อวิ๋นฝูหลิงมองอวิ๋นซานหูถูกลากไปอย่างเย็นชาจะโทษก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ตนใจอ่อนเกินไปนางสามารถเอากิจการของจวนจี้ชุนโหวกลับคืนมา เปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของครอบครัวอวิ๋นกานซง ในนั้นก็มีผลงานของอวิ๋นซานหูอยู่หลายส่วนเช่นกันแม้นี่เป็นเพียงการแลกเปลี่ยน แต่อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ได้ใจร้ายถึงขั้นหมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง ฆ่าคนปิดปากโดยตรงดังนั้นเดิมทีนางได้เตรียมเส้นทางที่เป็นไปตามยถากรรมไว้ให้อวิ๋นซานหูถ้าหากนางมีความสามารถที่จะอยู่รอด ไม่ว่าเลือกเส้นทางใดก็เป็นทางที่นางเลือกเอง จะเป็นหรือร้ายล้วนเป็นชะตากรรมของนางแต่ตอนนี้นางกล้าเล่นกับไฟ อวิ๋นฝูหลิงย่อมเก็บนางไว้ไม่ได้แล้ว!หลังจากจัดการอวิ๋นซานหูเสร็จ อวิ๋นฝูหลิงยังไม่หายโมโหหางตานางเหลือบมองเซียวจิ่งอี้ที่อยู่ข้างๆ แม้รู้ว่าเรื่องในวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา อีกทั้งเขายังหลบเลี่ยงการเข้าใกล้ของอวิ๋นซานหูทันเวลา ทำให้แผนของนางไม่สำเร็จ จัดการได้ดีมากแต่นางก็ยังโมโหเซียวจิ่งอี้อย่างอธิบายไม่ถูก“ล่อผึ้งเรียกผีเสื้อ!”อวิ๋นฝูหลิงจ้องเขม็งใส่เซียวจิ่งอี้แวบหนึ่ง พูดทิ้งท้ายห้าคำนี้จบ ก็หมุนกายเดินจากไปแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเซียวจิ่ง
จิงมั่วทำปากจู๋ “พวกท่านสองคนเป็นพ่อแม่ของข้า พวกท่านทะเลาะกัน ข้าจะไม่สนใจได้อย่างไร?”ท่านพ่อไม่ได้เรื่อง เขาต้องลงมือเองแล้วถ้าหากไม่มีเขา ครอบครัวนี้จะทำอย่างไร!ท่าทางนั่นของท่านพ่อ แค่ดูก็ดูว่าง้อผู้หญิงไม่เป็นเขาที่เป็นลูกชายคนนี้ต้องช่วยแล้ว“ท่านแม่ ถ้าหากท่านพ่อทำผิดจริงๆ ข้าจะอยู่เคียงข้างท่าน และช่วยท่านระบายความคับข้องใจแน่นอน”“แต่โบราณว่าไว้ รู้ผิดรู้แก้ไขคือยอดคน หากท่านพ่อยอมรับผิด ท่านแม่ก็ให้อภัยเขาสักครั้งดีหรือไม่ขอรับ?”อวิ๋นฝูหลิงมองลูกชายที่ทำตาคาดหวังและไม่สบายใจ จึงจะตระหนักว่าความรู้สึกแย่ๆ ของตัวเอง ส่งผลกระทบต่อคนในครอบครัวแล้วสำหรับจิงมั่ว ท่านพ่อท่านแม่ล้วนอยู่ข้างกาย มีครอบครัวที่สมบูรณ์ คือความปรารถนาที่อยู่ในก้นบึ้งหัวใจเขาไม่ต้องการให้ทุกสิ่งที่เขามีในวันนี้ถูกทำลายกลายเป็นเพียงความฝันอวิ๋นฝูหลิงจึงจะรู้ตัว ตนไม่ควรทำเช่นนี้นางลูบศีรษะของจิงมั่ว กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่ไม่ได้ทะเลาะกับพ่อเจ้า แม่เจอปัญหาการค้าขายนิดหน่อย ดังนั้นจึงอารมณ์ไม่ดี” “แม่ผิดไปแล้ว แม่ไม่ควรให้ความรู้สึกแย่ๆ เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อพวกเจ้า”กล่าวจบ อวิ๋นฝูหลิงคีบ
อวิ๋นฝูหลิงตกใจกับการกระทำของเซียวจิ่งอี้ กล่าวโดยไม่รู้ตัว “ท่านจะทำอะไร? รีบวางข้าลงเดี๋ยวนี้นะ”เซียวจิ่งอี้หัวเราะเบาๆ “เจ้ายั่วข้าเอง เจ้าว่าข้าจะทำอะไร?”“คืนนี้ทิวทัศน์งดงาม พลาดไม่ได้”“ก่อนหน้านี้บอกว่าจะคลอดน้องสาวให้จิงมั่วไม่ใช่หรือ ข้าว่าเราควรพยายามให้มากๆ จึงจะถูก!”กล่างพลางอุ้มอวิ๋นฝูหลิงเข้าไปในห้องนอนเรือนหลักแล้วเช้าวันต่อมาตอนที่อวิ๋นฝูหลิงตื่น เซียวจิ่งอี้ไม่อยู่ข้างกายนางแล้วอวิ๋นฝูหลิงนวดเอวที่เมื่อยล้า แอบกัดฟันสาวใช้หงจูที่เฝ้าอยู่นอกม่านได้ยินเสียง ก็รีบถามผ่านม่านทันที “พระชายา ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?”อวิ๋นฝูหลิงขานรับทีหนึ่งหงจูรีบดึงม่านออก ช่วยอวิ๋นฝูหลิงเปลี่ยนชุดหงอวี้ที่อยู่ด้านข้างเดินออกจากห้องชั้นใน สั่งให้คนยกของที่ใช้ล้างหน้าล้างตาเข้ามาหงอวี้กับหงจูเป็นสาวใช้ที่ส่งมารับใช้อวิ๋นฝูหลิง หลังจากที่นางเข้าจวนอ๋องทั้งสองคนหนึ่งหนักแน่น คนหนึ่งมีไหวพริบ รับผิดชอบชีวิตประจำวันของอวิ๋นฝูหลิงอวิ๋นฝูหลิงถาม “ท่านอ๋องเล่า?”หงจูกล่าวด้วยรอยยิ้ม “วันนี้เป็นวันประชุมใหญ่ ท่านอ๋องไปประชุมตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ ก่อนไปยังได้กำชับให้พวกบ่า
หลังจากอวิ๋นฝูหลิงแต่งตัวเสร็จ นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันที่นัดจะไปรักษา หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ก็แบกกล่องยาออกจากจวนแล้วแต่ก่อนออกจากจวน อวิ๋นฝูหลิงแวะไปหาจิงมั่วก่อนทันทีที่เข้าเรือน ก็ได้ยินเสียงอ่านหนังสือแล้วอวิ๋นฝูหลิงส่งสัญญาณมือให้คนรับใช้ สั่งทุกคนห้ามส่งเสียงรอหลังจากเข้าใกล้แล้ว จึงได้ยินเสียงสอนหนังสือของอาจารย์อาจารย์เสวียนที่เซียวจิ่งอี้เชิญมาท่านนี้เป็นบัณฑิตชั้นสูงสองสาขา มีความรู้ความสามารถ แต่น่าเสียดายเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่เหมาะกับแวดวงขุนนางต่อมาถูกเพื่อนร่วมงานจับผิด จึงลาออกจากการเป็นขุนนางด้วยความโกรธเซียวจิ่งอี้เสียดายความสามารถ จึงเชิญเขาเข้าจวนมาเป็นอาจารย์อาจารย์เสวียนไม่สนใจเส้นทางขุนนาง ดังนั้นจึงมุ่งความสนใจไปที่การเป็นอาจารย์ อบรมสั่งสอนลูกศิษย์อวิ๋นฝูหลิงฟังอยู่ครู่หนึ่ง คิดในใจว่าอาจารย์เสวียนท่านนี้พอจะมีของจริงๆคัมภีร์ ประวัติศาสตร์ กวี ศาสนา สอนโดยไม่ต้องนึก สร้างสรรค์น่าสนใจขณะเดียวกับที่สอนจิงมั่วรู้จักตัวหนังสือ เขายังสอดแทรกปรัชญาชีวิต หรือบุคคลในประวัติศาสตร์ เล่าให้จิงมั่วฟังเหมือนเป็นนิทานส่วนจิงมั่วก็ฟังอย่างสนอกสนใจ เห
หลังจากอวิ๋นฝูหลิงถามไถ่อย่างเรียบง่าย ก็ตรวจชีพจรให้วั่นเฉิง จึงจะเริ่มการเริ่มฝังเข็มของวันนี้สวินเส้าคังคอยเป็นผู้ช่วยอยู่ข้างๆอวิ๋นฝูหลิงเพิ่งลงเข็มแรก สวินเส้าคังก็พบว่าวิชาเข็มของอวิ๋นฝูหลิงเปลี่ยนไป วิชาเข็มที่ใช้ในวันนี้ไม่เหมือนที่ใช้เมื่อหลายวันก่อนรอหลังจากฝังเข็มเสร็จ บนหน้าผากอวิ๋นฝูหลิงเต็มไปด้วยเหงื่อ แทบจะหมดแรงแล้วเดิมทีการฝังเข็มต้องใช้สมาธิอย่างมาก เวลาลงเข็มต้องจดจ่อเป็นพิเศษอีกทั้งวันนี้นางยังเปลี่ยนวิชาเข็มชุดใหม่ ยิ่งเหนื่อยกว่าเดิมแล้วสวินเส้าคังประคองอวิ๋นฝูหลิงไปนั่งเก้าอี้ที่ข้างๆ หลังจากนั้นหมุนกายไปรินน้ำชาอวิ๋นฝูหลิงเพิ่งล่วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก ตรงหน้าก็มีน้ำชาเพิ่มมาหนึ่งถ้วย“ขอบคุณศิษย์พี่สวิน!”อวิ๋นฝูหลิงรับน้ำชา เผยอยิ้มกล่าวขอบคุณรอหลังจากดื่มน้ำชาไปแล้วสองถ้วย สวินเส้าคังจึงจะเอ่ยปากขอคำชี้แนะ “ศิษย์น้องอวิ๋น วันนี้เจ้าเปลี่ยนวิชาเข็มชุดใหม่ วิชาเข็มชุดนี้ประณีตนัก”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า ถกเถียงวิชาเข็มกับสวินเส้าคังหลายประโยคฮูหยินวั่นเฝ้าลูกชายอยู่ที่ด้านข้างเงียบๆ ไม่ได้รบกวนพวกเขาสองคนอวิ๋นฝูหลิงรู้สึกว่าได
สวินเส้าคังไม่อยากให้ตำแหน่งผู้นำตระกูลตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น อีกทั้งถ้าหากบ้านสายหลักเสียตำแหน่งผู้นำตระกูล วันข้างหน้าคิดจะเอากลับคืนมาก็ไม่ง่ายเช่นนั้นแล้วเกรงว่าตั้งแต่นี้ไปบ้านสายหลักยังจะถูกกดขี่หลังจากสวินเส้าอันพิจารณา แต่งตั้งสวินเส้าคังเป็นผู้นำตระกูลโดยตรงนับตั้งแต่อดีตลูกชายสืบทอดกิจการบิดา พี่ชายตายน้องชายรับช่วงต่อ สวินเส้าอันไม่มีทายาท ดังนั้นส่งต่อกิจการครอบครัวให้น้องชายที่เกิดจากบิดามารดาเดียวกัน ไม่มีใครพูดอะไรได้แต่ช่วยไม่ได้เจตจำนงของสวินเส้าคังคือฝีมือการแพทย์ โดยเฉพาะหลายปีนี้เร่ร่อนไปทั่ว เพื่อหาเบาะแสของอวิ๋นฝูหลิงช่วงก่อนเขาได้รับจดหมายจากทางบ้าน สภาพร่างกายของพี่ใหญ่แย่ลงเรื่อยๆ เร่งเร้าให้เขากลับเจียงเป่ยเพื่อรับช่วงต่อกิจการครอบครัวสวินเส้าคังลังเลมาโดยตลอดเขารู้ว่าตัวเองควรกลับไปรับช่วงต่อกิจการครอบครัว นี่คือความรับผิดชอบที่เขาควรแบกรับในฐานะคนสกุลสวินอีกทั้งอวิ๋นฝูหลิงก็หาเจอแล้ว เขาก็ควรกลับเจียงเป่ยแล้วแต่เขาก็ทำใจทิ้งอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ และไม่อยากละทิ้งเจตจำนงของตัวเองอวิ๋นฝูหลิงเห็นสีหน้าสวินเส้าคังดูไม่ได้นัก อดไม่ได้ที่จะกล่าว “เก
