หลังจากเยี่ยหยางเสียเวลาในการรับอาวุธวิญญาณเข้าสังกัดไปไม่น้อย จึงเลิกเดินเอ้อระเหยดิ่งมาที่จุดรวมพล โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ทำลายจุดประสงค์ของผู้บุกรุกอย่างไม่รู้ตัว
พวกมันทำงานล้มเหลวแล้ว อาวุธวิญญาณเป้าหมายของพวกมันเลือกอ๋องบัดซบเป็นเจ้านายแล้วใกล้ถึงจุดหมายเยี่ยหยางจัดการแบกร่างหลอมมนุษย์ขึ้นเดินเข้าไปแสดงตัว“พี่หยาง!!!” อวี้หย่าอวิ๋นเห็นเยี่ยหยางแบกร่างปลอมที่เขาจัดฉากอลังการเข้ามา จนทุกคนตกใจกับสารรูปของชินอ๋อง“เกิดอะไรขึ้น?” จูเฉิงเยว่แม้ว่าจะไม่ชอบเยี่ยหยางมา แต่พอเห็นสารรูป(ตัวปลอม)ที่อนาถถูกซ้อมจนเละปางตายก็อดเห็นใจไม่ได้“ข้าเจอคนผู้นี้นอนหมดสติที่ข้างทางใกล้กลับพวกที่บุกเข้ามา” เยี่ยหยางที่ตอนนี้สวมบทเส้าหยางปั้นแต่งเรื่องสีหน้าจริงจัง ทำให้ทุกคนปักใจเชื่ออย่างไม่มีข้อแม้“ข้าขอโทษที่ไม่รู้ว่าเขาหายไป” ฉีเจิ้งเข้ารับบทนักแสดงสมบทต่อบทกับเยี่ยหยางที่ตีบทแตกกระจายอย่างไม่มีใครสงสัย“คนผู้นี้ไร้ปราณเจ้าตรวจสอบไม่พบก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้าอาเจิ้ง” “แต่ขณะคุณชายวินเซอร์ยังต้องขอประนีประนอม“ข้าขอเจรจาสงบศึกอย่างสันติก่อนหนาเพื่อนรัก จบจากเรื่องนี้ข้าจะชดเชยให้เจ้าอย่างงาม” เยี่ยหยางยิ้มแห้ง ๆ เขารู้ตัวว่าเรื่องนี้เขาผิดเต็ม ๆ อยู่แล้วที่ลากเพื่อนสาวไปเอี่ยวด้วย แต่ตอนนี้เขาต้องจัดการหาทางออกจากที่นี่ให้ปัญหาน้อยที่สุดก่อน แล้วค่อยยกธงขาวส่งให้แม่มดสาว ตอนนี้ส่งสารไปหยั่งเชิงเพื่อนสาวก่อนจอมเวทผมเงินเดินไปใกล้ลู่เฉินที่ญาติผู้พี่อย่างเขาไม่รู้เลยว่า หน้าตาอย่างนี้รักสัตว์กับเขาด้วย คาดว่าถ้าเป็นหมาแมวตัวอื่นคงเฉาตายคามือญาติผู้น้องเขาแล้วดวงตาสองสีสบสายตากับดวงตาสีเขียวมรกต ส่งกระแสจิตสื่อสารไปว่า “ออกจากตำหนักเศษเหล็ก แล้วค่อยคุยกันนะ”“แน่นอนคุณชายวินเซอร์ที่รัก” จิ้งจอกแดงตอบกลับด้วยน้ำเสียงข่มขู่เยี่ยหยางรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ผงกหัวทักทายเพื่อนสาวคนสนิทเล็กน้อย ก่อนจะหันไปใส่ใจกับสถานการณ์ในตำหนัก “ฉีเจิ้ง ตอนนี้ฝั่งพวกมันเป็นอย่างไร”“ข้าขอตรวจดูก่อน” ฉีเจิ้งแผ่กระแสเวทออกไปคลุมรอบตำหนักสรรพาวุธพลังเวทของตระกูลคลากส์ต่า
เสี่ยวลี่เดินตามกลิ่นมาพักใหญ่จู่ ๆ กลิ่นตรงหน้าก็หายไป นางรู้สึกผิดถึงความปกติ ขนทั้งตัวลุกชันสัญชาตญาณการระวังเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัวร่างจิ้งจอกของนางถูกฝึกฝนเลี้ยงดูโดยเทพเซียนเผ่าจิ้งจอกเก้าหาง หลายปีมานี้นางอยู่กลับพวกเขาอย่างสุขสบาย แต่ไม่นานนี้กลับหลงทางกับท่านอา และถึงเวลาที่ต้องรับทัณฑ์สวรรค์เพื่อให้ร่างนี้เลื่อนขั้นจากสัตว์ภูตเป็นสัตว์เทพ ทำให้เจอเหตุการณ์เลวร้ายจนกระทั่งพบลู่เฉินนางมองด้านหน้าด้วยสายตาจ้องพินิจ เปลือกตาสวยปิดลงและเปิดขึ้นอีกครั้ง ดวงตาสีเขียวมรกตสว่างกระจ่างยิ่งกว่าเดิม สะท้อนให้เห็นมนต์เขตแดนที่ห่างหายไปจากความทรงจำจิ้งจอกแดงอาศัยความรู้ที่เคยเรียน ใช้กรงเล็บคมตวัดเปิดช่องทางเล็กพอดีตัวอย่างรวดเร็วซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนม่านมนตราเผยช่องโห่วแล้วกระโดดเข้าไปด้านในเขตแดนทันทีสายตาเจ้าเล่ห์มองหามู่หรงลู่เฉิน แหล่งอู่ข้าวอู่น้ำของนางในตอนนี้ เมื่อเห็นขาทองคำของนางก็เยื่องย้ายร่างกายเข้าไปหาอย่างออดอ้อน“เสี่ยวลี่” มู่หรงลู่เฉินเห็นจิ้งจอกน้อยของเขาก็อ้าแขนรับนางที่กระโจนเข้าอ้อมอก ลูบหลังปลอบขวัญนาง คิดว่านางคงรู้ว
“เฮ้ เกรกข้ารู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่ด้านหลัง”“ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน เจ้าว่าจิ้งจอกตัวนั้นมีปัญหาใช่หรือไม่”“ใช่ มีปัญหาใหญ่ด้วย”สองหนุ่มสุมหัวกันมุมมืด สัญชาตญาณเอาตัวรอดสะกิดหลังยิก ๆ ว่าเจ้าขนปุยสีแดงกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่แทบจะไม่กะพริบตา สายตาคมกริบแทบจะถลกหนังเขาสองคนอยู่รอมร่อ“ขนแดง ตาสีเขียว” ฉีเจิ้งเอ่ยพลางกลืนน้ำลายช้า ๆ “และมีอยู่คนเดียวที่มองพวกเราแบบนี้”“ใช่เลยแหละ” เยี่ยหยางยืนยัน ต่อให้เขาไม่ต้องใช้คาถาระบุตัวตนก็คิดว่าเป็นคนที่คิดอยู่แน่“เอาไงต่อ เรื่องนี้ข้าจะไม่ขอเอี่ยว” ฉีเจิ้งปัดความรับผิดชอบไปห่าง ๆ ตัว โยนให้เพื่อนตัวดีของเขารับทันที ใครอยากไปต่อกรกับหญิงโฉดมือไม้หนักอย่างคุณหนูมอร์แกนล่ะขณะคุณชายวินเซอร์ยังต้องขอประนีประนอม“ข้าขอเจรจาสงบศึกอย่างสันติก่อนหนาเพื่อนรัก จบจากเรื่องนี้ข้าจะชดเชยให้เจ้าอย่างงาม” เยี่ยหยางยิ้มแห้ง ๆ เขารู้ตัวว่าเรื่องนี้เขาผิดเต็ม ๆ อยู่แล้วที่ลากเพื่อนสาวไปเอี่ยวด้วย แต่ตอนนี้เขาต้องจัดการหาทางออกจากที่นี่ให้ปัญหาน้อยที่สุดก่อน แล้วค่อยยกธงขาวส่งให้แม่มดสาว ตอนนี้ส
“ข้าจะทำให้พวกมันรู้ว่าอย่ามาแหย็มสร้างความวุ่นวายให้กับเส้าหยางจวิน[1]ผู้นี้” รอยยิ้มที่หายไปนานของคุณชายวินเซอร์ ทำให้เพื่อนรักชายหญิงได้แต่ไว้อาลัยให้พวกบุกไม่ได้ดูตาม้าตาเรือตรวจฤกษ์งามยามดี คิดประมือกับพังพอนขาวที่ทั้งแคว้นหวั่นผวา หวังว่าพี่ท่านจะไม่เล่นใหญ่จัดหนักกวาดไม่ให้เหลือ“พวกเจ้าว่าดีหรือไม่?”คุณชายท่านนี้ถามเช่นนี้ ไม่ต้องถามความเห็นดีหรือไม่ เพราะอย่างไรเหมือนจะได้ข้อสรุปที่ต้องสรุปตามนั้น เนื่องจากผู้ที่มีกำลังลงมือทุบตีคนมากสุด พูดวรรคเป็นเวรเรียบร้อย ให้พวกเขาขัดขวางคงไม่ดีเสียสักเท่าไหร่“ตามที่เจ้าว่ามาเส้าหยาง” ผู้มีอำนาจสูงสุดในที่นี้ตกลงกับแผนการ ทุกคนก็เตรียมตัวให้พร้อม ศิษย์พี่ส่วนน้อยที่หลงเข้ามาประสบเหตุไม่คาดคิด ก็ได้แต่ลงเรือลำเดียวกันอย่างไม่มีข้อแม้ เพราะจำนวนคนที่น้อยกว่า แถมแผนนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย‘ฉงฉงไปวิ่งเล่นกันเร็ว ใครตบทรัพย์ได้มากที่สุดชนะ’สถานการณ์ฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเปลี่ยนไปอยู่ในมือของเจ้าถิ่นอย่างศิษย์เทียนถูหวู่ เป็นภาพที่ใครมาเห็นก็คงงง เพราะจำ
“ยาจก” จูเฉิงเยว่หลังจากซัดเหยื่อเบา ๆ จนหมอบจิกกัดค่อนแคะเหล่าสหายผู้โชคร้าย เพราะเขารื้อทรัพย์สินผู้เคราะห์ร้ายเป็นค่าแรงค่าน้ำชา กลับไม่พบของที่มีค่าติดตัว แม้จะบ่นแต่ก็ไม่หยุดมือ “ไม่เห็นมีของดีเลยงี่เง่าชะมัด ทำไมข้าต้องมาทำอะไรอย่างนี้ด้วย”ส่วนมู่หรงลู่เฉินเองก็เรียกค่าเหนื่อยมาได้ไม่น้อย เขาแค่ยื่นกระบี่จ่อคอ แล้วกล่าวเรียบ ๆ “เอาของมีค่าออกมาให้หมด แล้วเดินไปนั่งตรงนั้น เอานี่ไปมัดตัวเองไว้ด้วย”เหยื่อของลู่เฉินที่เห็นแค่ใบหน้าเย็นชานิ่ง ๆ ไม่ไหวติงก็กลัวจนลนลาน ว่าตัวเองจะรักษาชีวิตไม่ได้ รีบนำของที่ติดตัวออกมากองด้านหน้าทั้งหมด หยิบเชือกที่อยู่ในมืออีกข้างที่ไม่ได้ถือกระบี่มัดตัวเองอย่างแน่นหนาราวกับว่า ข้ายอมแล้ว เดินไปนั่งสงบ ๆ ไม่รบกวนผู้ใดต่อจากเพื่อนร่วมงานที่นั่งกันเป็นแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยส่วนเสี่ยวลี่ก็ใช้สองขาหน้าคัดแยกสิ่งของที่ลู่เฉินเรียกเก็บเป็นค่าธรรมเนียมออกเป็นประเภท ๆ ให้ง่ายต่อการนับจัดเก็บ คู่นี้ทำงานกันเป็นระบบ คนหนึ่งริบของ ตัวหนึ่งแยกของเก็บ ดูเป็นคู่ชั้นยอดที่ทำงานเข้ากันเป็นอย่างด
ถึงพังพอนเหลืองที่เคารพหลานชายสุดที่รักของท่านถูกพวกมันรังแกย่ำยี พวกมันกระทืบข้า ลวนลามข้า เหยียดหยามวงศ์ตระกูลข้า จนไม่มีหน้ารักษา อีกทั้งกล่าวหาว่าท่านไม่มีน้ำยาสั่งสอนข้า จนกลายเป็นสวะรกแผ่นดินเท่ากับพวกมันลบหลู่เบื้องสูงเท่ากับเหยียบหน้าฝ่าบาท พวกมันเป็นคนของตาเฒ่าหลี่ที่หวังสร้างคลื่นใต้น้ำก่อเรื่อง มีโทษสมควรตาย เรื่องนี้ไท่จื่อเป็นสักขีพยานได้ ยังเคราะห์ดีที่มีผู้แข็งแกร่งช่วยเหลือข้าเอาไว้ และเป็นผู้ส่งตัวพวกมันและจดหมายฉบับนี้มาให้ฝ่าบาทพิจารณา ป.ล พวกมันเป็นคนของพรรคมารอสูรที่ตาแก่หลี่อยู่เบื้องหลังกล้าเหิมเกริมบุกเทียนถูหวู่ ข้าส่งพวกมันให้ท่านนอนกกกอดได้เพียงเท่านี้จาก ชินอ๋อง หลานรักของเสด็จอาฮ่องเต้ฮ่องเต้ราชอาณาจักรซีเว่ยที่กำลังประชุมขุนนางหารือเรื่องบ้านเมืองอ่านสารจบหนวดกลับกระตุกไม่หยุด เส้นขมับเต้นตุบ ๆ สายตาคมมองไปที่บรรดาร่างล่อนจ้อนที่มีผ้าปกปิดกันอุจาด รอยสักบอกยี่ห้อเจ้านายถูกเยี่ยหยางพรางไว้“ทหารจับพวกมันไปขังคุกของชินอ๋อง ร
เส้นผมสีเงินสะท้อนแสงตกกระทบสว่างเป็นเด่นชัด เดินออกมาเป็นคนแรกตามด้วยคนอื่น ๆ ทั้งหมดอยู่ในชุดของศิษย์เทียนถูหวู่ ทุกคนไม่มีล่องลอยของการบาดเจ็บมีเพียงอาการเหนื่อยล้าเมื่อยกล้ามเนื้อเท่านั้น ใบหน้า หน้าตา สีหน้าแจ่มใสไม่มีแววตาหวาดกลัวใด ๆ เดินออกมาเหมือนคนเพิ่มออกมาจากห้องนอนดวงตาผู้คนที่อยู่นอกตำหนักทั้งสองฝ่ายเบิกกว้างตกใจ จนลูกตาแทบกระเด็นกระบี่ทวนง้าวร่วงหล่นจากมือกระทบพื้น ส่งเสียงเคร้งคร้างดังเป็นทอด ๆ ภาพเลวร้ายต่าง ๆ ที่คิดไปไกลได้กลับตาลปัตรความหวังของฝ่ายบุกรุกเหมือนปีนถึงยอดผากลับถูกถีบลงมาเหยียบขยี้เละไม่เหลือซาก ผู้ที่บุกเข้าไปภายในตำหนักที่เหลืออีกครึ่งจากการเก็บไว้สอบปากคำด้วยอำนาจชินอ๋อง ตอนนี้ถูกมัดมือมัดปากไม่กล้าหืออือเดินเรียงแถวกันมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่งกว่าทหารในกองทัพ สีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเดินคอตกหมดอาลัยตายอยากกันทุกคน“เกิดอะไรขึ้น”น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยเรียบ ๆ ดวงตาคมหรี่มองภาพด้านนอก บุคลิกของผู้สวมหน้ากากอำพรางตัวตนคนนี้ ทำให้ทุกคนที่เห็นต่างรู้สึกว่ามีอำนาจอัดแน่นในร่างสูงสง่า จนทำให้ดูน่าเกรงขาม แต่น
ดวงตาของสัตว์เทพกวาดตามองเทาเทียหลายร้อยตัวที่ยังไม่สงบอ้าปากกว้างน้ำลายไหลยืดตามคมเคี้ยวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มันรู้สึกว่าปากพวกนี้เหม็นสุด ๆ พวกไม่รักษาความสะอาดของช่องปากเลย‘แหยะ...ข้าไม่อยากฟัดกับพวกหมาบ้าน้ำลายอย่างเทาเทียเลยหยางหยาง’‘เจ้าไม่ฟัด ข้าฟัดกับพวกมันเอง’เยี่ยหยางตอบกลับสัตว์เทพคู่ตัวเองเสียงเย็น เขารู้ว่าฉงหยิ๋นพูดแบบนี้กำลังเรียกสติให้เขาควบคุมอารมณ์ เขาไม่คลุ้มคลั่งตอนนี้หรอก ยังมีอะไรให้ต้องจัดการอีกมากเขาส่งญาติผู้น้องให้สือหลงโหยวดูแลอย่างดีแล้ว ก่อนจะร่ายเกราะเวทคุ้มกายให้พวกเขา จากเก็บไม้กายสิทธิ์และเรียกไม้เท้าออกมาจัดการกับหมาบ้าน้ำลาย ทั้งยกทั้งฟาดทั้งสาปส่ง จนพวกมันแน่นิ่งไปหลายสิบตัวมือซ้ายก็ถือดาบประจำตระกูลวินเซอร์จ้วงแทงไม่ยั้ง เทาเทียแม้จะรู้สึกสัมผัสถึงอันตราย แต่มันก็ช้าไป แม้ว่ารวมกำลังพลต่อสู้เยี่ยหยางที่ฆ่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์อย่างโกรธแค้น ก็ไม่อาจสู้จอมเวทที่โทสะเดือดดาลพุ่งสะท้านฟ้าได้ ต่อให้เขาแสดงตัวไม่เป็นโล้เป็นพาย กลั่นแกล้งคน จนอายฟ้าดิน ย่อมขีดกำจัดขีดไว้ฝ่ายผู้บุกรุกเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมด
เอ๊ะ? เมื่อกี้อีกฝ่ายบอกว่าเขาเป็นน้องชาย ก็หมายความว่าอีกคนเป็นพี่ชายที่ท่านแม่เอ่ยถึงงั้นหรือ“ท่านคือ?”“อ่ะแฮ่ม...ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้ง น้องชายของข้า”เยี่ยหยางกล่าวยิ้มกว้างต้อนรับน้องชายอย่างอารมณ์ดี ปัดความบาดหมางส่วนตัวระหว่างเขากับเฉิงเยว่ทิ้งทันที ราวกับเรื่องที่ปะทะคารมกันไม่เคยเกิดขึ้นจูเฉิงเยว่ “...”“เจ้าไม่เชื่อ?” เยี่ยหยางเห็นน้องชายเงียบไปก็ถามกลับ ก็ได้คำตอบที่ปวดใจมาแทนว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อแม้แต่น้อย“นี่เจ้าดู” คนเป็นพี่ลากน้องชายหมาด ๆ มายืนหน้ากระจกเทียบ “สีผมเราสองคนก็เหมือนกัน สีตาก็ด้วย นี่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลเราเลยนะ”“ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้มีสีผมสีตาประหลาดอย่างนี้” เฉิงเยว่แย้ง“ก็ได้ ๆ ข้าจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เจ้าฟัง” เยี่ยหยางพูดเสียงเล็กเสียงน้อยกับน้องชายอย่างอ่อนโยนจากนั้นรินน้ำชาให้ตัวเองและน้องชาย เตรียมสนทนายืดยาวให้อีกฝ่ายยอมรับเขาให้ได้ เขาอยากมีน้องชายตั้งแต่อยู่ระนาบมนตราแล้ว แต่ท
เจ้าตัวเลยพิสูจน์โดยถลกแขนเสื้อขึ้นไม่เกรงใจเจ้าบ้านบาดแผลยาวจากคมกระบี่ค่อย ๆ สมานตัวเองเห็นชัดด้วยตาเปล่า ดวงตากลมโตเบิกตากว้างอย่างตกใจยารสชาติห่วยนรกแตก แต่มีประสิทธิภาพดีเกินคาด คงไม่มีโอสถใดเยี่ยมยอดเท่านี้ มันสามารถรักษาบาดแผลได้ในพริบตาเฉิงเยว่มองหน้าเส้าหยางอย่างมึนงง สายตาเต็มไปด้วยคำถาม ว่า ทำไมต้องช่วยเขามากมายอย่างนี้“คุณชายจู คงมีคำถามอยากถามข้า”เยี่ยหยางถาม เขาไม่ต้องเสแสร้งปกปิดตัวตน เผยบุคลิกเป็นตัวเอง ออกมา “เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าตัวเองมีพลังอย่างอื่นนอกจากปราณยุทธ”“ข้ารู้ แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร”“คุณชายมองตัวเองในยามนี้ก่อน” เยี่ยหยางร่ายเวทเรียกกระจกส่องทั้งตัวให้เฉิงเยว่ได้มองตัวเองทั้งตัวดูท่าเจ้าตัวจะไม่รู้ว่า นอกจากตัวเองมีพลังเวทแล้ว แม้แต่รูปลักษณ์ก็ยังเปลี่ยนไปเฉิงเยว่มองภาพสะท้อนนิ่งงึนงัน มือยกจับเส้นผมที่เคยเป็นสีเข้มกับกลายเป็นสีเงินยวงขาวสว่างทั่วทั้งศีรษะ ดวงตาสีฟ้าแทนที่ดวงตาเข้มที่เคยมีนับสิบปีไม่ มันเกิดอะไรขึ้นกับเข
