ยามพลบค่ำ ณ ตรอกแห่งหนึ่งในเมืองหลวงเด็กสาวคนหนึ่งวิ่งโซซัดโซเซไปด้านหน้า ด้านหลังมีคนที่ลักษณะเหมือนบ่าวรับใช้หลายคนวิ่งตามอย่างไม่ลดละ“นางหนู หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”ร่างกายเด็กสาวอ่อนแอ บนหน้าผากยังมีรอยบวมแดงขนาดใหญ่ ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัว“ใครก็ได้! ช่วยด้วย!”เมื่อบ่าวรับใช้คนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังได้ยินนางตะโกน ก็สบถคำหยาบออกมาหนึ่งประโยค พลันหยิบก้อนหินที่อยู่ข้างทางขึ้นขว้างใส่นางเสียงก้อนหินดังแหวกอากาศ กระแทกใส่ท้ายทอยของนางอย่างแรงปึก!หยดเลือดกระเซ็นนางรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ภาพตรงหน้าของเด็กสาวดับวูบลง ร่างกายล้มไปข้างหน้า นางอาศัยสติสัมปชัญญะเสี้ยวสุดท้ายล้มลุกคลุกคลานกระโจนออกจากตรอกในเวลานี้เอง รถม้าคันหนึ่งกำลังแล่นผ่านตรอกนี้พอดีเมื่อเด็กสาวกระโจนออกมาเช่นนี้ ก็กลิ้งไปอยู่ตรงหน้ารถม้าโดยตรง“เฮ้ย!”คนขับรถม้าสะดุ้งตกใจจนอุทานออกมาเหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้ชาวบ้านโดยรอบตกใจจนอุทานเช่นกันเมื่อบ่าวรับใช้กลุ่มนั้นวิ่งตามออกมา เห็นเด็กสาวฟุบอยู่ตรงหน้ารถม้า ก็จะเข้าไปจับคนโดยไม่สนใจสถานการณ์ตรงหน้าอาศัยตอนที่ยังไม่มีใครเห็นหน้าตาของแม่นางคน
ภาพที่อยู่ในรถม้า ปรากฏต่อหน้าทุกคนชายหนุ่มในชุดผ้าแพรสีม่วงก้มหน้า ผมสีหมึกห้อยลงมาเล็กน้อย เด็กสาวที่สวมกระโปรงสีแดงเกาะอยู่ในอ้อมแขน และใช้มือข้างหนึ่งกดบนหน้าอกของเขาเสื้อของผู้ชายหลุดลุ่ยและยุ่งเล็กน้อยเหมือนกับว่าก่อนที่จะเปิดม่านรถ บรรยากาศกำลังดุเดือด ทำให้เห็นแล้วหน้าแดงใจเต้นชาวบ้านที่ตาดีมองเห็นภาพนี้อย่างชัดเจน ต่างก็พากันสูดลมเย็นเข้าปอดเดี๋ยวก่อน แม่นางที่มุดเข้าไปในรถม้าสนิทสนมกับจิ้นอ๋อง?แม่นางคนนี้เป็นใครกันแน่?‘พรึบ’ ม่านรถถูกดึงลงอีกครั้ง องครักษ์ของจิ้นอ๋องถีบจูหมิงเฮ่ากระเด็นออกไปแล้ว“ขออภัยท่านอ๋อง!” องครักษ์ก็ตกใจที่เห็นภาพนี้เช่นกัน จะปล่อยให้คนอื่นเข้าใกล้ท่านอ๋องของพวกเขาได้อย่างไร?จูหมิงเฮ่าลุกขึ้นจากพื้น ทั้งเจ็บ ทั้งร้อนใจ ทั้งเกลียด เขากระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “จิ้นอ๋อง ท่านทำเกินไปแล้ว! ท่าน ท่านแตะต้องเมียน้อยของข้า! นางแพศยา หน้าไม่อาย ไร้ยางอาย!”ภายในรถม้า สีหน้าจิ้นอ๋องเฉยเมย สายตามองเด็กสาวที่ผลักออกไปแล้วอย่างลึกล้ำ “เมียน้อย?”เวลานี้ลู่เจาหลิงรับความทรงจำอันวุ่นวายในสมองเข้ามาหมดแล้ว“อย่างเขาก็คู่ควร?”“ครึ่งปี ข้าต้องถวายตั
