ตำหนักหลักร้องรำทำเพลงเฉลิมฉลอง ร่วมดื่มอย่างสุขสันต์ มีการแสดงเสียงเพลงและการเต้นรำที่ใจกลางห้องโถง แขกเหรื่อดื่มสุรา สนทนา หัวเราะอย่างมีความสุขเฟิงเย่เสวียนถือจอกเหล้า ดื่มกับผู้ที่มาคารวะเหล้าเป็นระยะ และมองออกไปที่นอกตำหนักเป็นระยะ นั่งตัวตรงอย่างผ่าเผยฉู่เชียนหลีหยิบขนมในจานเข้าปาก หางตาเหลือบมองนอกตำหนักอย่างเงียบๆนอกตำหนัก ไร้คนลองคำนวณเวลาดู น่าจะได้เวลาแล้ว แต่ทางนั้นกลับเงียบไร้การเคลื่อนไหว หรือเกิดข้อผิดพลาดอะไร?“อย่าตื่นตระหนก”ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งจับมือเล็กของนาง เสียงหนาทุ้มต่ำ ทำให้นางรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกฉู่เชียนหลียิ้มแล้วยิ้มอีก นางส่ายศีรษะ “อืม”ฝั่งตรงข้าม เฟิงเจิ้งหลีลุกขึ้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม“จื่อเยี่ยกับเว่ยซีลู่ฉินเกิดวันเดียวกัน ช่างเป็นวาสนาอะไรเช่นนี้ และทำให้มิตรภาพระหว่างพวกเราสองพี่น้องก้าวไปอีกขั้น มา ข้าดื่มให้อ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉินหนึ่งจอก”เขายกจอกเหล้าขึ้น เดินอ้อมโต๊ะไปที่หน้าโต๊ะของคนทั้งสองชูจอกเหล้าขึ้น ยิ้มอย่างอ่อนโยนอ๋องหลีมาคารวะเหล้า มีเหตุผลที่ไม่ดื่มด้วยหรือ?เฟิงเย่เสวียนยกเปลือกตา กวาดมองเขาอย่างเกียจคร้านแ
ทุกคนคิดว่ามีเหตุผล“ฝ่าบาทโปรดเปิดเผยต่อสาธารณะ ขจัดการคาดเดาที่ไร้สติของทุกคน ทำให้จิตใจราษฎรสงบ ทำให้บ้านเมืองมั่นคง!” มีขุนนางไม่น้อยกล่าวเป็นเสียงเดียวกันฮ่องเต้ถือจอกเหล้า สีหน้าพูดไม่ได้ว่าดีมากนัก เขาเม้มปาก มองดูคนทั้งสองที่ประจันหน้ากันเสือสองตัวสู้กัน ย่อมมีตัวหนึ่งที่บาดเจ็บเวลานี้ สายตาของทุกคนล้วนมองไปที่เขา เขาลังเลครู่หนึ่ง ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน“เรื่องนี้…”“เราได้ทำการตรวจสอบแล้วก็จริง แต่เรื่องนี้มีความซับซ้อน มีข้อสงสัยมากมาย หลักฐานมากมายยากจะแยกแยะจริงหรือเท็จ ชั่วขณะเราก็ไม่มั่นใจนัก”คำพูดของเขาคลุมเครือคิดได้สองแง่ทุกคนไม่แน่ใจความหมายของฮ่องเต้ ตกลงเข้าข้างอ๋องหลี หรือปกป้องอ๋องเฉิน?ขุนนางคนหนึ่งกล่าวเสนอแนะ“เมื่อครึ่งเดือนก่อน นายท่านรองกู้สารภาพเองกับปาก และเขาก็ได้ให้หลักฐานที่เกี่ยวข้อง เหตุใดไม่คุมตัวเขามา ให้เขาและหลักฐานเหล่านั้นเทียบกันทีละอย่างล่ะ?”เป็นวิธีที่ดีหลังจากฮ่องเต้ออกคำสั่ง ไม่นานนายท่านรองกู้ที่ถูกคุมขังในคุกหลวงก็ถูกพาตัวมาไม่เจอกันครึ่งเดือน เขาโทรมมากสวมชุดนักโทษ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าสกปรก ผอมจนแก้มบุ๋มเข้าไป มือและเ
