“ท้องของข้า…”ทันใดนั้นกู้ชิงชิงก็ตระหนักถึงบางสิ่ง รีบกุมท้องของตัวเองหลิงเชียนอี้ก็ตะลึงเช่นกันเลือด…แม้หลังจากแต่งงาน เขาไม่เคยแตะต้องนางแม้แต่ปลายนิ้ว แต่ตอนที่อ๋องเฉินยังอยู่เป่ยเจียง เพื่อทำให้ตระกูลกู้แปรพักตร์ เขาไปขอร้องกู้ชิงชิง เคยมีสัมพันธ์กับนางคืนหนึ่งหรือว่าคืนนั้น…“ฮูหยิน! ฮูหยิน!” สาวใช้รีบกระโจนเข้าไปประคองนาง “เลือดท่านออกเยอะมาก…อ๊ะ! ช่วยด้วย ใครก็ได้!”“ใครก็ได้รีบมาเร็ว!”ทุกคนตั้งสติได้ก็รีบกล่าว“รีบไปเชิญหมอหลวง ให้นางนอนลง อย่าขยับ!”นายท่านรองกู้เพิ่งตาย ตอนนี้ก็มีร่างกายช่วงล่างเลือดออกอีกคน ทั้งสองเรื่องล้วนเกิดจากมือของท่านโหวน้อย ทุกคนมองเขาด้วยสายตาที่แปลกประหลาดอัครมหาเสนาบดีฉู่ยิ่งมีจุดอ่อนให้พูดแล้ว“ดูเหมือนท่านโหวน้อยไม่เพียงจะฆ่าคนปิดปาก อีกทั้งยังไม่คิดจะละเว้นกระทั่งเลือดเนื้อแท้ๆ ของตัวเอง เหี้ยมโหดจริงๆ!”หลิงเชียนอี้ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ดวงตาที่เหม่อลอยมองท้องกู้ชิงชิง คราบสีแดงที่แสบตาสะท้อนเข้ามาตาเขา ทำให้สมองของเขาว่างเปล่าลูกของเขา…ลูกของเขากับกู้ชิงชิง…เลือดเยอะมาก…“ฝ่าบาท เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หรือท่านยัง
ทางนี้ฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียนออกจากวังโดยเร็วที่สุด จากนั้นก็เข้าไปในตอกมืดที่อยู่ข้างๆ อย่างคุ้นเคยตามที่ตกลงกันก่อนหน้านี้“ท่านอ๋อง พระชายา พวกท่านมาแล้ว!”ร่างกายเงาหลายสายเดินออกมาจากในตรอกอวิ๋นอิง เสี่ยวอู่ จิ่งอี้ก็อยู่ และยังมีคนของสำนักอู๋จี๋ องค์หญิงน้อยทั้งสองนอนอยู่ในผ้าห่อทารกอย่างหลับสนิท ไม่ร้องไห้ ไม่งอแงฉู่เชียนหลีรีบเดินไปทางเด็กทั้งสอง เปิดผ้าห่อทารกเบาๆ มองใบหน้าเล็กที่หลับสนิทของพวกนาง ใจละลายและสงบขอแค่ลูกปลอดภัย นางก็ไม่กลัวอะไรแล้ว“เตรียมทุกอย่างพร้อมหรือยัง!” เฟิงเย่เสวียนหมุนกาย หานเฟิง หานอิ๋ง ปรากฏตัวที่นอกตรอกทั้งสองสวมชุดจิ้นจวงสีดำ มือถือกระบี่ ท่าทางที่ขึงขังและความเงียบ เป็นสัญญาณว่าคืนนี้ผิดปกติไปจากเดิมหานเฟิงพยักหน้า“จัดการทุกคนในจวนอ๋องเฉินเรียบร้อยแล้ว กองกำลังของเราซุ่มอยู่ที่นอกเมือง รอรับคำสั่งนานแล้วขอรับ”หานอิ๋งกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าน้อยศึกษาเส้นทางไว้แล้ว หนึ่งเค่อก็สามารถไปถึงประตูเมือง ขอแค่ออกจากเมือง อ๋องหลีก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ”งานเลี้ยงอาหารค่ำคืนนี้ชัดเจนมาก เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วฮ่องเต้เป็นคนของ
