากไปแล้วข้าไม่พยักหน้า เฟิงเย่เสวียน เจ้าอยากพาฉู่เชียนหลีหนี?ฝันไปเถอะ!“เออ!”ฮ่องเต้พยายามส่ายร่างกาย สายตาก็มองไปทางเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนอูหนูอย่างสุดชีวิตนั่นเป็นเลือดเนื้อของอ๋องเฉิน!เขาไม่รู้ และยังทำร้ายอ๋องเฉิน ตอนนี้อ๋องหลีเรืองอำนาจ และมีเด็กคนนี้อยู่ในมือ อ๋องหลีได้เปรียบทุกทางเหตุใดเฟิงเจิ้งหลีจึงเหี้ยมโหดเช่นนี้!หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนที่เขาเพิ่งเกิด ก็สมควรประทานความตาย เหมือนกับแม่ที่เป็นนางกำนัลของเขา!เขาใจดีเกินไปแล้ว!อย่างไรเขาก็คิดไม่ถึง ตลอดทางที่ตนเองเดินมา เคยพบเห็นสิ่งต่างๆ พายุคลื่นลมอะไรที่ไม่เคยเห็นบ้าง? สุดท้ายกลับมาพลาดท่าให้กับลูกชายที่ไม่สะดุดตาที่สุด!อ๊ะ!ความโกลาหลตรงหน้า ตัวตนที่แท้จริงของพระนัดดาองค์โต ความปลอดภัยของอ๋องเฉินไม่ทราบแน่ชัด เขากลับทำได้เพียงนั่งอยู่ตรงนี้ ทำอะไรไม่ได้เลย การโจมตีทุกรูปแบบถาโถมเข้ามาพร้อมกัน ประกอบกับไฟแห่งความโกรธอัดอั้นอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ลมหายใจไม่สามารถสงบ กลายเป็นกล
“อ๋องเฉิน พระชายาอ๋องเฉิน ฝ่าบาทมีคำสั่งจากบริเวณจวนอ๋อง นี่พวกท่านจะไปไหนหรือ?”บนถนน ทหารรักษาพระองค์แหวกออกเป็นสองฝั่ง เปิดเป็นทางกว้างสายหนึ่ง ตรงปลายถนน อ๋องหลีในชุดเพ้าสีขาว เดินเข้ามาอย่างช้าๆ ด้วยท่วงท่าที่สง่างามเขาหรี่ตา มุมปากอมยิ้ม ในมือถือธนูหนึ่งคัน เดินเข้ามาอย่างสบายๆ รอยยิ้มอบอุ่นเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว เดินมาถึงขั้นนี้ ก็ไม่พูดมากแล้ว กำกระบี่เปื้อนเลือดในมือแน่น พร้อมลงมือทุกเมื่อ“นายท่าน พระชายา พวกท่านรีบขึ้นกำแพงเมือง นอกกำแพงมีคนรอรับ พวกเราจะถ่วงเวลาไว้เอง!”หานเฟิง หานอิ๋ง และองครักษ์ลับสิบกว่าคนยืนเป็นครึ่งวงกลม ป้องทั้งสองไว้ข้างหลัง ปลายกระบี่ชี้ไปทางทหารรักษาพระองค์ที่อยู่โดยรอบนี่คือการประมือที่มีผลแพ้ชนะแตกต่างกันมากพวกเขามีเพียงสิบกว่าคน แต่ทหารรักษาพระองค์ล้อมข้างในสามชั้น ข้างนอกสามชั้น มีเป็นพันคน และบนกำแพงเมืองก็มีทหารถือธนู เล็งตรงมาที่พวกเขา เมื่อไรที่ลงมือ ฝนธนูก็ถูกยิงลงมาเหมือนกำลังยิงเป้าที่มีชีวิตโอกาสที่จะออกจากเมืองมีน้อยมากฉู่เชียนหลีกล่าว “จะไปก็ไปด้วยกัน จะอยู่ก็อยู่ทั้งหมด”ลูกทั้งสองออกจากเมืองแล้ว
มาถึงตอนนี้ ในที่สุดการต่อสู้อันดุเดือดของค่ำคืนนี้ก็สิ้นสุดลง คนทั้งกลุ่มถูกคุมตัวไปขังที่คุกหลวง สนามรบก็ถูกเก็บกวาดอย่างรวดเร็ว กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในอากาศของเมืองหลวงเป็นเวลานานค่ำคืนนี้ ยาวนานเป็นพิเศษ…วังหลวง“ในที่สุดข้าก็ได้เจ้ามาครอบครองแล้ว!”เฟิงเจิ้งหลีผลักฉู่เชียนหลีจนเสียหลักเซไปข้างหลัง แผ่นหลังชนใส่ประตูของห้องทรงพระอักษรจนเปิด ถอยหลังติดต่อกันเจ็ดแปดก้าว จึงจะสามารถยืนได้อย่างมั่นคงมือทั้งสองข้างถูกพันธนาการไพล่หลัง ขยับไม่ได้“ฉู่เชียนหลี!”เขาเดินตรงเข้ามาหานาง จับไหล่ของนาง เดินเข้าใกล้นางทีละก้าวถอยถอยจนกระทั่งนางล้มนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่สามารถถอยได้อีกแล้ว ร่างกายที่สูงยาวของเขาโน้มลงไป จับคางที่ผอมบาง ออกแรงยกขึ้นมา“ข้าเคยพูดไว้ ข้าไม่มีทางแพ้”ผู้ชนะคนสุดท้ายต้องเป็นเขาเท่านั้น“ข้าเคยพูดไว้ จะแก้แค้นให้แม่บุญธรรม จะแก้ชื่อเสียงของแม่ข้าให้ถูกต้อง จะเอาคืนเฟิงเย่เสวียน จะได้เจ้ามาครอบครอง ข้าทำได้แล้ว”“ข้าทำได้แล้ว!”คำพูดถูกเค้นออกมาจากไรฟัน แต่ละคำชัดเจนมากเขาต้องการระบายความเกลียดชังในใจ ประกาศความสุขในเวลานี้ ยิ่งนึกย้อนถึงอุปสรรค
“เฟิงเจิ้งหลี เจ้าบ้าไปแล้ว! ข้าเป็นคนของอ๋องเฉิน เจ้าทำเช่นนี้ไม่กลัวผู้คนรังเกียจหรือ?”เขาแหงนหน้าหัวเราะ เหมือนบ้าแต่ก็ไม่บ้า ในดวงตาแจ่มชัดเป็นพิเศษ“ข้ากล้ากระทั่งวางแผนชิงราชบัลลังก์ แล้วเหตุใดต้องกลัวคำนินทาเหล่านี้ด้วย?”เรื่องที่เขาทำ เป็นไปตามแผนตลอด ไม่เลือกวิธีการ ต้องทำให้ได้ฉู่เชียนหลีเม้มปากแน่น คิ้วทั้งสองข้างขมวดจนเหมือนปม “เจ้าโน้มน้าวให้ฝ่าบาทเข้าข้างเจ้าได้อย่างไร?”เขาให้ความสำคัญอ๋องเฉินมากเช่นนั้น ไม่มีทางเข้าข้างอ๋องหลี“เจ้าใช้วิธีสกปรกอะไร?”“อย่าใช้คำว่าวิธีสกปรกที่หยาบคายเช่นนี้ ข้าแค่มอบสิ่งที่เขาต้องการเล็กน้อยก็เท่านั้น บางทีเจ้าอาจยังไม่รู้ ตอนนั้น ฝ่าบาทให้พวกเจ้าตามหาดอกไม้แห่งความตาย จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา อยากเป็นอมตะกระมัง?”เป็นอมตะ!สมัยโบราณ เพื่อสามารถกุมอำนาจทั้งชีวิต จักรพรรดิหลายคนก็ค้นหาพวกสูตรยาพื้นบ้าน ปรุงยาอะไรจริงๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายของการเป็นอมตะคิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทก็…ตอนนั้น ฝ่าบาทให้นางหาวิธีกินดอกไม้แห่งความตาย นางยังไร้เดียงสาคิดว่ารักษาโรคให้ฮองเฮา“เจ้ารู้เรื่องดอกไม้แห่งความตายได้อย่างไร? ตอนนั้น พวกเราไปตามหาด
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท