Share

บทที่ 543

Penulis: หลันซานอวี่
“ถึงอย่างไรทุกวันนี้ คนที่กุมอำนาจของสกุลเวินก็คือคุณชายรองเวินเจานี่นะ”

“เวินเจาจะต้องแอบคุณชายใหญ่เวินทำเรื่องนี้แน่นอน”

“แต่ยิ่งมีคนเสพขี้ผึ้งทองมากขึ้น และยิ่งนานขึ้นเท่าไร คิดจะปิดบังเรื่องนี้เช่นไรก็คงปิดไม่มิด มันต้องสร้างความตระหนกไปถึงราชสำนักแน่”

“แม้ว่าเวินเจาเป็นคนกระทำเรื่องนี้ แต่ถ้าพูดออกไปแล้วใครจะเชื่อกัน? เกรงว่าถึงเวลานั้นสกุลเวินทั้งสกุลจะต้องถูกลากเข้าไปพัวพันด้วยเป็นแน่”

“ถึงอย่างไรเวินเจาก็เป็นถึงคุณชายรองของสกุลเวิน ถึงยามตัดสินโทษ คนทั้งสกุลเวินไม่ว่าจะนายหรือบ่าวล้วนหนีไม่พ้น!”

อวิ๋นฝูหลิงพูดจนคอแห้ง จึงพักดื่มชาสักอึก

ทว่าเวินจือเหิงกลับฟังแล้วรู้สึกสั่นสะท้านอยู่ในใจ

เขาเพ่งมองอวิ๋นฝูหลิง “ท่านเป็นคนของราชสำนัก?”

อวิ๋นฝูหลิงไม่ปริปากพูด ทำเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น แล้วชูจอกชาให้เขา

“คุณชายใหญ่เวินลองไตร่ตรองข้อเสนอของข้าให้ดีเถิด”

“ร่วมมือกับข้า คุณชายจะไม่เพียงรักษาชีวิตได้เท่านั้น แต่ยังมีโอกาสรักษาสกุลเวินเชื้อสายของสกุลเวินเอาไว้ได้”

“คิดแล้วคุณชายก็คงไม่ยอมให้ทั้งสกุลเวินต้องตกนรก เพียงเพราะเวินเจาเพียงคนเดียวหรอกกระมัง?”

เวินจือเหิงไตร่
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 544

    “พอกินหมด พิษในตัวของคุณชายก็สบายไปราว ๆ กึ่งหนึ่งแล้ว คอยดูแลบำรุงร่างกายให้ดี จะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสักปีครึ่งก็ไม่ใช่ปัญหา”เวินจือเหิงสีหน้าแข็งค้างทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น“ยาแก้พิษนี่สลายพิษได้เพียงครึ่งเดียว?”อวิ๋นฝูหลิงโยนขวดยาที่บรรจุยาแก้พิษให้เวินจือเหิง“ให้ยาคุณชายไปครึ่งหนึ่งน่ะถูกต้องแล้ว”“หากวันนี้ข้าสลายพิษให้คุณชายหมด แล้วพรุ่งนี้คุณชายทำลายข้อตกลง มิใช่ว่าข้าต้องคว้าน้ำเหลวหรือ?”“ข้าต้องเหลือทางหนีทีไล่ให้ตัวเองด้วยสิ!”เวินจือเหิงบีบขวดยา สีหน้าไม่น่ามองเท่าไรนัก “พูดจาไร้สัจจะ นี่หรือพฤติกรรมของผู้มีคุณธรรม?” “ผู้น้อยเวินจือเหิง ดูเป็นคนต่ำช้าที่เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลเช่นนั้นหรือ?”“ท่านจะดูแคลนผู้น้อยเกินไปหน่อยกระมัง?”อวิ๋นฝูหลิงเห็นว่าเขาดูเหมือนจะเดือดดาลไม่น้อย จึงได้แต่ตบบ่าเขาเบา ๆ แล้วกล่าวปลอบอย่างขอไปที “ข้าน่ะเป็นพวกทำตนชั่วช้าก่อนจะทำตนเป็นผู้มีคุณธรรม เช่นนี้ดีต่อข้ากับคุณชายแล้ว!”“อย่างไรก็ขอแค่คุณชายให้ความร่วมมือกับข้าเป็นอย่างดี ไม่กระทำตนหน้าไหว้หลังหลอก จงใจหลอกข้า ข้าย่อมสลายพิษในตัวคุณชายออกให้หมดแน่นอน!”เวินจือเหิงกล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 1

    อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งฟื้นคืนสติอย่างงงงวย ก็ถูกตบหน้าอย่างแรง“นังตัวดี ข้าชอบเจ้านั้นเป็นวาสนาของเจ้า!”“เจ้ายังกล้ากัดข้าอีกหรือ? แรงแค่นี้คิดว่าสามารถหนีพ้นจากเงื้อมมือของข้าได้งั้นหรือ?”“ปรนนิบัติข้ากับพวกพี่น้องให้มีความสุขแต่โดยดี แล้วข้าจะปล่อยเจ้ากับเจ้าเด็กนั่น!”“ไม่เช่นนั้น รอพวกเราพี่น้องทุกคนสนุกกับเจ้าจนพอแล้ว จะขายพวกเจ้าสองแม่ลูกให้ซ่องเสีย!”ความรู้สึกเจ็บแสบที่แก้ม ทำให้สติของอวิ๋นฝูหลิงแจ่มชัดขึ้นหลายส่วนความโกรธอันไร้ขอบเขตพลุ่งพล่านอยู่ในก้นบึ้งหัวใจนางนางเป็นหมอเทวดาที่ได้รับความเคารพมากที่สุดในฐานปฏิบัติการโลกวิบัติ ใครหน้าไหนมันอยากตายถึงกล้าทำแบบนี้กับนาง?นางลืมตาขึ้น ก็มองเห็นชายคนหนึ่งที่กำลังกุมใบหูที่มีเลือดไหลพลางฉีกกระชากเสื้อผ้าของนางด้วยสีหน้าหื่นกามและยังมีผู้ชายอีกหลายคนยืนเยาะเย้ยอยู่ข้างๆ อย่างหยาบคาย“นังตัวดีนี่นิสัยรุนแรงใช้ได้ เมื่อครู่เกือบกัดหูลูกพี่ขาด”“นิสัยรุนแรงแบบนี้สิถึงจะมีรสชาติ…”“ลูกพี่ ท่านรีบจัดการเถอะ พวกเรายังรอสนุกอยู่นะ อีกเดี๋ยวมีคนมาก็อดหรอก”“วางใจเถอะ วันนี้ฝนตกหนักเช่นนี้ ไม่มีคนมาแน่นอน พวกเรามีเวลาอีกเยอะ ค

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 2

    ระหว่างฟ้าดินที่ถูกหมอกปกคลุม เรือนไผ่สองชั้นหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางภายในเรือนไผ่เก็บทรัพยากรต่างๆ ที่อวิ๋นฝูหลิงรวบรวมมาได้ในโลกวิบัติ อวิ๋นฝูหลิงเดินวนในเรือนไผ่หนึ่งรอบ พบว่าทรัพยากรเหล่านั้นยังอยู่ นางรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นในทันทีด้านซ้ายของเรือนไผ่เป็นแปลงสมุนไพร ปลูกสมุนไพรนานาชนิดส่วนด้านขวามีหินย้อยก้อนหนึ่ง ห้อยอยู่กลางอากาศตรงปลายแหลมของหินย้อย มีน้ำหยดหนึ่งเกาะอยู่ หยดน้ำจะร่วงแหล่มิร่วงแหล่ส่วนด้านล่างของหินย้อยมีชามหินหนึ่งใบ ใช้สำหรับรองหยดน้ำที่หยดลงมาจากหินย้อยเวลานี้ในชามหินรองน้ำได้ครึ่งชามแล้วน้ำนี้เทียบได้กับยาวิเศษ เป็นของที่ดีมากคนทั่วไปดื่มสามารถเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย ร้อยโรคไม่กล้ำกราย คนป่วยดื่มสามารถขจัดร้อยโรค ฮึกเหิมประดุจมังกรและเสือผาดโผนในพริบตาเวลาปรุงยาเพิ่มหนึ่งหยด สามารถกระตุ้นสรรพคุณยา เพิ่มประสิทธิภาพเพียงแต่หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณนี่หยดช้ามาก เก็บมานานสามเดือนกว่าเพิ่งจะได้แค่ครึ่งชามแต่สามารถมีหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณเช่นนี้ครึ่งชาม อวิ๋นฝูหลิงก็ดีใจมากแล้วนางรีบนำหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณจากมิติมาดื่มสองอึกทันทีกระแสอุ่นสายหน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 3

