พระราชโองการฉบับนี้ พูดอะไรฮ่องเต้ก็ไม่มีทางเขียนต่อให้เขาตาย ก็ไม่มีทางปล่อยให้เฟิงเจิ้งหลีทำสำเร็จ!ฮ่องเต้กำหมัด พลันสายตาเหี้ยมเกรียม ทันใดนั้นกระโจนออกไปข้างหน้า ใช้คอไปชนกระบี่เขาจะฆ่าตัวตาย!พลันเฟิงเจิ้งหลีขมวดคิ้ว พลิกมือเก็บกระบี่อย่างมือว่องตาไว ด้ามกระบี่กระทบหน้าอกฮ่องเต้อย่างแรง กระแทกจนเขาถอยหลังหลายก้าว ล้มนั่งลงบนเก้าอี้ สีหน้าซีดและไอไม่หยุด“อยากตาย?”เขายิ้มอย่างเย็นชา“ไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก!”ฮ่องเต้ยังมีประโยชน์สำหรับเขา ก่อนที่เขาจะกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ เขายังตายไม่ได้อูหนูลงมือ สกัดจุดชีพจรของฮ่องเต้ร่างกายฮ่องเต้แข็งฉับพลัน นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ในท่าเดิม ขยับไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงจ้องเฟิงเจิ้งหลีด้วยความโกรธเฟิงเจิ้งหลีเดินไปที่หน้าโต๊ะ สะบัดเสื้อเพ้า ทิ้งตัวนั่งลงไปอย่างสง่าผ่าเผย“ในเมื่อเสด็จพ่อไม่ยอมเขียนหนังสือสืบราชสมบัติ เช่นนั้นกระหม่อมเขียนเองก็ได้”“อูหนู ฝนหมึก”“เจ้าค่ะ”เขาจับพู่กัน หลังจากจุ่มน้ำหมึกก็ครุ่นคิด “พระราชโองการนี่ควรเขียนอย่างไรดีนะ? องค์ชายห้าอ๋องหลีฉลาดปราดเปรื่อง อ่อนโยนมีเมตตา เป็นบุคคลมีความสามารถแก่การปกครองแคว้น
“!”หลังของเต๋อฝูแข็งทื่อ เสียวสันหลังวาบ ตกใจจนขวัญแทบกระเจิงแล้ว คำพูดไม่ปะติดปะต่อ“บ่าว บ่าว…ต่อให้บ่าวมีสิบสองชีวิต บ่าวก็ไม่กล้าโกหกท่านขอรับ! ในวังแห่งนี้ก็คือใต้ฟ้าของท่าน ถ้าหากบ่าวพูดปด ท่านแค่สั่งคนตรวจสอบก็รู้แล้ว บ่าวยังจะโกหกท่าน ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ…”เขารีบโขกศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่า“อ๋องหลี ท่านโปรดปฏิบัติดีต่อฝ่าบาท บ่าวยินดีเชื่อฟังและจงรักภักดีต่อท่าน!”เขาอ้อนวอนอย่างถ่อมตนและจริงใจเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเขา สายตาเฉียบคมเหมือนนกอินทรี ราวกับกำลังพิจารณาคำพูดของเขาจริงหรือเท็จเต๋อฝูเป็นคนเก่าคนแก่ที่รับใช้ฮ่องเต้มานานสี่สิบกว่าปี และเป็นคนที่เข้าใจฮ่องเต้ที่สุด คำพูดของเขาไม่มีเท็จ นอกเสียจากเขาไม่ต้องการชีวิตสุนัขนี้แล้วช่างเถอะ!คนคนนี้มีความคุ้นเคยกับเรื่องการส่งมอบอำนาจ ผลประโยชน์ และการจัดสรรขุนนางต่างๆ เก็บไว้ยังมีประโยชน์“ไสหัวออกไป”“ขอรับ ขอรับ ขอบคุณอ๋องหลี ขอบคุณ…” เต๋อฝูตกใจจนหน้าซีด ขาสองข้างสั่นระริก วิ่งล้มลุกคลุกคลานออกไปแล้ว“ท่านอ๋อง พระนัดดาองค์โตร้องไห้ กล่อมอย่างไรก็ไม่หยุดร้องเจ้าค่ะ!”นางกำนัลคนอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย วิ่