เมื่อแผ่นหลังของพวกเขาหายไปจากตรงหัวมุม ฉู่เชียนหลีจึงจะถอนสายตากลับอย่างวางใจ“กระวนกระวายหรือไม่?”เฟิงเย่เสวียนจับมือเล็กๆ ของนาง นุ่มๆ อุ่นๆ ปลายนิ้วเกี่ยวกับนิ้วนางฉู่เชียนหลีจับมือเขาแน่น “กระวนกระวายอะไร”วันนี้จะมาถึงในไม่ช้าก็เร็ว นางเตรียมพร้อมสำหรับมานานแล้ว ความตายเป็นแค่เรื่องชั่วพริบตา เมื่อลูกปลอดภัยแล้ว นางก็ไม่มีอะไรต้องกลัวไม่มีจุดอ่อน ย่อมไม่ต้องกลัวอะไร“ตั้งแต่ตอนที่แต่งงานกับเจ้า ข้าก็รู้แล้วว่าชีวิตไม่มีทางสงบ เกิดในราชวงศ์ เติบโตในราชวงศ์ ชนะคือราชา แพ้คือโจร ต่อให้เจ้าไม่อยากแย่งชิง ก็ต้องแย่งชิง ไม่อยากวุ่นวาย แผ่นดินนี้ก็ต้องวุ่นวาย”นางปลงแล้ว และไม่กลัวตายเขาหัวเราะเบาๆ ดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน จูบตรงหว่างคิ้ว“ไม่โทษข้าหรือ?”“โทษอะไรเจ้า?”“ปกป้องเจ้าไม่ดี”ฉู่เชียนหลีหลุดขำ “เจ้าเป็นโดราเอมอนหรือ? คิดว่าตัวเองสามารถทำได้ทุกอย่างหรือ?”ต่อให้เป็นคนที่เก่งเพียงใด ร่างกายก็เป็นเลือดเนื้อ ต่อให้แข็งแกร่งเพียงใด สามารถขึ้นสวรรค์หรือ?ได้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา เพียงพอแล้วเขาสงสัย “โดรา…อะไรมอน? นี่คืออะไร?”นางมองทหารรักษาพระองค์ที่อยู่ข้างนอ
“เจ้า!”สีหน้าผู้บัญชาการจางเปลี่ยนฉับพลันกระบี่ก็ชักออกมาแล้วเยี่ยม เห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมตัวมา!ก่อนอ๋องหลีออกคำสั่ง ก็ได้กำชับแล้ว ถ้าหากเกิดการปะทะ ลงมือได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ ไว้ชีวิตพระชายาอ๋องเฉินคนเดียวก็พอ ที่เหลือไม่ต้องสนใจ“พระชายาอ๋องเฉิน ท่านกล้าฝ่าฝืนพระบัญชาของฝ่าบาทอย่างเปิดเผย นี่คิดจะกบฏหรือ!” เขาตะคอกเสียงดังฉู่เชียนหลีหัวเราะ“อย่างไรอ๋องหลีก็เรืองอำนาจแล้ว ข้าก่อกบฏก็ดี ทรยศก็ช่าง มันก็ขึ้นอยู่กับคำพูดของเขาไม่ใช่หรือ?”สิ่งที่นางจะทำในตอนนี้ ก็คือถ่วงเวลาแค่ต้องถ่วงเวลาหนึ่งเค่อหลังจากหนึ่งเค่อ รอพวกอวิ๋นอิงออกจากเมืองแล้ว นางก็วางใจแล้วผู้บัญชาการจางเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว กลับถูกกระบี่บีบให้ถอยกลับไปเมื่อเห็นดังนี้ เขาก็ไม่เกรงใจแล้วเช่นกัน พลันตะคอก“ใครก็ได้ จับอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉิน ที่เหลือตามข้าไปปิดเมือง!”“รับทราบ!”เมื่อคำสั่งออกมา ทหารรักษาพระองค์ชักกระบี่ ก็พุ่งเข้าไปทันทีฉู่เชียนหลีถอยหลังสามก้าว ยืนขวางถนนทั้งสายด้วยกำลังเพียงลำพัง “วันนี้มีข้าอยู่ที่นี่ ข้าดูสิว่าใครกล้าไปปิดเมือง!”อยากไปที่ประตูเมือง นอกจากข้ามศพขอ
“เจ้า!”ยานั้น…มีปัญหา!ทุกครั้งที่ฮ่องเต้กิน ล้วนให้คนของสำนักหมอหลวงตรวจ แน่ใจว่าปลอดภัยก่อนจึงจะกิน แต่คิดไม่ถึงว่าก็ยังเปิดช่องโหว่ให้อ๋องหลีเขาดูถูกลูกชายคนนี้เกินไปแล้ว!ดูอ่อนโยน สุภาพเรียบร้อย ไม่มีพิษภัย แต่ในความเป็นจริง เวลาลงมือเขาจึงจะเป็นคนที่ฆ่าคนไม่เห็นเลือด และโหดเหี้ยมที่สุดคนนั้น!บนใบหน้าฮ่องเต้เต็มไปด้วยความโกรธ พุ่งเข้าไปก็เหวี่ยงฝ่ามือออกไป“เจ้าลูกทรพี!”เพียะ!เสียงดังชัดเจนฝ่ามือนี้ตบจนศีรษะเฟิงเจิ้งหลีเอียงไปด้านข้าง มุมปากแตกมีเลือดไหล มีรอยนิ้วมือห้านิ้วปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างชัดเจนทันที ทั้งแดงทั้งลึกอูหนูขมวดคิ้ว “ท่านอ๋อง…”เขายกมือห้ามนางยกริมฝีปากเบาๆ เลียเลือดที่มุมปาก ปลายนิ้วเช็ดหยดเลือด “เหอะ”หน้าอกกระตุก จู่ๆ เขาก็หัวเราะอย่างน่าประหลาด“เหอะๆ”ลูกทรพี?ที่เขาสามารถเดินมาถึงขั้นนี้ ล้วนถูกบีบบังคับไม่ใช่หรอกหรือ?ถ้าหากฮ่องเต้ยุติธรรมตั้งแต่เด็ก แล้วเหตุใดเขาต้องออกนอกลู่นอกทาง?“ตบเลย ตบเลย” เขายิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “รอข้าจับอ๋องเฉินกลับมา ข้าจะให้พระองค์ฆ่าเขาด้วยมือตัวเอง ถึงเวลานั้น ดูสิว่าข้าเหี้ยมโหดกว่า หรือพระองค์อำมหิต
พระราชโองการฉบับนี้ พูดอะไรฮ่องเต้ก็ไม่มีทางเขียนต่อให้เขาตาย ก็ไม่มีทางปล่อยให้เฟิงเจิ้งหลีทำสำเร็จ!ฮ่องเต้กำหมัด พลันสายตาเหี้ยมเกรียม ทันใดนั้นกระโจนออกไปข้างหน้า ใช้คอไปชนกระบี่เขาจะฆ่าตัวตาย!พลันเฟิงเจิ้งหลีขมวดคิ้ว พลิกมือเก็บกระบี่อย่างมือว่องตาไว ด้ามกระบี่กระทบหน้าอกฮ่องเต้อย่างแรง กระแทกจนเขาถอยหลังหลายก้าว ล้มนั่งลงบนเก้าอี้ สีหน้าซีดและไอไม่หยุด“อยากตาย?”เขายิ้มอย่างเย็นชา“ไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก!”ฮ่องเต้ยังมีประโยชน์สำหรับเขา ก่อนที่เขาจะกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ เขายังตายไม่ได้อูหนูลงมือ สกัดจุดชีพจรของฮ่องเต้ร่างกายฮ่องเต้แข็งฉับพลัน นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ในท่าเดิม ขยับไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงจ้องเฟิงเจิ้งหลีด้วยความโกรธเฟิงเจิ้งหลีเดินไปที่หน้าโต๊ะ สะบัดเสื้อเพ้า ทิ้งตัวนั่งลงไปอย่างสง่าผ่าเผย“ในเมื่อเสด็จพ่อไม่ยอมเขียนหนังสือสืบราชสมบัติ เช่นนั้นกระหม่อมเขียนเองก็ได้”“อูหนู ฝนหมึก”“เจ้าค่ะ”เขาจับพู่กัน หลังจากจุ่มน้ำหมึกก็ครุ่นคิด “พระราชโองการนี่ควรเขียนอย่างไรดีนะ? องค์ชายห้าอ๋องหลีฉลาดปราดเปรื่อง อ่อนโยนมีเมตตา เป็นบุคคลมีความสามารถแก่การปกครองแคว้น
“!”หลังของเต๋อฝูแข็งทื่อ เสียวสันหลังวาบ ตกใจจนขวัญแทบกระเจิงแล้ว คำพูดไม่ปะติดปะต่อ“บ่าว บ่าว…ต่อให้บ่าวมีสิบสองชีวิต บ่าวก็ไม่กล้าโกหกท่านขอรับ! ในวังแห่งนี้ก็คือใต้ฟ้าของท่าน ถ้าหากบ่าวพูดปด ท่านแค่สั่งคนตรวจสอบก็รู้แล้ว บ่าวยังจะโกหกท่าน ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ…”เขารีบโขกศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่า“อ๋องหลี ท่านโปรดปฏิบัติดีต่อฝ่าบาท บ่าวยินดีเชื่อฟังและจงรักภักดีต่อท่าน!”เขาอ้อนวอนอย่างถ่อมตนและจริงใจเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเขา สายตาเฉียบคมเหมือนนกอินทรี ราวกับกำลังพิจารณาคำพูดของเขาจริงหรือเท็จเต๋อฝูเป็นคนเก่าคนแก่ที่รับใช้ฮ่องเต้มานานสี่สิบกว่าปี และเป็นคนที่เข้าใจฮ่องเต้ที่สุด คำพูดของเขาไม่มีเท็จ นอกเสียจากเขาไม่ต้องการชีวิตสุนัขนี้แล้วช่างเถอะ!คนคนนี้มีความคุ้นเคยกับเรื่องการส่งมอบอำนาจ ผลประโยชน์ และการจัดสรรขุนนางต่างๆ เก็บไว้ยังมีประโยชน์“ไสหัวออกไป”“ขอรับ ขอรับ ขอบคุณอ๋องหลี ขอบคุณ…” เต๋อฝูตกใจจนหน้าซีด ขาสองข้างสั่นระริก วิ่งล้มลุกคลุกคลานออกไปแล้ว“ท่านอ๋อง พระนัดดาองค์โตร้องไห้ กล่อมอย่างไรก็ไม่หยุดร้องเจ้าค่ะ!”นางกำนัลคนอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย วิ่
เฟิงเจิ้งหลีวางเด็กไว้ในอ้อมแขนของอูหนู ตอนที่หมุนกาย ความอ่อนโยนบนใบหน้าหายไป เหลือเพียงความเย็นเยือก ก้าวเท้าเดินจากไปแล้วข้าไม่พยักหน้า เฟิงเย่เสวียน เจ้าอยากพาฉู่เชียนหลีหนี?ฝันไปเถอะ!“เออ!”ฮ่องเต้พยายามส่ายร่างกาย สายตาก็มองไปทางเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนอูหนูอย่างสุดชีวิตนั่นเป็นเลือดเนื้อของอ๋องเฉิน!เขาไม่รู้ และยังทำร้ายอ๋องเฉิน ตอนนี้อ๋องหลีเรืองอำนาจ และมีเด็กคนนี้อยู่ในมือ อ๋องหลีได้เปรียบทุกทางเหตุใดเฟิงเจิ้งหลีจึงเหี้ยมโหดเช่นนี้!หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนที่เขาเพิ่งเกิด ก็สมควรประทานความตาย เหมือนกับแม่ที่เป็นนางกำนัลของเขา!เขาใจดีเกินไปแล้ว!อย่างไรเขาก็คิดไม่ถึง ตลอดทางที่ตนเองเดินมา เคยพบเห็นสิ่งต่างๆ พายุคลื่นลมอะไรที่ไม่เคยเห็นบ้าง? สุดท้ายกลับมาพลาดท่าให้กับลูกชายที่ไม่สะดุดตาที่สุด!อ๊ะ!ความโกลาหลตรงหน้า ตัวตนที่แท้จริงของพระนัดดาองค์โต ความปลอดภัยของอ๋องเฉินไม่ทราบแน่ชัด เขากลับทำได้เพียงนั่งอยู่ตรงนี้ ทำอะไรไม่ได้เลย การโจมตีทุกรูปแบบถาโถมเข้ามาพร้อมกัน ประกอบกับไฟแห่งความโกรธอัดอั้นอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ลมหายใจไม่สามารถสงบ กลายเป็นกล
สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนเล็กน้อยเสด็จพี่รองจะช่วยนางเอง นางไม่ได้ขอให้เสด็จพี่รองทำเช่นนี้สักหน่อยเสด็จพี่รองยินดีทำเช่นนี้เอง เหตุใดกลายเป็นความผิดของนางแล้ว?อีกอย่างนะ เขาเป็นพี่ชาย นางเป็นน้องสาว พี่ชายปกป้องน้องสาว มันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วไม่ใช่หรือ?“จวินลั่วยวน เจ้ารู้หรือไม่ เจ้ามันไม่รู้จักพอ เจ้าเป็นแค่คนที่รู้จักเอาผลประโยชน์จากคนอื่น แต่ไม่เคยเสียสละ ไม่เคยตอบแทน เมื่อนานวันเข้า ก็กลายเป็นนิสัยเห็นแก่ตัว”“คิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง”“เอาแต่ได้อย่างเดียว”“ดูผิวเผินเหมือนเจ้าอยู่ในครอบครัวที่มีความสุข แต่ในความเป็นจริง ก็ไม่รู้เลยว่าอะไรคือความรักและความอบอุ่นในครอบครัว กลับกัน ข้ายังรู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่าแทนองค์ชายรอง”เขายอมเสี่ยงชีวิตช่วยน้องสาวออกมา แต่นางไม่สนใจความเป็นความตายของเขาเลยจวินลั่วยวนโกรธเล็กน้อยพูดถึงคำว่าครอบครัว นางก็จะนึกถึงเรื่องที่นางไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของฮองเฮาหนานยวนคำพูดของฉู่เชียนหลีกำลังเตือนนาง ความสุขที่นางได้รับในปัจจุบัน ล้วนขโมยมาทั้งสิ้น“ข้าควรทำอย่างไร เกี่ยวอะไรกับเจ้า!”นางเถียงกลับอย่างโกรธเคือง“ที่เสด็จพี่รองของ
สิ้นเสียงตะโกน เขาถูกทหารที่โถมเข้ามาปิดล้อมทหารโถมเข้ามาอย่างดุดันราวกับคลื่นยักษ์ กลืนกินเขาเข้าไปในนั้น เขาฟันกระบี่อย่างแน่วแน่ กัดฟันแน่น ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดเขายืนหยัดจนถึงแรงเฮือกสุดท้าย…ฉู่เชียนหลีตกใจมากคิดไม่ถึงว่าองค์ชายรองหนานยวนคนนี้ ต้องเสียสละชีวิตเพื่อน้องสาวแล้วหันมามองจวินลั่วยวน“อ๊ะ!”“ช่วยด้วย!”“รีบไป พวกเรารีบไปเร็ว! ถ้ายังไม่ไป ต้องตายอยู่ที่นี่แน่!”จวินลั่วยวนกลัวจนสติแตกไปแล้ว กุมศีรษะกรีดร้องไม่หยุด ริมฝีปากซีด ยกกระโปรงขึ้นก็วิ่งออกไปข้างนอก “รีบหนีเร็ว! อ๊ะ!”“...”พี่ชายของนางถูกปิดล้อม ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย นางจะไปทั้งเช่นนี้?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว แต่นึกถึงคำพูดของจวินอี้หลิน นางทำได้เพียงไล่ตาม“อ๊ะ!”“อ๊ะ!”จวินลั่วยวนพลางวิ่ง พลางกรีดร้อง ซึ่งดึงดูดความสนใจของทหาร มีทหารส่วนหนึ่งแยกตัวออกมาไล่ตามสายตาฉู่เชียนหลีขรึมลง ก้าวไปข้างหน้า “จวินลั่วยวน! หุบปาก!”ร้องต่อไปไม่ได้แล้ว!“เจ้าอยากล่อทุกคนมาหรือ!”“อ๊ะๆ! ข้ากลัว! เลือดเต็มไปหมด! จะตาย…อ๊ะ!”“หุบปาก!”“อ๊ะ!”เพียะ!นางไม่ฟังเลย ฉู่เชียนหลีเห็นทหารที่ม
เหล่าทหารตื่นตัวขึ้นมาทันที ทุกคนพากันหันไปมอง ก็เห็นร่างเงาสีดำวิ่งผ่าน สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน“แย่แล้ว!”“มีคนลอบโจมตี!”เสียงตะโกนทำให้ทุกคนตื่นตัว และคนหกเจ็ดสิบคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็รีบวิ่งมา พบฉู่เชียนหลีและคนอื่นแล้ว“จับพวกเขา!”ชักอาวุธออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรงฉู่เชียนหลีเห็นท่าไม่ดี ทำได้เพียงถือกระบี่ต่อสู้กับพวกเขา“เผด็จศึกโดยเร็ว อย่ายืดเยื้อ เน้นช่วยคนเป็นหลัก!”ยิ่งสู้นาน ก็จะยิ่งดึงดูดคนมามากขึ้นฉวยโอกาสตอนที่การเคลื่อนไหวของที่นี่ยังไม่กระจายออกไป รีบจัดการโดยเร็ว ช่วยอ๋องเฉินออกมา และรีบถอนกำลัง นี่จึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด“เจ้าค่ะ!”หานอิ๋งชักกระบี่ พาเหล่าองครักษ์ลับพุ่งออกไป เริ่มสู้กับเหล่าทหาร“ลงมือ!”จวินอี้หลินตวาดเบาๆ เขาดึงน้องสาวมาไว้ในอ้อมแขน ใช้มือข้างหนึ่งถือกระบี่ ต่อสู้กับทหารเหล่านั้นจนโกลาหลไปหมดทันใดนั้น ประกายดาบ เงากระบี่ เสียงตะโกน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดปัง!เคร้ง!“อ่า!”“พู่!”“ฉึก!”ในการต่อสู้ที่ดุเดือด มีคนล้มลง มีคนได้รับบาดเจ็บ มีคนกระอักเลือด ชั้นวาง ท่อนไม้ กาน้ำ ของต่างๆ ล้มเกลื่อนพื้นวุ่นวายไป
หลังจากฉู่เชียนหลีรวบรวมคนในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเตรียมตัวออกเดินทาง ได้พบกับองค์ชายรองแคว้นหนานยวนหลังจากรู้จุดประสงค์การมาของเขา นางขมวดคิ้วแน่นองค์ชายรองเข้าร่วม นางย่อมยินดี แต่สายตาของนางมองไปที่จวินลั่วยวนโดยตรง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา“นาง ไปไม่ได้”นิ้วชี้ชี้ไปทางจวินลั่วยวนโดยตรง“!”จวินลั่วยวนกระทืบเท้าทันที “เพราะอะไร!”แม้แต่เสด็จพี่รองก็ตอบตกลงแล้ว นางไปได้ไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับฉู่เชียนหลี?“อ๋องเฉินถูกจับ พวกเราเป็นพันธมิตรกัน ข้าช่วยออกแรงอีกส่วนมันจะเป็นอะไร? เจ้าคิดว่าอาศัยแค่เจ้าคนเดียว สามารถช่วยอ๋องเฉินได้หรือ?”“การมีคนเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ก็เท่ากับมีกำลังเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน จิตใจเจ้าคับแคบมาก ช่วยเปิดใจหน่อยได้หรือไม่?”เมื่อหานอิ๋งได้ยินคำพูดนี้ ก็จะพุ่งเข้าไปด้วยความหงุดหงิดทันทีพระชายาของพวกเขา ถึงคราวที่คนนอกจะมาสั่งสอนตั้งแต่เมื่อไร?คนที่ท่านอ๋องยังไม่ยอมตำหนิเลย จะปล่อยให้ขยะอย่างนางมารังแกได้อย่างไร?“หานอิ๋ง”ฉู่เชียนหลีห้ามนาง มีปัญหาน้อยลงดีกว่ามีปัญหาเพิ่ม อย่าทะเลาะกัน“พระชายา…”“ช่างเถอะ”จวินอี้หลินจับมือของจวินลั่วยวนแล้วก
เนื่องจากอ๋องเฉินถูกจับ บรรยากาศในทำเนียบจึงตึงเครียดมาก ทุกคนตั้งสติ ฟังคำสั่งของพระชายา ยืนเฝ้าประจำจุดของตัวเองอย่างเข้มงวดฉู่เชียนหลีออกคำสั่งปิดข่าว ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็นนอกทำเนียบอีกด้านของถนนจวินลั่วยวนนั่งอยู่บนบันได ระหว่างเข่าที่ชนกัน มีลูกอมที่เพิ่งซื้อมาวางอยู่หลายถุงนางกัดไม้เสียบเล็กๆ ไว้ พลางเลียลูกอม ดวงตาที่สวยงามคู่นั้น มองเห็นที่ทหารที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าร้อนใจ จากประตูใหญ่ของทำเนียบที่เปิดกว้าง เหมือนกับว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นนางหรี่ตาเลียมุมปาก“หวานจัง”ซวงซวงกล่าวเสียงเบา “องค์หญิง ขนมนี่หวานเกินไป ท่านกินน้อยหน่อย ระวังฟันผุนะเจ้าคะ”“ซวงซวง ขนมนี่ไม่หวาน ความหมายของข้าคือ ข้ามีความสุข”จวินลั่วยวนลุกขึ้นยืน โยนถุงลูกอมให้ซวงซวง อมไว้ในปากหนึ่งชิ้น เดินกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขซวงซวงสงสัยมีความสุข?มีความสุขอะไร?ก็แค่กินขนม ก็มีความสุขเช่นนี้แล้ว? หรือเป็นเพราะองค์ชายรองมา องค์หญิงมีความสุขมาก?ศาลาพักม้าจวินลั่วยวนเพิ่งกลับมา เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางเหมือนรองแม่ทัพ กำลังรายง
ฉู่เชียนหลีเป็นคนประเภทชอบลงมือทำ พูดแล้วก็ทำเลยบ่ายวันนั้น อวิ๋นอิงก็ไปซื้อเรียนสำหรับเด็กมาแล้ว ในหนังสือมีภาพว่า และตัวอักษรขนาดใหญ่ เหมาะกับเด็กอายุสามสี่ขวบที่เพิ่งหัดอ่านฉู่เชียนหลีถือหนังสือ สอนเด็กทั้งสองอย่างอดทน“แมลงปอ”“เว่ยซี จื่อเยี่ย ดู อันนี้เรียกว่าแมลงปอ มีปีกยาวๆ หนึ่งคู่ และยังมีตาที่โต”“นี่คือผีเสื้อ มา อ่านตามแม่ ฮวาหูเตี๋ย”เว่ยซีมองนมจนน้ำลายไหล ดูน่าสงสารมากจื่อเยี่ยอ้าปากส่งเสียงอีอาๆ แต่พูดไม่ชัด ไม่สามารถออกเสียงที่ถูกต้อง หัดพูดจนแก้มสีชมพูจะกลายเป็นสีแดงแล้ว“ฮวา…ฝู…ฝู…ฝูเตี๋ย…”“ไม่ถูก ฮวาหูเตี๋ย”“ฮวา…ฝู…เตีย…เตียเตี่ย!”พลันจื่อเยี่ยตาเป็นประกาย จู่ๆ ก็โบกมือน้อยเหมือนผีเสื้อกระพือปีก ปากก็ตะโกนอย่างสนุกสนาน“เตียเตี่ย!”ความหมายของเขาเหมือนกำลังบอกว่า เตียเตี่ย[1]เป็นผีเสื้อ “...”อวิ๋นอิงอุ้มเจี๋ยวเจี๋ยวยืนดูที่ข้างๆ รู้สึกเพียงภาพนี้โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมมาก จู่ๆ ก็สงสารเว่ยซีกับจื่อเยี่ยอย่างอธิบายไม่ถูกเด็กบ้านอื่นเริ่มเรียนตอนอายุห้าขวบแต่ของพระชายา หนึ่งขวบก็เริ่มเรียนแล้วนางก้มหน้า มองใบหน้าเล็กของลูกสาว กล่าวเสียงเบา
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลัน กลิ่นอายรอบกายขรึมลง มีความตื่นตระหนกสายหนึ่งแลบผ่านแววตาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวไม่นานก็สงบลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“นี่ท่านพูดอะไรของท่าน!”นางสะบัดมือของจวินชิงอวี่หลุด ลุกขึ้นยืน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกปรักปรำ“ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับคิดว่าข้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? เสด็จพี่สาม ก่อนที่ท่านจะพูด เคยถามใจตัวเองดูหรือไม่!”นางคำรามออกมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงไปแล้วจวินชิงอวี่รักนางมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยตำหนินางแม้แต่คำเดียวแต่…“ยวนเอ๋อร์ เดิมทีคนที่วางยา เป็นคนตัดฟืนของทำเนียบเจียงหนาน รับคำสั่งจากฮองเฮาตงหลิง วางยาพิษทำร้ายพี่น้องฝาแฝด ถูกพระชายาอ๋องเฉินจับได้”“แต่เมื่อวานเจ้าส่งคนไปทำเนียบ คนตัดฟืนคนนี้ก็มาอยู่ที่ศาลาพักม้าแล้ว”“กลางคืน เสด็จแม่ก็ถูกพิษแล้ว”นำทั้งหมดนี้มาเชื่อมโยงกัน จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร?จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง“ข้าเป็นห่วงความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉิน ส่งคนไปลองถามดู ท่านกลับคิดว่าข้าติดสิ
ความจริงเป็นไปตามที่ฉู่เชียนหลีคาดการณ์หลังจากจวินชิงอวี่ตามจวินลั่วยวนทัน ปลอบใจนางอยู่นาน เขารับประกันและใช้คำพูดดีๆ สารพัด จึงจะสามารถทำให้น้องสาวหายโกรธกลับถึงศาลาพักมา ก็พลบค่ำแล้วฮองเฮาหนานยวนฟื้นแล้ว“เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”“เสด็จแม่ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เจ็บคอหรือไม่?”จวินชิงอวี่ถามอย่างประหม่า จวินลั่วยวนรินน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง มองมารดาด้วยความห่วงใยฮองเฮาหนานยวนรู้สึกเจ็บแบบแสบร้อนในลำคอ แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บแสบมาก แม้กลืนน้ำก็เจ็บจนหน้าซีดนางเม้มปาก ไม่พูดสักคำจวินชิงอวี่จับมือของนาง กล่าวอย่างปวดใจ“เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต้องดีขึ้นแน่นอน ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ มีนางอยู่ ท่านจะต้องหายดีแน่นอน”จวินลั่วยวนพยักหน้า“ใช่แล้ว เสด็จแม่ ท่านก็อย่าเสียใจไปเลย อีกสามถึงห้าปีก็หายแล้ว”“...”คำพูดนี้ ฟังดูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่หากตั้งใจฟัง สำหรับฮองเฮาหนานยวนที่ชอบร้องเพลง ไม่ใช่จงใจพูดเสียดสีหรอกหรือ?ฮองเฮาหนานยวนถือแก้วน้ำ พิงอยู่ตรงหัวเตียง ค่อยๆ หลุบตา พูดไม่ออก และไม่อยา