“จุ๊ ๆ ไม่ต้องรีบอยากตาย เดี๋ยวข้ามีเรื่องสนทนาอย่างสนิทสนมกับพวกเจ้า”บุคคลที่สวมหน้ากากตัวสูงกว่า กล่าวกับพวกมันที่เหลือรอดห้าคน ด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมแผ่ไอเย็นทั่วร่าง จนไม่มีใครกล้าขยับตัวปิดปากเงียบ กลัวว่าหากเผลอส่งเสียงจะกลายเป็นนกถูกเกาทัณฑ์ตัวแรกพวกมันมองเพื่อนร่วมอาชีพอีกคนชิ่งตายด้วยสีหน้าอิจฉาแม่ง! หนีตายไปสบายก่อนใครเพื่อนเลยเยี่ยหยางหลังจากข่มขู่มือสังหารเสร็จ ก็หันไปหาจูเฉิงเยว่ที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ไป“คุณชายข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า หวังว่าจะไม่ปฏิเสธ” เขาเอ่ยกับคุณชายจูเฉิงเยว่ “สภาพเจ้าตอนนี้คงไปพบใครลำบาก มากับข้า”ส่วนเฉิงเยว่เหนื่อยจนพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้าอย่างจำยอมให้อีกฝ่าย ตัวเขาคาดไม่ถึงว่าคนที่มาช่วยคือเส้าหยาง โชคดีที่อีกฝ่ายยื่นมือมาช่วย แม้เคยเห็นหน้าค่าตา ไม่เคยคุยกันอย่างสนิทสนมก็ตามทันทีที่จูเฉิงเยว่พยักหน้าตกลง เยี่ยหยางก็ร่ายคาถาเคลื่อนย้ายพริบตาอีกหน นำทั้งคนทั้งศพของเหล่านักฆ่า กลับไปที่เขาเพิ่งจากมาอีกครั้ง“อ๊ะ! อาหยางลืมสิ่งใด?”
และผลลัพธ์ก็คือระเบิดโทสะของจูเฉิงเยว่ที่ไม่มีใครล่วงรู้ เพราะผู้ลองดีต่างไปรายงานตัวกับยมบาลกันทุกคนเรียบร้อย สำหรับบางคนการมีโทสะ อาจทำให้ขาดสติ แต่สำหรับเฉิงเยว่โทสะในเรื่องนี้กลับทำให้เขาสงบอารมณ์ สงบนิ่งจนน่ากลัว ประสาททั้งห้าเปิดรับสัมผัส แววตานิ่งเย็นยะเยือกพร้อมทำลายพวกมันหารู้ไม่ว่า ได้ก้าวข้ามขีดอารมณ์ของทายาทตระกูลจูให้แล้ว ลมไร้ที่มาโหมกระหน่ำจากทุกทิศทาง ล้อมรอบกลุ่มมือสังหารสองกลุ่มที่ส่งคนมามากกว่างานอื่น ๆ พวกมันต่างมองหน้ากันอย่างมึนงง ข่าวลือในสมาคมนักฆ่าเกี่ยวกับคุณชายตัวประหลาดผู้นี้เห็นทีจะเป็นจริง พวกมันต้องรีบจบงานนี้ ก่อนที่ชีวิตของมันจะต้องจบลงที่นี่เอง ท่าทีกวนโทสะเหยื่อเปลี่ยนเป็นลงมือสังหารอย่างจริงจังเคร่งเครียดมากขึ้น คมอาวุธพุ่งเข้ามาทุกทิศทางเล็งเข้าที่จุดตาย จูเฉิงเยว่รู้สึกถึงพลังบางอย่างไหลเวียนในร่างกาย เอ่อล้นเต็มไปด้วยพลัง ความรู้สึกที่รุนแรงยิ่งกว่าพลังข
พวกเขาทุกคนที่เป็นคนของสมาคมเหวินชา ต่างเป็นคนที่อาหยางเลือกเองกับมือ ถูกสั่งสอนฝึกฝนจนกลายเป็นยอดคน แม้ว่าอาหยางของเขาจะเป็นแค่เด็ก แต่ความรู้และประสบการณ์กลับมากมายมหาศาลอาหยางต้องประสบเหตุการณ์เช่นใดที่บีบบังคับให้ต้องเติบโตเลี้ยงตัวเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะเติบโตมาด้วยกันช่วงหนึ่ง และรู้จักครอบครัวเบื้องหลังตี้ตี่ แต่เขาคิดว่ามันต้องมีเรื่องราวมากกว่าที่เขารู้ หวังว่าน้องน้อยของเขาจะใช้ชีวิตเฉกเช่นคนปกติทั่วไป อย่าได้เจ็บปวดเช่นพี่ชายคนนี้เลยจูเฉิงเยว่เมื่อสะกดรอยตามชินอ๋องไม่ทัน เขาก็ย้อนกลับไปที่จุดมุ่งหมายเดิม ที่ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาถึงยามเซินแล้ว จะให้ท่านแม่รอนานไม่ใช่ความคิดที่ดี“สบายดีหรือไม่ คุณชายจูเฉิงเยว่?”