แทบจะครึ่งหนึ่งของขุนนางเคลื่อนไหว พวกเขาไม่สามารถอดทนต่อโทษสถานหนักเช่นนี้ มองดูอ๋องหลีที่จิตใจอำมหิต แต่กลับแสร้งเป็นคนอ่อนโยนที่ยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึกว่าน่ากลัวเป็นพิเศษตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ บนใบหน้าเฟิงเจิ้งหลีก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ที่แตกต่างกันมากนักสายตาของเขา มากกว่านั้นคือมองไปทางฉู่เชียนหลีไม่เพียงไม่ตื่นตระหนก มุมปากยังเผยอขึ้นอย่างคลุมเครือ สงบเหมือนกำลังนั่งตกปลาฉู่เชียนหลีสังเกตเห็นรอยยิ้มที่ลึกซึ้งของเขา ไม่รู้เพราะเหตุไร มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีแลบเข้ามาในสมอง ระหว่างความคลุมเครือ เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่นอกเหนือกันควบคุม…ทันใดนั้น คำพูดของนายท่านรองกู้เปลี่ยนทิศทาง“แต่ว่า อ๋องหลีกลับไม่ได้คิดคด!”ทุกคนที่กำลังโจมตีอย่างดุเดือด “?”“ตอนนั้น ข้าเกลี้ยกล่อมให้อ๋องหลีร่วมมือกับข้า กำจัดอ๋องเฉินด้วยกัน อ๋องหลีกลับคิดว่าเขากับอ๋องเฉินเป็นพี่น้องกัน ในร่างกายมีสายเลือดที่เหมือนกันไหลเวียนอยู่ พูดอะไรก็ไม่ยอมร่วมมือกับข้า!”“?”“เขาถึงขั้นแอบทำทีติดต่อกับซยงหนูที่เป่ยเจียงอย่างลับๆ ล้วงข้อมูลการจัดวางกองกำลังและแผนของพวกเขา เปิดเผยให้อ๋องเฉิน อ๋องเฉินจึงสามารถตีซยงหนูจ
กู้ชิงชิงรู้สึกไม่สบายใจ แม้แต่เสียงพูดก็กำลังสั่น“จำคำพูดของพ่อไว้!”“จำไว้ให้ดีๆ!”นายท่านรองกู้เบิกตากว้าง การแสดงออกดูน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เสียงก็ไม่เคยดุดันและหนักแน่นเช่นนี้พลันพลิกมือก็คว้าคอเสื้อของหลิงเชียนอี้ข้ามโต๊ะ“ท่านโหวน้อย ชิงชิงกับเจ้าหมั้นหมายกันตั้งแต่เด็ก เจ้าต้องดีกับนาง ไม่เช่นนั้น ข้าเป็นผีก็ไม่ละเว้นเจ้า!”เขาส่ายศีรษะเหมือนบ้าไปแล้ว น้ำลายกระเด็น“นางเป็นเมียของเจ้า เป็นทั้งชีวิต! ถ้าหากเจ้ากล้าปลดนาง หรือรังแกนาง ข้าจะทำให้เจ้าไม่ได้ตายดี! ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต! ทั้งตระกูลกู้คือที่พึ่งของนาง นางได้รับความคับข้องใจแม้แต่น้อย ทั้งตระกูลกู้ของข้าจะทุ่มกำลังทั้งหมด ต่อให้ต้องล่มจมไปพร้อมกับจวนโหวติ้งกว๋อ ก็ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าได้อยู่อย่างมีความสุข!”หลิงเชียนอี้ถูกเขากระชากจนโอนเอน ร่างกายยืนไม่มั่นคงแล้ว“เจ้าบ้าไปแล้ว!”เขาจับมือของนายท่านรองกู้ ออกแรงแกะออก “ปล่อยข้า!”“ข้าต้องการให้เจ้าดีกับชิงชิง! ทั้งชีวิตทั้งภพทั้งชาติ!”“ปล่อยข้า!”นายท่านรองกู้คลั่งอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็สงบลงหลายส่วน มุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ขมขื่น กล่าวอย่างแผ่ว