เมื่อสวินเส้าคังได้ยินคำพูดนี้ของอวิ๋นฝูหลิง ก็อารมณ์ดีทันทีความกังวลทั้งหมดหายไปในพริบตาแต่ว่าหลังจากได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายที่มีเจตนาหยอกล้อแฝงอยู่ เขาก็โต้กลับทันที “ไม่มีทาง เรื่องแค่นี้ข้ายังรู้จักแยกแยะอยู่” อวิ๋นฝูหลิงยิ้มจนคิ้วโก่ง จู่ๆ นางก็นึกอะไรขึ้นได้ เอ่ยปากกล่าว “ใช่แล้ว เจียงเป่ยก็มีสาขาของสำนักช่วยชีพ”“เช่นนี้ก็แล้วกัน ข้ายกสาขาของสำนักช่วยชีพทั้งหมดที่อยู่ในเจียงเป่ยให้ท่านดูแล”“รอหลังจากท่านกลับถึงเจียงเป่ย ถ้าหากวันไหนอยากรักษาคน สามารถไปเป็นหมอที่สำนักช่วยชีพโดยตรงเลย”“เป็นอย่างไร?”เมื่อสวินเส้าคังได้ยิน ยกมือชี้อวิ๋นฝูหลิงแล้วชี้อีก กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่เจ้าอยากดึงข้าเข้าสำนักช่วยชีพทางอ้อม เพื่อเสริมหน้าตาให้เจ้าสินะ”“และยังช่วยเจ้าดูแลการค้าของเจ้าแล้ว”“ยิงธนูครั้งเดียวได้นกสามตัว ไม่มีใครฉลาดกว่าเจ้าแล้วจริงๆ!”อวิ๋นฝูหลิงยิ้มแหะๆ รินน้ำชาให้สวินเส้าคังถ้วยหนึ่ง“ก็ตอนนี้ข้ากำลังขาดหมอ โดยเฉพาะหมอที่มีฝีมือเลิศล้ำอย่างศิษย์พี่สวิน!”“อีกอย่างนะ พวกเราเป็นใคร ท่านปฏิเสธข้าได้ลงคอจริงๆ หรือ?”“อีกทั้งพวกเรายังเป็นการร่วมมือที่ต่างฝ่ายต่างได
อวิ๋นฝูหลิงได้ส่งบัตรเชิญของการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ในนามของผู้นำตระกูลสกุลอวิ๋นแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่นางปรากฏตัวในแวดวงการแพทย์อย่างเป็นทางการในฐานะผู้นำตระกูลสกุลอวิ๋นกับหมอถึงเวลานั้น ต้องเผชิญหน้ากับการตั้งคำถามและหาเรื่องแน่นอนอย่างไรก็ตาม แวดวงการแพทย์นั้นไม่ได้อ่อนโยนและสงบอย่างที่เห็นการต่อสู้ที่อยู่ในมุมมืดไม่เคยหยุดลงเลยแม้ทางสกุลสวินเร่งเร้าให้เขากลับไป แต่หลังจากสวินเส้าคังคิดไปคิดมา สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าหลังจากการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์สิ้นสุดลง เขาค่อยกลับเจียงเป่ยเช่นนี้แล้วถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นในการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ เขายังสามารถช่วยอวิ๋นฝูหลิงได้อวิ๋นฝูหลิงกับสวินเส้าคังกินไปพลางคุยไปพลางในห้องส่วนตัวของหอสุรา แต่ไม่รู้เลยว่าในห้องส่วนตัวอีกห้องหนึ่งที่มีเพียงกำแพงกั้น อวิ๋นกานซงล้วงห่อผ้าใบหนึ่งออกมาเขาเปิดห่อผ้าทีละชั้นอย่างระมัดระวัง ด้านในสุดเผยให้เห็นหนังสือเล็กๆ เล่มหนี่งเมื่อชายวัยกลางคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเขาเห็นหนังสือเล่มนั้น ในแววตาเผยให้เห็นความเร่าร้อนทันทีเขาเพิ่งจะยื่นมือออกไป ใครจะรู้ว่ากลับถูกอวิ๋นกานซงห้ามถ้าหากอวิ๋นฝูหลิงอยู่ที่นี