คุณชายน้อยตระกูลจูถึงกลับกลอกตามองบนอย่างเบื่อหน่าย ที่ต้องพบกับพวกโตแต่ตัวแต่ไร้สติปัญญาอีกแล้ว พวกมันราวสิบคนปิดบังหน้าตาเยี่ยงโจรหาเรื่องคนตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน ช่างอาจหาญยิ่งนัก เขาไม่อยากเสียเวลากับคนพวกนี้ยิ่งกว่าอ๋องจอมบัดซบคนนั้นสักอีก“ถอยออกไปตอนนี้ ข้าจะยังไม่เอาเรื่องพวกเจ้า” จูเฉิ
ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาริเริ่มลงมือทำหลังจากแน่ใจว่าต้องติดอยู่ต่างถิ่นคือ หาเงินและหลักแหล่งที่มั่นคง“อาหยาง!!!”เสียงร้องอย่างดีใจของกู้ซีเจ๋อ ผู้รับหน้าที่ดูแลกิจการทั้งหมดแทนเยี่ยหยางร้องอย่างคิดถึงคนที่หายหน้าหายตาไปนาน เขาไม่เห็นเงาหัวนายท่าน ‘เส้าหยาง’ หัวหน้าสมาคมการค้าเหวินชาจนแทบลืมว่ามีตัวตน ยังดีที่เส้นผมสีสว่างเด่นบอกเอกลักษณ์ที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางลืม จะมีใครที่มีเส้นผมสีนี้ตั้งแต่ยังไม่แก่เฒ่ากันบ้าง ถ้าไม่ใช่เจ้านายที่นึกได้ว่าตัวเองก็มีงานต้องทำ“ระงับอารมณ์ตื่นเต้นที่คิดถึงน้องรักหน่อยพี่”ดวงตาสองสีมองไปที่พี่ชายนอกสายเลือดของเขาด้วยดวงตาหยอกเย้ากู้ซีเจ๋อ ที่ทำหน้าที่แทนเจ้าของกิจการได้อย่างดีเยี่ยม สมกลับที่คนเป็นน้องวางใจทิ้งงานให้แบบไม่ต้องเป็นห่วง“ข้าไม่ได้ตื่นเต้นคิดถึงเจ้า แต่คิดว่าเมื่อไหร่เจ้าจะเอางานตัวเองกลับไปสะสางสักที ข้าแทบจะจมกองบัญชีตายอยู่แล้ว” กู้ซีเจ๋อมองหน้าน้องชายที่เคยน่ารักอย่างขุ่นเคืองเยี่ยหยางเจอกับกู้ซีเจ๋อโดยบังเอิญเมื่อสิบปีก่อน
หลังจากที่ข่าวคราวรั่วไหลออกไปโดยที่เฉิงเยว่ไม่ต้องลงแรง ท่านแม่ก็ร้องจะมาพบหน้าเขาให้ได้ เป็นเหตุให้ตาลุงหวงเมียเร่งปั่นงานราษฎร์งานหลวงที่ตัวเองดูแลข้ามวันข้ามคืน โหมงานเป็นเดือนเศษเพื่อหาวันหยุดติดสอยห้อยตามภรรยาสุดที่รักมาหาลูกชายแสนน่ารักอย่างเขาและมันก็คือวันนี้เฉิงเยว่กลับหมู่ตึกไท่ตง ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ให้ตัวเองดูเป็นเด็กน้อยในสายตาท่านแม่ที่รัก เขาขัดสีฉวีวรรณตัวเองเกือบชั่วยาม และยืนอยู่หน้ากองเสื้อผ้ากองใหญ่อยู่อีกเกือบครึ่งชั่วยามเด็กหนุ่มตัวน้อยหยิบชุดนั้นชุดนี้ขึ้นแล้ววางลงอยู่หลายที เสื้อผ้าถูกคัดแยกเป็นหลายกอง จนในที่สุดมือหนุ่มน้อยก็เอื้อมไปหยิบชุดที่อยู่แยกตัวเดียวไม่อยู่รวมกับเสื้อกองไหนเสื้อไหมชุดผาวสีเหลืองอ่อนคาดด้วยเข็มขัดเอวสีขาว มวยผมผูกด้วยที่คาดที่สีเดียวกับเสื้อ ปักปิ่นเรียบอันเล็กบนศีรษะ เครื่องประดับและอาภรณ์ที่อยู่บนร่าง ทำให้จูเฉิงเยว่เด็กหนุ่มกลายเด็กน้อยที่ดูละมุนน่ารักน่าทะนุถนอมเป็นที่สุดเฉิงเยว่หมุนตัวสำรวจความเรียบร้อยจากกระจกเงาที่สะท้อนภาพคุณชายน้อยแสนน่าเอ็นดู มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ เ
“ข้าขอสนทนากับเส้าหยางต่อสักครู่” ฉีเจิ้งแม้ในใจจะร่ำร้องแค่ไหน แต่เขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคุณชายเจ้าเล่ห์ ก็สวมบทรับหน้าลู่เฉินอย่างไม่มีพิรุธการมาของเจียงกงกงเปรียบเสมือนการได้เวลาพักผ่อนดี ๆ เพราะลู่เฉินจอมเข้มงวด ได้ปล่อยให้ญาติผู้พี่ได้กระดี๊กระด๊ากับของพระราชทาน ทำให้ท่านอ๋องผู้เลื่องชื่อได้ทำตัวขี้เกียจอย่างจริงจังสักทีเยี่ยหยางตรวจนับข้าวของในหีบพระราชทานด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี เขายกครึ่งหนึ่งแบ่งให้หวงฉีเจิ้งที่ออกแรงรับมือผู้บุกรุกในตำหนักสรรพาวุธพอ ๆ กับเขา ส่วนหูลี่เซียนเขาให้นางไปขอส่วนแบ่งจากเจ้านายจิ้งจอกขนฟูอย่างลู่เฉินเถอะ เขาไม่มีแบ่งให้ เพราะรู้สึกหมั่นไส้นางอย่างมาก วัน ๆ หนึ่งเดินตามญาติผู้น้องของเขาต้อย ๆเวลาที่ผ่านมาเดือนกว่าจากสัปดาห์เป็นเดือน ตั้งแต่หูลี่เซียนกลายเป็นเซียนจิ้งจอก ชีวิตนางก็สบายกว่าเขาหลายเท่า วัน ๆ กิน ๆ นอน ๆ จนเหมือนหมูมากกว่า(หมา)จิ้งจอกแล้ว วิ่งเทียวไปเทียวมาระหว่างห้องของญาติผู้น้องกับห้องเขา ตอนนี้นางก็หลบลู่เฉินมาสิงสถิตที่ห้องเขา นั่งหน้าหงิกเพราะไม่มีอะไรให้ทำส่วนเขากับฉีเจิ้งตกอยู่ในสภาวะเ
“ไท่จื่อ อาการของท่านเป็นอย่างไรบ้าง ข้าจะได้กลับไปทูลฝ่าบาทได้ถูกต้อง”เจียงกงกงขันทีส่วนพระองค์เอ่ยถามรัชทายาทของแคว้นที่ยังดูซีดเซียวอยู่บ้าง“เจียงกงกง อาการข้าดีขึ้นมากแล้ว กลางฤดูใบไม้ผลิพิษก็จะสลายจนหมด ต้องขอบคุณคุณชายเส้าหยางที่ช่วยชีวิตข้าและชินอ๋องไว้” ลู่เฉินบอก“เกรงใจแล้ว ข้าแค่ทำสิ่งที่สมควรทำ” เส้าหยางรับคำขอบคุณ สีหน้าอาการ และท่วงท่าดูสง่างามผ่าเผย“เส้าหยางจวิน ข้านำคำขอบคุณจากฝ่าบาทมามอบให้ท่านที่ช่วยปกป้องสายเลือดมู่หรง” เจียงกงกงหันไปพูดกับเส้าหยางขันทีส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ราชอาณาจักรซีเว่ยมองสำรวจประเมินท่านชายเส้าหยางจวิน เพื่อนำไปกราบทูลองค์เหนือหัวของตนอย่างละเอียด พลางคิดพิเคราะห์อืม...คนผู้นี้ที่โดดเด่นเกินใคร เส้นผมสีขาวประหลาด ดวงตาสองสีที่ประหลาดยิ่งกว่า ปกปิดหน้าตา ปกปิดแซ่สกุล ใบหน้าหลังหน้ากากยากคาดเดาว่าเป็นเช่นไร บุคลิกสง่างามดุจเชื้อพระวงศ์ผู้หนึ่งแผ่ออกมา ลมปราณลึกล้ำตรวจสอบไม่ได้ แต่กลับเป็นแค่ศิษย์สายนอก“ขอบคุณท่านกงกงผู้เฒ่า”เจียงกงกงหลังจากที่เก็บข้อมูลไว้ราย