ทุกคนคิดว่ามีเหตุผล“ฝ่าบาทโปรดเปิดเผยต่อสาธารณะ ขจัดการคาดเดาที่ไร้สติของทุกคน ทำให้จิตใจราษฎรสงบ ทำให้บ้านเมืองมั่นคง!” มีขุนนางไม่น้อยกล่าวเป็นเสียงเดียวกันฮ่องเต้ถือจอกเหล้า สีหน้าพูดไม่ได้ว่าดีมากนัก เขาเม้มปาก มองดูคนทั้งสองที่ประจันหน้ากันเสือสองตัวสู้กัน ย่อมมีตัวหนึ่งที่บาดเจ็บเวลานี้ สายตาของทุกคนล้วนมองไปที่เขา เขาลังเลครู่หนึ่ง ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน“เรื่องนี้…”“เราได้ทำการตรวจสอบแล้วก็จริง แต่เรื่องนี้มีความซับซ้อน มีข้อสงสัยมากมาย หลักฐานมากมายยากจะแยกแยะจริงหรือเท็จ ชั่วขณะเราก็ไม่มั่นใจนัก”คำพูดของเขาคลุมเครือคิดได้สองแง่ทุกคนไม่แน่ใจความหมายของฮ่องเต้ ตกลงเข้าข้างอ๋องหลี หรือปกป้องอ๋องเฉิน?ขุนนางคนหนึ่งกล่าวเสนอแนะ“เมื่อครึ่งเดือนก่อน นายท่านรองกู้สารภาพเองกับปาก และเขาก็ได้ให้หลักฐานที่เกี่ยวข้อง เหตุใดไม่คุมตัวเขามา ให้เขาและหลักฐานเหล่านั้นเทียบกันทีละอย่างล่ะ?”เป็นวิธีที่ดีหลังจากฮ่องเต้ออกคำสั่ง ไม่นานนายท่านรองกู้ที่ถูกคุมขังในคุกหลวงก็ถูกพาตัวมาไม่เจอกันครึ่งเดือน เขาโทรมมากสวมชุดนักโทษ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าสกปรก ผอมจนแก้มบุ๋มเข้าไป มือและเ
แทบจะครึ่งหนึ่งของขุนนางเคลื่อนไหว พวกเขาไม่สามารถอดทนต่อโทษสถานหนักเช่นนี้ มองดูอ๋องหลีที่จิตใจอำมหิต แต่กลับแสร้งเป็นคนอ่อนโยนที่ยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึกว่าน่ากลัวเป็นพิเศษตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ บนใบหน้าเฟิงเจิ้งหลีก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ที่แตกต่างกันมากนักสายตาของเขา มากกว่านั้นคือมองไปทางฉู่เชียนหลีไม่เพียงไม่ตื่นตระหนก มุมปากยังเผยอขึ้นอย่างคลุมเครือ สงบเหมือนกำลังนั่งตกปลาฉู่เชียนหลีสังเกตเห็นรอยยิ้มที่ลึกซึ้งของเขา ไม่รู้เพราะเหตุไร มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีแลบเข้ามาในสมอง ระหว่างความคลุมเครือ เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่นอกเหนือกันควบคุม…ทันใดนั้น คำพูดของนายท่านรองกู้เปลี่ยนทิศทาง“แต่ว่า อ๋องหลีกลับไม่ได้คิดคด!”ทุกคนที่กำลังโจมตีอย่างดุเดือด “?”“ตอนนั้น ข้าเกลี้ยกล่อมให้อ๋องหลีร่วมมือกับข้า กำจัดอ๋องเฉินด้วยกัน อ๋องหลีกลับคิดว่าเขากับอ๋องเฉินเป็นพี่น้องกัน ในร่างกายมีสายเลือดที่เหมือนกันไหลเวียนอยู่ พูดอะไรก็ไม่ยอมร่วมมือกับข้า!”“?”“เขาถึงขั้นแอบทำทีติดต่อกับซยงหนูที่เป่ยเจียงอย่างลับๆ ล้วงข้อมูลการจัดวางกองกำลังและแผนของพวกเขา เปิดเผยให้อ๋องเฉิน อ๋องเฉินจึงสามารถตีซยงหนูจ
กู้ชิงชิงรู้สึกไม่สบายใจ แม้แต่เสียงพูดก็กำลังสั่น“จำคำพูดของพ่อไว้!”“จำไว้ให้ดีๆ!”นายท่านรองกู้เบิกตากว้าง การแสดงออกดูน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เสียงก็ไม่เคยดุดันและหนักแน่นเช่นนี้พลันพลิกมือก็คว้าคอเสื้อของหลิงเชียนอี้ข้ามโต๊ะ“ท่านโหวน้อย ชิงชิงกับเจ้าหมั้นหมายกันตั้งแต่เด็ก เจ้าต้องดีกับนาง ไม่เช่นนั้น ข้าเป็นผีก็ไม่ละเว้นเจ้า!”เขาส่ายศีรษะเหมือนบ้าไปแล้ว น้ำลายกระเด็น“นางเป็นเมียของเจ้า เป็นทั้งชีวิต! ถ้าหากเจ้ากล้าปลดนาง หรือรังแกนาง ข้าจะทำให้เจ้าไม่ได้ตายดี! ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต! ทั้งตระกูลกู้คือที่พึ่งของนาง นางได้รับความคับข้องใจแม้แต่น้อย ทั้งตระกูลกู้ของข้าจะทุ่มกำลังทั้งหมด ต่อให้ต้องล่มจมไปพร้อมกับจวนโหวติ้งกว๋อ ก็ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าได้อยู่อย่างมีความสุข!”หลิงเชียนอี้ถูกเขากระชากจนโอนเอน ร่างกายยืนไม่มั่นคงแล้ว“เจ้าบ้าไปแล้ว!”เขาจับมือของนายท่านรองกู้ ออกแรงแกะออก “ปล่อยข้า!”“ข้าต้องการให้เจ้าดีกับชิงชิง! ทั้งชีวิตทั้งภพทั้งชาติ!”“ปล่อยข้า!”นายท่านรองกู้คลั่งอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็สงบลงหลายส่วน มุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ขมขื่น กล่าวอย่างแผ่ว
“ข้าไม่ได้ฆ่าเขา! ข้าเปล่านะ!” หลิงเชียนอี้ตื่นตระหนกงานเลี้ยงอาหารค่ำของคืนนี้ สำคัญสำหรับอ๋องเฉินมาก ทุกคำพูดนั้นอาจนำมาซึ่งหายนะเขาไม่ได้ช่วยอะไรอ๋องเฉิน กลับกันยังถูกนายท่านรองกู้รุกฆาตเขามองไปทางอ๋องเฉินอย่างตื่นตระหนก“ท่านน้า ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ นายท่านรองกู้เป็นคนกระโจนเจ้ามาหาข้าเอง เขาใส่ร้ายข้า! เขาใส่ร้ายข้า…”เขาถูกปรักปรำ!“ข้าไม่ได้ฆ่าคนปิดปาก ไม่ได้ทำลายหลักฐาน ข้าเปล่านะ…”ฉู่เชียนหลีย่อมรู้ว่าเขาบริสุทธิ์ใช้นิ้วเท้าคิด ก็สามารถมองออกว่านายท่านรองกู้ใช้การตายของตัวเอง ไปใส่ความอ๋องเฉินแต่เมื่อครู่ต่อหน้าคนมากมาย ต่อให้รู้ว่าหลิงเชียนอี้คือผู้บริสุทธิ์ ก็ไม่สามารถปิดปากของทุกคนเพราะเรื่องนี้ พวกเขาตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบแล้ว…เฟิงเจิ้งหลีหัวเราะอย่างเย้ยหยัน กล่าวอย่างเชื่องช้า“อ๋องเฉินเอ๋ย น้องเจ็ดเอ๋ย เจ้ากับข้าเป็นพี่น้องกัน แม้ไม่ใช่แม่เดียวกัน แต่เลือดที่ไหลอยู่ในร่างกายล้วนเหมือนกัน เหตุใดเจ้าต้องทำให้มันเด็ดขาดเช่นนี้ด้วย?”เขามองเฟิงเย่เสวียนด้วยสายตาลึกล้ำ“หรือเพราะข้ามีชีวิตอยู่ มันขัดแข้งขัดขาเจ้า?”อัครมหาเสนาบดีฉู่พูดแซง “อ๋องหลี
ส่งลูกสาวสองคนออกไปแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล นางยังต้องตื่นตระหนกอะไร?เมื่อคืน นางบอกว่า นางเป็นคนที่เคยตายหนึ่งครั้งแล้ว ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้นเขาจับมือของนางพูดว่า ไม่ว่าเป็นหรือตายก็จะอยู่ด้วยกันพอมาถึงตอนนี้ คิดจะเปลี่ยนใจ? สายไปแล้วเฟิงเย่เสวียนมองนาง มองอยู่ดีๆ ก็ยิ้มแล้ว “ข้าเสียใจแล้ว”เสียใจอะไร?เสียใจที่พานางเข้าวังร่วมงานเลี้ยง? เสียใจที่ลากนางเข้ามาในข้อพิพาทครั้งนี้? เสียใจที่อยู่กับนาง หรืออย่างอื่น?“เสียใจที่เมื่อคืนไม่จัดการเจ้าอีกสักสองยก”“...”ฉู่เชียนหลีเกือบสำลักน้ำลาย สถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ จู่ๆ ก็พูดเช่นนี้ ช่วยจริงจังหน่อยได้หรือไม่?แค่ก!“ต่อไปมีโอกาสค่อยจัดการ”เขาจับมือของนาง มองกลุ่มคนที่เถียงหน้าดำหน้าแดง กล่าวอย่างสงบ “ข้าจะอยู่ข้างกายเจ้าทุกวันไม่ไปไหนเลย”“...”เขาพูดจาเลี่ยนๆ อย่างสบายๆ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไรกันนะ?“หรือไม่พวกเราจัดการปัญหาตรงหน้าก่อน?”“ไม่มีประโยชน์แล้ว” เขากล่าว ในดวงตาสีหมึกแยกไม่ออกว่าโกรธหรือดีใจ กลับมองทะลุปรุโปร่งในปราดเดียว “ฝ่าบาทก็เป็นคนของเขา”ฉู่เชียนหลีประหลาดใจ “อะไรนะ?!”ฝ่าบาทเข้าข้างเขา
“ท้องของข้า…”ทันใดนั้นกู้ชิงชิงก็ตระหนักถึงบางสิ่ง รีบกุมท้องของตัวเองหลิงเชียนอี้ก็ตะลึงเช่นกันเลือด…แม้หลังจากแต่งงาน เขาไม่เคยแตะต้องนางแม้แต่ปลายนิ้ว แต่ตอนที่อ๋องเฉินยังอยู่เป่ยเจียง เพื่อทำให้ตระกูลกู้แปรพักตร์ เขาไปขอร้องกู้ชิงชิง เคยมีสัมพันธ์กับนางคืนหนึ่งหรือว่าคืนนั้น…“ฮูหยิน! ฮูหยิน!” สาวใช้รีบกระโจนเข้าไปประคองนาง “เลือดท่านออกเยอะมาก…อ๊ะ! ช่วยด้วย ใครก็ได้!”“ใครก็ได้รีบมาเร็ว!”ทุกคนตั้งสติได้ก็รีบกล่าว“รีบไปเชิญหมอหลวง ให้นางนอนลง อย่าขยับ!”นายท่านรองกู้เพิ่งตาย ตอนนี้ก็มีร่างกายช่วงล่างเลือดออกอีกคน ทั้งสองเรื่องล้วนเกิดจากมือของท่านโหวน้อย ทุกคนมองเขาด้วยสายตาที่แปลกประหลาดอัครมหาเสนาบดีฉู่ยิ่งมีจุดอ่อนให้พูดแล้ว“ดูเหมือนท่านโหวน้อยไม่เพียงจะฆ่าคนปิดปาก อีกทั้งยังไม่คิดจะละเว้นกระทั่งเลือดเนื้อแท้ๆ ของตัวเอง เหี้ยมโหดจริงๆ!”หลิงเชียนอี้ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ดวงตาที่เหม่อลอยมองท้องกู้ชิงชิง คราบสีแดงที่แสบตาสะท้อนเข้ามาตาเขา ทำให้สมองของเขาว่างเปล่าลูกของเขา…ลูกของเขากับกู้ชิงชิง…เลือดเยอะมาก…“ฝ่าบาท เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หรือท่านยัง