“ข้าไม่ได้ฆ่าเขา! ข้าเปล่านะ!” หลิงเชียนอี้ตื่นตระหนกงานเลี้ยงอาหารค่ำของคืนนี้ สำคัญสำหรับอ๋องเฉินมาก ทุกคำพูดนั้นอาจนำมาซึ่งหายนะเขาไม่ได้ช่วยอะไรอ๋องเฉิน กลับกันยังถูกนายท่านรองกู้รุกฆาตเขามองไปทางอ๋องเฉินอย่างตื่นตระหนก“ท่านน้า ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ นายท่านรองกู้เป็นคนกระโจนเจ้ามาหาข้าเอง เขาใส่ร้ายข้า! เขาใส่ร้ายข้า…”เขาถูกปรักปรำ!“ข้าไม่ได้ฆ่าคนปิดปาก ไม่ได้ทำลายหลักฐาน ข้าเปล่านะ…”ฉู่เชียนหลีย่อมรู้ว่าเขาบริสุทธิ์ใช้นิ้วเท้าคิด ก็สามารถมองออกว่านายท่านรองกู้ใช้การตายของตัวเอง ไปใส่ความอ๋องเฉินแต่เมื่อครู่ต่อหน้าคนมากมาย ต่อให้รู้ว่าหลิงเชียนอี้คือผู้บริสุทธิ์ ก็ไม่สามารถปิดปากของทุกคนเพราะเรื่องนี้ พวกเขาตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบแล้ว…เฟิงเจิ้งหลีหัวเราะอย่างเย้ยหยัน กล่าวอย่างเชื่องช้า“อ๋องเฉินเอ๋ย น้องเจ็ดเอ๋ย เจ้ากับข้าเป็นพี่น้องกัน แม้ไม่ใช่แม่เดียวกัน แต่เลือดที่ไหลอยู่ในร่างกายล้วนเหมือนกัน เหตุใดเจ้าต้องทำให้มันเด็ดขาดเช่นนี้ด้วย?”เขามองเฟิงเย่เสวียนด้วยสายตาลึกล้ำ“หรือเพราะข้ามีชีวิตอยู่ มันขัดแข้งขัดขาเจ้า?”อัครมหาเสนาบดีฉู่พูดแซง “อ๋องหลี
ส่งลูกสาวสองคนออกไปแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล นางยังต้องตื่นตระหนกอะไร?เมื่อคืน นางบอกว่า นางเป็นคนที่เคยตายหนึ่งครั้งแล้ว ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้นเขาจับมือของนางพูดว่า ไม่ว่าเป็นหรือตายก็จะอยู่ด้วยกันพอมาถึงตอนนี้ คิดจะเปลี่ยนใจ? สายไปแล้วเฟิงเย่เสวียนมองนาง มองอยู่ดีๆ ก็ยิ้มแล้ว “ข้าเสียใจแล้ว”เสียใจอะไร?เสียใจที่พานางเข้าวังร่วมงานเลี้ยง? เสียใจที่ลากนางเข้ามาในข้อพิพาทครั้งนี้? เสียใจที่อยู่กับนาง หรืออย่างอื่น?“เสียใจที่เมื่อคืนไม่จัดการเจ้าอีกสักสองยก”“...”ฉู่เชียนหลีเกือบสำลักน้ำลาย สถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ จู่ๆ ก็พูดเช่นนี้ ช่วยจริงจังหน่อยได้หรือไม่?แค่ก!“ต่อไปมีโอกาสค่อยจัดการ”เขาจับมือของนาง มองกลุ่มคนที่เถียงหน้าดำหน้าแดง กล่าวอย่างสงบ “ข้าจะอยู่ข้างกายเจ้าทุกวันไม่ไปไหนเลย”“...”เขาพูดจาเลี่ยนๆ อย่างสบายๆ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไรกันนะ?“หรือไม่พวกเราจัดการปัญหาตรงหน้าก่อน?”“ไม่มีประโยชน์แล้ว” เขากล่าว ในดวงตาสีหมึกแยกไม่ออกว่าโกรธหรือดีใจ กลับมองทะลุปรุโปร่งในปราดเดียว “ฝ่าบาทก็เป็นคนของเขา”ฉู่เชียนหลีประหลาดใจ “อะไรนะ?!”ฝ่าบาทเข้าข้างเขา
“ท้องของข้า…”ทันใดนั้นกู้ชิงชิงก็ตระหนักถึงบางสิ่ง รีบกุมท้องของตัวเองหลิงเชียนอี้ก็ตะลึงเช่นกันเลือด…แม้หลังจากแต่งงาน เขาไม่เคยแตะต้องนางแม้แต่ปลายนิ้ว แต่ตอนที่อ๋องเฉินยังอยู่เป่ยเจียง เพื่อทำให้ตระกูลกู้แปรพักตร์ เขาไปขอร้องกู้ชิงชิง เคยมีสัมพันธ์กับนางคืนหนึ่งหรือว่าคืนนั้น…“ฮูหยิน! ฮูหยิน!” สาวใช้รีบกระโจนเข้าไปประคองนาง “เลือดท่านออกเยอะมาก…อ๊ะ! ช่วยด้วย ใครก็ได้!”“ใครก็ได้รีบมาเร็ว!”ทุกคนตั้งสติได้ก็รีบกล่าว“รีบไปเชิญหมอหลวง ให้นางนอนลง อย่าขยับ!”นายท่านรองกู้เพิ่งตาย ตอนนี้ก็มีร่างกายช่วงล่างเลือดออกอีกคน ทั้งสองเรื่องล้วนเกิดจากมือของท่านโหวน้อย ทุกคนมองเขาด้วยสายตาที่แปลกประหลาดอัครมหาเสนาบดีฉู่ยิ่งมีจุดอ่อนให้พูดแล้ว“ดูเหมือนท่านโหวน้อยไม่เพียงจะฆ่าคนปิดปาก อีกทั้งยังไม่คิดจะละเว้นกระทั่งเลือดเนื้อแท้ๆ ของตัวเอง เหี้ยมโหดจริงๆ!”หลิงเชียนอี้ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ดวงตาที่เหม่อลอยมองท้องกู้ชิงชิง คราบสีแดงที่แสบตาสะท้อนเข้ามาตาเขา ทำให้สมองของเขาว่างเปล่าลูกของเขา…ลูกของเขากับกู้ชิงชิง…เลือดเยอะมาก…“ฝ่าบาท เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หรือท่านยัง
ทางนี้ฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียนออกจากวังโดยเร็วที่สุด จากนั้นก็เข้าไปในตอกมืดที่อยู่ข้างๆ อย่างคุ้นเคยตามที่ตกลงกันก่อนหน้านี้“ท่านอ๋อง พระชายา พวกท่านมาแล้ว!”ร่างกายเงาหลายสายเดินออกมาจากในตรอกอวิ๋นอิง เสี่ยวอู่ จิ่งอี้ก็อยู่ และยังมีคนของสำนักอู๋จี๋ องค์หญิงน้อยทั้งสองนอนอยู่ในผ้าห่อทารกอย่างหลับสนิท ไม่ร้องไห้ ไม่งอแงฉู่เชียนหลีรีบเดินไปทางเด็กทั้งสอง เปิดผ้าห่อทารกเบาๆ มองใบหน้าเล็กที่หลับสนิทของพวกนาง ใจละลายและสงบขอแค่ลูกปลอดภัย นางก็ไม่กลัวอะไรแล้ว“เตรียมทุกอย่างพร้อมหรือยัง!” เฟิงเย่เสวียนหมุนกาย หานเฟิง หานอิ๋ง ปรากฏตัวที่นอกตรอกทั้งสองสวมชุดจิ้นจวงสีดำ มือถือกระบี่ ท่าทางที่ขึงขังและความเงียบ เป็นสัญญาณว่าคืนนี้ผิดปกติไปจากเดิมหานเฟิงพยักหน้า“จัดการทุกคนในจวนอ๋องเฉินเรียบร้อยแล้ว กองกำลังของเราซุ่มอยู่ที่นอกเมือง รอรับคำสั่งนานแล้วขอรับ”หานอิ๋งกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าน้อยศึกษาเส้นทางไว้แล้ว หนึ่งเค่อก็สามารถไปถึงประตูเมือง ขอแค่ออกจากเมือง อ๋องหลีก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ”งานเลี้ยงอาหารค่ำคืนนี้ชัดเจนมาก เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วฮ่องเต้เป็นคนของ