    น้ำท่วมที่โหมกระหน่ำกลืนกินบ้านเรือนและไร่นาในพริบตาบ้านเรือนต้านแรงซัดของกระแสน้ำไม่ไหว ถูกซัดจนพังทลาย กลายเป็นเศษซากกระจัดกระจายไปทั่วชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังเหล่านั้น ก็ถูกน้ำท่วมม้วนเข้าไปในพริบตาคนเหล่านี้ไม่ทันได้ส่งเสียงขอความช่วยเหลือด้วยซ้ำ หลังจากลอยคออยู่ในน้ำครู่หนึ่ง ก็ถูกน้ำท่วมพัดหายไปอย่างไร้ร่องรอยชาวบ้านคนอื่นเห็นสถานการณ์ อดไม่ได้ที่จะหน้าซีด ตอนนี้แทบจะใช้มือและเท้าปีนขึ้นยอดเขาอย่างสุดชีวิตโดยเฉพาะพวกชาวบ้านที่อยู่ท้ายขบวน พวกเขาเห็นคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาถูกน้ำท่วมกลืนกินต่อหน้าต่อตาอีกเพียงนิดเดียว พวกเขาก็เกือบจะถูกฝังท่ามกลางน้ำท่วมแล้ว!ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลาสนใจสัมภาระที่หนักอึ้งบนแผ่นหลังแล้ว โยนของทิ้งก็ปีนขึ้นเขาอย่างสุดชีวิตในเวลาเช่นนี้ สิ่งของจะสำคัญกว่าชีวิตได้อย่างไร!อวิ๋นฝูหลิงกุมศีรษะปีนขึ้นเขา ระหว่างนั้นหันกลับมาดูสถานการณ์ของน้ำท่วมแวบหนึ่งน้ำท่วมที่อยู่ใต้เขาสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมู่บ้านจมไปแล้ว อีกทั้งปริมาณน้ำยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มว่าจะท่วมสูงถึงไหล่เขาอวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจเวลานี้เอง หญิงสาวคนห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 4

    อวิ๋นฝูหลิงเงยหน้ามอง ก็มองเห็นตรงจุดที่อยู่ห่างออกไปร้อยกว่าเมตร มีชายฉกรรจ์รวมกลุ่มกันห้าหกคน คนกลุ่มนี้กำลังคุยอะไรบางอย่าง และยังชี้มาทางนางเป็นระยะหนึ่งในนั้นก็คือชายที่ผอมเหมือนลิง คนที่หนีออกจากบ้านนางก่อนหน้านี้สายตาของลิงผอมปะทะสายตาของอวิ๋นฝูหลิงพอดี เขาจ้องเขม็งใส่นางแวบหนึ่ง เผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีเจตนาร้ายแตกต่างจากคนที่วิ่งหนีกระเจิงก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เหมือนมีที่พึ่งอะไรบางอย่างอวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้ว เกิดความหวาดระแวงขึ้นในใจทันทีนางจมจิตใต้สำนึกเข้าไปในมิติ เริ่มรื้อค้นในเรือนไผ่ชาติที่แล้วนางปรุงผงยาป้องกันตัวไว้ไม่น้อย อีกทั้งทำมาจากวัตถุดิบที่ปลูกในมิติทั้งหมด ประสิทธิภาพรุนแรงกว่าผงยาทั่วไปหลายเท่าอวิ๋นฝูหลิงเลือกผงยามาสองสามห่อ นำออกมาจากมิติโดยอาศัยการบดบังของแขนเสื้อ แล้วแอบใส่เข้าไปในกระเป๋าแขนเสื้อนางเหลือบมองพวกลิงผอมแวบหนึ่งถ้าหากคนเหล่านี้ไม่ยุ่งกับนางก็ช่างเถอะ แต่ถ้าหากกล้าลงมือกับนาง นางจะให้พวกเขาได้ลิ้มลองรสชาติของการตายทั้งเป็นแน่นอนขณะเดียวกัน ชายที่ผอมเหมือนลิงกำลังฟ้องพรรคพวก“ลูกพี่อู๋ ที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริงนะ พวกพี่ใหญ่ข้าล้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 5

    โจวโหย่วเหลียงเพิ่งมารวมตัวกับครอบครัวบนยอดเขา ก็ได้รู้เรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงช่วยชีวิตลูกเมียของเขาจากปากเจิ้งซื่อเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหายหลังจากตั้งสติได้ เขาก็บอกเรื่องนี้กับบิดามารดาของตน จากนั้นก็ถือลูกเดือยถุงหนึ่ง พาลูกเมียมาขอบคุณเมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิงบ่ายเบี่ยง โจวโหย่วเหลียงที่เป็นผู้ชายก็ไม่สะดวกที่จะคะยั้นคะยออวิ๋นฝูหลิง ได้แต่ขอบคุณบุญคุณที่ช่วยชีวิตของอวิ๋นฝูหลิงอยู่ข้างๆ อย่างจริงใจจากนั้นก็ดึงโจวฉางจี๋มาตรงหน้าก่อนมาโจวฉางจี๋ก็ถูกอบรมก่อนแล้ว เขากล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนิ่ม “ขอบคุณป้าอวิ๋น!”อวิ๋นฝูหลิงเห็นใบหน้าเล็กที่อวบอิ่มและรูปร่างอ้วนเล็กน้อยของเขา ดวงตาที่เหมือนองุ่นดำก็สดใสขึ้นมาทันทีและรู้ด้วยว่าเขาเป็นที่รักของคนตระกูลโจว ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถกินจนได้รูปร่างเช่นนี้ในครอบครัวชาวนาอวิ๋นฝูหลิงเห็นเขาน่ารักมาก อดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะของเขา พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร!”พูดจบก็หันไปพูดกับสองสามีภรรยา “สถานการณ์เช่นก่อนหน้านี้ ข้าคิดว่าใครพบเจอก็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ทุกคนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ช่วยเหลือกันและกันเป็นสิ่งที่สมควรทำ พวกเจ้าไม่จำต้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 6

