พระชายาองค์ชายใหญ่กับพระชายาองค์ชายสามต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ทว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่รู้อะไรเลยหลังจากงานเลี้ยงเลิกลา อวิ๋นฝูหลิงกำลังจะกล่าวอำลา ใครจะรู้ว่าอวี๋หมัวมัวข้างกายองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อจะมาเชิญกะทันหันท่าทีของอวี๋หมัวมัวนอบน้อม “พระชายาอี้อ๋อง องค์หญิงใหญ่มีเรื่องอยากคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว ท่านเชิญทางนี้…”อวิ๋นฝูหลิงประหลาดใจเล็กน้อย แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆ พยักหน้าให้อวี๋หมัวมัวก็กล่าว “รบกวนหมัวมัวนำทาง”หลังจากงานเลี้ยง องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อเริ่มเหนื่อยล้านางเปลี่ยนมาสวมชุดกระโปรงตัวหลวมใส่สบาย กำลังดื่มชาในห้องของตัวเองระหว่างรออวิ๋นฝูหลิงผ่านไปไม่นาน นางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างนอก จากนั้นเสียงของอวี๋หมัวมัวก็ดังขึ้นที่นอกประตู “องค์หญิงใหญ่ พระชายาอี้อ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ”“ออกไปให้หมด!”องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อกวักมือไล่คนรับใช้ในห้องออกไป หลังจากนั้นเข้าไปดึงอวิ๋นฝูหลิง ไปนั่งที่เก้าอี้นวมด้วยตัวเอง “มา พวกเรามานั่งคุยกัน”องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อดึงอวิ๋นฝูหลิงมานั่งด้วยกันอวิ๋นฝูหลิงรู้สึกว่าท่าทีขององค์หญิงใหญ่ที่มีต่อนางในวันนี้สนิทสนมเกินไปนอกจากองค์หญิง
แรกเริ่มราชบุตรเขยยังปฏิเสธ กอดนางสาบานว่าชาตินี้จะรักแค่นางคนเดียว พวกเขามีฉยงอวี้คนเดียวก็พอแล้วแต่ต่อมา ท้ายที่สุดราชบุตรเขยก็เข้าห้องนอนของผู้หญิงคนอื่น รับอนุภรรยาเข้าจวนคนแล้วคนเล่า คำสาบานที่มีต่อนางก็ถูกลืมจนหมดแม้องค์หญิงฉางเล่อจะเสียใจ กลับทำอะไรไม่ได้อย่างไรก็ตาม ที่สุดของความอกตัญญูคือการไร้ผู้สืบสกุลองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อต้องทนทุกข์ลำบากกับการไม่มีลูกชาย เมื่อมาถึงตัวลูกสาว เห็นพวกเขาสามีภรรยาไม่รักใคร่ปรองดอง มองจากในมุมของนาง ก็รู้สึกว่าสาเหตุมาจากการที่ไม่มีลูกอีกทั้งในมุมมองของนาง การที่อวิ๋นฝูหลิงได้รับการแต่งตั้งเป็นพระชายาอี้อ๋อง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากนางให้กำเนิดลูกชายให้เซียวจิ่งอี้ และลูกชายคนนี้ยังเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้จิ่งผิงมากถ้าหากไม่มีลูกชายคนนี้ อวิ๋นฝูหลิงคิดจะนั่งตำแหน่งพระชายาอี้อ๋อง ไม่ง่ายเช่นนั้นแน่นอนนี่ไม่ใช่ว่าองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อดูถูกอวิ๋นฝูหลิง และไม่ใช่ว่ามีอคติอะไรกับอวิ๋นฝูหลิงแต่เป็นข้อจำกัดทางการรับรู้และความคิดขององค์หญิงใหญ่ฉางเล่ออวิ๋นฝูหลิงคาดเดาถูกตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อเชิญนางมา ในเมื่อไม่ใช่รักษาให้ตั