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋
ตอนที่ตื่น ก็เป็นเที่ยงของวันใหม่แล้ว เฟิงเย่เสวียนรู้จักเตียงนานแล้ว หลังจากฉู่เชียนหลีกินอะไรง่ายๆ ก็ไปที่สำนักหมอหลวง หมกมุ่นอยู่กับตำราแพทย์พริบตาเดียวก็กลางคืนแล้วนางกำนัลมารายงาน ฮ่องเต้ฟื้นแล้ว ฉู่เชียนหลีไปตำหนักผานหลง ฮ่องเต้นอนตัวเกร็งอยู่บนเตียง นิ้วมือหยิกงอ ร่างกายครึ่งหนึ่งแข็งเหมือนท่อนไม้ ปากก็เบี้ยวจนมีน้ำลายไหลยืดเขาเบิกตากว้างจนลูกตาแทบทะลักออกมาแล้ว นางกำนัลที่ปรนนิบัติกลัวเล็กน้อย ไม่กล้าเข้าไปปรนนิบัติฉู่เชียนหลีเดินเข้ามา“ฝ่าบาททรงฟื้นเมื่อไร”“เมื่อหนึ่งเค่อก่อนเจ้าค่ะ” นางกำนัลตอบ“ดื่มโอสถหรือยัง?”“หนึ่งวันสามมื้อ ป้อนตรงเวลาเจ้าค่ะ”“อืม”นางเดินไปที่หน้าเตียง จับชีพจรของฮ่องเต้ ลักษณะชีพจรคงที่ ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร เพียงแต่ร่างกายได้รับหญ้าหมาเฟ้ยมากเกินไป ส่งผลให้ร่างกายชาจนไม่ตอบสนอง อย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกครึ่งปี จึงจะสามารถสลายหญ้าหมาเฟ้ยเหล่านี้หมดถึงเวลา ก็สามารถกลับมาเป็นปกติ“ดูแลดีๆ ต้องมีคนเฝ้าอยู่ข้างพระวรกายตลอดอย่างน้อยสองคน” นางกำชับนางกำนัลเวลานี้เอง ที่นอกประตู อวิ๋นอิงอุ้มน้องสาวมาแล้ว“พระชายา ท่านเอาแต่ยุ่งทั้งวัน ลู่ฉิ
ฉู่เชียนหลีมองนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้า อ๋องหลีก็ไม่สามารถก่อเรื่องมากมายเช่นนี้ เจ้าจะให้ข้าจัดการเจ้าอย่างไรจึงจะดี?”ถ้าไม่มียาอายุวัฒนะ อ๋องหลีจบสิ้นไปนานแล้วและยาชนิดนี้ก็มาจากมือของอูหนูอูหนูยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา ยืดอกหลังตรง การแสดงออกบนใบหน้าไม่เย่อหยิ่งแต่ก็ไม่ถ่อมตน นางเป็นคนที่เคยตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ย่อมไม่กลัว“จะฆ่าจะแกง เชิญตามสะดวก”นางเงยหน้า หลับตา“เจ้าเป็นผู้ช่วยที่ดีของอ๋องหลี ข้าฆ่าเจ้าทั้งเช่นนี้ จะไม่เสียดายแย่หรือ?” ฉู่เชียนหลีเดินไปที่ตรงหน้านาง “ข้าขอถามเจ้า เจ้าทำอะไรกับฝ่าบาท? เหตุใดจู่ๆ เขาก็เป็นอัมพาตเฉียบพลัน”อูหนูย่อมไม่อยากพูดไม่รอนางเอ่ยปาก ฉู่เชียนหลีเสริมอีกประโยค“ตายเป็นแค่ผลลัพธ์อย่างหนึ่ง แต่ขั้นตอนการตาย ควรตายอย่างไร ขึ้นอยู่กับข้า”“เจ้าสามารถปากแข็ง แต่ปากแข็งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ และยังจะเพิ่มความเจ็บปวด เจ้าเป็นคนฉลาด รู้ว่าควรเลือกอย่างไร”อูหนู “...”ข่มขู่อย่างโจ่งแจ้งถ้าหากนางยอมพูด มอบความตายที่ไม่เจ็บปวดให้นางถ้าหากนางไม่ยอมพูด คิดวิธีทรมานสารพัด เพื่อทำให้นางยอมพูด สุดท้ายก็ตายอยู่