เฟิงเจิ้งหลีวางเด็กไว้ในอ้อมแขนของอูหนู ตอนที่หมุนกาย ความอ่อนโยนบนใบหน้าหายไป เหลือเพียงความเย็นเยือก ก้าวเท้าเดินจากไปแล้วข้าไม่พยักหน้า เฟิงเย่เสวียน เจ้าอยากพาฉู่เชียนหลีหนี?ฝันไปเถอะ!“เออ!”ฮ่องเต้พยายามส่ายร่างกาย สายตาก็มองไปทางเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนอูหนูอย่างสุดชีวิตนั่นเป็นเลือดเนื้อของอ๋องเฉิน!เขาไม่รู้ และยังทำร้ายอ๋องเฉิน ตอนนี้อ๋องหลีเรืองอำนาจ และมีเด็กคนนี้อยู่ในมือ อ๋องหลีได้เปรียบทุกทางเหตุใดเฟิงเจิ้งหลีจึงเหี้ยมโหดเช่นนี้!หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนที่เขาเพิ่งเกิด ก็สมควรประทานความตาย เหมือนกับแม่ที่เป็นนางกำนัลของเขา!เขาใจดีเกินไปแล้ว!อย่างไรเขาก็คิดไม่ถึง ตลอดทางที่ตนเองเดินมา เคยพบเห็นสิ่งต่างๆ พายุคลื่นลมอะไรที่ไม่เคยเห็นบ้าง? สุดท้ายกลับมาพลาดท่าให้กับลูกชายที่ไม่สะดุดตาที่สุด!อ๊ะ!ความโกลาหลตรงหน้า ตัวตนที่แท้จริงของพระนัดดาองค์โต ความปลอดภัยของอ๋องเฉินไม่ทราบแน่ชัด เขากลับทำได้เพียงนั่งอยู่ตรงนี้ ทำอะไรไม่ได้เลย การโจมตีทุกรูปแบบถาโถมเข้ามาพร้อมกัน ประกอบกับไฟแห่งความโกรธอัดอั้นอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ลมหายใจไม่สามารถสงบ กลายเป็นกล
“อ๋องเฉิน พระชายาอ๋องเฉิน ฝ่าบาทมีคำสั่งจากบริเวณจวนอ๋อง นี่พวกท่านจะไปไหนหรือ?”บนถนน ทหารรักษาพระองค์แหวกออกเป็นสองฝั่ง เปิดเป็นทางกว้างสายหนึ่ง ตรงปลายถนน อ๋องหลีในชุดเพ้าสีขาว เดินเข้ามาอย่างช้าๆ ด้วยท่วงท่าที่สง่างามเขาหรี่ตา มุมปากอมยิ้ม ในมือถือธนูหนึ่งคัน เดินเข้ามาอย่างสบายๆ รอยยิ้มอบอุ่นเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว เดินมาถึงขั้นนี้ ก็ไม่พูดมากแล้ว กำกระบี่เปื้อนเลือดในมือแน่น พร้อมลงมือทุกเมื่อ“นายท่าน พระชายา พวกท่านรีบขึ้นกำแพงเมือง นอกกำแพงมีคนรอรับ พวกเราจะถ่วงเวลาไว้เอง!”หานเฟิง หานอิ๋ง และองครักษ์ลับสิบกว่าคนยืนเป็นครึ่งวงกลม ป้องทั้งสองไว้ข้างหลัง ปลายกระบี่ชี้ไปทางทหารรักษาพระองค์ที่อยู่โดยรอบนี่คือการประมือที่มีผลแพ้ชนะแตกต่างกันมากพวกเขามีเพียงสิบกว่าคน แต่ทหารรักษาพระองค์ล้อมข้างในสามชั้น ข้างนอกสามชั้น มีเป็นพันคน และบนกำแพงเมืองก็มีทหารถือธนู เล็งตรงมาที่พวกเขา เมื่อไรที่ลงมือ ฝนธนูก็ถูกยิงลงมาเหมือนกำลังยิงเป้าที่มีชีวิตโอกาสที่จะออกจากเมืองมีน้อยมากฉู่เชียนหลีกล่าว “จะไปก็ไปด้วยกัน จะอยู่ก็อยู่ทั้งหมด”ลูกทั้งสองออกจากเมืองแล้ว
มาถึงตอนนี้ ในที่สุดการต่อสู้อันดุเดือดของค่ำคืนนี้ก็สิ้นสุดลง คนทั้งกลุ่มถูกคุมตัวไปขังที่คุกหลวง สนามรบก็ถูกเก็บกวาดอย่างรวดเร็ว กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในอากาศของเมืองหลวงเป็นเวลานานค่ำคืนนี้ ยาวนานเป็นพิเศษ…วังหลวง“ในที่สุดข้าก็ได้เจ้ามาครอบครองแล้ว!”เฟิงเจิ้งหลีผลักฉู่เชียนหลีจนเสียหลักเซไปข้างหลัง แผ่นหลังชนใส่ประตูของห้องทรงพระอักษรจนเปิด ถอยหลังติดต่อกันเจ็ดแปดก้าว จึงจะสามารถยืนได้อย่างมั่นคงมือทั้งสองข้างถูกพันธนาการไพล่หลัง ขยับไม่ได้“ฉู่เชียนหลี!”เขาเดินตรงเข้ามาหานาง จับไหล่ของนาง เดินเข้าใกล้นางทีละก้าวถอยถอยจนกระทั่งนางล้มนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่สามารถถอยได้อีกแล้ว ร่างกายที่สูงยาวของเขาโน้มลงไป จับคางที่ผอมบาง ออกแรงยกขึ้นมา“ข้าเคยพูดไว้ ข้าไม่มีทางแพ้”ผู้ชนะคนสุดท้ายต้องเป็นเขาเท่านั้น“ข้าเคยพูดไว้ จะแก้แค้นให้แม่บุญธรรม จะแก้ชื่อเสียงของแม่ข้าให้ถูกต้อง จะเอาคืนเฟิงเย่เสวียน จะได้เจ้ามาครอบครอง ข้าทำได้แล้ว”“ข้าทำได้แล้ว!”คำพูดถูกเค้นออกมาจากไรฟัน แต่ละคำชัดเจนมากเขาต้องการระบายความเกลียดชังในใจ ประกาศความสุขในเวลานี้ ยิ่งนึกย้อนถึงอุปสรรค
“เฟิงเจิ้งหลี เจ้าบ้าไปแล้ว! ข้าเป็นคนของอ๋องเฉิน เจ้าทำเช่นนี้ไม่กลัวผู้คนรังเกียจหรือ?”เขาแหงนหน้าหัวเราะ เหมือนบ้าแต่ก็ไม่บ้า ในดวงตาแจ่มชัดเป็นพิเศษ“ข้ากล้ากระทั่งวางแผนชิงราชบัลลังก์ แล้วเหตุใดต้องกลัวคำนินทาเหล่านี้ด้วย?”เรื่องที่เขาทำ เป็นไปตามแผนตลอด ไม่เลือกวิธีการ ต้องทำให้ได้ฉู่เชียนหลีเม้มปากแน่น คิ้วทั้งสองข้างขมวดจนเหมือนปม “เจ้าโน้มน้าวให้ฝ่าบาทเข้าข้างเจ้าได้อย่างไร?”เขาให้ความสำคัญอ๋องเฉินมากเช่นนั้น ไม่มีทางเข้าข้างอ๋องหลี“เจ้าใช้วิธีสกปรกอะไร?”“อย่าใช้คำว่าวิธีสกปรกที่หยาบคายเช่นนี้ ข้าแค่มอบสิ่งที่เขาต้องการเล็กน้อยก็เท่านั้น บางทีเจ้าอาจยังไม่รู้ ตอนนั้น ฝ่าบาทให้พวกเจ้าตามหาดอกไม้แห่งความตาย จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา อยากเป็นอมตะกระมัง?”เป็นอมตะ!สมัยโบราณ เพื่อสามารถกุมอำนาจทั้งชีวิต จักรพรรดิหลายคนก็ค้นหาพวกสูตรยาพื้นบ้าน ปรุงยาอะไรจริงๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายของการเป็นอมตะคิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทก็…ตอนนั้น ฝ่าบาทให้นางหาวิธีกินดอกไม้แห่งความตาย นางยังไร้เดียงสาคิดว่ารักษาโรคให้ฮองเฮา“เจ้ารู้เรื่องดอกไม้แห่งความตายได้อย่างไร? ตอนนั้น พวกเราไปตามหาด
