แรกเริ่มราชบุตรเขยยังปฏิเสธ กอดนางสาบานว่าชาตินี้จะรักแค่นางคนเดียว พวกเขามีฉยงอวี้คนเดียวก็พอแล้วแต่ต่อมา ท้ายที่สุดราชบุตรเขยก็เข้าห้องนอนของผู้หญิงคนอื่น รับอนุภรรยาเข้าจวนคนแล้วคนเล่า คำสาบานที่มีต่อนางก็ถูกลืมจนหมดแม้องค์หญิงฉางเล่อจะเสียใจ กลับทำอะไรไม่ได้อย่างไรก็ตาม ที่สุดของความอกตัญญูคือการไร้ผู้สืบสกุลองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อต้องทนทุกข์ลำบากกับการไม่มีลูกชาย เมื่อมาถึงตัวลูกสาว เห็นพวกเขาสามีภรรยาไม่รักใคร่ปรองดอง มองจากในมุมของนาง ก็รู้สึกว่าสาเหตุมาจากการที่ไม่มีลูกอีกทั้งในมุมมองของนาง การที่อวิ๋นฝูหลิงได้รับการแต่งตั้งเป็นพระชายาอี้อ๋อง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากนางให้กำเนิดลูกชายให้เซียวจิ่งอี้ และลูกชายคนนี้ยังเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้จิ่งผิงมากถ้าหากไม่มีลูกชายคนนี้ อวิ๋นฝูหลิงคิดจะนั่งตำแหน่งพระชายาอี้อ๋อง ไม่ง่ายเช่นนั้นแน่นอนนี่ไม่ใช่ว่าองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อดูถูกอวิ๋นฝูหลิง และไม่ใช่ว่ามีอคติอะไรกับอวิ๋นฝูหลิงแต่เป็นข้อจำกัดทางการรับรู้และความคิดขององค์หญิงใหญ่ฉางเล่ออวิ๋นฝูหลิงคาดเดาถูกตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อเชิญนางมา ในเมื่อไม่ใช่รักษาให้ตั
แม้ฉยงอวี้จวิ้นจู่จะเขินอายจนหน้าแดงก่ำ แต่ก็ยังอดกลั้นความเขินอาย ตอบอวิ๋นฝูหลิงทีละคำถามแต่ว่าเสียงกลับเบาเหมือนยุงดีที่อวิ๋นฝูหลิงหูดี ไม่เช่นนั้นได้ยินคำพูดของนางไม่ชัดแน่ทว่าหลังจากฟังฉยงอวี้จวิ้นจู่กล่าวจบ อวิ๋นฝูหลิงก็เงียบแล้วผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะเอ่ยปากกล่าว “ฉยงอวี้จวิ้นจู่ เจ้ารู้อยู่กระมังว่าเรื่องลูกนั้น บุรุษกับสตรีต้องพยายามด้วยกัน?”นางปรบมือ ‘แปะๆๆ’ “เจ้าคนเดียวมีลูกไม่ได้หรอก พวกเจ้าต้องทำกิจกรรมบนเตียงบ่อยๆ เช่นนี้จึงจะสามารถเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์”อวิ๋นฝูหลิงยอมแล้วแค่ครั้งสองครั้งต่อเดือน บางทีก็ไม่มีเลยสักครั้งความถี่ต่ำเช่นนี้ ย่อมไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ง่ายๆแต่ไม่มีอะไรที่แน่นอน ไม่แน่ว่าครั้งไหนอาจจะถูกรางวัลก็ได้แต่เห็นได้ชัดว่าโชคของฉยงอวี้จวิ้นจู่ไม่ได้ดีเช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงรู้สึกว่าเมื่อเทียบกับการตรวจร่างกาย ฉยงอวี้จวิ้นจู่ไม่สู้มีเพศสัมพันธ์ให้มากๆเพราะสุขภาพของนางไม่มีปัญหาอะไรเลยแม้ฉยงอวี้จวิ้นจู่ไม่เข้าใจว่าอวิ๋นฝูหลิงปรบมือคืออะไร แต่ก็เข้าใจคำพูดของนางแล้วแม้อวิ๋นฝูหลิงพยายามใช้คำพูดที่คลุมเครือแล้ว แต่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ฟังแล้วก