แม้ฉยงอวี้จวิ้นจู่จะเขินอายจนหน้าแดงก่ำ แต่ก็ยังอดกลั้นความเขินอาย ตอบอวิ๋นฝูหลิงทีละคำถามแต่ว่าเสียงกลับเบาเหมือนยุงดีที่อวิ๋นฝูหลิงหูดี ไม่เช่นนั้นได้ยินคำพูดของนางไม่ชัดแน่ทว่าหลังจากฟังฉยงอวี้จวิ้นจู่กล่าวจบ อวิ๋นฝูหลิงก็เงียบแล้วผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะเอ่ยปากกล่าว “ฉยงอวี้จวิ้นจู่ เจ้ารู้อยู่กระมังว่าเรื่องลูกนั้น บุรุษกับสตรีต้องพยายามด้วยกัน?”นางปรบมือ ‘แปะๆๆ’ “เจ้าคนเดียวมีลูกไม่ได้หรอก พวกเจ้าต้องทำกิจกรรมบนเตียงบ่อยๆ เช่นนี้จึงจะสามารถเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์”อวิ๋นฝูหลิงยอมแล้วแค่ครั้งสองครั้งต่อเดือน บางทีก็ไม่มีเลยสักครั้งความถี่ต่ำเช่นนี้ ย่อมไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ง่ายๆแต่ไม่มีอะไรที่แน่นอน ไม่แน่ว่าครั้งไหนอาจจะถูกรางวัลก็ได้แต่เห็นได้ชัดว่าโชคของฉยงอวี้จวิ้นจู่ไม่ได้ดีเช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงรู้สึกว่าเมื่อเทียบกับการตรวจร่างกาย ฉยงอวี้จวิ้นจู่ไม่สู้มีเพศสัมพันธ์ให้มากๆเพราะสุขภาพของนางไม่มีปัญหาอะไรเลยแม้ฉยงอวี้จวิ้นจู่ไม่เข้าใจว่าอวิ๋นฝูหลิงปรบมือคืออะไร แต่ก็เข้าใจคำพูดของนางแล้วแม้อวิ๋นฝูหลิงพยายามใช้คำพูดที่คลุมเครือแล้ว แต่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ฟังแล้วก
เมื่อคนคนหนึ่งตัดสินใจแล้ว การจะโน้มน้าวใจได้นั้นเป็นเรื่องยากอีกทั้งเรื่องที่ไม่สามารถมีลูก สาเหตุอีกครึ่งหนึ่งก็มาจากฝ่ายชายเช่นกันถ้าหากเฉินเจิงเป็นหมัน เช่นนั้นไม่ว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่จะพยายามเพียงใดก็ไม่มีทางตั้งครรภ์ นอกเสียจากนางจะเปลี่ยนผู้ชายเห็นฉยงอวี้จวิ้นจู่ถือเทียบยาดูแล้วดูอีก บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อวิ๋นฝูหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยปากกล่าว“ถ้าหากอยากมีลูกจริงๆ ทางที่ดีลองหาหมอไปตรวจจวิ้นหม่าดีกว่า”“ถ้าหากเขาป่วย มีลูกไม่ได้ล่ะ?”“ข้าแค่แนะนำนะ ไม่ได้มีเจตนาอื่น”รอยยิ้มบนใบหน้าฉยงอวี้จวิ้นจู่แข็งทื่อทันทีองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อก็ตะลึงเช่นกันสองแม่ลูกไม่เคยคิดว่าปัญหาจะอยู่ที่ตัวเฉินเจิงถ้าหากสุขภาพของเฉินเจิงมีปัญหา ไม่สามารถมีลูก เช่นนั้นฉยงอวี้จวิ้นจู่พยายามอย่างไรก็เปล่าประโยชน์เวลานี้เอง มีเสียงรายงานดังขึ้นจากนอกประตู “อ๋องหญิงใหญ่ อี้อ๋องมาเจ้าค่ะ บอกว่ามารับพระชายาอี้อ๋องกลับ”องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อหวนคืนสติ รีบขานรับทีหนึ่งนางจับมืออวิ๋นฝูหลิงแล้วกล่าว “วันนี้ขอบคุณเจ้ามาก ข้ากับฉยงอวี้จะคิดดู”อวิ๋นฝูหลิงยิ้มเล็กน้อย “ท่านป้าเกรงใจแล้ว