พลันสายตาเฟิงเจิ้งหลีเย็นลง “เขาเฟิงเย่เสวียนมีอะไรดี? สิ่งที่เขาสามารถให้เจ้า ข้าก็สามารถให้เจ้า หรือแม้กระทั่งดีกว่าเขา!”แม้แต่แผ่นดินเขาไม่เข้าใจ เขามอบตัวเองและแผ่นดินให้นางหมดแล้ว นางยังมีอะไรไม่พอใจอีก?ฉู่เชียนหลีหัวเราะเบาๆ“เฟิงเจิ้งหลี เจ้าไม่เข้าใจอะไรคือความรัก”ความรักไม่ใช่สิ่งที่วัตถุสามารถวัดได้ค่า อธิบายด้วยประโยคง่ายๆ ก็คือไม่ว่าเขาจะแย่เพียงใด ขอแค่ข้ารัก เขาก็คือสิ่งที่ดีที่สุดไม่ว่าเขาจะสมบูรณ์แบบเพียงใด ขอแค่ข้าไม่รัก เขาก็มีหรือไม่มีก็ได้ ไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึงมันง่ายเช่นนี้แหละ“ข้าไม่เข้าใจ?” เขาขมวดคิ้ว “ข้ามอบสิ่งที่ตัวเองใส่ใจให้เจ้า และถึงขั้นเห็นเจ้าเป็นจุดศูนย์กลาง ข้าดีกับเจ้าเช่นนี้ เจ้ายังบอกว่าข้าไม่เข้าใจอะไรคือความรัก?”ฉู่เชียนหลีเงียบ แค่มองเขาด้วยรอยยิ้มที่เรียบเฉย“ฉู่เชียนหลี เจ้าโลภมากเกินไปแล้ว ถ้าหากข้าปล่อยเจ้าตอนนี้ เจ้ายังอยากเอาชีวิตข้าใช่หรือไม่?”ฉู่เชียนหลียิ้ม“เจ้าสามารถเอาชีวิตข้าไปได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ รอหลังจากข้าจัดการเฟิงเย่เสวียน เจ้าอยากทำอะไรข้า ข้ายินดีทุกเมื่อ!”เขาชื่นชมตัวเองที่ตามใจนางมาก สิทธิพิเศษเช่นน
“เฟิงเย่เสวียน…”ฉู่เชียนหลีจับราวลูกกรงแน่น หันกลับไปจ้องเฟิงเจิ้งหลีอย่างโกรธเคือง “เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไม? ถ้าไม่ฆ่าพวกเรา ก็ขังพวกเราด้วยกัน!”เฟิงเจิ้งหลีเดินเข้ามาบีบคางของนาง“ขังด้วยกัน? เจ้าฝันไปเถอะ!”เขาใช้ฝ่ามือบิดศีรษะของนางอย่างเย็นชา ทำให้ตาของนางมองตรงไปยังผู้ชายที่สะบักสะบอมคนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ“เบิกตาเจ้าดูให้ดี ผู้ชายที่เหมือนสุนัขคนนี้ จะปกป้องเจ้าอย่างไร? เจ้าอยู่กับเขา มีแต่ตายสถานเดียว อยู่ข้างกายข้าจึงจะเป็นทางเลือกเดียวของเจ้า เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ?”ในคุกหลวงแห่งนี้มืดมนมาก เต็มไปด้วยความตาย เครื่องทรมานต่างๆ น่ากลัว เป็นสถานที่ที่ผู้คนได้ยินแล้วขนลุกนางกัดฟันแน่น ความดื้อรั้นระหว่างคิ้วไม่ลดลงแม้แต่น้อย“แล้วอย่างไร? เป็นหรือตายข้าก็จะอยู่กับเฟิงเย่เสวียน เจ้าสามารถแยกพวกเราออกจากกัน แต่ไม่สามารถขัดขวางหัวใจของข้า?”เวลานี้ นางเด็ดเดี่ยวจริงจังมากแต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ เฟิงเจิ้งหลียิ่งโกรธเขาได้ใต้ฟ้ามาครอบครองแล้ว เหตุใดยังไม่ได้นางมาครอบครองอีก?เขาไม่เชื่อ!ใต้ฟ้าผืนนี้ ไม่มีอะไรที่เขาไม่สามารถได้มาครอบครอง ต่อให้เป็นแตงที่ฝืน
สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนเล็กน้อยเสด็จพี่รองจะช่วยนางเอง นางไม่ได้ขอให้เสด็จพี่รองทำเช่นนี้สักหน่อยเสด็จพี่รองยินดีทำเช่นนี้เอง เหตุใดกลายเป็นความผิดของนางแล้ว?อีกอย่างนะ เขาเป็นพี่ชาย นางเป็นน้องสาว พี่ชายปกป้องน้องสาว มันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วไม่ใช่หรือ?“จวินลั่วยวน เจ้ารู้หรือไม่ เจ้ามันไม่รู้จักพอ เจ้าเป็นแค่คนที่รู้จักเอาผลประโยชน์จากคนอื่น แต่ไม่เคยเสียสละ ไม่เคยตอบแทน เมื่อนานวันเข้า ก็กลายเป็นนิสัยเห็นแก่ตัว”“คิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง”“เอาแต่ได้อย่างเดียว”“ดูผิวเผินเหมือนเจ้าอยู่ในครอบครัวที่มีความสุข แต่ในความเป็นจริง ก็ไม่รู้เลยว่าอะไรคือความรักและความอบอุ่นในครอบครัว กลับกัน ข้ายังรู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่าแทนองค์ชายรอง”เขายอมเสี่ยงชีวิตช่วยน้องสาวออกมา แต่นางไม่สนใจความเป็นความตายของเขาเลยจวินลั่วยวนโกรธเล็กน้อยพูดถึงคำว่าครอบครัว นางก็จะนึกถึงเรื่องที่นางไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของฮองเฮาหนานยวนคำพูดของฉู่เชียนหลีกำลังเตือนนาง ความสุขที่นางได้รับในปัจจุบัน ล้วนขโมยมาทั้งสิ้น“ข้าควรทำอย่างไร เกี่ยวอะไรกับเจ้า!”นางเถียงกลับอย่างโกรธเคือง“ที่เสด็จพี่รองของ
สิ้นเสียงตะโกน เขาถูกทหารที่โถมเข้ามาปิดล้อมทหารโถมเข้ามาอย่างดุดันราวกับคลื่นยักษ์ กลืนกินเขาเข้าไปในนั้น เขาฟันกระบี่อย่างแน่วแน่ กัดฟันแน่น ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดเขายืนหยัดจนถึงแรงเฮือกสุดท้าย…ฉู่เชียนหลีตกใจมากคิดไม่ถึงว่าองค์ชายรองหนานยวนคนนี้ ต้องเสียสละชีวิตเพื่อน้องสาวแล้วหันมามองจวินลั่วยวน“อ๊ะ!”“ช่วยด้วย!”“รีบไป พวกเรารีบไปเร็ว! ถ้ายังไม่ไป ต้องตายอยู่ที่นี่แน่!”จวินลั่วยวนกลัวจนสติแตกไปแล้ว กุมศีรษะกรีดร้องไม่หยุด ริมฝีปากซีด ยกกระโปรงขึ้นก็วิ่งออกไปข้างนอก “รีบหนีเร็ว! อ๊ะ!”“...”พี่ชายของนางถูกปิดล้อม ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย นางจะไปทั้งเช่นนี้?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว แต่นึกถึงคำพูดของจวินอี้หลิน นางทำได้เพียงไล่ตาม“อ๊ะ!”“อ๊ะ!”จวินลั่วยวนพลางวิ่ง พลางกรีดร้อง ซึ่งดึงดูดความสนใจของทหาร มีทหารส่วนหนึ่งแยกตัวออกมาไล่ตามสายตาฉู่เชียนหลีขรึมลง ก้าวไปข้างหน้า “จวินลั่วยวน! หุบปาก!”ร้องต่อไปไม่ได้แล้ว!“เจ้าอยากล่อทุกคนมาหรือ!”“อ๊ะๆ! ข้ากลัว! เลือดเต็มไปหมด! จะตาย…อ๊ะ!”“หุบปาก!”“อ๊ะ!”เพียะ!นางไม่ฟังเลย ฉู่เชียนหลีเห็นทหารที่ม