เมื่อคนคนหนึ่งตัดสินใจแล้ว การจะโน้มน้าวใจได้นั้นเป็นเรื่องยากอีกทั้งเรื่องที่ไม่สามารถมีลูก สาเหตุอีกครึ่งหนึ่งก็มาจากฝ่ายชายเช่นกันถ้าหากเฉินเจิงเป็นหมัน เช่นนั้นไม่ว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่จะพยายามเพียงใดก็ไม่มีทางตั้งครรภ์ นอกเสียจากนางจะเปลี่ยนผู้ชายเห็นฉยงอวี้จวิ้นจู่ถือเทียบยาดูแล้วดูอีก บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อวิ๋นฝูหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยปากกล่าว“ถ้าหากอยากมีลูกจริงๆ ทางที่ดีลองหาหมอไปตรวจจวิ้นหม่าดีกว่า”“ถ้าหากเขาป่วย มีลูกไม่ได้ล่ะ?”“ข้าแค่แนะนำนะ ไม่ได้มีเจตนาอื่น”รอยยิ้มบนใบหน้าฉยงอวี้จวิ้นจู่แข็งทื่อทันทีองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อก็ตะลึงเช่นกันสองแม่ลูกไม่เคยคิดว่าปัญหาจะอยู่ที่ตัวเฉินเจิงถ้าหากสุขภาพของเฉินเจิงมีปัญหา ไม่สามารถมีลูก เช่นนั้นฉยงอวี้จวิ้นจู่พยายามอย่างไรก็เปล่าประโยชน์เวลานี้เอง มีเสียงรายงานดังขึ้นจากนอกประตู “อ๋องหญิงใหญ่ อี้อ๋องมาเจ้าค่ะ บอกว่ามารับพระชายาอี้อ๋องกลับ”องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อหวนคืนสติ รีบขานรับทีหนึ่งนางจับมืออวิ๋นฝูหลิงแล้วกล่าว “วันนี้ขอบคุณเจ้ามาก ข้ากับฉยงอวี้จะคิดดู”อวิ๋นฝูหลิงยิ้มเล็กน้อย “ท่านป้าเกรงใจแล้ว
หลังจากผ่านงานเลี้ยงชมบุปผาขององค์หญิงใหญ่ฉางเล่อไป อวิ๋นฝูหลิงก็เริ่มขังตัวเองไว้ในห้องเพื่อทำบางอย่างเมื่อเซียวจิ่งอี้ฟังคนรับใช้รายงาน จึงหาโอกาสสอบถามอวิ๋นฝูหลิงอวิ๋นฝูหลิงบอกอย่างยิ้มแย้มว่าเป็นความลับ อีกไม่กี่วันเขาก็รู้เอง แล้วก็ไม่ยอมพูดอะไรอีกเซียวจิ่งอี้เห็นดังนี้ จึงไม่ได้ถามอะไรต่อในระหว่างนี้ อวิ๋นฝูหลิงได้หาเวลาว่างไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของพระชายาองค์ชายใหญ่กับงานเลี้ยงอวยพรวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าจวนเว่ยกั๋วกงอวิ๋นฝูหลิงเลือกไปร่วมงานของสองครอบครัวนี้จากกองบัตรเชิญ ถ้าจะบอกว่ามีความหมายที่ลึกซึ้งอะไร ก็คิดมากแล้วนางในฐานะพระชายาอี้อ๋อง ออกไปปรากฏตัวร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์เป็นครั้งคราว คือหน้าที่ของพระชายาแต่จะบอกว่านางไม่ได้มีเจตนาอะไรเลย นั่นก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันอย่างไรองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อก็เป็นผู้อาวุโส นางส่งบัตรเชิญด้วยตัวเอง อวิ๋นฝูหลิงต้องไว้หน้าแม้องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อจะไม่ได้รับความโปรดปรานเหมือนองค์หญิงใหญ่ผิงเล่อ แต่อย่างไรก็เป็นองค์หญิงสกุลเทียน อยู่ต่อหน้าฮ่องเต้จิ่งผิงยังพอพูดอะไรได้บ้างยิ่งไปกว่านั้น จวนหรงชางโหวครอบครัวสามีขององค์หญิงใหญ่ฉาง
ต่อมานางถูกคนวางยาฆ่าตาย ฮ่องเต้จิ่งผิงทั้งโกรธทั้งเศร้า ออกคำสั่งให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดการสืบสวนนี้ สาวไปถึงตัวเว่ยผินที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลานเฟยเพราะเว่ยผินเป็นคนเอาขนมที่ทำให้หลานเฟยถูกพิษมาและนางกำนัลข้างกายคนหนึ่งของเว่ยผิน ก็ออกมาชี้ว่าเว่ยผินริษยาที่หลานเฟยได้รับความโปรดปราน ด้วยเหตุนี้จึงวางยาพิษในขนมเพื่อฆ่าหลานเฟยเว่ยผินร้องว่าถูกปรักปรำ แต่หลักฐานทุกอย่างล้วนชี้มาที่นาง ทำให้มีร้อยปากก็ยากจะแก้ต่างฮ่องเต้จิ่งผิงสูญเสียคนรัก ชั่วขณะเศร้าเสียใจอย่างมาก เมื่อเห็นหลักฐานชัดเจน เว่ยผินยังปากแข็ง โกรธจนสูญเสียสติสัมปชัญญะ ชักกระบี่ฆ่าเว่ยผินด้วยมือตัวเองจนกระทั่งลมหายใจเฮือกสุดท้าย เว่ยผินยังคงร้องว่าถูกปรักปรำหลังจากฆ่าเว่ยผิน ฮ่องเต้จิ่งผิงยังไม่หายแค้น ก็ไปเอาผิดจวนเว่ยกั๋วกงที่เป็นครอบครัวฝ่ายมารดาของเว่ยผินไม่เพียงปลดและยึดตำแหน่ง และยังยัดเยียดข้อกล่าวหาต่างๆ จับกุมหรือฆ่าคนของจวนเว่ยกั๋วกงใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นหนึ่งเดือน เรื่องราวกลับตาลปัตรกะทันหันนางกำนัลน้อยคนหนึ่งที่เคยได้รับบุญคุณจากเว่ยผิน เสี่ยงตายนำการตายที่แท้จริงของหลานเฟยส่งไปถึงตร
แม้เว่ยผินไม่ใช่คนร้ายที่ฆ่าหลานเฟยตาย แต่ท้ายที่สุดก็พัวพันกับคดีการตายของหลานเฟย และจวนเว่ยกั๋วกงก็ตกอับเพราะเหตุนี้และยังสูญเสียลูกชายที่โดดเด่นที่สุดสองคนใครจะรู้ว่าแม้พวกเขาไม่พูดอะไร แต่ในใจเกลียดชังราชวงศ์หรือไม่?ฮ่องเต้จิ่งผิงเกิดความเคลือบแคลงในใจ และจวนเว่ยกั๋วกงเพื่อเอาตัวรอด ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายจึงห่างเหินขึ้นเรื่อยๆในเวลานั้นเซียวจิ่งอี้ยังเด็กรอหลังจากเขาโตขึ้น รู้บุญคุณความแค้นในเหตุการณ์ ก็รู้สึกเสียใจต่อจวนเว่ยกั๋วกงที่ต้องเข้ามาพัวพันเช่นกันและคิดย้อนกลับไปในตอนนั้นที่เว่ยผินกับเสด็จแม่รักกันเหมือนพี่น้อง แต่กลับต้องมาตายเพราะเสด็จแม่ ในใจยิ่งรู้สึกติดค้างต่อสกุลเว่ยมีหลายครั้งที่เขาเสนอตัวเข้าหาจวนเว่ยกั๋วกง อยากช่วยพวกเขาสักครั้ง แต่จวนเว่ยกั๋วกงปฏิเสธมาโดยตลอดเมื่อถูกปฏิเสธหลายครั้ง เซียวจิ่งอี้ก็ไม่ไปรบกวนอีกเดิมทีนี่เป็นเพียงบุญคุณความแค้นระหว่างเซียวจิ่งอี้กับจวนเว่ยกั๋วกง ไม่เกี่ยวข้องกับอวิ๋นฝูหลิงแต่โชคชะตาในโลกนี้ช่างน่าอัศจรรย์!บังเอิญมากที่ฮูหยินน้อยสี่ของจวนเว่ยกั๋วกงดันเป็นป้าของอวิ๋นฝูหลิงพูดถึงป้าคนนี้ ก็ต้องเอ่ยถึงครอบค
แม้สกุลเว่ยไม่มีอิทธิพลเหมือนเมื่อก่อนแล้ว กลับยินดีออกหน้าแทนอวิ๋นฝูหลิง ช่วยนางอีกแรงแม้ต่อมาอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ให้สกุลเว่ยออกหน้า ก็จัดการอวิ๋นกานซงได้แล้ว แต่จดจำน้ำใจส่วนนี้ไว้ในใจมาโดยตลอดยิ่งไม่ต้องพูดถึงต่อมาฉินฮุ่ยได้รับข่าวจากเมืองหลวง ตั้งใจเขียนจดหมายให้อวิ๋นฝูหลิง และยังส่งของมากมายให้นางอวิ๋นฝูหลิงสามารถเอารายการสินสอดของมารดาอวิ๋นคืนมา และขับไล่อวิ๋นกานซงออกไปได้ ก็ต้องขอบคุณฉินฮุ่ยดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงยินดีที่มีญาติอย่างจวนเว่ยกั๋วกง และไปมาหาสู่กับพวกเขายิ่งกว่านั้นสถานการณ์ของจวนเว่ยกั๋วกงในปัจจุบันนับไม่ได้ว่าดีนัก อวิ๋นฝูหลิงก็ตั้งใจจะช่วยพวกเขาสักครั้งปัจจุบันฮูหยินผู้เฒ่าเว่ยเหลือลูกชายสองคนนายท่านสามเกิดจากอนุภรรยา แต่มารดาผู้ให้กำเนิดเสียชีวิตตอนคลอด ถูกเลี้ยงโดยฮูหยินผู้เฒ่าเว่ยตั้งแต่เด็ก สองแม่ลูกมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ก็เหมือนลูกแท้ๆแต่พรสวรรค์และความสามารถของนายท่านสามนั้นอยู่ในระดับทั่วไป ปัจจุบันรับหน้าที่ดูแลงานทั่วไปของจวนเว่ยกั๋วกงส่วนนายท่านสี่เป็นลูกแท้ๆ ของฮูหยินผู้เฒ่าจวนเว่ยกั๋วกง แม่เรียนหนังสือสอบติดบัณฑิตชั้นสูง
“ฝูหลิง ของที่เจ้าทำพวกนี้ ตั้งใจจะเอาไปขายใช่หรือไม่?” เซียวจิ่งอี้กล่าวถามอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า ไม่ได้ปิดบังเซียวจิ่งอี้อีก“ข้าตั้งใจว่าจะเปิดร้านค้า ขายของพวกบำรุงผิวและความงามโดยเฉพาะ ท่านคิดว่าอย่างไร?”เซียวจิ่งอี้ “ข้ารู้สึกว่าใช้ได้”“ของพวกนี้ไม่มีในท้องตลาด การค้าขายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทำง่ายที่สุด”“อีกทั้งทุกคนล้วนรักสวยรักงาม ต้องมีคนมากมายยินดีอุดหนุนการค้าของเจ้าแน่นอน”เมื่ออวิ๋นฝูหลิงได้ยิน ยิ่งมีความมั่นใจแล้ว“ข้าอยากหาคนสองสามคนมาร่วมทำการค้านี้ นิสัยใจคอของเจี่ยงซื่อฮูหยินน้อยรองจวนเซียงกั๋วกง กับวั่นซื่อฮูหยินสามของจวนตงชางปั๋วที่ให้ท่านช่วยหาข่าวก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร ท่านได้ข่าวมาหรือไม่?”เซียวจิ่งอี้เลิกคิ้ว “เจ้าอยากร่วมหุ้นกับพวกนาง?”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยังมีพระชายาองค์ชายห้าด้วย เจอกันในงานเลี้ยงชมบุปผาขององค์หญิงใหญ่ฉางเล่อ ข้ารู้สึกถูกชะตากับพวกนาง แต่ร่วมหุ้นทำการค้าด้วยกัน จะดูแค่ถูกชะตาหรือไม่ถูกชะตาไม่ได้”“ดังนั้นตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างพิจารณา”เซียวจิ่งอี้คิดแล้วคิดอีก “ข้าสั่งให้คนไปตรวจสอบแล้ว ชื่อเสียงของเจี่ยงซื่อกับวั่นซื่
เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ
ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ
“ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห
จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด
ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป
อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล
“พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง
แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง
“ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