ทางนี้ฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียนออกจากวังโดยเร็วที่สุด จากนั้นก็เข้าไปในตอกมืดที่อยู่ข้างๆ อย่างคุ้นเคยตามที่ตกลงกันก่อนหน้านี้“ท่านอ๋อง พระชายา พวกท่านมาแล้ว!”ร่างกายเงาหลายสายเดินออกมาจากในตรอกอวิ๋นอิง เสี่ยวอู่ จิ่งอี้ก็อยู่ และยังมีคนของสำนักอู๋จี๋ องค์หญิงน้อยทั้งสองนอนอยู่ในผ้าห่อทารกอย่างหลับสนิท ไม่ร้องไห้ ไม่งอแงฉู่เชียนหลีรีบเดินไปทางเด็กทั้งสอง เปิดผ้าห่อทารกเบาๆ มองใบหน้าเล็กที่หลับสนิทของพวกนาง ใจละลายและสงบขอแค่ลูกปลอดภัย นางก็ไม่กลัวอะไรแล้ว“เตรียมทุกอย่างพร้อมหรือยัง!” เฟิงเย่เสวียนหมุนกาย หานเฟิง หานอิ๋ง ปรากฏตัวที่นอกตรอกทั้งสองสวมชุดจิ้นจวงสีดำ มือถือกระบี่ ท่าทางที่ขึงขังและความเงียบ เป็นสัญญาณว่าคืนนี้ผิดปกติไปจากเดิมหานเฟิงพยักหน้า“จัดการทุกคนในจวนอ๋องเฉินเรียบร้อยแล้ว กองกำลังของเราซุ่มอยู่ที่นอกเมือง รอรับคำสั่งนานแล้วขอรับ”หานอิ๋งกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าน้อยศึกษาเส้นทางไว้แล้ว หนึ่งเค่อก็สามารถไปถึงประตูเมือง ขอแค่ออกจากเมือง อ๋องหลีก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ”งานเลี้ยงอาหารค่ำคืนนี้ชัดเจนมาก เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วฮ่องเต้เป็นคนของ
เมื่อแผ่นหลังของพวกเขาหายไปจากตรงหัวมุม ฉู่เชียนหลีจึงจะถอนสายตากลับอย่างวางใจ“กระวนกระวายหรือไม่?”เฟิงเย่เสวียนจับมือเล็กๆ ของนาง นุ่มๆ อุ่นๆ ปลายนิ้วเกี่ยวกับนิ้วนางฉู่เชียนหลีจับมือเขาแน่น “กระวนกระวายอะไร”วันนี้จะมาถึงในไม่ช้าก็เร็ว นางเตรียมพร้อมสำหรับมานานแล้ว ความตายเป็นแค่เรื่องชั่วพริบตา เมื่อลูกปลอดภัยแล้ว นางก็ไม่มีอะไรต้องกลัวไม่มีจุดอ่อน ย่อมไม่ต้องกลัวอะไร“ตั้งแต่ตอนที่แต่งงานกับเจ้า ข้าก็รู้แล้วว่าชีวิตไม่มีทางสงบ เกิดในราชวงศ์ เติบโตในราชวงศ์ ชนะคือราชา แพ้คือโจร ต่อให้เจ้าไม่อยากแย่งชิง ก็ต้องแย่งชิง ไม่อยากวุ่นวาย แผ่นดินนี้ก็ต้องวุ่นวาย”นางปลงแล้ว และไม่กลัวตายเขาหัวเราะเบาๆ ดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน จูบตรงหว่างคิ้ว“ไม่โทษข้าหรือ?”“โทษอะไรเจ้า?”“ปกป้องเจ้าไม่ดี”ฉู่เชียนหลีหลุดขำ “เจ้าเป็นโดราเอมอนหรือ? คิดว่าตัวเองสามารถทำได้ทุกอย่างหรือ?”ต่อให้เป็นคนที่เก่งเพียงใด ร่างกายก็เป็นเลือดเนื้อ ต่อให้แข็งแกร่งเพียงใด สามารถขึ้นสวรรค์หรือ?ได้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา เพียงพอแล้วเขาสงสัย “โดรา…อะไรมอน? นี่คืออะไร?”นางมองทหารรักษาพระองค์ที่อยู่ข้างนอ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท