“การหลอมมนุษย์”
การหลอมมนุษย์เป็นหนึ่งในวิชาเล่นแร่แปรธาตุ ศาสตร์ที่เก่าแก่พอกับเวทมนตร์ โดยอาศัยกฎการณ์แลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม ที่คฤหาสน์ของวินเซอร์เก็บหนังสือเกี่ยวกับศาสตร์ประเภทนี้มีไม่น้อย บรรพบุรุษเขาบางคนเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีชื่อเสียง และเยี่ยหยางอ่านมันมาพอสมควร
เขาเอาต้นแมนเดรกหรือแมนดราโกร่าเต็มวัยจากสวนส่วนตัวออกมา มันส่งเสียงร้องอย่างกับหมูถูกเชือดจนน่ารำคาญ ก็เจอฝ่าเท้าท่านอ๋องเข้าไปจนอ่วมกระอักน้ำยางสีเขียวครักออกมา
...เตรียมเสร็จไปหนึ่ง…
จากนั้นเยี่ยหยางก็ใช้เวทขุดดินเหล่านั้นโปรยทับต้นแมนเดรกที่ถูกซ้อมพร้อมกับหยดเลือดเขาเล็กน้อยที่ไหลซึมเข้าไปผสมกับผงคาร์บอนจำนวนหนึ่ง
เฮ้อ...เปลืองวัตถุดิบชะมัด… เยี่ยหยางบ่นงึมงำ
วงแหวนเวทสำหรับแปรธาตุถูกร่างทับกลางอากาศใช้เวลาครึ่งเค่อ เขาไม่ได้ชำนาญศาสตร์นี้มากจนขั้นไม่ต้องวาดวงแหวน เหมือนอลิซที่เป็นตระกูลนักเล่นแร่แปรธาตุที่เป็นสายเลือดพ่อมด
จากนั้นแสงสีแดงก็สว่างเจิดจร้าค่อย ๆ จางลง เปลี่ยนเป็นแสงสีฟ้าที่ล้อมรอบร่างมนุษย์เปลือยเป
หลังจากเยี่ยหยางเสียเวลาในการรับอาวุธวิญญาณเข้าสังกัดไปไม่น้อย จึงเลิกเดินเอ้อระเหยดิ่งมาที่จุดรวมพล โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ทำลายจุดประสงค์ของผู้บุกรุกอย่างไม่รู้ตัวพวกมันทำงานล้มเหลวแล้ว อาวุธวิญญาณเป้าหมายของพวกมันเลือกอ๋องบัดซบเป็นเจ้านายแล้วใกล้ถึงจุดหมายเยี่ยหยางจัดการแบกร่างหลอมมนุษย์ขึ้นเดินเข้าไปแสดงตัว“พี่หยาง!!!” อวี้หย่าอวิ๋นเห็นเยี่ยหยางแบกร่างปลอมที่เขาจัดฉากอลังการเข้ามา จนทุกคนตกใจกับสารรูปของชินอ๋อง“เกิดอะไรขึ้น?” จูเฉิงเยว่แม้ว่าจะไม่ชอบเยี่ยหยางมา แต่พอเห็นสารรูป(ตัวปลอม)ที่อนาถถูกซ้อมจนเละปางตายก็อดเห็นใจไม่ได้“ข้าเจอคนผู้นี้นอนหมดสติที่ข้างทางใกล้กลับพวกที่บุกเข้ามา” เยี่ยหยางที่ตอนนี้สวมบทเส้าหยางปั้นแต่งเรื่องสีหน้าจริงจัง ทำให้ทุกคนปักใจเชื่ออย่างไม่มีข้อแม้“ข้าขอโทษที่ไม่รู้ว่าเขาหายไป” ฉีเจิ้งเข้ารับบทนักแสดงสมบทต่อบทกับเยี่ยหยางที่ตีบทแตกกระจายอย่างไม่มีใครสงสัย“คนผู้นี้ไร้ปราณเจ้าตรวจสอบไม่พบก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้าอาเจิ้ง”“แต่
ขณะคุณชายวินเซอร์ยังต้องขอประนีประนอม“ข้าขอเจรจาสงบศึกอย่างสันติก่อนหนาเพื่อนรัก จบจากเรื่องนี้ข้าจะชดเชยให้เจ้าอย่างงาม” เยี่ยหยางยิ้มแห้ง ๆ เขารู้ตัวว่าเรื่องนี้เขาผิดเต็ม ๆ อยู่แล้วที่ลากเพื่อนสาวไปเอี่ยวด้วย แต่ตอนนี้เขาต้องจัดการหาทางออกจากที่นี่ให้ปัญหาน้อยที่สุดก่อน แล้วค่อยยกธงขาวส่งให้แม่มดสาว ตอนนี้ส่งสารไปหยั่งเชิงเพื่อนสาวก่อนจอมเวทผมเงินเดินไปใกล้ลู่เฉินที่ญาติผู้พี่อย่างเขาไม่รู้เลยว่า หน้าตาอย่างนี้รักสัตว์กับเขาด้วย คาดว่าถ้าเป็นหมาแมวตัวอื่นคงเฉาตายคามือญาติผู้น้องเขาแล้วดวงตาสองสีสบสายตากับดวงตาสีเขียวมรกต ส่งกระแสจิตสื่อสารไปว่า “ออกจากตำหนักเศษเหล็ก แล้วค่อยคุยกันนะ”“แน่นอนคุณชายวินเซอร์ที่รัก” จิ้งจอกแดงตอบกลับด้วยน้ำเสียงข่มขู่เยี่ยหยางรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ผงกหัวทักทายเพื่อนสาวคนสนิทเล็กน้อย ก่อนจะหันไปใส่ใจกับสถานการณ์ในตำหนัก “ฉีเจิ้ง ตอนนี้ฝั่งพวกมันเป็นอย่างไร”“ข้าขอตรวจดูก่อน” ฉีเจิ้งแผ่กระแสเวทออกไปคลุมรอบตำหนักสรรพาวุธพลังเวทของตระกูลคลากส์ต่า
เสี่ยวลี่เดินตามกลิ่นมาพักใหญ่จู่ ๆ กลิ่นตรงหน้าก็หายไป นางรู้สึกผิดถึงความปกติ ขนทั้งตัวลุกชันสัญชาตญาณการระวังเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัวร่างจิ้งจอกของนางถูกฝึกฝนเลี้ยงดูโดยเทพเซียนเผ่าจิ้งจอกเก้าหาง หลายปีมานี้นางอยู่กลับพวกเขาอย่างสุขสบาย แต่ไม่นานนี้กลับหลงทางกับท่านอา และถึงเวลาที่ต้องรับทัณฑ์สวรรค์เพื่อให้ร่างนี้เลื่อนขั้นจากสัตว์ภูตเป็นสัตว์เทพ ทำให้เจอเหตุการณ์เลวร้ายจนกระทั่งพบลู่เฉินนางมองด้านหน้าด้วยสายตาจ้องพินิจ เปลือกตาสวยปิดลงและเปิดขึ้นอีกครั้ง ดวงตาสีเขียวมรกตสว่างกระจ่างยิ่งกว่าเดิม สะท้อนให้เห็นมนต์เขตแดนที่ห่างหายไปจากความทรงจำจิ้งจอกแดงอาศัยความรู้ที่เคยเรียน ใช้กรงเล็บคมตวัดเปิดช่องทางเล็กพอดีตัวอย่างรวดเร็วซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนม่านมนตราเผยช่องโห่วแล้วกระโดดเข้าไปด้านในเขตแดนทันทีสายตาเจ้าเล่ห์มองหามู่หรงลู่เฉิน แหล่งอู่ข้าวอู่น้ำของนางในตอนนี้ เมื่อเห็นขาทองคำของนางก็เยื่องย้ายร่างกายเข้าไปหาอย่างออดอ้อน“เสี่ยวลี่” มู่หรงลู่เฉินเห็นจิ้งจอกน้อยของเขาก็อ้าแขนรับนางที่กระโจนเข้าอ้อมอก ลูบหลังปลอบขวัญนาง คิดว่านางคงรู้ว
“เฮ้ เกรกข้ารู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่ด้านหลัง”“ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน เจ้าว่าจิ้งจอกตัวนั้นมีปัญหาใช่หรือไม่”“ใช่ มีปัญหาใหญ่ด้วย”สองหนุ่มสุมหัวกันมุมมืด สัญชาตญาณเอาตัวรอดสะกิดหลังยิก ๆ ว่าเจ้าขนปุยสีแดงกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่แทบจะไม่กะพริบตา สายตาคมกริบแทบจะถลกหนังเขาสองคนอยู่รอมร่อ“ขนแดง ตาสีเขียว” ฉีเจิ้งเอ่ยพลางกลืนน้ำลายช้า ๆ “และมีอยู่คนเดียวที่มองพวกเราแบบนี้”“ใช่เลยแหละ” เยี่ยหยางยืนยัน ต่อให้เขาไม่ต้องใช้คาถาระบุตัวตนก็คิดว่าเป็นคนที่คิดอยู่แน่“เอาไงต่อ เรื่องนี้ข้าจะไม่ขอเอี่ยว” ฉีเจิ้งปัดความรับผิดชอบไปห่าง ๆ ตัว โยนให้เพื่อนตัวดีของเขารับทันที ใครอยากไปต่อกรกับหญิงโฉดมือไม้หนักอย่างคุณหนูมอร์แกนล่ะขณะคุณชายวินเซอร์ยังต้องขอประนีประนอม“ข้าขอเจรจาสงบศึกอย่างสันติก่อนหนาเพื่อนรัก จบจากเรื่องนี้ข้าจะชดเชยให้เจ้าอย่างงาม” เยี่ยหยางยิ้มแห้ง ๆ เขารู้ตัวว่าเรื่องนี้เขาผิดเต็ม ๆ อยู่แล้วที่ลากเพื่อนสาวไปเอี่ยวด้วย แต่ตอนนี้เขาต้องจัดการหาทางออกจากที่นี่ให้ปัญหาน้อยที่สุดก่อน แล้วค่อยยกธงขาวส่งให้แม่มดสาว ตอนนี้ส
“ข้าจะทำให้พวกมันรู้ว่าอย่ามาแหย็มสร้างความวุ่นวายให้กับเส้าหยางจวิน[1]ผู้นี้” รอยยิ้มที่หายไปนานของคุณชายวินเซอร์ ทำให้เพื่อนรักชายหญิงได้แต่ไว้อาลัยให้พวกบุกไม่ได้ดูตาม้าตาเรือตรวจฤกษ์งามยามดี คิดประมือกับพังพอนขาวที่ทั้งแคว้นหวั่นผวา หวังว่าพี่ท่านจะไม่เล่นใหญ่จัดหนักกวาดไม่ให้เหลือ“พวกเจ้าว่าดีหรือไม่?”คุณชายท่านนี้ถามเช่นนี้ ไม่ต้องถามความเห็นดีหรือไม่ เพราะอย่างไรเหมือนจะได้ข้อสรุปที่ต้องสรุปตามนั้น เนื่องจากผู้ที่มีกำลังลงมือทุบตีคนมากสุด พูดวรรคเป็นเวรเรียบร้อย ให้พวกเขาขัดขวางคงไม่ดีเสียสักเท่าไหร่“ตามที่เจ้าว่ามาเส้าหยาง” ผู้มีอำนาจสูงสุดในที่นี้ตกลงกับแผนการ ทุกคนก็เตรียมตัวให้พร้อม ศิษย์พี่ส่วนน้อยที่หลงเข้ามาประสบเหตุไม่คาดคิด ก็ได้แต่ลงเรือลำเดียวกันอย่างไม่มีข้อแม้ เพราะจำนวนคนที่น้อยกว่า แถมแผนนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย‘ฉงฉงไปวิ่งเล่นกันเร็ว ใครตบทรัพย์ได้มากที่สุดชนะ’สถานการณ์ฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเปลี่ยนไปอยู่ในมือของเจ้าถิ่นอย่างศิษย์เทียนถูหวู่ เป็นภาพที่ใครมาเห็นก็คงงง เพราะจำ
“ยาจก” จูเฉิงเยว่หลังจากซัดเหยื่อเบา ๆ จนหมอบจิกกัดค่อนแคะเหล่าสหายผู้โชคร้าย เพราะเขารื้อทรัพย์สินผู้เคราะห์ร้ายเป็นค่าแรงค่าน้ำชา กลับไม่พบของที่มีค่าติดตัว แม้จะบ่นแต่ก็ไม่หยุดมือ “ไม่เห็นมีของดีเลยงี่เง่าชะมัด ทำไมข้าต้องมาทำอะไรอย่างนี้ด้วย”ส่วนมู่หรงลู่เฉินเองก็เรียกค่าเหนื่อยมาได้ไม่น้อย เขาแค่ยื่นกระบี่จ่อคอ แล้วกล่าวเรียบ ๆ “เอาของมีค่าออกมาให้หมด แล้วเดินไปนั่งตรงนั้น เอานี่ไปมัดตัวเองไว้ด้วย”เหยื่อของลู่เฉินที่เห็นแค่ใบหน้าเย็นชานิ่ง ๆ ไม่ไหวติงก็กลัวจนลนลาน ว่าตัวเองจะรักษาชีวิตไม่ได้ รีบนำของที่ติดตัวออกมากองด้านหน้าทั้งหมด หยิบเชือกที่อยู่ในมืออีกข้างที่ไม่ได้ถือกระบี่มัดตัวเองอย่างแน่นหนาราวกับว่า ข้ายอมแล้ว เดินไปนั่งสงบ ๆ ไม่รบกวนผู้ใดต่อจากเพื่อนร่วมงานที่นั่งกันเป็นแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยส่วนเสี่ยวลี่ก็ใช้สองขาหน้าคัดแยกสิ่งของที่ลู่เฉินเรียกเก็บเป็นค่าธรรมเนียมออกเป็นประเภท ๆ ให้ง่ายต่อการนับจัดเก็บ คู่นี้ทำงานกันเป็นระบบ คนหนึ่งริบของ ตัวหนึ่งแยกของเก็บ ดูเป็นคู่ชั้นยอดที่ทำงานเข้ากันเป็นอย่างด
ถึงพังพอนเหลืองที่เคารพหลานชายสุดที่รักของท่านถูกพวกมันรังแกย่ำยี พวกมันกระทืบข้า ลวนลามข้า เหยียดหยามวงศ์ตระกูลข้า จนไม่มีหน้ารักษา อีกทั้งกล่าวหาว่าท่านไม่มีน้ำยาสั่งสอนข้า จนกลายเป็นสวะรกแผ่นดินเท่ากับพวกมันลบหลู่เบื้องสูงเท่ากับเหยียบหน้าฝ่าบาท พวกมันเป็นคนของตาเฒ่าหลี่ที่หวังสร้างคลื่นใต้น้ำก่อเรื่อง มีโทษสมควรตาย เรื่องนี้ไท่จื่อเป็นสักขีพยานได้ ยังเคราะห์ดีที่มีผู้แข็งแกร่งช่วยเหลือข้าเอาไว้ และเป็นผู้ส่งตัวพวกมันและจดหมายฉบับนี้มาให้ฝ่าบาทพิจารณา ป.ล พวกมันเป็นคนของพรรคมารอสูรที่ตาแก่หลี่อยู่เบื้องหลังกล้าเหิมเกริมบุกเทียนถูหวู่ ข้าส่งพวกมันให้ท่านนอนกกกอดได้เพียงเท่านี้จาก ชินอ๋อง หลานรักของเสด็จอาฮ่องเต้ฮ่องเต้ราชอาณาจักรซีเว่ยที่กำลังประชุมขุนนางหารือเรื่องบ้านเมืองอ่านสารจบหนวดกลับกระตุกไม่หยุด เส้นขมับเต้นตุบ ๆ สายตาคมมองไปที่บรรดาร่างล่อนจ้อนที่มีผ้าปกปิดกันอุจาด รอยสักบอกยี่ห้อเจ้านายถูกเยี่ยหยางพรางไว้“ทหารจับพวกมันไปขังคุกของชินอ๋อง ร
เส้นผมสีเงินสะท้อนแสงตกกระทบสว่างเป็นเด่นชัด เดินออกมาเป็นคนแรกตามด้วยคนอื่น ๆ ทั้งหมดอยู่ในชุดของศิษย์เทียนถูหวู่ ทุกคนไม่มีล่องลอยของการบาดเจ็บมีเพียงอาการเหนื่อยล้าเมื่อยกล้ามเนื้อเท่านั้น ใบหน้า หน้าตา สีหน้าแจ่มใสไม่มีแววตาหวาดกลัวใด ๆ เดินออกมาเหมือนคนเพิ่มออกมาจากห้องนอนดวงตาผู้คนที่อยู่นอกตำหนักทั้งสองฝ่ายเบิกกว้างตกใจ จนลูกตาแทบกระเด็นกระบี่ทวนง้าวร่วงหล่นจากมือกระทบพื้น ส่งเสียงเคร้งคร้างดังเป็นทอด ๆ ภาพเลวร้ายต่าง ๆ ที่คิดไปไกลได้กลับตาลปัตรความหวังของฝ่ายบุกรุกเหมือนปีนถึงยอดผากลับถูกถีบลงมาเหยียบขยี้เละไม่เหลือซาก ผู้ที่บุกเข้าไปภายในตำหนักที่เหลืออีกครึ่งจากการเก็บไว้สอบปากคำด้วยอำนาจชินอ๋อง ตอนนี้ถูกมัดมือมัดปากไม่กล้าหืออือเดินเรียงแถวกันมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่งกว่าทหารในกองทัพ สีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเดินคอตกหมดอาลัยตายอยากกันทุกคน“เกิดอะไรขึ้น”น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยเรียบ ๆ ดวงตาคมหรี่มองภาพด้านนอก บุคลิกของผู้สวมหน้ากากอำพรางตัวตนคนนี้ ทำให้ทุกคนที่เห็นต่างรู้สึกว่ามีอำนาจอัดแน่นในร่างสูงสง่า จนทำให้ดูน่าเกรงขาม แต่น