หลังจากผ่านงานเลี้ยงชมบุปผาขององค์หญิงใหญ่ฉางเล่อไป อวิ๋นฝูหลิงก็เริ่มขังตัวเองไว้ในห้องเพื่อทำบางอย่างเมื่อเซียวจิ่งอี้ฟังคนรับใช้รายงาน จึงหาโอกาสสอบถามอวิ๋นฝูหลิงอวิ๋นฝูหลิงบอกอย่างยิ้มแย้มว่าเป็นความลับ อีกไม่กี่วันเขาก็รู้เอง แล้วก็ไม่ยอมพูดอะไรอีกเซียวจิ่งอี้เห็นดังนี้ จึงไม่ได้ถามอะไรต่อในระหว่างนี้ อวิ๋นฝูหลิงได้หาเวลาว่างไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของพระชายาองค์ชายใหญ่กับงานเลี้ยงอวยพรวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าจวนเว่ยกั๋วกงอวิ๋นฝูหลิงเลือกไปร่วมงานของสองครอบครัวนี้จากกองบัตรเชิญ ถ้าจะบอกว่ามีความหมายที่ลึกซึ้งอะไร ก็คิดมากแล้วนางในฐานะพระชายาอี้อ๋อง ออกไปปรากฏตัวร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์เป็นครั้งคราว คือหน้าที่ของพระชายาแต่จะบอกว่านางไม่ได้มีเจตนาอะไรเลย นั่นก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันอย่างไรองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อก็เป็นผู้อาวุโส นางส่งบัตรเชิญด้วยตัวเอง อวิ๋นฝูหลิงต้องไว้หน้าแม้องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อจะไม่ได้รับความโปรดปรานเหมือนองค์หญิงใหญ่ผิงเล่อ แต่อย่างไรก็เป็นองค์หญิงสกุลเทียน อยู่ต่อหน้าฮ่องเต้จิ่งผิงยังพอพูดอะไรได้บ้างยิ่งไปกว่านั้น จวนหรงชางโหวครอบครัวสามีขององค์หญิงใหญ่ฉาง
ต่อมานางถูกคนวางยาฆ่าตาย ฮ่องเต้จิ่งผิงทั้งโกรธทั้งเศร้า ออกคำสั่งให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดการสืบสวนนี้ สาวไปถึงตัวเว่ยผินที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลานเฟยเพราะเว่ยผินเป็นคนเอาขนมที่ทำให้หลานเฟยถูกพิษมาและนางกำนัลข้างกายคนหนึ่งของเว่ยผิน ก็ออกมาชี้ว่าเว่ยผินริษยาที่หลานเฟยได้รับความโปรดปราน ด้วยเหตุนี้จึงวางยาพิษในขนมเพื่อฆ่าหลานเฟยเว่ยผินร้องว่าถูกปรักปรำ แต่หลักฐานทุกอย่างล้วนชี้มาที่นาง ทำให้มีร้อยปากก็ยากจะแก้ต่างฮ่องเต้จิ่งผิงสูญเสียคนรัก ชั่วขณะเศร้าเสียใจอย่างมาก เมื่อเห็นหลักฐานชัดเจน เว่ยผินยังปากแข็ง โกรธจนสูญเสียสติสัมปชัญญะ ชักกระบี่ฆ่าเว่ยผินด้วยมือตัวเองจนกระทั่งลมหายใจเฮือกสุดท้าย เว่ยผินยังคงร้องว่าถูกปรักปรำหลังจากฆ่าเว่ยผิน ฮ่องเต้จิ่งผิงยังไม่หายแค้น ก็ไปเอาผิดจวนเว่ยกั๋วกงที่เป็นครอบครัวฝ่ายมารดาของเว่ยผินไม่เพียงปลดและยึดตำแหน่ง และยังยัดเยียดข้อกล่าวหาต่างๆ จับกุมหรือฆ่าคนของจวนเว่ยกั๋วกงใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นหนึ่งเดือน เรื่องราวกลับตาลปัตรกะทันหันนางกำนัลน้อยคนหนึ่งที่เคยได้รับบุญคุณจากเว่ยผิน เสี่ยงตายนำการตายที่แท้จริงของหลานเฟยส่งไปถึงตร
แม้เว่ยผินไม่ใช่คนร้ายที่ฆ่าหลานเฟยตาย แต่ท้ายที่สุดก็พัวพันกับคดีการตายของหลานเฟย และจวนเว่ยกั๋วกงก็ตกอับเพราะเหตุนี้และยังสูญเสียลูกชายที่โดดเด่นที่สุดสองคนใครจะรู้ว่าแม้พวกเขาไม่พูดอะไร แต่ในใจเกลียดชังราชวงศ์หรือไม่?ฮ่องเต้จิ่งผิงเกิดความเคลือบแคลงในใจ และจวนเว่ยกั๋วกงเพื่อเอาตัวรอด ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายจึงห่างเหินขึ้นเรื่อยๆในเวลานั้นเซียวจิ่งอี้ยังเด็กรอหลังจากเขาโตขึ้น รู้บุญคุณความแค้นในเหตุการณ์ ก็รู้สึกเสียใจต่อจวนเว่ยกั๋วกงที่ต้องเข้ามาพัวพันเช่นกันและคิดย้อนกลับไปในตอนนั้นที่เว่ยผินกับเสด็จแม่รักกันเหมือนพี่น้อง แต่กลับต้องมาตายเพราะเสด็จแม่ ในใจยิ่งรู้สึกติดค้างต่อสกุลเว่ยมีหลายครั้งที่เขาเสนอตัวเข้าหาจวนเว่ยกั๋วกง อยากช่วยพวกเขาสักครั้ง แต่จวนเว่ยกั๋วกงปฏิเสธมาโดยตลอดเมื่อถูกปฏิเสธหลายครั้ง เซียวจิ่งอี้ก็ไม่ไปรบกวนอีกเดิมทีนี่เป็นเพียงบุญคุณความแค้นระหว่างเซียวจิ่งอี้กับจวนเว่ยกั๋วกง ไม่เกี่ยวข้องกับอวิ๋นฝูหลิงแต่โชคชะตาในโลกนี้ช่างน่าอัศจรรย์!บังเอิญมากที่ฮูหยินน้อยสี่ของจวนเว่ยกั๋วกงดันเป็นป้าของอวิ๋นฝูหลิงพูดถึงป้าคนนี้ ก็ต้องเอ่ยถึงครอบค
แม้สกุลเว่ยไม่มีอิทธิพลเหมือนเมื่อก่อนแล้ว กลับยินดีออกหน้าแทนอวิ๋นฝูหลิง ช่วยนางอีกแรงแม้ต่อมาอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ให้สกุลเว่ยออกหน้า ก็จัดการอวิ๋นกานซงได้แล้ว แต่จดจำน้ำใจส่วนนี้ไว้ในใจมาโดยตลอดยิ่งไม่ต้องพูดถึงต่อมาฉินฮุ่ยได้รับข่าวจากเมืองหลวง ตั้งใจเขียนจดหมายให้อวิ๋นฝูหลิง และยังส่งของมากมายให้นางอวิ๋นฝูหลิงสามารถเอารายการสินสอดของมารดาอวิ๋นคืนมา และขับไล่อวิ๋นกานซงออกไปได้ ก็ต้องขอบคุณฉินฮุ่ยดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงยินดีที่มีญาติอย่างจวนเว่ยกั๋วกง และไปมาหาสู่กับพวกเขายิ่งกว่านั้นสถานการณ์ของจวนเว่ยกั๋วกงในปัจจุบันนับไม่ได้ว่าดีนัก อวิ๋นฝูหลิงก็ตั้งใจจะช่วยพวกเขาสักครั้งปัจจุบันฮูหยินผู้เฒ่าเว่ยเหลือลูกชายสองคนนายท่านสามเกิดจากอนุภรรยา แต่มารดาผู้ให้กำเนิดเสียชีวิตตอนคลอด ถูกเลี้ยงโดยฮูหยินผู้เฒ่าเว่ยตั้งแต่เด็ก สองแม่ลูกมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ก็เหมือนลูกแท้ๆแต่พรสวรรค์และความสามารถของนายท่านสามนั้นอยู่ในระดับทั่วไป ปัจจุบันรับหน้าที่ดูแลงานทั่วไปของจวนเว่ยกั๋วกงส่วนนายท่านสี่เป็นลูกแท้ๆ ของฮูหยินผู้เฒ่าจวนเว่ยกั๋วกง แม่เรียนหนังสือสอบติดบัณฑิตชั้นสูง
“แล้วค่อยตรวจสอบดูว่ามีกี่คนที่ติด ดูว่ามีวิธีรักษาหรือไม่”ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า “เรามอบอำนาจให้เจ้าสอบสวนเรื่องนี้ สามารถประหารก่อน รายงานทีหลัง!”“เรารู้สึกว่าความเป็นมาของขี้ผึ้งทองไม่ธรรมดา”“เกรงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีแผนการใหญ่”“อี้เอ๋อร์ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ เกี่ยวข้องกับเมืองหลวงและเจียงหนาน ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด”“ต้องรู้คนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ เราก็อยากรู้เช่นกัน ใครกันที่ใช้วิธีชั่วช้าเช่นนี้ อยากทำลายรากฐานของต้าฉี”เซียวจิ่งอี้ประสานมือขานรับเขารับผิดชอบเรื่องสืบสวนคดี แต่เรื่องการรักษา ต้องพึ่งอวิ๋นฝูหลิงแล้วหลังจากเซียวจิ่งอี้ส่งฮ่องเต้จิ่งผิงกลับวัง ตอนที่ออกมา เทียนเฉวียนได้รับคำสารภาพจากการสอบสวนชุยซวี่ตงและคนอื่นแล้วเขาส่งคำสารภาพให้เซียวจิ่งอี้หลังจากเซียวจิ่งอี้ดูคำสารภาพที่หนาเป็นปึก กล่าวออกคำสั่ง “เจ้าพาคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าเรือนเสินเซียน”“อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น”“อีกสองวัน ก็เป็นวันที่ผู้ดูแลเจียงหนานสั่งคนมาส่งของให้เรือนเสินเซียน”“รอถึงวันนั้นค่อยลงมือ”“ใช่แล้ว เรียกเฟิ่งเหนียงมา ข้ามีงานจะให
เวลานี้สำหรับชุยซวี่ตง แรงดึงดูดของขี้ผึ้งทองอยู่เหนือกว่าเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย บอกสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาอย่างหมดเปลือกเรื่องร้ายแรงมีตั้งแต่เฉิงเอินกงอาศัยตำแหน่งของตัวเองซื้อขายยศตำแหน่ง ยักยอกทรัพย์ รับสินบน ยึดที่ดินทำกินเรื่องเล็กน้อยก็มีตั้งแต่น้องเมียเป็นชู้กับพี่สะใภ้ คุณหนูหนีตามผู้ชายไป เรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องที่น่าตกใจทั้งสิ้นฮ่องเต้จิ่งผิงฟังจนหน้าบึ้งตึงเซียวจิ่งอี้รู้ว่าชุยซวี่ตงก็มีส่วนกับเรือนเสินเซียน จึงกล่าวถาม “ใครให้พวกเจ้าเปิดเรือนเสินเซียน? พวกเจ้าไปเอาของมาจากไหน?”สีหน้าชุยซวี่ตงซีดมาก แทบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองแล้ว“ขี้ผึ้งเสินเซียน…ข้าต้องการขี้ผึ้งเสินเซียน…”เซียวจิ่งอี้หันไปขยิบตาให้เทียนเฉวียน เทียนเฉวียนเดินเข้าไป ส่งกล้องยาสูบของขี้ผึ้งทองให้ชุยซวี่ตงทันทีชุยซวี่ตงรีบใช้สองมือคว้ากล่องยาสูบ สูบแรงๆ ไปหนึ่งทีหลังจากร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงอารมณ์ความสุขที่พึงพอใจพริบตาต่อมา เทียนเฉวียนยึดกล้องยาสูบท่าทางของชุยซวี่ตงเหมือนต้องการมากกว่านี้ “ได้โปรด ให้ข้าสูบอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียว…”