“ท่านอ๋อง กลับจวนหรือขอรับ?” ชิงเฟิงที่เป็นทั้งองครักษ์และคนขับรถม้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดแล้วกล่าวถามวันนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ ถ้าหากพาแม่นางคนนี้กลับไปค้างคืนที่จวนอ๋อง เช่นนั้น…แต่ว่าไม่มีเสียงของเด็กสาวคนนั้นดังออกมาจากในรถม้าแล้ว นางคงจะไม่โดนท่านอ๋องบีบคอตายโดยตรงกระมัง?อีกเดี๋ยวเขาต้องไปทิ้งศพใช่หรือไม่?ชิงเฟิงคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย ครู่หนึ่งจึงจะได้ยินเสียงท่านอ๋องของตัวเอง“ไปจวนสกุลลู่”“ขอรับ”ผ่านไปอีกสักพัก เสียงของจิ้นอ๋องดังขึ้นอีกครั้ง“ให้ท่านหมอฝู่ไปด้วย”จวนสกุลลู่สาวใช้ชิวจวี๋ยกชายกระโปรงวิ่งมา คนยังไม่ทันถึง เสียงก็มาถึงก่อนแล้ว“คุณหนู แย่แล้วๆ!”ลู่เจาอวิ๋นตกใจจนสะดุ้ง เข็มที่อยู่ในมือแทงโดนนิ้ว เลือดสีแดงสดโผล่ออกมาหนึ่งหยดเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นในใจนาง“เอะอะเสียงดังทำไม? ใครแย่?” ลู่เจาอวิ๋นเขม่นใส่ชิวจวี๋ที่วิ่งเข้ามา“คุณ…คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว!” ชิวจวี๋หอบหายใจ และพูดติดอ่างเล็กน้อย“เจ้าเรียกใครคุณหนูใหญ่?” ลู่เจาอวิ๋นลุกพรวดขึ้นมา โมโหทันทีในจวนสกุลลู่ นางต่างหากถึงจะเป็นคุณหนูใหญ่!ชิวจวี๋ตกใจกับสีหน้าที่ดุร้ายของนาง เปลี่ยนคำเรียกทัน
เมื่อลู่เจาหลิงฟื้น เพิ่งลืมตาก็รู้สึกว่าคางของตัวเองถูกบีบอย่างแรงใบหน้าของนางถูกยกขึ้นลู่เจาอวิ๋นมองหน้านาง หน้าผากฟกช้ำ ใบหน้าถูกสาดน้ำ แต่ยังคงงามเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกเจ็บใจนัก“น้องหญิงรองช่างมีความสามารถจริงๆ!”ลู่เจาหลิงปัดมือของนางทิ้ง มองห้องนี้แวบหนึ่งห้องแคบเล็ก เครื่องเรือนชำรุดทรุดโทรม สีเตียงถลอก สีผ้าม่านเริ่มจาง มีโต๊ะกลมเล็กหนึ่งตัว และเก้าอี้กลมเล็กๆ ที่สึกหรอสี่ตัวที่นี่ไม่น่าจะใช่จวนจิ้นอ๋องกระมัง? จวนอ๋องที่ทรุดโทรมเช่นนี้มีที่ไหนกันและเมื่อได้ยินเด็กสาวตรงหน้าคนนี้เรียกนางว่าน้องหญิงรอง ลู่เจาหลิงเข้าใจแล้ว ที่นี่น่าจะเป็นจวนสกุลลู่“จิ้นอ๋องส่งข้ากลับมาหรือ?” นางกล่าวถาม พลางเอื้อมมือเช็ดน้ำบนใบหน้า“เจ้าเป็นคนสาด?”ลู่เจาอวิ๋นคิดไม่ถึงว่าหลังจากลู่เจาหลิงฟื้น จะมีปฏิกิริยาที่สงบเช่นนี้ จึงถามกลับไปโดยไม่รู้ตัว “ข้าสาดแล้วจะทำไม?”“อืม ก็จะเป็นเช่นนี้ไง”พลันลู่เจาหลิงยกมือ ก็ตบไปที่ใบหน้าของนางเพี๊ยะ!ฝ่ามือเหวี่ยงโดนใบหน้าลู่เจาอวิ๋นเต็มๆ เสียงดังฟังชัดลู่เจาอวิ๋นถูกตบจนมึนแล้ว หลังจากหวนคืนสติก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที นางกรีดร้องอย่างเหลื
