กระทั่งเล่าถึงตอนที่ลูกชายของเขาให้หมอนกระเบื้องทุบฝู่เฉิงจนสลบ มุมปากของลู่เจาหลิงก็กระตุกเล็กน้อย ไม่กลัวจะทุบจนคนเอ๋อหรือยังไง “ข้าคิดไปคิดมา ของจากภายนอกที่ข้ากับหลานชายสัมผัสร่วมกันในช่วงนี้ ก็คือรากไม้แกะสลักชิ้นนี้!” แม้เขาเป็นหมอมีชื่อ ทว่าโรคเช่นนี้ เขารักษาไม่ได้ ชิงอินกับชิงเป่าต่างก็ชะโงกหน้าไปดูสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะ เรื่องที่ท่านหมอฝู่พูดมา พวกนางฟังตนงุนงงไปหมด เรื่องพิสดารเช่นนี้ มาหาคุณหนูของพวกนางจะมีประโยชน์หรือ? ลู่เจาหลิงกลับยื่นมือไปเลิกผ้าสีดำผืนนั้นออก “คุณหนูลู่…” ท่านหมอเจ้ากลับมีความพะวงอยู่บ้าง “หากเจ้ารากไม้สลักนี่มีอาถรรพ์ ท่านสัมผัสมันแล้วจะมีอันตรายหรือไม่?” เขามองหญิงสาวร่างผอมบางที่บนศีรษะยังพันแผลอยู่ รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย หากทำร้ายนางเข้าเล่า? “ไม่หรอก” ลู่เจาหลิงตอบเขาประโยคหนึ่ง ตอนนี้นางได้เปิดผ้าสีดำออกแล้ว ที่เข้าสู่สายตา คือรากไม้สลักที่ปกคลุมด้วยไอดำ ราวโครงกระดูกโบราณที่กำจายกลิ่นเหม็นอันเน่าเปื่อยออกมา ทว่านี่เป็นสิ่งที่ลู่เจาหลิงเห็นเพียงคนเดียวเท่านั้น สิ่งที่ชิงอินเห็นคือรูปไม้สลักที่สูงประมาณแจกันดอกไม้ แกะ
ลู่เจาหลิงยกมือกุมหน้าผากด้วยความปวดหัวอยู่บ้าง “มีวิธีส่งจดหมายให้เขาไหม? ข้าจะไปรอเขาที่หน้าประตูวัง ทำให้เขาเสียเวลาไม่นานหรอก” ก็แค่ให้นางได้สัมผัส ดูดพลังสักสองสามทีเท่านั้นเอง พูดไปแล้วก็เป็นเขาที่ติดค้างนาง ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อวานเข้าวังไปช่วยเขา แล้วรั้งพลังชีวิตของไท่ซ่างหวงไว้บางส่วน ตอนนี้นางจะอ่อนแอขนาดนี้หรือไง? ชิงอินและชิงเป่าสบตากันทีหนึ่ง ในใจของสาวใช้ทั้งสองต่างก็อยากรู้อย่างมาก ว่าเหตุใดลู่เจาหลิงจึงต้องพบท่านอ๋องในเวลานี้ให้ได้ แต่พวกนางก็ไม่กล้าถาม “จวนอ๋องจะต้องมีวิธีแน่เจ้าค่ะ” ต่อให้ท่านอ๋องเข้าวังไปแล้ว จวนอ๋องต้องมีวิธีส่งจดหมายเข้าไปแน่ “ชิงอินเจ้าหาคนของจวนอ๋องให้ส่งสารไป ส่วนชิงเป่าเจ้าไปเตรียมการ เพื่อไปรอที่หน้าประตูวังกับข้า” “เจ้าค่ะ” ชิงอินไม่กล้าล่าช้า รีบกลับไปที่จวนอ๋องทันที ชิงเป่าต้องการไปหยิบเสื้อคลุมกันลมให้ลู่เจาหลิงตัวหนึ่ง คุณหนูยังบาดเจ็บอยู่ก็จะออกไปข้างนอก หากลมเกิดแรงขึ้นมาล่ะ ทว่าความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นมา นางก็นึกขึ้นได้ว่า คุณหนูของตนสุดแสนจะจนกรอบ นอกจากเงินที่เพิ่งเก็บกลับมาได้ในวันนี้พวกนั้น บนร่างก็มีเพียงเสื
นี่เป็นเพราะลู่ฮูหยินกับลู่เจาอวิ๋นเหมือนจะพูดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจว่า “จิ้นอ๋องอย่างน้อยต้องไว้ทุกข์หนึ่งปี ประกอบกับที่การพระราชทานสมรสครั้งนี้เกิดอย่างกะทันหันมาก จึงเป็นไปได้ว่าในตอนที่จิ้นอ๋องเข้าวัง ไท่ซ่างหวงทรงมีสติเฮือกสุดท้ายพอดี และก่อนเสด็จสวรรคต ทรงต้องการเห็นจิ้นอ๋องอภิเษก ดังนั้นการพระราชทานสมรสในครั้งนี้ อาจเป็นเพียงการปลอบประโลมไท่ซ่างหวง ให้ทรงจากไปอย่างวางพระทัยเท่านั้น” ส่วนเหตุใดจึงเลือกลู่เจาหลิง นั่นยังมิใช่เพราะนางมีฐานะเป็นบุตรสาวขุนนาง ทว่าฐานะไม่สูงศักดิ์ สามารถสละชื่อเสียงได้อย่างง่ายได้ ในอนาคต เมื่อต้องการหย่าร้างก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการคัดค้านจากวงศ์ตระกูล แต่หากเปลี่ยนเป็นคุณหนูสูงศักดิ์นางอื่นในเมืองหลวง มีนางใดจะยอมให้จิ้นอ๋องหลอกใช้ตามใจแต่โดยดีเช่นนี้เล่า? ที่ลู่เจาหลิงถูกเลือก ก็เป็นเพราะนางล่วงเกินจิ้นอ๋องเข้าพอดี จิ้นอ๋องจึงคร้านจะเสียเวลาไปเลือกอีก ดังนั้น คิดจะเป็นพระชายาจิ้นอ๋องหรือ? ดูท่าจะยากล่ะนะ ทั่วทั้งจวนสกุลลู่ทั้งบนล่าง ต่างคิดว่าการคาดเดานี้มีเหตุผลและในเมื่อภายภาคหน้า ลู่เจาหลิงจะต้องถูกจิ้นอ๋องถอนหมั้นอยู่แล้ว แล้วจะให้
ยามพลบค่ำ ณ ตรอกแห่งหนึ่งในเมืองหลวงเด็กสาวคนหนึ่งวิ่งโซซัดโซเซไปด้านหน้า ด้านหลังมีคนที่ลักษณะเหมือนบ่าวรับใช้หลายคนวิ่งตามอย่างไม่ลดละ“นางหนู หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”ร่างกายเด็กสาวอ่อนแอ บนหน้าผากยังมีรอยบวมแดงขนาดใหญ่ ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัว“ใครก็ได้! ช่วยด้วย!”เมื่อบ่าวรับใช้คนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังได้ยินนางตะโกน ก็สบถคำหยาบออกมาหนึ่งประโยค พลันหยิบก้อนหินที่อยู่ข้างทางขึ้นขว้างใส่นางเสียงก้อนหินดังแหวกอากาศ กระแทกใส่ท้ายทอยของนางอย่างแรงปึก!หยดเลือดกระเซ็นนางรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ภาพตรงหน้าของเด็กสาวดับวูบลง ร่างกายล้มไปข้างหน้า นางอาศัยสติสัมปชัญญะเสี้ยวสุดท้ายล้มลุกคลุกคลานกระโจนออกจากตรอกในเวลานี้เอง รถม้าคันหนึ่งกำลังแล่นผ่านตรอกนี้พอดีเมื่อเด็กสาวกระโจนออกมาเช่นนี้ ก็กลิ้งไปอยู่ตรงหน้ารถม้าโดยตรง“เฮ้ย!”คนขับรถม้าสะดุ้งตกใจจนอุทานออกมาเหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้ชาวบ้านโดยรอบตกใจจนอุทานเช่นกันเมื่อบ่าวรับใช้กลุ่มนั้นวิ่งตามออกมา เห็นเด็กสาวฟุบอยู่ตรงหน้ารถม้า ก็จะเข้าไปจับคนโดยไม่สนใจสถานการณ์ตรงหน้าอาศัยตอนที่ยังไม่มีใครเห็นหน้าตาของแม่นางคน
ภาพที่อยู่ในรถม้า ปรากฏต่อหน้าทุกคนชายหนุ่มในชุดผ้าแพรสีม่วงก้มหน้า ผมสีหมึกห้อยลงมาเล็กน้อย เด็กสาวที่สวมกระโปรงสีแดงเกาะอยู่ในอ้อมแขน และใช้มือข้างหนึ่งกดบนหน้าอกของเขาเสื้อของผู้ชายหลุดลุ่ยและยุ่งเล็กน้อยเหมือนกับว่าก่อนที่จะเปิดม่านรถ บรรยากาศกำลังดุเดือด ทำให้เห็นแล้วหน้าแดงใจเต้นชาวบ้านที่ตาดีมองเห็นภาพนี้อย่างชัดเจน ต่างก็พากันสูดลมเย็นเข้าปอดเดี๋ยวก่อน แม่นางที่มุดเข้าไปในรถม้าสนิทสนมกับจิ้นอ๋อง?แม่นางคนนี้เป็นใครกันแน่?‘พรึบ’ ม่านรถถูกดึงลงอีกครั้ง องครักษ์ของจิ้นอ๋องถีบจูหมิงเฮ่ากระเด็นออกไปแล้ว“ขออภัยท่านอ๋อง!” องครักษ์ก็ตกใจที่เห็นภาพนี้เช่นกัน จะปล่อยให้คนอื่นเข้าใกล้ท่านอ๋องของพวกเขาได้อย่างไร?จูหมิงเฮ่าลุกขึ้นจากพื้น ทั้งเจ็บ ทั้งร้อนใจ ทั้งเกลียด เขากระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “จิ้นอ๋อง ท่านทำเกินไปแล้ว! ท่าน ท่านแตะต้องเมียน้อยของข้า! นางแพศยา หน้าไม่อาย ไร้ยางอาย!”ภายในรถม้า สีหน้าจิ้นอ๋องเฉยเมย สายตามองเด็กสาวที่ผลักออกไปแล้วอย่างลึกล้ำ “เมียน้อย?”เวลานี้ลู่เจาหลิงรับความทรงจำอันวุ่นวายในสมองเข้ามาหมดแล้ว“อย่างเขาก็คู่ควร?”“ครึ่งปี ข้าต้องถวายตั
“ท่านอ๋อง กลับจวนหรือขอรับ?” ชิงเฟิงที่เป็นทั้งองครักษ์และคนขับรถม้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดแล้วกล่าวถามวันนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ ถ้าหากพาแม่นางคนนี้กลับไปค้างคืนที่จวนอ๋อง เช่นนั้น…แต่ว่าไม่มีเสียงของเด็กสาวคนนั้นดังออกมาจากในรถม้าแล้ว นางคงจะไม่โดนท่านอ๋องบีบคอตายโดยตรงกระมัง?อีกเดี๋ยวเขาต้องไปทิ้งศพใช่หรือไม่?ชิงเฟิงคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย ครู่หนึ่งจึงจะได้ยินเสียงท่านอ๋องของตัวเอง“ไปจวนสกุลลู่”“ขอรับ”ผ่านไปอีกสักพัก เสียงของจิ้นอ๋องดังขึ้นอีกครั้ง“ให้ท่านหมอฝู่ไปด้วย”จวนสกุลลู่สาวใช้ชิวจวี๋ยกชายกระโปรงวิ่งมา คนยังไม่ทันถึง เสียงก็มาถึงก่อนแล้ว“คุณหนู แย่แล้วๆ!”ลู่เจาอวิ๋นตกใจจนสะดุ้ง เข็มที่อยู่ในมือแทงโดนนิ้ว เลือดสีแดงสดโผล่ออกมาหนึ่งหยดเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นในใจนาง“เอะอะเสียงดังทำไม? ใครแย่?” ลู่เจาอวิ๋นเขม่นใส่ชิวจวี๋ที่วิ่งเข้ามา“คุณ…คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว!” ชิวจวี๋หอบหายใจ และพูดติดอ่างเล็กน้อย“เจ้าเรียกใครคุณหนูใหญ่?” ลู่เจาอวิ๋นลุกพรวดขึ้นมา โมโหทันทีในจวนสกุลลู่ นางต่างหากถึงจะเป็นคุณหนูใหญ่!ชิวจวี๋ตกใจกับสีหน้าที่ดุร้ายของนาง เปลี่ยนคำเรียกทัน