    โหวซานได้ยินดังนั้นก็นึกว่านี่เป็นแผนการที่ลูกพี่อู๋คิดขึ้นเพื่อกำราบอวิ๋นฝูหลิง สีหน้าจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อยอีกอย่างอวิ๋นฝูหลิงรูปงาม ลูกพี่อู๋อยากจะลองลิ้มรสชาติของนางก่อนก็เป็นเรื่องปกติโหวซานนึกว่าเดาใจลูกพี่อู๋ถูก จึงหัวเราะแล้วหันไปยักคิ้วหลิ่วตาใส่ลูกพี่อู๋ จากนั้นเอ่ยขึ้น“หญิงสาวที่งดงามขนาดนี้ หากฆ่าทิ้งคงเสียดายแย่ ไม่สู้ให้นางได้เล่นสนุกกับลูกพี่อู๋ก่อน รอให้พี่น้องทุกคนสนุกกันเต็มที่แล้ว ข้าค่อยสังหารนาง เพื่อแก้แค้นให้พี่ใหญ่ก็ยังไม่สาย”ลูกพี่อู๋ได้ยินดังนั้น แม้ใบหน้าจะยิ้มแย้ม ทว่าในดวงตากลับเหี้ยมเกรียมขึ้นทันใดเขาอยากจะตบแต่งอวิ๋นฝูหลิงด้วยใจจริง ย่อมทนฟังโหวซานเหยียดหยามนางด้วยคำพูดเช่นนี้ไม่ได้ชายจมูกงุ้มหลายคนเห็นสีหน้าของลูกพี่ พลันรู้ได้ทันทีว่าเขาโมโหแล้วแต่โหวซานยังไม่รู้ตัว ยังคงพูดจาหยาบโลนต่อไปไม่หยุดดวงตาอวิ๋นฝูหลิงเยือกเย็น ทว่าใบหน้ากลับยิ้มแย้ม “ได้สิ งั้นข้าจะเล่นสนุกกับพวกเจ้าก่อน”พอดีกับยามนี้ที่มีสายลมพัดผ่านไปยังทิศทางของพวกลูกพี่อู๋อวิ๋นฝูหลิงฉวยโอกาสตอนทุกคนเผลอ โปรยผงยาหนึ่งห่อผงยาโชยไปตามลมใส่หน้าพวกลูกพี่อู๋ จากนั้นถูกพวกเขา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 7

    สายตาอวิ๋นฝูหลิงหันมองหินลูกเล็กที่ตกอยู่ข้างกายโหวซานก้อนนั้นใช้เพียงหินก้อนเล็กก้อนเดียวก็สามารถฆ่าคนได้ อีกฝ่ายย่อมไม่ธรรมดาอวิ๋นฝูหลิงแหวกพงหญ้าออก ทันใดนั้นสบเข้ากับดวงตาดำขลับล้ำลึกภายในพงหญ้ามีชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดผ้าแพรสีดำปักลายสีทองนั่งอยู่มือขวาของเขาถือกระบี่ป้องกันไว้ตรงหน้า ดูระมัดระวังอย่างมากสายตาที่มองอวิ๋นฝูหลิงเต็มไปด้วยความระแวงชายหนุ่มดูเหมือนคนอายุยี่สิบกว่า ใบหน้าหมดจด คิ้วโก่งดั่งภาพวาด เป็นคนที่รูปงามมาก ทว่าท่าทางตึงเครียดของเขาในตอนนี้ ทำให้รังสีรอบตัวเขาดูขึงขังขึ้นมากอวิ๋นฝูหลิงรู้สึกแค่ว่าช่วงตาของชายหนุ่มดูคุ้นเคย แอบคิดในใจว่าหรือจะเป็นคนที่เจ้าของร่างเดิมรู้จักแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องตนอย่างแปลกหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่เคยรู้จักเจ้าของร่างเดิมมาก่อนอวิ๋นฝูหลิงจึงไม่คิดอะไรอีกนางสังเกตเห็นริมฝีปากที่ขาวซีดของชายหนุ่ม ใบหน้าเขาซีดเผือด จากนั้นได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง จึงรู้ว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสหากไม่รีบรักษาแล้วห้ามเลือด เกรงว่าคงยืนหยัดได้อีกไม่นาน เขาอาจจะตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปอวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด แล้วนำผงยาออกมาจากกระเป๋าหนึ่งขว