“เป็นของที่ข้าใช้ยาสมุนไพรล้ำค่ามากมาย และใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำออกมาได้ไม่กี่หยด”“ท่านต้องเก็บให้ดีนะ”“ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกพิษ ไม่ว่าบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ไม่ว่าพิษรุนแรงแค่ไหน ขอแค่ยังมีลมหายใจ เมื่อดื่มมันแล้ว ก็จะไม่อันตรายถึงชีวิต ดังนั้นข้าจึงตั้งชื่อมันว่ายาไม่ตาย”“ยาไม่ตายนี่ท่านเก็บไว้ ถ้าหากไม่ต้องใช้มันย่อมดีที่สุด ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ท่านก็มีวิธีเอาตัวรอดมากขึ้น!”เซียวจิ่งอี้มองน้ำเต้าหยกที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอก รู้สึกอุ่นใจราวกับแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อนเขากอดอวิ๋นฝูหลิงไว้ในอ้อมแขน “วางใจได้ ข้าไปเจียงหนานครั้งนี้จะระวัง หลังจากนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นฝูหลิงกอดเขา “ท่านพูดแล้วนะว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย!”ทั้งสองอาลัยอาวรณ์อยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงกล่าวกะทันหัน “หรือไม่ข้าไปกับท่านด้วย?”เซียวจิ่งอี้ยังไม่รู้ว่าทางเจียงหนานเป็นอย่างไร อีกทั้งไปสืบคดีขี้ผึ้งทองที่เจียงหนานครั้งนี้ ยังเกี่ยวข้องกับชาวแคว้นเยว่ ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากมายแน่นอนเขาไม่อยากให้อวิ๋นฝูหลิงตกอยู่ในอันตราย“ทางเมืองหลวงยังต้องมีเจ้าคอยดูแล”“ข้าได้สั่งการลงไปแล้ว เพื่อไม่แหวกหญ้าใ
การลอบสังหารเมื่อครั้งก่อน ถ้าหากทำสำเร็จจริงๆ การตายของเซียวจิ่งอี้ต้องทำให้ฮ่องเต้จิ่งผิงโกรธมากแน่คนฉลาดล้วนมองออก ฮ่องเต้จิ่งผิงได้เลือกเซียวจิ่งอี้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ถ้าหากเซียวจิ่งอี้ตาย เพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอดราชบัลลังก์ องค์ชายทั้งหลายต้องเอาการตายของเซียวจิ่งอี้มาเป็นเครื่องมือใส่ร้ายกันและกันแน่นอนถึงเวลาเหล่าองค์ชายห้ำหั่นกัน ต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่นอนและเหตุการณ์ขี้ผึ้งทองครั้งนี้ยิ่งร้ายแรงถ้าหากขุนนางและชนชั้นสูงของต้าฉีล้วนติดขึ้ผึ้งทอง พวกเขาจะไม่ฟังคำสั่งชาวแคว้นเยว่ที่อยู่เบื้องหลัง มอบต้าฉีออกไปหรือ?ถึงเวลาชาวแคว้นเยว่ไม่เสียทหารแม้แต่คนเดียว ก็สามารถทำความฝันฟื้นฟูแคว้นให้เป็นจริงเมื่อจ้าวเสวียซือตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ อดไม่ได้ที่จะกัดฟันกล่าว “ชาวแคว้นเยว่พวกนี้น่ารังเกียจจริงๆ!”เดิมทีแคว้นเยว่เป็นแคว้นเล็กๆ ที่อยู่แถบชายแดนฮ่องเต้องค์สุดท้ายโหดร้ายและไร้ความสามารถ ส่งผลให้ราษฎรอยู่อย่างยากไร้ เกิดจลาจลขึ้นทุกหนทุกแห่ง ราษฎรพากันลุกฮือช่วงสุดท้ายของสงคราม กองทัพต่อต้านที่นำโดยฮ่องเต้ไท่จูปะทะกับกองทัพของสกุลหวังแห่งเจียงโจวอย่างสูสีใค
เขาจะลากคอผู้อยู่เบื้องหลังที่คิดค้นขี้ผึ้งทองมาทำร้ายผู้คน ออกมากระทืบให้ตาย!ตอนที่เซียวจิ่งอี้กลับมา จ้าวเสวียซือเข้ามาขวางเขาระหว่างทาง ทั้งสองเข้าไปในห้องหนังสือหลังจากเข้าห้องหนังสือ เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง “เจ้าไม่เป็นไรแล้ว?”จ้าวเสวียซือพยักหน้า “สองวันนี้ไม่อยากเลย พระชายาเอาขี้ผึ้งทองมาถึงตรงหน้าข้า ข้าก็ไม่ได้อยากสูบมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว”“พระชายาบอกว่าเลิกสำเร็จชั่วคราว”“ข้ามาหาท่าน เพราะอยากถามดูว่าเจ้าตรวจสอบทางเรือนเสินเซียนไปถึงไหนแล้ว?”“คนที่อยู่เบื้องหลังใช้ขี้ผึ้งทองทำข้าเสียอนาถเลย ไม่รู้ว่าในเมืองหลวงยังมีผู้เคราะห์ร้ายอีกกี่คน ข้าไม่ละเว้นเขาเด็ดขาด!”ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับการเลิกขี้ผึ้งทอง รู้เพียงเซียวจิ่งอี้รายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้จิ่งผิง และกำลังสืบแล้วส่วนสืบไปถึงไหนแล้ว เขาไม่รู้แต่ว่าจ้าวเสวียซืออยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้ มีอะไรก็พูด ไม่เคยอ้อมค้อมเขาไม่ได้ปกปิดจุดประสงค์ของตัวเองเขาอยากเป็นผู้ช่วยของเซียวจิ่งอี้ ร่วมสืบคดีนี้กับเซียวจิ่งอี้เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง เขากำลังขาดคนที่เชื่อถือได้พอดี ในเมื่อจ้าวเสวียซ
เซียวจิ่งอี้กล่าวอธิบาย “ภายนอก เฟิ่งเหนียงเป็นเจ้าของหอชุนเฟิง แต่ความจริงอาศัยหอชุนเฟิงรวบรวมข่าวต่างๆ ให้ข้า”“นางมีทักษะเฉพาะที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เชี่ยวชาญการทำหน้ากากหนังมนุษย์”อวิ๋นฝูหลิงประหลาดใจเล็กน้อยคิดไม่ถึงว่าหอชุนเฟิงจะเป็นกิจการของเซียวจิ่งอี้หอชุนเฟิงเป็นหอคณิกาที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แต่ว่าผู้หญิงในหอล้วนเป็นนางคณิกาชั้นสูง นับได้ว่าเป็นสถานที่เริงรมย์ระดับสูงผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้หญิงอายุประมาณสามสี่สิบที่มีเรือนร่างเย้ายวนคนหนึ่งถูกคนรับใช้พาเข้ามา นางคำนับอย่างเย้ายวน “เฟิ่งเหนียงคำนับท่านอ๋องและพระชายา!”หน้าตาของผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์มาก แววตายั่วยวนแม้เริ่มมีอายุแล้ว แต่ยังคงเป็นหญิงงามที่มีเสน่ห์หญิงงามเช่นนี้ แม้เป็นอวิ๋นฝูหลิงก็อดมองไม่ได้แต่ว่าเฟิ่งเหนียงคนนี้อยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิง ทำตัวเรียบร้อย แววตาสดใสเซียวจิ่งอี้ยกมือ “ลุกขึ้นเถอะ”สีหน้าของเขาเรียบเฉย ไม่ได้หวั่นไหวเพราะความงามของเฟิ่งเหนียง ราวกับว่านางไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป“วันนี้ที่เรียกเจ้ามา เพราะมีงานจะให้ทำ”เฟิ่งเหนียงหลุบตา “ท่านอ๋องเชิญสั่ง”เซียวจิ่งอี้