เมื่อลู่เจาหลิงฟื้น เพิ่งลืมตาก็รู้สึกว่าคางของตัวเองถูกบีบอย่างแรงใบหน้าของนางถูกยกขึ้นลู่เจาอวิ๋นมองหน้านาง หน้าผากฟกช้ำ ใบหน้าถูกสาดน้ำ แต่ยังคงงามเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกเจ็บใจนัก“น้องหญิงรองช่างมีความสามารถจริงๆ!”ลู่เจาหลิงปัดมือของนางทิ้ง มองห้องนี้แวบหนึ่งห้องแคบเล็ก เครื่องเรือนชำรุดทรุดโทรม สีเตียงถลอก สีผ้าม่านเริ่มจาง มีโต๊ะกลมเล็กหนึ่งตัว และเก้าอี้กลมเล็กๆ ที่สึกหรอสี่ตัวที่นี่ไม่น่าจะใช่จวนจิ้นอ๋องกระมัง? จวนอ๋องที่ทรุดโทรมเช่นนี้มีที่ไหนกันและเมื่อได้ยินเด็กสาวตรงหน้าคนนี้เรียกนางว่าน้องหญิงรอง ลู่เจาหลิงเข้าใจแล้ว ที่นี่น่าจะเป็นจวนสกุลลู่“จิ้นอ๋องส่งข้ากลับมาหรือ?” นางกล่าวถาม พลางเอื้อมมือเช็ดน้ำบนใบหน้า“เจ้าเป็นคนสาด?”ลู่เจาอวิ๋นคิดไม่ถึงว่าหลังจากลู่เจาหลิงฟื้น จะมีปฏิกิริยาที่สงบเช่นนี้ จึงถามกลับไปโดยไม่รู้ตัว “ข้าสาดแล้วจะทำไม?”“อืม ก็จะเป็นเช่นนี้ไง”พลันลู่เจาหลิงยกมือ ก็ตบไปที่ใบหน้าของนางเพี๊ยะ!ฝ่ามือเหวี่ยงโดนใบหน้าลู่เจาอวิ๋นเต็มๆ เสียงดังฟังชัดลู่เจาอวิ๋นถูกตบจนมึนแล้ว หลังจากหวนคืนสติก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที นางกรีดร้องอย่างเหลื
นี่คือจะทำลายชื่อเสียงของนางหรือ?สายตาลู่เจาหลิงเย็นยะเยือก ลู่ฮูหยินได้กระโจนมาถึงตรงหน้านาง และยังบีบน้ำตาออกมาสองหยดจริงๆพลันนางคว้าชามเปล่าที่อยู่บนโต๊ะก็ทุบไปทางลู่ฮูหยิน“โอ๊ย!” ฮูหยินลู่ตกใจจนหน้าถอดสี และเอียงตัวไปด้านข้างเพื่อจะหลบ ได้ยินเพียงเสียง ‘กร๊อบ’ ดังขึ้น“โอ๊ย เอวข้า เอวของข้า!” นางเริ่มร้องอย่างอนาถ รีบเรียกสาวใช้มาประคองลู่หมิงโกรธมาก เขาชี้ลู่เจาหลิง “นางลูกทรพี! ถึงขั้นกล้าลงมือกับแม่เจ้าเลยหรือ!”“แม่ของตายแล้วไม่ใช่หรือ? นางที่เป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินและฉวยโอกาสปีนขึ้นเตียง คู่ควรให้ข้าเรียกแม่ด้วยหรือ?” สีหน้าลู่เจาหลิงไร้อารมณ์สีหน้าลู่หมิงเปลี่ยนฉับพลันฮูหยินลู่ตัวแข็งทื่อ มองลู่เจาหลิงอย่างไม่อยากเชื่อ หลังจากหวนคืนสติก็ปิดหน้าร้องไห้ทันที“นายท่าน ข้าไม่อยากอยู่แล้ว ฮือๆ ๆ! เจาหลิงปรักปรำข้าเช่นนี้ได้อย่างไร!”ลู่หมิงประคองนางไว้ พลางจ้องลู่เจาหลิง “เด็กที่โตในบ้านนอกมันหยาบคายและมุทะลุจริงๆ! สองสามวันนี้เจ้า…”“แค่กๆ” มีเสียงกระแอมดังขึ้นจากข้างๆลู่หมิงหวนขึ้นสติทันที หมอฝู่ยังอยู่ที่นี่ จะให้คนนอกเห็นเรื่องน่าขำของครอบครัวเขาได้อย่างไร?