เหล่าทหารตื่นตัวขึ้นมาทันที ทุกคนพากันหันไปมอง ก็เห็นร่างเงาสีดำวิ่งผ่าน สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน“แย่แล้ว!”“มีคนลอบโจมตี!”เสียงตะโกนทำให้ทุกคนตื่นตัว และคนหกเจ็ดสิบคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็รีบวิ่งมา พบฉู่เชียนหลีและคนอื่นแล้ว“จับพวกเขา!”ชักอาวุธออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรงฉู่เชียนหลีเห็นท่าไม่ดี ทำได้เพียงถือกระบี่ต่อสู้กับพวกเขา“เผด็จศึกโดยเร็ว อย่ายืดเยื้อ เน้นช่วยคนเป็นหลัก!”ยิ่งสู้นาน ก็จะยิ่งดึงดูดคนมามากขึ้นฉวยโอกาสตอนที่การเคลื่อนไหวของที่นี่ยังไม่กระจายออกไป รีบจัดการโดยเร็ว ช่วยอ๋องเฉินออกมา และรีบถอนกำลัง นี่จึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด“เจ้าค่ะ!”หานอิ๋งชักกระบี่ พาเหล่าองครักษ์ลับพุ่งออกไป เริ่มสู้กับเหล่าทหาร“ลงมือ!”จวินอี้หลินตวาดเบาๆ เขาดึงน้องสาวมาไว้ในอ้อมแขน ใช้มือข้างหนึ่งถือกระบี่ ต่อสู้กับทหารเหล่านั้นจนโกลาหลไปหมดทันใดนั้น ประกายดาบ เงากระบี่ เสียงตะโกน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดปัง!เคร้ง!“อ่า!”“พู่!”“ฉึก!”ในการต่อสู้ที่ดุเดือด มีคนล้มลง มีคนได้รับบาดเจ็บ มีคนกระอักเลือด ชั้นวาง ท่อนไม้ กาน้ำ ของต่างๆ ล้มเกลื่อนพื้นวุ่นวายไป
หลังจากฉู่เชียนหลีรวบรวมคนในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเตรียมตัวออกเดินทาง ได้พบกับองค์ชายรองแคว้นหนานยวนหลังจากรู้จุดประสงค์การมาของเขา นางขมวดคิ้วแน่นองค์ชายรองเข้าร่วม นางย่อมยินดี แต่สายตาของนางมองไปที่จวินลั่วยวนโดยตรง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา“นาง ไปไม่ได้”นิ้วชี้ชี้ไปทางจวินลั่วยวนโดยตรง“!”จวินลั่วยวนกระทืบเท้าทันที “เพราะอะไร!”แม้แต่เสด็จพี่รองก็ตอบตกลงแล้ว นางไปได้ไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับฉู่เชียนหลี?“อ๋องเฉินถูกจับ พวกเราเป็นพันธมิตรกัน ข้าช่วยออกแรงอีกส่วนมันจะเป็นอะไร? เจ้าคิดว่าอาศัยแค่เจ้าคนเดียว สามารถช่วยอ๋องเฉินได้หรือ?”“การมีคนเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ก็เท่ากับมีกำลังเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน จิตใจเจ้าคับแคบมาก ช่วยเปิดใจหน่อยได้หรือไม่?”เมื่อหานอิ๋งได้ยินคำพูดนี้ ก็จะพุ่งเข้าไปด้วยความหงุดหงิดทันทีพระชายาของพวกเขา ถึงคราวที่คนนอกจะมาสั่งสอนตั้งแต่เมื่อไร?คนที่ท่านอ๋องยังไม่ยอมตำหนิเลย จะปล่อยให้ขยะอย่างนางมารังแกได้อย่างไร?“หานอิ๋ง”ฉู่เชียนหลีห้ามนาง มีปัญหาน้อยลงดีกว่ามีปัญหาเพิ่ม อย่าทะเลาะกัน“พระชายา…”“ช่างเถอะ”จวินอี้หลินจับมือของจวินลั่วยวนแล้วก
เนื่องจากอ๋องเฉินถูกจับ บรรยากาศในทำเนียบจึงตึงเครียดมาก ทุกคนตั้งสติ ฟังคำสั่งของพระชายา ยืนเฝ้าประจำจุดของตัวเองอย่างเข้มงวดฉู่เชียนหลีออกคำสั่งปิดข่าว ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็นนอกทำเนียบอีกด้านของถนนจวินลั่วยวนนั่งอยู่บนบันได ระหว่างเข่าที่ชนกัน มีลูกอมที่เพิ่งซื้อมาวางอยู่หลายถุงนางกัดไม้เสียบเล็กๆ ไว้ พลางเลียลูกอม ดวงตาที่สวยงามคู่นั้น มองเห็นที่ทหารที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าร้อนใจ จากประตูใหญ่ของทำเนียบที่เปิดกว้าง เหมือนกับว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นนางหรี่ตาเลียมุมปาก“หวานจัง”ซวงซวงกล่าวเสียงเบา “องค์หญิง ขนมนี่หวานเกินไป ท่านกินน้อยหน่อย ระวังฟันผุนะเจ้าคะ”“ซวงซวง ขนมนี่ไม่หวาน ความหมายของข้าคือ ข้ามีความสุข”จวินลั่วยวนลุกขึ้นยืน โยนถุงลูกอมให้ซวงซวง อมไว้ในปากหนึ่งชิ้น เดินกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขซวงซวงสงสัยมีความสุข?มีความสุขอะไร?ก็แค่กินขนม ก็มีความสุขเช่นนี้แล้ว? หรือเป็นเพราะองค์ชายรองมา องค์หญิงมีความสุขมาก?ศาลาพักม้าจวินลั่วยวนเพิ่งกลับมา เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางเหมือนรองแม่ทัพ กำลังรายง
ฉู่เชียนหลีเป็นคนประเภทชอบลงมือทำ พูดแล้วก็ทำเลยบ่ายวันนั้น อวิ๋นอิงก็ไปซื้อเรียนสำหรับเด็กมาแล้ว ในหนังสือมีภาพว่า และตัวอักษรขนาดใหญ่ เหมาะกับเด็กอายุสามสี่ขวบที่เพิ่งหัดอ่านฉู่เชียนหลีถือหนังสือ สอนเด็กทั้งสองอย่างอดทน“แมลงปอ”“เว่ยซี จื่อเยี่ย ดู อันนี้เรียกว่าแมลงปอ มีปีกยาวๆ หนึ่งคู่ และยังมีตาที่โต”“นี่คือผีเสื้อ มา อ่านตามแม่ ฮวาหูเตี๋ย”เว่ยซีมองนมจนน้ำลายไหล ดูน่าสงสารมากจื่อเยี่ยอ้าปากส่งเสียงอีอาๆ แต่พูดไม่ชัด ไม่สามารถออกเสียงที่ถูกต้อง หัดพูดจนแก้มสีชมพูจะกลายเป็นสีแดงแล้ว“ฮวา…ฝู…ฝู…ฝูเตี๋ย…”“ไม่ถูก ฮวาหูเตี๋ย”“ฮวา…ฝู…เตีย…เตียเตี่ย!”พลันจื่อเยี่ยตาเป็นประกาย จู่ๆ ก็โบกมือน้อยเหมือนผีเสื้อกระพือปีก ปากก็ตะโกนอย่างสนุกสนาน“เตียเตี่ย!”ความหมายของเขาเหมือนกำลังบอกว่า เตียเตี่ย[1]เป็นผีเสื้อ “...”อวิ๋นอิงอุ้มเจี๋ยวเจี๋ยวยืนดูที่ข้างๆ รู้สึกเพียงภาพนี้โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมมาก จู่ๆ ก็สงสารเว่ยซีกับจื่อเยี่ยอย่างอธิบายไม่ถูกเด็กบ้านอื่นเริ่มเรียนตอนอายุห้าขวบแต่ของพระชายา หนึ่งขวบก็เริ่มเรียนแล้วนางก้มหน้า มองใบหน้าเล็กของลูกสาว กล่าวเสียงเบา