“แล้วค่อยตรวจสอบดูว่ามีกี่คนที่ติด ดูว่ามีวิธีรักษาหรือไม่”ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า “เรามอบอำนาจให้เจ้าสอบสวนเรื่องนี้ สามารถประหารก่อน รายงานทีหลัง!”“เรารู้สึกว่าความเป็นมาของขี้ผึ้งทองไม่ธรรมดา”“เกรงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีแผนการใหญ่”“อี้เอ๋อร์ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ เกี่ยวข้องกับเมืองหลวงและเจียงหนาน ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด”“ต้องรู้คนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ เราก็อยากรู้เช่นกัน ใครกันที่ใช้วิธีชั่วช้าเช่นนี้ อยากทำลายรากฐานของต้าฉี”เซียวจิ่งอี้ประสานมือขานรับเขารับผิดชอบเรื่องสืบสวนคดี แต่เรื่องการรักษา ต้องพึ่งอวิ๋นฝูหลิงแล้วหลังจากเซียวจิ่งอี้ส่งฮ่องเต้จิ่งผิงกลับวัง ตอนที่ออกมา เทียนเฉวียนได้รับคำสารภาพจากการสอบสวนชุยซวี่ตงและคนอื่นแล้วเขาส่งคำสารภาพให้เซียวจิ่งอี้หลังจากเซียวจิ่งอี้ดูคำสารภาพที่หนาเป็นปึก กล่าวออกคำสั่ง “เจ้าพาคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าเรือนเสินเซียน”“อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น”“อีกสองวัน ก็เป็นวันที่ผู้ดูแลเจียงหนานสั่งคนมาส่งของให้เรือนเสินเซียน”“รอถึงวันนั้นค่อยลงมือ”“ใช่แล้ว เรียกเฟิ่งเหนียงมา ข้ามีงานจะให
เวลานี้สำหรับชุยซวี่ตง แรงดึงดูดของขี้ผึ้งทองอยู่เหนือกว่าเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย บอกสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาอย่างหมดเปลือกเรื่องร้ายแรงมีตั้งแต่เฉิงเอินกงอาศัยตำแหน่งของตัวเองซื้อขายยศตำแหน่ง ยักยอกทรัพย์ รับสินบน ยึดที่ดินทำกินเรื่องเล็กน้อยก็มีตั้งแต่น้องเมียเป็นชู้กับพี่สะใภ้ คุณหนูหนีตามผู้ชายไป เรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องที่น่าตกใจทั้งสิ้นฮ่องเต้จิ่งผิงฟังจนหน้าบึ้งตึงเซียวจิ่งอี้รู้ว่าชุยซวี่ตงก็มีส่วนกับเรือนเสินเซียน จึงกล่าวถาม “ใครให้พวกเจ้าเปิดเรือนเสินเซียน? พวกเจ้าไปเอาของมาจากไหน?”สีหน้าชุยซวี่ตงซีดมาก แทบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองแล้ว“ขี้ผึ้งเสินเซียน…ข้าต้องการขี้ผึ้งเสินเซียน…”เซียวจิ่งอี้หันไปขยิบตาให้เทียนเฉวียน เทียนเฉวียนเดินเข้าไป ส่งกล้องยาสูบของขี้ผึ้งทองให้ชุยซวี่ตงทันทีชุยซวี่ตงรีบใช้สองมือคว้ากล่องยาสูบ สูบแรงๆ ไปหนึ่งทีหลังจากร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงอารมณ์ความสุขที่พึงพอใจพริบตาต่อมา เทียนเฉวียนยึดกล้องยาสูบท่าทางของชุยซวี่ตงเหมือนต้องการมากกว่านี้ “ได้โปรด ให้ข้าสูบอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียว…”
หลังจากนั้นเขาให้องครักษ์ลับแอบลักพาตัวคนที่อยู่ในรายชื่อมาที่คฤหาสน์ในเมื่อจะให้ฮ่องเต้จิ่งผิงรู้ถึงความอันตรายของขี้ผึ้งทอง และสนับสนุนเขาตรวจสอบเรือนเสินเซียน เพื่อลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาลงโทษตามกฎหมายแค่อธิบายด้วยคำพูด มันไม่เสียแรงเกินไปหรอกหรือยังมีอะไรที่น่าตกใจและน่ากลัวกว่าการได้เห็นอาการอยากด้วยตัวเอง?ก็เหมือนกับเมื่อคืน เขาเห็นด้านที่น่าเกลียดของจ้าวเสวียซือตอนอยากด้วยตาตัวเองชุยซวี่ตงคุณชายเจ็ดจวนเฉิงเอินกงจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนอยู่ในห้องนอน แต่วันนี้เช้าพอตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเขาลุกขึ้นจะเปิดประตูออกไป กลับพบว่าประตูถูกลงกลอนจากข้างนอกไม่ว่าเขาจะตะโกนเสียงดังแค่ไหน ข่มขู่ อ้อนวอน ก็ไม่มีใครสนใจเขาชุยซวี่ตงทั้งกลัวทั้งตกใจ อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่านี่คือฝีมือของใครกันแน่?คนคนนั้นลักพาตัวเขามาที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไป ชุยซวี่ตงเริ่มหาวบ่อยขึ้น ความรู้สึกฉุนเฉียวผุดออกมาจากส่วนลึกในใจเขายื่นมือไปล้วงขี้ผึ้งทองและกล้องยาสูบของตัวเอง เพื่อเอาออกมาสูบโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่เจออะไรเลยอาการคลั่งและค
หลังจากอวิ๋นฝูหลิงต้มยาเสร็จ ยกมาให้จ้าวเสวียซือดื่มแล้ว จึงจะกล่าว“ช่วงนี้เจ้าก็พักอยู่ที่จวนอี้อ๋องไปก่อน ข้าจะสั่งให้คนเฝ้าเรือนหลังนี้ไว้ จะให้เจ้ามีโอกาสเข้าใกล้ขี้ผึ้งทองไม่ได้”“ตอนนี้เจ้ายังไม่ติดยาเสพติดขั้นรุนแรง ยังมีโอกาสเลิกพึ่งพาขี้ผึ้งทอง”“ข้าจะใช้การฝังเข็มกับยามาช่วยเจ้าเลิก สามารถลดความเจ็บปวดระหว่างที่เจ้าเลิกได้”“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจของเจ้า เจ้าต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ด้วยตัวเอง”“ถ้าหากความตั้งใจของเจ้าไม่แน่วแน่ ผ่านมันไปไม่ได้ คนรอบข้างช่วยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!”จ้าวเสวียซือพยักหน้า สีหน้าตื้นตัน “พี่สะใภ้ วันนี้ขอบคุณมาก!”อวิ๋นฝูหลิง “ท่านอ๋องเห็นเจ้าเป็นพี่น้อง คนครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันเช่นนี้”เซียวจิ่งอี้ยกมือตบไหล่จ้าวเสวียซือ “ฟังพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าต้องเลิกขี้ผึ้งทองให้ได้!”“นอกจากชีวิตที่เหลือของเจ้าอยากถูกมันควบคุม”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวเสียงเย็น “ครึ่งชีวิตที่ไหนล่ะ ถ้าหากสูบเป็นเวลานาน อย่างมากสองสามปีก็ตายแล้ว!”จ้าวเสวียซือได้สัมผัสความร้ายกาจของขี้ผึ้งทองแล้ว เขารู้สึกเกลียดมันมากแค่นึกถึงอาการกำเริบก่อนหน้านี้ ฉุนเฉ
อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่