Bab terbaru

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 544

    “พอกินหมด พิษในตัวของคุณชายก็สบายไปราว ๆ กึ่งหนึ่งแล้ว คอยดูแลบำรุงร่างกายให้ดี จะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสักปีครึ่งก็ไม่ใช่ปัญหา”เวินจือเหิงสีหน้าแข็งค้างทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น“ยาแก้พิษนี่สลายพิษได้เพียงครึ่งเดียว?”อวิ๋นฝูหลิงโยนขวดยาที่บรรจุยาแก้พิษให้เวินจือเหิง“ให้ยาคุณชายไปครึ่งหนึ่งน่ะถูกต้องแล้ว”“หากวันนี้ข้าสลายพิษให้คุณชายหมด แล้วพรุ่งนี้คุณชายทำลายข้อตกลง มิใช่ว่าข้าต้องคว้าน้ำเหลวหรือ?”“ข้าต้องเหลือทางหนีทีไล่ให้ตัวเองด้วยสิ!”เวินจือเหิงบีบขวดยา สีหน้าไม่น่ามองเท่าไรนัก “พูดจาไร้สัจจะ นี่หรือพฤติกรรมของผู้มีคุณธรรม?” “ผู้น้อยเวินจือเหิง ดูเป็นคนต่ำช้าที่เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลเช่นนั้นหรือ?”“ท่านจะดูแคลนผู้น้อยเกินไปหน่อยกระมัง?”อวิ๋นฝูหลิงเห็นว่าเขาดูเหมือนจะเดือดดาลไม่น้อย จึงได้แต่ตบบ่าเขาเบา ๆ แล้วกล่าวปลอบอย่างขอไปที “ข้าน่ะเป็นพวกทำตนชั่วช้าก่อนจะทำตนเป็นผู้มีคุณธรรม เช่นนี้ดีต่อข้ากับคุณชายแล้ว!”“อย่างไรก็ขอแค่คุณชายให้ความร่วมมือกับข้าเป็นอย่างดี ไม่กระทำตนหน้าไหว้หลังหลอก จงใจหลอกข้า ข้าย่อมสลายพิษในตัวคุณชายออกให้หมดแน่นอน!”เวินจือเหิงกล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 543

    “ถึงอย่างไรทุกวันนี้ คนที่กุมอำนาจของสกุลเวินก็คือคุณชายรองเวินเจานี่นะ”“เวินเจาจะต้องแอบคุณชายใหญ่เวินทำเรื่องนี้แน่นอน”“แต่ยิ่งมีคนเสพขี้ผึ้งทองมากขึ้น และยิ่งนานขึ้นเท่าไร คิดจะปิดบังเรื่องนี้เช่นไรก็คงปิดไม่มิด มันต้องสร้างความตระหนกไปถึงราชสำนักแน่”“แม้ว่าเวินเจาเป็นคนกระทำเรื่องนี้ แต่ถ้าพูดออกไปแล้วใครจะเชื่อกัน? เกรงว่าถึงเวลานั้นสกุลเวินทั้งสกุลจะต้องถูกลากเข้าไปพัวพันด้วยเป็นแน่”“ถึงอย่างไรเวินเจาก็เป็นถึงคุณชายรองของสกุลเวิน ถึงยามตัดสินโทษ คนทั้งสกุลเวินไม่ว่าจะนายหรือบ่าวล้วนหนีไม่พ้น!” อวิ๋นฝูหลิงพูดจนคอแห้ง จึงพักดื่มชาสักอึกทว่าเวินจือเหิงกลับฟังแล้วรู้สึกสั่นสะท้านอยู่ในใจเขาเพ่งมองอวิ๋นฝูหลิง “ท่านเป็นคนของราชสำนัก?”อวิ๋นฝูหลิงไม่ปริปากพูด ทำเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น แล้วชูจอกชาให้เขา“คุณชายใหญ่เวินลองไตร่ตรองข้อเสนอของข้าให้ดีเถิด”“ร่วมมือกับข้า คุณชายจะไม่เพียงรักษาชีวิตได้เท่านั้น แต่ยังมีโอกาสรักษาสกุลเวินเชื้อสายของสกุลเวินเอาไว้ได้”“คิดแล้วคุณชายก็คงไม่ยอมให้ทั้งสกุลเวินต้องตกนรก เพียงเพราะเวินเจาเพียงคนเดียวหรอกกระมัง?”เวินจือเหิงไตร่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 542

    เวินจือเหิงได้ยินเช่นนั้น เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปนขึ้นมาทันที มือทั้งสองข้างกำผ้านวมใต้ร่างแน่นท่าทางเช่นนั้นมิเหมือนท่าทางตกใจหลังจากได้ฟังความจริง กลับดูโกรธเป็นฟืนไฟที่เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ อวิ๋นฝูหลิงเห็นเน้นก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางกล่าวได้เลยว่าเวินจือเหิงดูไม่เหมือนคนโง่เขลาเลยสักนิด“ดูท่าคุณชายใหญ่เวินจะรู้มานานแล้ว?”เวินจือเหิงคลายมือ ปรับอารมณ์เล็กน้อย แล้วจึงตอบคำถามของอวิ๋นฝูหลิง “แค่มีความสงสัยในใจอยู่บ้างเท่านั้น”“เพียงแต่ผู้น้อยเคยลอบให้คนไปตรวจสอบแล้ว แต่กลับไม่พบสิ่งใดผิดปกติเลย”“ทั้งยังเคยหาท่านหมอท่านอื่นมาแอบตรวจให้เป็นการส่วนตัวแล้ว ล้วนกล่าวว่าข้าติดเชื้อเป็นไข้หวัด ทั้งยังตรวจหาสาเหตุอื่นใดไม่เจอ”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ไม่ผิด หากดูเพียงแค่ชีพจรของคุณชาย ก็จะเข้าใจผิดได้ง่าย ๆ ว่าเป็นไข้หวัด”“ทั้งพิษในตัวคุณชายมิได้เกิดขึ้นในวันเดียว แต่เป็นค่อย ๆ ต้องพิษทีละน้อย ๆ สะสมไว้จากวันเป็นเดือนจนกลายเป็นพิษเรื้อรัง”“ท่านหมอทั่วไปย่อมดูไม่ออก”“คุณชายวาสนาดีไม่น้อยที่ได้มาพบหมอเทวดาเช่นข้า มิเช่นนั้นอย่างมากที่สุดคุณชายก็จะมีชีวิตอยู่ได้เพียงเดือนเดียว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 541

    เทียบยานั้นไร้ชีวิต คนไข้กับท่านหมอต่างหากที่มีชีวิตจิตใจรู้เพียงแค่เรื่องเทียบยานั้นไร้ประโยชน์ต้องรู้ว่าคนไข้มีอาการเช่นไร เทียบยาอะไรที่เหมาะกับคนไข้มากที่สุดต่างหากจึงจะสำคัญที่สุดและเส้นทางการเป็นหมอนั้น ให้ความสำคัญกับการสั่งสมประสบการณ์การสั่งสมประสบการณ์นี้ นอกจากจะได้มาจากคนไข้มากมายนับไม่ถ้วนแล้ว ยังเกิดจากความรู้ความเข้าใจที่ได้แลกเปลี่ยนเจียระไนกับเพื่อร่วมวิชาชีพดังนั้น อวิ๋นฝูหลิงจึงไม่เคยลังเลที่จะแลกเปลี่ยนเจียระไนความรู้กับหมอท่านอื่น ๆ เลยจวบจนถึงบัดนี้ ท่านหมอจ้าวถึงได้ยอมเลื่อมใสหมดใจอย่างแท้จริงกอปรกับที่เขาตรวจโรคให้เวินจือเหิงมานานขนาดนี้ ทว่ากลับมิเคยเห็นเวินจือเหิงอาการดีขึ้นมาสักเศษเสี้ยวเลยจริงอาศัยแค่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว ในฐานะที่เป็นหมอ เขาจึงไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้เลยท่านหมอจ้าวประสานมือแก่เวินจือเหิงและเวินเจา กล่าวด้วยสีหน้ารู้สึกผิดว่า “ผู้น้อยวิชาแพทย์ต่ำเตี้ยนัก!”“ดั่งคำที่ว่าคลื่นลูกหลังไล่ทับคลื่นลูกเก่า วิชาแพทย์ของท่านหมอหางผู้นี้สูงส่งกว่าผู้น้อยจริงๆ!”“ผู้น้อยละอายใจยิ่งนัก ขอตัวลา!”จบคำ ท่านหมอจ้าวก็ยกกล่องยากขึ้น ขอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 540