หลังจากนั้นเขาให้องครักษ์ลับแอบลักพาตัวคนที่อยู่ในรายชื่อมาที่คฤหาสน์ในเมื่อจะให้ฮ่องเต้จิ่งผิงรู้ถึงความอันตรายของขี้ผึ้งทอง และสนับสนุนเขาตรวจสอบเรือนเสินเซียน เพื่อลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาลงโทษตามกฎหมายแค่อธิบายด้วยคำพูด มันไม่เสียแรงเกินไปหรอกหรือยังมีอะไรที่น่าตกใจและน่ากลัวกว่าการได้เห็นอาการอยากด้วยตัวเอง?ก็เหมือนกับเมื่อคืน เขาเห็นด้านที่น่าเกลียดของจ้าวเสวียซือตอนอยากด้วยตาตัวเองชุยซวี่ตงคุณชายเจ็ดจวนเฉิงเอินกงจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนอยู่ในห้องนอน แต่วันนี้เช้าพอตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเขาลุกขึ้นจะเปิดประตูออกไป กลับพบว่าประตูถูกลงกลอนจากข้างนอกไม่ว่าเขาจะตะโกนเสียงดังแค่ไหน ข่มขู่ อ้อนวอน ก็ไม่มีใครสนใจเขาชุยซวี่ตงทั้งกลัวทั้งตกใจ อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่านี่คือฝีมือของใครกันแน่?คนคนนั้นลักพาตัวเขามาที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไป ชุยซวี่ตงเริ่มหาวบ่อยขึ้น ความรู้สึกฉุนเฉียวผุดออกมาจากส่วนลึกในใจเขายื่นมือไปล้วงขี้ผึ้งทองและกล้องยาสูบของตัวเอง เพื่อเอาออกมาสูบโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่เจออะไรเลยอาการคลั่งและค
หลังจากอวิ๋นฝูหลิงต้มยาเสร็จ ยกมาให้จ้าวเสวียซือดื่มแล้ว จึงจะกล่าว“ช่วงนี้เจ้าก็พักอยู่ที่จวนอี้อ๋องไปก่อน ข้าจะสั่งให้คนเฝ้าเรือนหลังนี้ไว้ จะให้เจ้ามีโอกาสเข้าใกล้ขี้ผึ้งทองไม่ได้”“ตอนนี้เจ้ายังไม่ติดยาเสพติดขั้นรุนแรง ยังมีโอกาสเลิกพึ่งพาขี้ผึ้งทอง”“ข้าจะใช้การฝังเข็มกับยามาช่วยเจ้าเลิก สามารถลดความเจ็บปวดระหว่างที่เจ้าเลิกได้”“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจของเจ้า เจ้าต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ด้วยตัวเอง”“ถ้าหากความตั้งใจของเจ้าไม่แน่วแน่ ผ่านมันไปไม่ได้ คนรอบข้างช่วยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!”จ้าวเสวียซือพยักหน้า สีหน้าตื้นตัน “พี่สะใภ้ วันนี้ขอบคุณมาก!”อวิ๋นฝูหลิง “ท่านอ๋องเห็นเจ้าเป็นพี่น้อง คนครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันเช่นนี้”เซียวจิ่งอี้ยกมือตบไหล่จ้าวเสวียซือ “ฟังพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าต้องเลิกขี้ผึ้งทองให้ได้!”“นอกจากชีวิตที่เหลือของเจ้าอยากถูกมันควบคุม”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวเสียงเย็น “ครึ่งชีวิตที่ไหนล่ะ ถ้าหากสูบเป็นเวลานาน อย่างมากสองสามปีก็ตายแล้ว!”จ้าวเสวียซือได้สัมผัสความร้ายกาจของขี้ผึ้งทองแล้ว เขารู้สึกเกลียดมันมากแค่นึกถึงอาการกำเริบก่อนหน้านี้ ฉุนเฉ
อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่