นี่คือจะทำลายชื่อเสียงของนางหรือ?สายตาลู่เจาหลิงเย็นยะเยือก ลู่ฮูหยินได้กระโจนมาถึงตรงหน้านาง และยังบีบน้ำตาออกมาสองหยดจริงๆพลันนางคว้าชามเปล่าที่อยู่บนโต๊ะก็ทุบไปทางลู่ฮูหยิน“โอ๊ย!” ฮูหยินลู่ตกใจจนหน้าถอดสี และเอียงตัวไปด้านข้างเพื่อจะหลบ ได้ยินเพียงเสียง ‘กร๊อบ’ ดังขึ้น“โอ๊ย เอวข้า เอวของข้า!” นางเริ่มร้องอย่างอนาถ รีบเรียกสาวใช้มาประคองลู่หมิงโกรธมาก เขาชี้ลู่เจาหลิง “นางลูกทรพี! ถึงขั้นกล้าลงมือกับแม่เจ้าเลยหรือ!”“แม่ของตายแล้วไม่ใช่หรือ? นางที่เป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินและฉวยโอกาสปีนขึ้นเตียง คู่ควรให้ข้าเรียกแม่ด้วยหรือ?” สีหน้าลู่เจาหลิงไร้อารมณ์สีหน้าลู่หมิงเปลี่ยนฉับพลันฮูหยินลู่ตัวแข็งทื่อ มองลู่เจาหลิงอย่างไม่อยากเชื่อ หลังจากหวนคืนสติก็ปิดหน้าร้องไห้ทันที“นายท่าน ข้าไม่อยากอยู่แล้ว ฮือๆ ๆ! เจาหลิงปรักปรำข้าเช่นนี้ได้อย่างไร!”ลู่หมิงประคองนางไว้ พลางจ้องลู่เจาหลิง “เด็กที่โตในบ้านนอกมันหยาบคายและมุทะลุจริงๆ! สองสามวันนี้เจ้า…”“แค่กๆ” มีเสียงกระแอมดังขึ้นจากข้างๆลู่หมิงหวนขึ้นสติทันที หมอฝู่ยังอยู่ที่นี่ จะให้คนนอกเห็นเรื่องน่าขำของครอบครัวเขาได้อย่างไร?
“ท่านลองดูก็ไม่มีอะไรเสียหาย”พลันลู่เจาหลิงมองไป ก็เห็นป้ายหยกของเขาแล้ว“อันนั้นก็แล้วกัน คุณภาพหยกพอใช้ได้”หมอฝู่หยิบป้ายหยกของตัวเองขึ้นมาอย่างประหลาดใจ หลานชายเป็นคนมอบป้ายหยกชิ้นนี้ให้เขา คุณภาพหยกดีมาก นางถูกเลี้ยงดูที่บ้านนอกจนโต สามารถพูดออกมาอย่างใจเย็นว่าหยกชิ้นนี้แค่พอใช้ได้?“ฝีมือการแพทย์ของท่านไม่เลว ตายไปทั้งเช่นนี้น่าเสียดาย” ลู่เจาหลิงกล่าวอีกครั้งหมอฝู่เผลอหัวเราะโดยไม่มีเสียง จากนั้นก็แกะป้ายหยกส่งให้ลู่เจาหลิง ช่างเถอะ แม่นางคนนี้น่าสนใจ คิดเสียว่าปลอบใจนางหน่อยก็แล้วกัน นางดูเด็กกว่าหลานชายของเขาเสียอีก“เชิญท่านนั่งลง”ลู่เจาหลิงถือป้ายหยกด้วยมือซ้าย มือขวาขีดเขียนกลางอากาศ พลันก็กดนิ้วมือไปที่หน้าผากของเขาในสายตาของนาง ไอสีดำที่หมุนวนอยู่บนหน้าผากของหมอฝู่ราวกับจู่ๆ ก็มีชีวิต มันบิดไปมาดิ้นรนเหมือนกับไส้เดือนที่ได้รับความตกใจแต่มันถูกนิ้วมือของลู่เจาหลิงกดเอาไว้ ผ่านไปเพียงครู่เดียวก็ขยับไม่ได้แล้ว และเริ่มมาพันนิ้วมือของนางแทนหมอฝู่รู้สึกได้ทันทีว่าศีรษะที่วิงเวียน และทั้งปวดทั้งหนักในช่วงที่ผ่านมา ผ่อนคลายลงในพริบตาความแตกต่างนี้ชัดเจนมาก จน
ชิ่งหมัวมัวงงงวย“ชิงเฟิง ให้คนส่งพวกนางไป บอกว่าเป็นเจตนารมณ์ของข้า”“ขอรับ!”ชิงหลิงกับชิงอินก็ตามเหตุการณ์ไม่ทันเช่นกัน แต่สิบปีมานี้พวกนางถูกปลูกฝังให้จงรักภักดีต่อจิ้นอ๋องมาโดยตลอด ต้องเชื่อฟังคำสั่งของจิ้นอ๋อง แม้งงงวยมาก แต่ก็ยังคำนับแล้วถอยออกไป เตรียมตัวไปจวนสกุลลู่จิ้นอ๋องลงจากรถม้า สองมือไพร่หลัง แหงนมองอักษรจวนจิ้นอ๋องสามตัวบนป้ายประตูด้วยสายตาที่คลุมเครือ พ่อบ้านกับชิ่งหมัวมัวมองขาของเขาอย่างอกสั่นขวัญแขวน“ท่านอ๋อง ขาของท่านเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”“เหมือนเดิม เดินช้าๆ ไม่กี่ก้าวไม่มีปัญหา” จิ้นอ๋องก้าวเข้าประตูใหญ่เช่นนั้นก็แสดงว่าไม่ดีขึ้น?พ่อบ้านกับชิงโมโม่สบตากันแวบหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ถอนหายใจเงียบๆ รีบเดินตามเข้าไปชิ่งหมัวมัวอดกลั้นอารมณ์ที่อยากเข้าไปประคองจิ้นอ๋อง และมองเขาอย่างปวดใจ นางเป็นคนเลี้ยงจิ้นอ๋องโตกับมือ นางปวดใจที่สุด“ท่านอ๋อง ชิงหลิงกับชิงอินรู้ความเชื่อฟัง ขยันรู้จักหน้าที่ของตัวเอง บ่าวกำลังคิดท่านยังไม่แต่งงาน อย่างไรก็ต้องมีคนดูแล เหตุใดจึงส่งพวกเขาออกไปแล้ว? คุณหนูรองจวนสกุลลู่มีอะไรไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ?”ชิ่งหมัวมัวเข้าใจว่าคุณหนู
จิ้นอ๋องหัวเราะเบาๆ“ดูเหมือนหมอฝู่จะประทับใจในตัวนางมาก ตั้งแต่มาถึงก็ชมนางหลายครั้งแล้ว”“ข้าก็แค่พูดไปตามความจริง” หมอฝู่กล่าวลู่เจาหลิงก็ฉลาดจริงๆ นั้นแหละ“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ข้าได้ส่งเด็กรับใช้ไปให้นางสองคนแล้ว ชิ่งหมัวมัวอบรมด้วยตัวเอง น่าจะละเอียดรอบคอบ”“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี”หมอฝู่โล่งอกอย่างที่คิด แต่แล้วก็นึกถึงอะไรบางอย่าง อดไม่ได้ที่จะมองจิ้นอ๋องอย่างคาดคะเน แววตาสั่นไหว“ท่านอ๋องกับคุณหนูลู่รู้จักกันได้อย่างไร? ท่านดูดีกับนางเป็นพิเศษเลยนะ”“นางบอกว่าสามารถช่วยข้า”คำพูดประโยคเดียวของจิ้นอ๋อง ปัดความคิดที่จะจุ้นเรื่องชาวบ้านของหมอฝู่ทิ้งไปในพริบตาสีหน้าเขาเคร่งขรึมขึ้นมาทันที“คุณหนูรู้อาการของร่างกายท่านได้อย่างไร?” ขณะกล่าว เขายังได้มองไปที่หน้าอกของจิ้นอ๋องเขาเห็นความแปลกประหลาดที่หน้าอกจิ้นอ๋องตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน แต่เขาก็หมดหนทาง ดังนั้นจิ้นอ๋องจึงตามหาหมอมีชื่อเสียงและผู้วิเศษมาโดยตลอด“นางบอกว่านางมองออก หมอฝู่เชื่อหรือไม่?”หมอฝู่นึกถึงเหตุการณ์ที่ลู่เจาหลิงช่วยเขาเมื่อครู่ สีหน้ายิ่งเคร่งขรึมแล้ว“ข้าไม่เชื่อไม่ได้”แต่ก็ชะงักไปครู่หน