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลัน กลิ่นอายรอบกายขรึมลง มีความตื่นตระหนกสายหนึ่งแลบผ่านแววตาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวไม่นานก็สงบลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“นี่ท่านพูดอะไรของท่าน!”นางสะบัดมือของจวินชิงอวี่หลุด ลุกขึ้นยืน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกปรักปรำ“ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับคิดว่าข้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? เสด็จพี่สาม ก่อนที่ท่านจะพูด เคยถามใจตัวเองดูหรือไม่!”นางคำรามออกมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงไปแล้วจวินชิงอวี่รักนางมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยตำหนินางแม้แต่คำเดียวแต่…“ยวนเอ๋อร์ เดิมทีคนที่วางยา เป็นคนตัดฟืนของทำเนียบเจียงหนาน รับคำสั่งจากฮองเฮาตงหลิง วางยาพิษทำร้ายพี่น้องฝาแฝด ถูกพระชายาอ๋องเฉินจับได้”“แต่เมื่อวานเจ้าส่งคนไปทำเนียบ คนตัดฟืนคนนี้ก็มาอยู่ที่ศาลาพักม้าแล้ว”“กลางคืน เสด็จแม่ก็ถูกพิษแล้ว”นำทั้งหมดนี้มาเชื่อมโยงกัน จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร?จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง“ข้าเป็นห่วงความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉิน ส่งคนไปลองถามดู ท่านกลับคิดว่าข้าติดสิ
ความจริงเป็นไปตามที่ฉู่เชียนหลีคาดการณ์หลังจากจวินชิงอวี่ตามจวินลั่วยวนทัน ปลอบใจนางอยู่นาน เขารับประกันและใช้คำพูดดีๆ สารพัด จึงจะสามารถทำให้น้องสาวหายโกรธกลับถึงศาลาพักมา ก็พลบค่ำแล้วฮองเฮาหนานยวนฟื้นแล้ว“เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”“เสด็จแม่ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เจ็บคอหรือไม่?”จวินชิงอวี่ถามอย่างประหม่า จวินลั่วยวนรินน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง มองมารดาด้วยความห่วงใยฮองเฮาหนานยวนรู้สึกเจ็บแบบแสบร้อนในลำคอ แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บแสบมาก แม้กลืนน้ำก็เจ็บจนหน้าซีดนางเม้มปาก ไม่พูดสักคำจวินชิงอวี่จับมือของนาง กล่าวอย่างปวดใจ“เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต้องดีขึ้นแน่นอน ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ มีนางอยู่ ท่านจะต้องหายดีแน่นอน”จวินลั่วยวนพยักหน้า“ใช่แล้ว เสด็จแม่ ท่านก็อย่าเสียใจไปเลย อีกสามถึงห้าปีก็หายแล้ว”“...”คำพูดนี้ ฟังดูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่หากตั้งใจฟัง สำหรับฮองเฮาหนานยวนที่ชอบร้องเพลง ไม่ใช่จงใจพูดเสียดสีหรอกหรือ?ฮองเฮาหนานยวนถือแก้วน้ำ พิงอยู่ตรงหัวเตียง ค่อยๆ หลุบตา พูดไม่ออก และไม่อยา