ข่าวรัชทายาทราชอาณาจักรซีเว่ยถูกอสูรเทาเทียทำร้ายและชินอ๋องบาดเจ็บสาหัส ล่วงรู้ไปถึงพระกรรณฮ่องเต้ราชอาณาจักรซีเว่ย จนวุ่นวายไปทั่วราชสำนักเหล่าขุนนางต่างออกมาโต้แย้งสนทนาซุบซิบเรื่องนี้ บรรดาฮูหยินตราตั้งยันชาวบ้านต่างหยิบยกมาพูดคุยเรื่องรัชทายาท นินทาชินอ๋อง บ้างก็ว่าถึงคราต้องตั้งรัชทายาทคนใหม่ บ้างก็ว่าบ้านเมืองจะสงบเพราะชินอ๋องนอนเป็นผักปลาแต่ข่าวลือย่อมมีความจริงผสมอยู่ มู่หรงหย่งสือฮ่องเต้แห่งราชอาณาจักรซีเว่ยรับสารมาจากสือหลงโหยว ผู้ที่เขาแต่งตั้งให้เป็นสหายและองครักษ์ประจำตัวของพระโอรสเพียงองค์เดียว เนื้อความในสารเล่ารายงานตั้งแต่ออกจากเมืองหลวง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของชินอ๋องผู้เลื่องชื่อเจ็ดส่วนสิบ ซึ่งแต่ละเรื่องผู้นั่งบัลลังก์มังกรก็คาดไว้อยู่แล้วว่าต้องเกิดขึ้นตามปกติส่วนตอนนี้อาการของมู่หรงลู่เฉินรัชทายาทราชอาณาจักรซีเว่ย ก็พ้นขีดอันตรายไม่มีบาดแผลภายนอก เพราะโอสถพิเศษของเส้าหยาง จะมีก็แต่พิษเทาเทียที่ยังค้างอยู่ในร่างกาย ต้องใช้เวลารักษาให้พิษค่อย ๆ สลายจือจาง ส่วนหลานชายตัวปัญหาตอนนี้ก็กระโดดโลดเต้นก่อเรื่องได้แล้วซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดข
ชินอ๋องตะโกนเรียกคนที่รอรับคำสั่งอยู่ด้านนอก“ส่งคนพวกนี้ไปให้กู้ซีเจ๋อดูแล ให้พวกเขาฝึกร่วมกลับกลุ่มของเหวินชา อย่าให้เสด็จอาทราบ ส่วนค่าใช้จ่ายทุกอย่างทำบัญชีอย่าละเอียด”“พ่ะย่ะค่ะ”ฉีหลินเหลียงรับคำสั่ง แล้วเดินออกไปเตรียมการตามคำสั่งชินอ๋อง“ไปกัน”“โอ๊ะเสร็จแล้ว กลับกันเถอะ” หูลี่เซียนเริ่มมึนแล้วลุกขึ้นยืน นางอยากไปซบอกลู่เฉินนอน“งานเรายังไม่เสร็จนะ ข้ายังไม่รู้เลยว่าใครเป็นตัวการ เกิดมันลงมือก่อเรื่องอีก เราจะตั้งรับไม่ทัน” เยี่ยหยางที่แม้ดื่มสุราไปมาก แต่เขาไม่รู้สึกเมาเลยสักนิด เอ่ยจุดประสงค์ที่เขากลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง“แล้วเราจะทำยังไง?”“ลี่เซียนเจ้าเมาแล้ว?”เยี่ยหยางมองหน้าเพื่อนสาว ที่เหมือนความคิดหยุดลงพร้อมสุราที่เข้าปาก “เจ้าพวกนี้ไม่รู้ แต่หัวหน้าพวกมันรู้ เราก็ไปถามหัวหน้าพวกมันสิ”“ต่อให้ตาย ก็ต้องปลุกมาถามก่อน ใครให้พวกมันรับงานนี้ล่ะ? รับงานมาแล้วก็ต้องรับผิดชอบ”“เยี่ย
หวงฉีเจิ้งเริ่มทำการสอดส่องความทรงจำของผู้หลับใหล ค่อย ๆ แผ่จิตแทรกเข้าไปในห้วงความฝัน ย้อนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น เขามองดูความฝันของคนหลายร้อยคน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือสิ่งที่พวกเขารู้อยู่แล้วพวกมันแค่ต้องการอาวุธวิญญาณร้อยปีเขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง คนเหล่านี้เป็นแค่ลูกกระจ๊อกของกลุ่มโจรหลาย ๆ กลุ่ม ที่ถูกหัวหน้าพวกมันสั่งมาเท่านั้น ไม่แม้จะเห็นหรือได้ยินเสียงตัวการสั่งการแม้แต่น้อยหวงฉีเจิ้งสั่นหัว หลังจากถอนจิตคืนกลับมา “ไม่มีประโยชน์ พวกมันไม่รู้อะไรเลย แต่พวกมันถูกหัวหน้าพวกมันใช้วิชาพิสดารลงอักขระเลือดไว้ หากคิดจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาคือตาย”“อักขระเลือด?”“อืม พวกหัวหน้าโจรภูเขาพวกนี้เป็นคนทำให้ลูกน้องมันเอง แต่ว่าใครเป็นคนสอน ข้าไม่รู้”“เรื่องนี้มันไม่ธรรมดาอยู่แล้ว อีกฝ่ายสามารถหาเทาเทียมาลงมือด้วย คิดว่ามันคงวางแผนการมาอย่างดี” หูลี่เซียนครุ่นคิด“เก็บคนพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เปลืองค่าข้าวตำหนักข้า” เยี่ยมยางบ่นหงุดหงิดไม่พอใจที่ไม่ได้เรื่อ
หลังจากหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ข่าวคราวของผู้บุกรุกเงียบหายไปสืบสาวหาต้นเหตุไม่ได้ เพราะทันทีที่สอบปากคำ พวกมันต่างไม่ยอมปริปากแม้แต่น้อยแม้ว่าบางคนที่ถูกอาจารย์จ้าวเป็นคนสอบสวนต้องยอมเอ่ยวาจา แต่เพียงแค่คิดจะพูด ก็กลายเป็นศพต่อหน้าต่อตาจ้าวถิงเซียวด้วยพิษกลืนวิญญาณอย่างไม่รู้ตัวด้วยวิธีปกปิดความลับที่โหดเหี้ยมอำมหิต จึงได้แต่ปล่อยผู้บุกรุกที่มีชีวิตที่เหลือไป เนื่องจากคนที่รู้ต้นตอเรื่องราวตายเรียบหมดแล้วแน่นอนว่าเยี่ยหยางไม่ยอมแพ้ จอมเวทสามคนแอบกลับไปที่เมืองหลวงของราชอาณาจักรซีเว่ย ย่องเข้าตำหนักชินอ๋อง“นี่เยี่ยหยาง ทำไมเจ้าจะต้องย่องแอบเข้าบ้านตัวเอง?” จอมเวทสาวถามเจ้าของบ้าน“แม่นางหูลี่เซียน แม่นางรู้หรือไม่ว่าเปิ่นหวางเป็นผู้ใด”เยี่ยหยางถามทีเล่นทีจริงกับอลิซาเบธ หรือ หูลี่เซียน นามที่แม่บุญธรรมตั้งให้นาง นามที่มีความหมายเทพธิดาที่งดงามเฮอะ ๆ …ส่วนญาติผู้น้องเขาก็เรียกนางว่าลี่ลี่ นามที่มีความหมายว่า น่ารักงดงามความงดงามเอย เทพธิดาเอย ความน่ารักเอย เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เพื่อนสาวเขาควรมีชื่อที่มีค
ร่างจิ้งจอกแดงเรืองแสงสว่างขนาดตัวที่ค่อย ๆ ขยายขึ้นจากยืนสี่ขาเป็นสองเท้า หลังที่ขนานกับพื้นดินค่อย ๆ เหยียดตรง เงาของสตรีอยู่ท่ามกลางเงาควัน เส้นผมยาวสลวยจรดพื้น“เฮ้ย! ลืม!!! เสื้อ ๆ อยู่ไหน”เยี่ยหยางที่เห็นเงาร่างเปลือยเปล่าของเพื่อนสาว ก็รีบปิดตาเรียกเสื้อผาวตัวใหญ่ลอยไปคลุมสาวเจ้าไม่ให้อุจาดตาเขา เขาไม่อยากฝันร้ายเพราะเห็นร่างแม่มดโป๊ขี้วีน“ไอ้...ไอ้บ้า...เกรก นายทำบ้าอะไร”เสียงแหบแห้งตะกุกตะกักเพราะไม่ได้พูดมานานโวยขึ้น เสื้อผาวตัวใหญ่คลุมหัวปิดหน้าปิดตาจนมองไม่เห็นไรอะไรแสงและควันจางหายนางดึงเสื้อมาคลุมร่างไร้อาภรณ์ เสื้อผาวนุ่มลื่นเว้าไปตามส่วนโค้ง จนเห็นทรวดทรงโฉมงามล่มเมือง นิ้วมือเรียวยาวดังกิ่งหลิวรวบเส้นผมยาวลากออกมานอกอาภรณ์ สองหนุ่มเห็นหน้าตาคุ้นเคยยืนหน้าหงิกกลบความสวยจนหมด“ไง ยังอยู่ดีนิพ่อคุณชาย” คำทักทายแรกหลังจากด่าทอของแม่มดสาวนามอลิซาเบธ“ไม่เลวเลยสหายข้า ได้เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ของที่นี่ ตอแหลเนียนได้ตลอด”อลิซาเบธตบไหล่เพื่อนชายคนนี้ ที่ชอบทำหน้าเ
เยี่ยหยางเห็นโอกาสคืนฐานะ ก็สลับตัวกับร่างหลอมแร่แปรธาตุทันทีที่พ้นสายตาอาจารย์ประจำวิชาปรุงโอสถ เขาถอดหน้ากากออกดื่มน้ำยารสชาติย่ำแย่ลงคอ กลับมาเป็นชินอ๋องตามเดิมส่วนร่างปลอมก็โยนเข้าห้วงมิติเก็บรักษาไว้เผื่อคราวหน้ามีโอกาสได้ใช้ในห้องหนึ่งของมิติที่เต็มไปด้วยร่างหลอมที่รูปลักษณ์ต่างกันไปจ้าวถิงเซียวเมื่อเข้ามาอีกครั้งก็ไม่เห็นศิษย์ผู้สวมหน้ากากแล้ว เขายอมปล่อยเรื่องนี้ไปก่อนในตอนนี้ แต่ไม่มีทางที่จะไม่สืบหาราวเรื่องอาจารย์ปรุงโอสถเดินผ่านเตียงของศิษย์ชายที่อาการหนัก เพราะโดนพิษเทาเทียเหมือนกันที่นอนอยู่ด้านข้างผู้ที่เข้ามาใหม่ ยาเม็ดใหญ่ถูกป้อนเข้าปากลู่เฉินเพื่อสลายพิษ จากนั้นก็ไปดูอาการอีกคนที่ตอนนี้นั่งหันซ้ายหันขวาไม่มีอาการเจ็บปวด คือ ชินอ๋องจอมเสเพลที่เขาอยากจะสั่งสอนหนัก ๆ เหลือเกิน“ไม่เป็นอะไรแล้ว ก็กลับไปนอนที่ห้องตัวเอง อย่ามาเกะกะ” ผู้เป็นใหญ่ในจวนเยียวยาไล่ศิษย์ที่ไม่ต้องดูแลแล้วออกไป แต่ก็เห็นสายตามองคนเจ็บไม่ไปไหน“เขาไม่เป็นอะไรมากแล้วพิษในกายจะค่อย ๆ สลายไปเอง”“ขอบคุณที่ท่านอาจารย์จ้าวดูแล
ดวงตาของสัตว์เทพกวาดตามองเทาเทียหลายร้อยตัวที่ยังไม่สงบอ้าปากกว้างน้ำลายไหลยืดตามคมเคี้ยวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มันรู้สึกว่าปากพวกนี้เหม็นสุด ๆ พวกไม่รักษาความสะอาดของช่องปากเลย‘แหยะ...ข้าไม่อยากฟัดกับพวกหมาบ้าน้ำลายอย่างเทาเทียเลยหยางหยาง’‘เจ้าไม่ฟัด ข้าฟัดกับพวกมันเอง’เยี่ยหยางตอบกลับสัตว์เทพคู่ตัวเองเสียงเย็น เขารู้ว่าฉงหยิ๋นพูดแบบนี้กำลังเรียกสติให้เขาควบคุมอารมณ์ เขาไม่คลุ้มคลั่งตอนนี้หรอก ยังมีอะไรให้ต้องจัดการอีกมากเขาส่งญาติผู้น้องให้สือหลงโหยวดูแลอย่างดีแล้ว ก่อนจะร่ายเกราะเวทคุ้มกายให้พวกเขา จากเก็บไม้กายสิทธิ์และเรียกไม้เท้าออกมาจัดการกับหมาบ้าน้ำลาย ทั้งยกทั้งฟาดทั้งสาปส่ง จนพวกมันแน่นิ่งไปหลายสิบตัวมือซ้ายก็ถือดาบประจำตระกูลวินเซอร์จ้วงแทงไม่ยั้ง เทาเทียแม้จะรู้สึกสัมผัสถึงอันตราย แต่มันก็ช้าไป แม้ว่ารวมกำลังพลต่อสู้เยี่ยหยางที่ฆ่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์อย่างโกรธแค้น ก็ไม่อาจสู้จอมเวทที่โทสะเดือดดาลพุ่งสะท้านฟ้าได้ ต่อให้เขาแสดงตัวไม่เป็นโล้เป็นพาย กลั่นแกล้งคน จนอายฟ้าดิน ย่อมขีดกำจัดขีดไว้ฝ่ายผู้บุกรุกเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมด
เส้นผมสีเงินสะท้อนแสงตกกระทบสว่างเป็นเด่นชัด เดินออกมาเป็นคนแรกตามด้วยคนอื่น ๆ ทั้งหมดอยู่ในชุดของศิษย์เทียนถูหวู่ ทุกคนไม่มีล่องลอยของการบาดเจ็บมีเพียงอาการเหนื่อยล้าเมื่อยกล้ามเนื้อเท่านั้น ใบหน้า หน้าตา สีหน้าแจ่มใสไม่มีแววตาหวาดกลัวใด ๆ เดินออกมาเหมือนคนเพิ่มออกมาจากห้องนอนดวงตาผู้คนที่อยู่นอกตำหนักทั้งสองฝ่ายเบิกกว้างตกใจ จนลูกตาแทบกระเด็นกระบี่ทวนง้าวร่วงหล่นจากมือกระทบพื้น ส่งเสียงเคร้งคร้างดังเป็นทอด ๆ ภาพเลวร้ายต่าง ๆ ที่คิดไปไกลได้กลับตาลปัตรความหวังของฝ่ายบุกรุกเหมือนปีนถึงยอดผากลับถูกถีบลงมาเหยียบขยี้เละไม่เหลือซาก ผู้ที่บุกเข้าไปภายในตำหนักที่เหลืออีกครึ่งจากการเก็บไว้สอบปากคำด้วยอำนาจชินอ๋อง ตอนนี้ถูกมัดมือมัดปากไม่กล้าหืออือเดินเรียงแถวกันมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่งกว่าทหารในกองทัพ สีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเดินคอตกหมดอาลัยตายอยากกันทุกคน“เกิดอะไรขึ้น”น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยเรียบ ๆ ดวงตาคมหรี่มองภาพด้านนอก บุคลิกของผู้สวมหน้ากากอำพรางตัวตนคนนี้ ทำให้ทุกคนที่เห็นต่างรู้สึกว่ามีอำนาจอัดแน่นในร่างสูงสง่า จนทำให้ดูน่าเกรงขาม แต่น
ถึงพังพอนเหลืองที่เคารพหลานชายสุดที่รักของท่านถูกพวกมันรังแกย่ำยี พวกมันกระทืบข้า ลวนลามข้า เหยียดหยามวงศ์ตระกูลข้า จนไม่มีหน้ารักษา อีกทั้งกล่าวหาว่าท่านไม่มีน้ำยาสั่งสอนข้า จนกลายเป็นสวะรกแผ่นดินเท่ากับพวกมันลบหลู่เบื้องสูงเท่ากับเหยียบหน้าฝ่าบาท พวกมันเป็นคนของตาเฒ่าหลี่ที่หวังสร้างคลื่นใต้น้ำก่อเรื่อง มีโทษสมควรตาย เรื่องนี้ไท่จื่อเป็นสักขีพยานได้ ยังเคราะห์ดีที่มีผู้แข็งแกร่งช่วยเหลือข้าเอาไว้ และเป็นผู้ส่งตัวพวกมันและจดหมายฉบับนี้มาให้ฝ่าบาทพิจารณา ป.ล พวกมันเป็นคนของพรรคมารอสูรที่ตาแก่หลี่อยู่เบื้องหลังกล้าเหิมเกริมบุกเทียนถูหวู่ ข้าส่งพวกมันให้ท่านนอนกกกอดได้เพียงเท่านี้จาก ชินอ๋อง หลานรักของเสด็จอาฮ่องเต้ฮ่องเต้ราชอาณาจักรซีเว่ยที่กำลังประชุมขุนนางหารือเรื่องบ้านเมืองอ่านสารจบหนวดกลับกระตุกไม่หยุด เส้นขมับเต้นตุบ ๆ สายตาคมมองไปที่บรรดาร่างล่อนจ้อนที่มีผ้าปกปิดกันอุจาด รอยสักบอกยี่ห้อเจ้านายถูกเยี่ยหยางพรางไว้“ทหารจับพวกมันไปขังคุกของชินอ๋อง ร