    หมอจ้าวได้ยินก็ขมวดคิ้ว หลังจากได้รับการอนุญาตจากเวินจือเหิง ก็ตรวจชีพจรของเขาอีกครั้งครั้งนี้ หมอจ้าวตรวจชีพจรนานขึ้นแต่หลังจากเขาตรวจอยู่นาน ก็ยังตรวจชีพจรออกแค่ว่าเป็นโรคต้องลมเย็น ส่วนอาการปอดร้อน ฟังชีพจรไม่ออกแม้แต่นิดเดียวจริง ๆเขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยในทักษะแพทย์ของตัวเองไปชั่วขณะหนึ่งแอบคิดว่าทักษะแพทย์ของเขาสู้เด็กวัยรุ่นที่อายุยี่สิบปีคนหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ?อวิ๋นฝูหลิงมองท่าทางสงสัยในชีวิตของหมอจ้าวออก ในใจก็แอบขอโทษประโยคหนึ่งดูจากชีพจรของเวินจือเหิง เหมือนเป็นแค่อาการป่วยจากการต้องไอเย็นจริง ๆ ส่วนอาการปอดร้อนอันใด ล้วนเป็นนางที่พูดไร้สาระเท่านั้นในส่วนของอาการกระหายน้ำปวดหัวที่นางถามเวินจือเหิง และเวินจือเหิงก็พยักหน้าตอบรับ สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นอาการป่วยที่เกิดจากการถูกวางยาพิษอาการเหล่านี้คล้ายกับอาการปอดร้อนอยู่บ้าง ดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงใช้โรคปอดร้อนเป็นข้ออ้างนางต้องการแทนที่หมอจ้าว กลายมาเป็นหมอประจำตัวของเวินจือเหิง จึงต้องมีเหตุผลดี ๆ สักข้อหนึ่งเดิมทีวิธีที่ดีที่สุดก็คือการขัดคอหมอจ้าว และตอกย้ำถึงทักษะแพทย์ที่โดดเด่นกว่าของนางแต่หลังจากพูดคุย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 539

    หมอจ้าวลูบเคราขาว และพยักหน้ากล่าวว่า “หมอหางพูดมีเหตุผล”“ในวงการแพทย์ แม้คนที่มีอายุมากกว่า จะยิ่งมีประสบการณ์มาก และทักษะแพทย์ก็ย่อมยอดเยี่ยม”“แต่ก็มิใช่ว่าจะเป็นเช่นนี้ทุกคน”“ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่อวิ๋นท่านนั้นจากสกุลอวิ๋นจวนจี้ชุนโหว อายุเพียงยี่สิบปี ทักษะแพทย์กลับเทียบเคียงเจ้าสำนักโอวหยาง ถึงขั้นเก่งกาจกว่าในการรักษาบางโรคด้วย”“ทักษะแพทย์สูงส่ง จนคนต้องชื่นชมว่าสมกับที่เป็นทายาทของผู้อาวุโสอวิ๋น”“ด้วยเหตุนี้ เรื่องในวงการนี้จึงไม่อาจสรุปได้ด้วยมาตรฐานเดียว!”อวิ๋นฝูหลิงเห็นว่าคำพูดหมอจ้าวมีความยุติธรรม ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีต่อเขามากขึ้นเดิมทีนางวางแผนว่าหากเวินเจายังพูดจ้อต่อไป ก็จะใช้ความล้มเหลวในการรักษาเวินจือเหิงของหมอจ้าวที่ผ่านมาเป็นเหตุผลโต้แย้งแต่เมื่อเห็นหมอจ้าวไม่เหมือนว่าจะเป็นหมอไร้คุณธรรมที่สมรู้ร่วมคิดกับเวินเจา นางก็ล้มเลิกแผนการนี้ทันทีหมอจ้าวคนนี้ดูเป็นคนที่ไม่เลวทีเดียว นางแค่คิดจะมารักษาเวินจือเหิง เพื่อเป็นพันมิตรกับเขา และเพื่อได้รับความช่วยเหลือจากเขาไม่ได้มีความแค้นกับหมอจ้าว จึงไม่จำเป็นต้องเหยียบย่ำเขาขึ้นไป ทำลายชื่อเสียงของเขา จนทำให้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 538

    หมอจ้าวรู้ดีว่าสกุลใหญ่ล้วนมีแผนการเบื้องหลังมากมายที่ไม่อาจเปิดเผยต่อสาธารณชนได้โดยเฉพาะสกุลเวินที่กำลังอยู่ในช่วงต่อสู้แย่งชิงอำนาจภายในคุณชายใหญ่เวินที่ร่างกายแข็งแรงมาตลอด กลับล้มป่วยอย่างกะทันหัน ย่อมทำให้คนคิดมากจริง ๆหมอจ้าวไม่กล้าพูดว่าทักษะแพทย์ของตัวเองยอดเยี่ยมที่สุดในแคว้นต้าฉี แต่จริยธรรมแพทย์ที่พึงมี เขาไม่กล้าละทิ้งมันไปเด็ดขาดเขาสามารถทนฟังคนอื่นบอกว่าทักษะแพทย์ของเขาไม่ดีได้ แต่ไม่อาจทนถูกคนอื่นสงสัยในการกระทำได้โดยเด็ดขาดมิเช่นนั้นในภายภาคหน้าเขาจะยังยืนหยัดอยู่ในวงการแพทย์ได้อย่างไร?หลังจากมั่วซูถูกเวินจือเหิงดุ ก็ขอโทษหมอจ้าวทันที “หมอจ้าว ขออภัยขอรับ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”หมอจ้าวได้ยินคำพูดนี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง“ไม่ทราบว่าในจวนยังมีกากยาที่เคยต้มอยู่หรือไม่?”มั่วซูตอบกลับ “เมื่อเช้าเพิ่งต้มยา น่าจะยังมีกากยาอยู่ขอรับ”หมอจ้าว “เช่นนั้นรบกวนคุณชายใหญ่ส่งคนไปนำกากยามา มีปัญหาหรือไม่ ข้าเห็นก็ย่อมรู้ได้”เวินจือเหิงพยักหน้าให้มั่วซูพลางกล่าว “ไปนำกากยามา”เวินเจาเห็นมั่วซูไปนำกากยามา แม้กากยานั้นย่อมตรวจไม่พบปัญหา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 537

    เวินเจาหวั่นใจ รีบผลักคนเฝ้าประตูออก และก้าวไล่ตามไปอย่างรวดเร็วมั่วซูนำทั้งกลุ่มไปยังเรือนชิวถังที่เวินจือเหิงพักอยู่อย่างว่องไวเวินจือเหิงเห็นมั่วซูนำคนกลุ่มหนึ่งเข้ามา ในกลุ่มนั้นยังมีหมอจ้าวจากสำนักโซ่วอันด้วยเมื่อมองพิจารณาอีกครา สตรีผู้นั้นที่บุกรุกเข้ามาในห้องของเขาเมื่อคืนก็อยู่ด้วยเช่นกัน เพียงแต่วันนี้แต่งกายเป็นบุรุษเขาอดไม่ได้ที่จะตกใจคนทั้งสองกลุ่มมาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร?นี่มันสถานการณ์อันใดกัน?คนทั้งสองกลุ่มเผชิญหน้ากันตอนนี้ สตรีผู้นั้นไม่เพียงแต่ไม่ถูกคนเปิดโปง ทว่ากลับเข้ามาในสกุลเวินอย่างเปิดเผย ดูท่าจะมีความสามารถอยู่บ้าง!เวินจือเหิงทั้งรู้สึกสับสนทั้งรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ แต่ภายนอกกลับยังสงบนิ่งโชคดีที่มั่วซูเป็นคนมีไหวพริบเมื่อเข้ามาในห้องก็ตะโกนว่า “คุณชาย ท่านมิได้บอกว่าไม่สบาย จึงให้ข้าไปเชิญหมอมาให้ท่านหรือ ท่านเดาสิขอรับว่าเป็นอย่างไร?”เขาส่งเสียง “นี่” ครั้งหนึ่ง และกะพริบตาให้เวินจือเหิง พลางแสดงละครต่อไปขณะพูด “ช่างบังเอิญเสียจริง ทันทีที่ข้าไปถึงประตูใหญ่ ก็บังเอิญเจอหมอจ้าว ทั้งยังมีหมอหางจากสำนักผิงอันท่านนี้ด้วยขอรับ”“ข้ารีบเชิญพวก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 536

    แม้ว่าเวินเจาจะมั่นใจว่าหมอธรรมดา ไม่อาจมองปัญหาบนร่างของเวินจือเหิงออกตั้งแต่เวินจือเหิงป่วย ก็ได้เชิญหมอมาไม่รู้ตั้งกี่คน หมอชื่อดังใกล้จินโจวก็เชิญมาไม่น้อย แต่ก็ยังไม่มีหนทางทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด วันนี้เมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกไม่แน่ใจขึ้นมาเมื่อครู่เขาได้ยินหมอจ้าวบอกแล้ว ป้ายหยกลายเห็ดหลินจือชิ้นนั้นในมือของอวิ๋นฝูหลิงไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่งมีเพียงทายาทสายตรงหรือศิษย์สายตรงของสกุลหางเท่านั้น ที่จะได้รับอนุญาตให้พกติดตัวทักษะแพทย์ของสกุลหางได้รับสืบทอดมาจากผู้อาวุโสอวิ๋นจี้ชุนโหวทักษะแพทย์ของคนผู้นั้นไม่เป็นสองรองใคร เป็นผู้ที่ได้บรรดาศักดิ์โดยอาศัยแค่ทักษะแพทย์คนเช่นนี้ คาดว่าในปัจจุบันมีเพียงผู้เดียวเท่านั้น!หมอคนอื่นมองลับลมคมในบนร่างของเวินจือเหิงไม่ออก แต่คนของสกุลหาง อาศัยทักษะแพทย์ของพวกเขา คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมองไม่ออกดังนั้นตั้งแต่เวินจือเหิงป่วย เวินเจาก็หลีกเลี่ยงการเชิญหมอจากสำนักผิงอันมาตรวจอาการมาโดยตลอดแม้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็หาหมอที่มีทักษะแพทย์ธรรมดาจากสำนักผิงอันมาหมอเหล่านั้นที่เป็นสายตรงของสกุลหาง เขาล้วนไม่กล้าพามาทุกอย่างตั้

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status