“อี้อ๋องเป็นคนหนักแน่นและรอบคอบตลอด เขารู้จักแยกแยะอยู่แล้ว”“อีกทั้งจวนอี้อ๋องใหญ่เช่นนี้ เสวียซือก็พักอยู่ที่เรือนรับรองแขกด้านหน้า ไม่รบกวนพระชายาอี้อ๋องหรอก”มีหรือที่ฮูหยินเซียงกั๋วกงจะไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ นางก็แค่อดไม่ได้ที่จะบ่นนางถลึงตาใส่เซียงกั๋วกงแวบหนึ่ง “ท่านตามใจเขาเต็มที่เลย!”สำหรับลูกชายคนเล็กคนนี้ เซียงกั๋วกงย่อมลำเอียงกว่าเล็กน้อยแต่ถ้าพูดถึงการตามใจ ฮูหยินเซียงกั๋วกงตามใจมากกว่าแต่คำพูดนี้ เซียงกั๋วกงไม่กล้าพูดออกจากปาก ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าคืนนี้จะได้อยู่อย่างสงบเขากำลังจะเกลี้ยกล่อมฮูหยินเซียงกั๋วกงนอนเร็วหน่อย ก็ได้ยินนางกล่าวอีก “อี้อ๋องโตกว่าเสวียซือแค่ปีเดียว ปัจจุบันพระชายาก็มีแล้ว ลูกชายก็มีแล้ว แล้วหันมาดูเสวียซือของเรา ยังตัวคนเดียวอยู่เลย”“ข้าว่านะต้องหาคู่ให้เขาแล้ว”“เขารีบแต่งงานเร็วๆ ก็มีคนคุมเขาแล้ว!”เซียงกั๋วกงย่อมไม่มีความเห็น“เช่นนั้นเจ้าก็เลือกผู้หญิงดีๆ สักสองสามคนจากบรรดาคุณหนูในเมืองหลวงให้เขาไปดูตัว”เซียงกั๋วกงเป็นผู้ชาย ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเหล่าคุณหนูในเมืองหลวง เรื่องนี้ย่อมต้องมอบให้ฮูหยินเซียงกั๋วกงไปจัดการใคร
ความหวาดกลัวผุดขึ้นมาในใจจ้าวเสวียซือไม่หยุด จนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ“พระ... พระชายา ข้า...”เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ข้าใช้ไปสองครั้งแล้ว... จะทำอย่างไรดี?”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ“โชคดีที่รู้ตัวได้ทันกาล เจ้าเสพไปไม่มาก”“ทว่าความบริสุทธิ์ของขี้ผึ้งทองนี้สูงมาก แม้จะใช้ไปเพียงสองครั้ง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความรู้สึกติดอยู่บ้าง”“ต่อไปเจ้าก็ห้ามแตะต้องของเช่นนี้อีกเด็ดขาด! นอกเสียจากเจ้าอยากจะกลายเป็นซากศพเดินได้ที่ถูกขี้ผึ้งทองนี้ควบคุม”“ต่อให้ในใจอยากจะเสพมันอีก ก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ต้องเลิกให้ได้เสียตั้งแต่ตอนนี้”อวิ๋นฝูหลิงกังวลว่าจ้าวเสวียซือจะเสพติดมัน จึงปรึกษากับเซียวจิ่งอี้ว่า“ช่วงนี้ให้เขาอยู่ที่จวนอี้อ๋องก่อนเถิด”“หากเขาเสพติดเจ้าขี้ผึ้งทองนี่ ข้าก็จะได้ช่วยเขาเลิกได้ทันเวลา”“ไม่เช่นนั้น แค่คลาดสายตาไปเพียงนิด เขาก็จะไปซื้อขี้ผึ้งทองมาแอบเสพอีก จนถลำลึกเข้าไปเรื่อย ๆ อยากจะช่วยเขาก็ไม่ทันกาลแล้ว!”จ้าวเสวียซือตะโกนลั่น “คงไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นหรอกกระมัง ข้าโตขนาดนี้แล้ว ยังจะควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกหรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายัง
“เพียงแค่ค่าตั๋วเข้าคฤหาสน์ก็ตั้งสิบตำลึงแล้ว หากเข้าไปแล้วอยากจะเล่นอย่างอื่นก็ยังต้องจ่ายเงินอีกนะ”“สุรา เครื่องดื่มและอาหารก็แพงกว่าที่อื่น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น คนที่ไปเยือนก็มีไม่ขาดสาย”อวิ๋นฝูหลิงฟังถึงตรงนี้ก็ตกใจเล็กน้อยตั้งราคาไว้สูง ทว่าลูกค้ากลับไปเยือนไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่ากิจการของที่นี่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ที่อื่นไม่มีไม่ต้องรอให้นางเอ่ยถาม ก็ได้ยินจ้าวเสวียซือกล่าวว่า “ข้าก็สงสัยนัก ว่าสถานที่แห่งนี้มีความโดดเด่นอะไรกันแน่ ถึงได้ดึงดูคนเข้าไปเที่ยวเล่นได้มากมายเช่นนั้น”“ข้าเลยตั้งใจหาเวลาว่างไปเที่ยวเล่นที่นั่นมาครั้งหนึ่ง”“ที่นั่นสมแล้วที่ตั้งชื่อว่าเรือนเสินเซียน[1] เรื่องกินดื่มร้องรำทำเพลงน่ะเป็นเรื่องรอง เพราะสิ่งที่เป็นที่เลื่องลือมากที่สุดก็ต้องยกให้ขี้ผึ้งทอง”จ้าวเสวียซือพูดไป พลางควักกล่องเคลือบลายครามใบเล็กเท่ากำปั้นของเด็กแรกเกิดออกมาจากอ้อมแขน“กล่องเล็ก ๆ เช่นนี้ ก็ตั้งห้าสิบตำลึงแล้ว...”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นเนื้อขี้ผึ้งสีทองด้านในกล่องเคลือบลายคราม ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีทันทีนางแย่งกล่องเคลือบลายครามใบนั้นมา ใช้นิ้วป้ายเนื้อขี้ผึ้งสีทอ
“คุณชายเจ้าสาวกลับมาพร้อมกับท่านอ๋องด้วย บอกว่าอยากอยู่ค้างคืนเจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องขอให้พระชายาจัดเตรียมโต๊ะสุราไว้หนึ่งโต๊ะ คืนนี้จะได้ดื่มร่วมกันเจ้าค่ะ”คุณชายสามจ้าวที่บ่าวรับใช้พูดถึงนั้น ก็คือจ้าวเสวียซือสหายสนิทของเซียวจิ่งอี้ คุณชายสามแห่งจวนเซียงกั๋วกงอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเช่นนั้น ก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “นี่ก็เย็นย่ำมากแล้ว ข้าควรกลับได้แล้ว”อวิ๋นฝูหลิงพูดรั้งนางให้อยู่ต่อ “อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ?”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ส่ายหน้าหากมีเพียงอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ นางก็คงจะอยู่ต่อทว่าคืนนี้มีจ้าวเสวียซืออยู่ด้วย นางเป็นสตรีแต่งงานแล้ว ทั้งเฉินเจิงก็ไม่ได้เดินทางมากับนางด้วย จึงเป็นการไม่สมควรที่จะนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับบุรุษอื่นอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่านางยืนกรานจะกลับ จึงไม่ได้รั้งนางไว้อีก และไปส่งนางถึงประตูรองด้วยตนเองใครจะคาดคิดว่าจะต้องเผชิญกับเซียวจิ่งอี้และจ้าวเสวียซือที่มาด้วยกันเข้าฉยงอวี้จวิ้นจู่กล่าวทักทายเซียวจิ่งอี้กับจ้าวเสวียซือจ้าวเสวียซือกวาดสายตามองดวงหน้าของฉยงอวี้จวิ้นจู่ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยจนเทบมอง