แชร์

บทที่ 347

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
เมื่อสวินเส้าคังได้ยินคำพูดนี้ของอวิ๋นฝูหลิง ก็อารมณ์ดีทันที

ความกังวลทั้งหมดหายไปในพริบตา

แต่ว่าหลังจากได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายที่มีเจตนาหยอกล้อแฝงอยู่ เขาก็โต้กลับทันที “ไม่มีทาง เรื่องแค่นี้ข้ายังรู้จักแยกแยะอยู่”

อวิ๋นฝูหลิงยิ้มจนคิ้วโก่ง จู่ๆ นางก็นึกอะไรขึ้นได้ เอ่ยปากกล่าว “ใช่แล้ว เจียงเป่ยก็มีสาขาของสำนักช่วยชีพ”

“เช่นนี้ก็แล้วกัน ข้ายกสาขาของสำนักช่วยชีพทั้งหมดที่อยู่ในเจียงเป่ยให้ท่านดูแล”

“รอหลังจากท่านกลับถึงเจียงเป่ย ถ้าหากวันไหนอยากรักษาคน สามารถไปเป็นหมอที่สำนักช่วยชีพโดยตรงเลย”

“เป็นอย่างไร?”

เมื่อสวินเส้าคังได้ยิน ยกมือชี้อวิ๋นฝูหลิงแล้วชี้อีก กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่เจ้าอยากดึงข้าเข้าสำนักช่วยชีพทางอ้อม เพื่อเสริมหน้าตาให้เจ้าสินะ”

“และยังช่วยเจ้าดูแลการค้าของเจ้าแล้ว”

“ยิงธนูครั้งเดียวได้นกสามตัว ไม่มีใครฉลาดกว่าเจ้าแล้วจริงๆ!”

อวิ๋นฝูหลิงยิ้มแหะๆ รินน้ำชาให้สวินเส้าคังถ้วยหนึ่ง

“ก็ตอนนี้ข้ากำลังขาดหมอ โดยเฉพาะหมอที่มีฝีมือเลิศล้ำอย่างศิษย์พี่สวิน!”

“อีกอย่างนะ พวกเราเป็นใคร ท่านปฏิเสธข้าได้ลงคอจริงๆ หรือ?”

“อีกทั้งพวกเรายังเป็นการร่วมมือที่ต่างฝ่ายต่างได
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 348

    อวิ๋นฝูหลิงได้ส่งบัตรเชิญของการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ในนามของผู้นำตระกูลสกุลอวิ๋นแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่นางปรากฏตัวในแวดวงการแพทย์อย่างเป็นทางการในฐานะผู้นำตระกูลสกุลอวิ๋นกับหมอถึงเวลานั้น ต้องเผชิญหน้ากับการตั้งคำถามและหาเรื่องแน่นอนอย่างไรก็ตาม แวดวงการแพทย์นั้นไม่ได้อ่อนโยนและสงบอย่างที่เห็นการต่อสู้ที่อยู่ในมุมมืดไม่เคยหยุดลงเลยแม้ทางสกุลสวินเร่งเร้าให้เขากลับไป แต่หลังจากสวินเส้าคังคิดไปคิดมา สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าหลังจากการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์สิ้นสุดลง เขาค่อยกลับเจียงเป่ยเช่นนี้แล้วถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นในการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ เขายังสามารถช่วยอวิ๋นฝูหลิงได้อวิ๋นฝูหลิงกับสวินเส้าคังกินไปพลางคุยไปพลางในห้องส่วนตัวของหอสุรา แต่ไม่รู้เลยว่าในห้องส่วนตัวอีกห้องหนึ่งที่มีเพียงกำแพงกั้น อวิ๋นกานซงล้วงห่อผ้าใบหนึ่งออกมาเขาเปิดห่อผ้าทีละชั้นอย่างระมัดระวัง ด้านในสุดเผยให้เห็นหนังสือเล็กๆ เล่มหนี่งเมื่อชายวัยกลางคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเขาเห็นหนังสือเล่มนั้น ในแววตาเผยให้เห็นความเร่าร้อนทันทีเขาเพิ่งจะยื่นมือออกไป ใครจะรู้ว่ากลับถูกอวิ๋นกานซงห้ามถ้าหากอวิ๋นฝูหลิงอยู่ที่นี

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 349

    หลังจากก่อตั้งราชวงศ์ต้าฉี เจ้าสำนักรุ่นแรกของสำนักหมอหลวงก็คือนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นหลังจากเขาเกษียณ ตำแหน่งเจ้าสำนักก็รับช่วงต่อโดยโอวหยางหมิงศิษย์คนโตของเขาและหมอหลวงทั้งสองรุ่นของสกุลเฉิง ล้วนทำได้เพียงอยู่ใต้พวกเขาปัจจุบันโอวหยางหมิงอายุมากแล้ว และอยากเกษียณนานแล้วถ้าหากโอวหยางหมิงเจ้าสำนักคนนี้เกษียณ เช่นนั้นก็เป็นไปได้ว่าเจ้าสำนักคนใหม่ จะถูกคัดเลือกจากระหว่างรองเจ้าสำนักฝ่ายซ้ายเฉิงกับรองเจ้าสำนักฝ่ายขวาจงฮุยและจงฮุยคือผู้ที่ถูกคัดเลือกจากหมู่ราษฎรให้เข้าสำนักหมอหลวง เพราะฝีมือการแพทย์ที่โดดเด่นปกติอยู่ในสำนักหมอหลวง นอกจากรักษาโรคให้เฉพาะเหล่าผู้สูงศักดิ์ ก็ไม่สนใจอะไรเลยด้วยเหตุนี้จึงไม่มีภูมิหลัง และไม่มีอิทธิพลหนุนหลังส่วนเฉิงชงนั้นต่างออกไป เบื้องหลังของเขามีสกุลเฉิง และปัจจุบันยังได้รับความโปรดปรานจากไทเฮา ฝีมือการแพทย์ก็อยู่ในระดับแนวหน้าในบรรดาเหล่าหมอหลวงดังนั้นเฉิงชงคิดว่าผู้ที่ถูกเลือกให้เป็นเจ้าสำนัก ต้องเป็นเขาเท่านั้นแต่ช่วงนี้กลับมีข่าวลือ โอวหยางหมิงอยากผลักดันคนของเขาขึ้นตำแหน่งเฉิงชงที่มีความมั่นใจเปี่ยมล้นในตอนแรก คราวนี้เริ่มนั่งไม่ติดแล้ว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 350

    แต่เฉิงชงเหมือนได้รับสมบัติล้ำค่าเมื่อหลายปีก่อนเขาเคยออกไปฝึกฝนประสบการณ์ที่ข้างนอก ได้รู้จักกับหมอซางท่านหนึ่งและก็เป็นตอนนั้นเอง เฉิงชงเกิดความสนใจต่อหมอซางเมื่อเห็นหมอซางท่านนั้นนำกระต่ายและสัตว์เล็กอื่นๆ มาทำการทดลองผ่าเย็บ เฉินชงก็เกิดความคิดแปลกๆ รู้สึกว่าบางทีร่างกายของมนุษย์อาจสามารถเย็บแผลและงอกใหม่เหมือนกระต่ายแต่น่าเสียดายที่สกุลเฉิงสนับสนุนแนวทางดั้งเดิม ฝีมือการแพทย์อย่างหมอซางที่ไม่เข้าขั้น ไม่ได้รับอนุญาตในสกุลเฉิงเฉิงชงทำได้เพียงแอบศึกษาเองจนกระทั่งช่วงก่อน เขาได้ยินว่ามีคนผ่าท้องของคนที่ใกล้ตายในเจียงโจวและคนที่ถูกผ่าท้อง ไม่เพียงไม่ตาย กลับกันยังถูกช่วยจนรอดชีวิตแล้วเขาส่งคนไปหาข่าวที่เจียงโจวทันทีหลังจากหาข่าว จึงจะรู้ว่าคนที่ใกล้ตายคนนั้นคือคุณชายน้อยของอัครมหาเสนาบดีลู่ส่วนคนที่ผ่าท้องช่วย ก็คืออวิ๋นฝูหลิงเฉิงชงรู้สึกตกใจมาก ยิ่งคลั่งไคล้ในทักษะหมอซางแล้วเขานึกถึงสมัยที่ฮ่องเต้ไท่จูยกทัพพิชิตใต้ฟ้า นายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นก็เป็นแพทย์ทหารอยู่ในกองทัพ ทักษะหมอซางของเขาไม่มีใครสามารถเทียบทักษะการผ่าท้องของอวิ๋นฝูหลิง ไม่แน่ว่าได้รับการถ่ายทอดโดยน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 351

    อวิ๋นกานซงลอบแค่นเสียงเย็นชาหากไม่ใช่เพราะไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า เขาย่อมไม่เลือกเฉิงชงแต่ไม่เป็นไร รอให้จบเรื่องเสียก่อน เขาก็จะสามารถเหยียบย่ำชื่อเสียงในวงการแพทย์ของเฉิงชงได้ เมื่อถึงครานั้นเฉิงชงจะยังเย่อหยิ่งได้อยู่หรือ?เมื่อนึกถึงแผนของตัวเอง มุมปากของอวิ๋นกานซงก็เผยรอยยิ้มมีความสุขออกมาหลังจากอวิ๋นฝูหลิงรับประทานอาหารกลางวันกับสวินเส้าคังเสร็จ ทั้งกลุ่มก็ออกไปจากห้องส่วนตัวคาดไม่ถึงว่าทันทีที่นางออกมาจากประตูห้องส่วนตัว ก็เห็นเฉิงชงออกมาจากห้องส่วนตัวด้านข้างเช่นกันแม้อวิ๋นฝูหลิงจะเคยพบเฉิงชงเพียงไม่กี่ครา แต่นางซึ่งมีความจำดียิ่ง ก็แทบจะจำเฉิงชงได้ในทันทีเห็นเฉิงชงรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว อวิ๋นฝูหลิงก็มิได้ตามไปทักทายเช่นกันกล่าวกันตามตรงระหว่างพวกเขาทั้งสองคนก็มิได้สนิทสนมกันมากนัก ก่อนหน้านี้ยามที่ฮ่องเต้จิ่งผิงประชวร พวกเขาก็รักษาฮ่องเต้จิ่งผิงอยู่ที่ตำหนักจื่อเฉิน จึงเคยรวมกลุ่มกันอยู่บ้างอวิ๋นฝูหลิงคิดว่าอาหารร้านนี้ไม่เลวเลย เฉิงชงก็อาจจะมากินอาหารและรวมตัวกับสหายเช่นกันดังนั้นนางจึงไม่ได้ใส่ใจสถานการณ์นี้มากนักจนกระทั่งนางเห็นอวิ๋นกานซงเดินตามไป โดยท

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 352

    ตัวตนที่นางปรารถนามากที่สุด และอยากให้เป็นที่รู้จักมากที่สุด ก็คือตัวตนในฐานะหมออวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าให้หลิงโหยว มิได้รบกวนการตรวจคนไข้ที่โถงด้านหน้า และพาหลิงโหยวไปที่ด้านหลังโรงหมออวิ๋นฝูหลิงถามไถ่สถานการณ์ในช่วงนี้ของสำนักช่วยชีพ และได้รู้ว่าสำนักช่วยชีพดำเนินกิจการไปได้ปกติ จึงรู้สึกวางใจ“คุณหนูใหญ่ เมื่อสองวันก่อนได้มีการจัดพิธีสรงสามของหลานชายคนโตที่จวนชิงเหอปั๋ว ฮูหยินผู้เฒ่าของจวนชิงเหอปั๋วเฝ้ารอหลานชายคนนี้มานานมากแล้ว เพราะมีความสุขมากเกินไป จึงเกิดอาการหัวใจวายอย่างกะทันหันในงานเลี้ยง”“โชคดีที่ครอบครัวพวกเขาเตรียมยาบำรุงหัวใจของสำนักช่วยชีพของพวกเราเอาไว้ล่วงหน้า หลังจากฮูหยินผู้เฒ่ากินยาก็ได้สติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว”“จวนชิงเหอปั๋วไม่วางใจ จึงเชิญหมอหลวงมาดูอาการเป็นพิเศษ”“เมื่อหมอหลวงผู้นั้นรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่ากินยาบำรุงหัวใจของพวกเราจึงได้สติ ก็ขอยาเม็ดหนึ่งจากจวนชิงเหอปั๋ว”“หลังจากตรวจสอบแล้วก็บอกว่าโชคดีมากที่มียาบำรุงหัวใจเม็ดนั้น ไม่เช่นนั้นชีวิตของฮูหยินผู้เฒ่าคงตกอยู่ในอันตรายไปแล้ว”“หลังจากข่าวนี้แพร่ออกไป ยาลูกกลอนของสำนักช่วยชีพของพวกเรา ก็เป็นที่นิยมขึ้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 353

    หลิงโหยวส่ายศีรษะ “มิได้บอกขอรับ อีกฝ่ายได้ยินว่าท่านไม่อยู่ ก็บอกว่าพรุ่งนี้จะมาอีกครา”“ข้าบอกกฎเกณฑ์การให้ท่านตรวจอาการกับอีกฝ่ายไปแล้วเช่นกัน และบอกว่าอีกสองวันคุณหนูใหญ่จะมาตรวจคนไข้ที่สำนักช่วยชีพ คนผู้นั้นก็มิได้พูดอันใด ก่อนจะกลับไปเช่นนั้นขอรับ”อวิ๋นฝูหลิงคิดว่าหากอีกฝ่ายอยากมาให้นางตรวจอาการ ย่อมต้องมาหาที่สำนักอีกคราเป็นแน่หลังออกจากสำนักช่วยชีพ เดิมทีอวิ๋นฝูหลิงคิดจะกลับไปที่จวนอี้อ๋องทันทีทว่ายามที่ผ่านจวนจี้ชุนโหวระหว่างทาง อวิ๋นฝูหลิงก็บอกให้หยุดรถม้าอย่างกะทันหันหลังจากอวิ๋นฝูหลิงนำจวนจี้ชุนโหวกลับมาได้แล้ว ไม่เพียงแต่ขับไล่คนของครอบครัวอวิ๋นกานซงออกไป แม้แต่คนใช้ในจวนก็ถูกนางไล่ออกไปจนหมดยามนี้ในจวนมีเพียงสามีภรรยาสูงอายุคู่หนึ่งกับหลิงโหยวคอยดูแลทำความสะอาดหลังจากอวิ๋นฝูหลิงกลับมาที่เมืองหลวง ก็อยู่ที่จวนอี้อ๋องมาโดยตลอด ดังนั้นจวนจี้ชุนโหวแสนกว้างขวางแห่งนี้ จึงถูกทิ้งให้ว่างเปล่าเดิมทีอวิ๋นฝูหลิงยังกังวลเรื่องโรงปรุงยา ทันใดนั้นก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา คิดว่าการตั้งโรงปรุงยาที่จวนจี้ชุนโหวก็ไม่เลวนางเดินชมจวนจี้ชุนโหวรอบหนึ่ง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 354

    เทียบเชิญในนามของฮูหยินแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน ถูกส่งมาถึงอวิ๋นฝูหลิงฮูหยินแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินอยากมาเยี่ยมเยือนที่จวน เพื่อพบหน้าอวิ๋นฝูหลิงสักคราอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงสิ่งที่หลิงโหยวบอกก่อนหน้านี้ คนของจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินเคยไปขอรับการรักษาที่สำนักช่วยชีพ แต่กลับไม่พบนางนี่คือเทียบเชิญใบหนึ่งที่ส่งมายังจวนอี้อ๋องอีกครั้งดูท่าจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินแห่งนี้จะอยากให้นางไปทำการรักษามากทีเดียวรอจนเซียวจิ่งอี้กลับมาตอนเย็น อวิ๋นฝูหลิงก็พูดเรื่องนี้กับเขาหลังจากเซียวจิ่งอี้ได้ยิน ก็กล่าวว่า “สกุลฉู่แห่งจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินปกป้องชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือมาหลายชั่วอายุคน เพื่อรักษาความสงบของชายแดน มีชายชาตรีจำนวนนับไม่ถ้วนเสียชีวิตในสนามรบ”เมื่อพูดถึงสกุลฉู่ คำพูดของเซียวจิ่งอี้ก็เต็มไปด้วยความเคารพ“แม่ทัพฉู่กำลังปกป้องชายแดน ยามนี้ที่เมืองหลวงมีเพียงฮูหยินฉู่และแม่ทัพน้อยฉู่กับภรรยาเท่านั้น”“สกุลฉู่มีความภักดีต่อฮ่องเต้ และไม่เคยพัวพันกับความขัดแย้งของราชสำนัก”“ข้ากับสกุลฉู่ไม่เคยไปมาหาสู่กันมาก่อน สกุลฉู่ส่งเทียบเชิญมาครานี้ คงเพียงเพราะอยากให้เจ้าไปทำการรักษาเท่านั้น”แม้อ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 355

    ชายหนุ่มสีหน้าเย็นชาถือดาบไว้ ขณะปล่อยจิตสังหารออกมาจากร่าง“ช่วยไม่ได้ก็ต้องช่วย!”ชายหนุ่มกล่าว ก่อนจะเงยหน้ามองหมอที่ยืนอยู่เต็มลาน “ยังมีพวกเจ้าด้วย หากผู้ใดสามารถช่วยภรรยาของข้า ปกป้องให้ปลอดภัยทั้งแม่และลูก สกุลฉู่ของข้าจะตอบแทนให้อย่างงาม!”“แต่วันนี้หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับภรรยาของข้า พวกเจ้าไม่ว่าใครก็อย่าคิดจะได้เดินออกไปจากที่นี่!”ยามนี้อวิ๋นฝูหลิงคาดเดาได้แล้วว่า ชายหนุ่มที่ถือดาบผู้นี้คือฉู่หมิงบุตรชายเพียงคนเดียวของแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินเพียงแต่แม้สกุลฉู่จะมีอำนาจมากล้น แต่ก็มักจะเก็บตัวเสมอ และไม่ทำตัวโดดเด่นมากนักคิดไม่ถึงว่าวันนี้ฉู่หมิงจะเสียสติถึงเพียงนี้ไม่เพียงแต่ลักพาตัวหมอจากเมืองหลวงมาหลายคน ทว่ายังพูดจาวางอำนาจอย่างไร้เหตุผลอวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้ว และกล่าวเสียงดัง “ในฐานะหมอ ข้าคิดว่าหมอทุกท่านที่นี่ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ป่วยย่อมพยายามอย่างเต็มที่ รักษาโรคภัยโดยไม่คิดปิดบังสิ่งใด”“พวกเขาบอกว่าไม่อาจช่วยได้ เพราะขีดจำกัดของทักษะแพทย์ ต่อให้ท่านฆ่าพวกเขา พวกเขาก็ช่วยไม่ได้!”หมอในลานผ่านการถูกข่มขู่มาหลายคราเพียงแต่เพราะอำนาจของจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 372

    องครักษ์ของจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินไม่ธรรมดา แต่ละคนล้วนเป็นผู้กล้าที่เคยผ่านสนามรบและเคยเห็นเลือดมาก่อนถ้าหากมีคนกล้าบุกเข้าไป องครักษ์เหล่านี้ล้วนไม่ได้มีไว้ประดับ!แม้ฮูหยินฉู่รำคาญคนเหล่านี้ แต่ก็มีแผนรับมือในใจแล้วหลังจากนางพบว่าวันนี้มีผู้คนจำนวนมากมาที่จวน จึงเตรียมการทันทีมีองครักษ์ของจวนอยู่ที่นี่ วันนี้อย่าว่าแต่ห้องคลอดเลย ต่อให้เป็นลานเรือนของห้องคลอด ก็ไม่มีใครสามารถบุกเข้าไปได้เมื่อเหล่าฮูหยินที่อยู่ในลานเห็นดังนี้ ก็รู้ว่าวันนี้พวกนางไม่สามารถไปดูอวิ๋นฝูหลิงผ่าท้องทำคลอดที่ห้องคลอดแล้วด้วยเหตุนี้ทุกคนทำได้เพียงนั่งลงดื่มน้ำชาอย่างไม่พอใจเพราะการจากไปตอนนี้เลยมันไม่เหมาะสมต่อให้จะไป ก็ต้องไม่ใช่ตอนนี้ระหว่างทางที่ไปห้องคลอด อวิ๋นฝูหลิงถามฮูหยินฉู่ว่าพวกโอวหยางหมิงมาหรือยังโอวหยางหมิงและคนอื่นมากันแล้ว แต่ว่าฮูหยินฉู่พาพวกเขาไปยังอีกสถานที่หนึ่งอวิ๋นฝูหลิงได้ยินว่าพวกโอวหยางหมิงมากันแล้ว ก็เปลี่ยนใจทันที “ไปหาพวกเจ้าสำนักโอวหยางก่อน”เมื่อฮูหยินฉู่ได้ยิน ก็รีบพาอวิ๋นฝูหลิงไปยังห้องรับแขกที่ต้อนรับพวกโอวหยางหมิงทันทีภายในห้องรับแขก บรรยากาศกำลังครึกคร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 371

    จ้าวเสวียซือจงใจลดเสียงให้เบาลง และยังยื่นศีรษะเข้าไปทางหน้าต่างรถเซียวจิ่งอี้มองเขาอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง“ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร”“หดหัวของเจ้ากลับไป!”จ้าวเสวียซือหดศีรษะกลับไปอย่างอับอายพริบตาต่อมา เซียวจิ่งอี้ปิดหน้าต่างรถทันทีจ้าวเสวียซือรู้สึกถึงการเหยียดหยามของเซียวจิ่งอี้ โมโหจนแทบช้ำในเขาก็แค่รู้ตัวช้าไปหน่อย ไม่ทันสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติ!หลังจากมาถึงจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน อวิ๋นฝูหลิงก็เข้าใจในสิ่งที่จ้าวเสวียซือพูดแล้ว เกือบครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงล้วนรู้เรื่องคร่าวๆ แล้วจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินในวันนี้คึกคักมาก แขกเหรื่อเต็มไปหมดมีคนไม่น้อยที่อาศัยข้ออ้างมาเยี่ยมฮูหยินน้อยฉู่ เพื่อมาดูอวิ๋นฝูหลิงผ่าท้องทำคลอดฮูหยินฉู่รู้เจตนาการมาเยือนของคนเหล่านี้ แต่ก็ไม่สามารถไล่คนตรงๆ ได้ทำได้เพียงรับหน้าไปพลาง หาวิธีส่งแขกไปพลางทว่าฮูหยินฉู่ยังคิดวิธีไม่ออก อวิ๋นฝูหลิงก็มาถึงแล้วเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นผู้คนที่อยู่เต็มลาน ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้และผู้คนที่มารุมสอบถามเรื่องการผ่าท้องทำคลอดกับฮูหยินฉู่ในตอนแรก เพิ่งเห็นอวิ๋นฝูหลิงมา ก็กรูกันเข้าไปหานางทันทีแต่หลัง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 370

    หากนางต้องการคน ขอแค่นางบอกมา เกรงว่ากระทั่งหมอหลวงในสำนักหมอหลวงก็คงมีคนมากมายที่ยินยอมช่วยเหลือจำเป็นต้องมาถึงสกุลหางเชียวหรือ?การกระทำเช่นนี้ของอวิ๋นฝูหลิงนั้นถือว่านึกถึงบุญคุณที่สกุลหางได้ช่วยเหลือไว้ก่อนหน้านี้ จึงมามอบน้ำใจให้ถึงสกุลหาง!หลังจากที่นายท่านหางเข้าใจจุดสำคัญของเรื่องนี้ ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านอยู่ในหัวใจวันนี้ข่าวที่อวิ๋นฝูหลิงจะผ่าท้องเอาเด็กออกให้ฮูหยินน้อยฉู่นั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ในเมืองหลวงจึงมีเรื่องใหม่ให้ได้พูดคุยถกกันอย่างบ้าคลั่งบางคนตื่นตระหนกตกใจ บางคนก็สงสัยใคร่รู้และมีบางคนคิดจะฉวยโอกาสนี้ แอบปลุกปั่นสร้างเรื่องวันต่อมาอวิ๋นฝูหลิงหลับสนิทตลอดทั้งคืน เตรียมตัวไปจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่าเดิมทีวันนี้เซียวจิ่งอี้จะต้องไปตรวจตราค่ายใหญ่แถบชานเมืองหลวงทว่าพอเขานึกว่าวันนี้อวิ๋นฝูหลิงจะต้องผ่าท้องเอาเด็กออกให้ฮูหยินน้อยฉู่แล้ว เลยวางใจไม่ลงจริง ๆถึงอย่างไรการผ่าตัดครั้งนี้ก็นับว่าเป็นการผ่าท้องเอาเด็กออกในขณะที่คนยังมีชีวิตอยู่เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ ไม่ว่าจะเป็นสกุลฉู่ก็ดี

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 369

    กระทั่งยามที่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ได้สติ อวิ๋นฝูหลิงก็โยนแส้ใส่อ้อมแขนของนางแล้ว“เอาละ พวกเราสองคนหายกันแล้วนะ”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ถึงกับนิ่งอึ้งยามที่นาได้สติ ตัวอวิ๋นฝูหลิงก็เดินจากไปไกลแล้วฉยงอวี้จวิ้นจู่กำแส้ขี่ม้าในมือแน่น พร้อมกับคิ้วที่กระตุกเล็กน้อยอวิ๋นฝูหลิงผู้นี้ไม่เหมือนกับที่นางคิดเลยสักนิดนิสัยไม่เหมือนใครดี!หลังจากที่อวิ๋นฝูหลิงออกจากจวนแม้ทัพพิทักษ์แผ่นดิน ก็ไปยังเรือนในเมืองหลวงของสกุลหางนายท่านผู้เฒ่าหางดีใจยิ่งนักที่เห็นนางมา“ฝูหลิง ทำไมวันนี้ถึงได้มีเวลามาได้เล่า?”อวิ๋นฝูหลิงก้าวไปคารวะ แล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “แน่นอนว่าเป็นเพราะคิดถึงท่านปู่หาง เลยมาเยี่ยมหาอย่าไรเล่าเจ้าคะ”นางเขย่าห่อกระดาษในมือเล็กน้อย “รู้ว่าท่านชอบกินขนมลี่จื่อของโจวจี้ จึงตั้งใจเอามาแสดงความกตัญญูกับท่านปู่เจ้าค่ะ!”รอยยิ้มบนใบหน้าของนายท่านผู้เฒ่าหางยิ่งกว้างกว่าเดิมรีบให้บ่าวไพร่นำขนมลี่จื่อที่อวิ๋นฝูหลิงนำมาไปวางใส่จานมา เขาจะไว้กินแกล้มกับชาปู่หลานพูดคุยกันได้สักพัก อวิ๋นฝูหลิงจึงพูดเรื่องจริงจังขึ้นมา“ท่านปู่หาง ตอนนี้ข้ามีคนไข้อยู่ในมือ นางตั้งครรภ์แฝด หากจะคลอดอย่างธรรมดา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 368

    ลูกเติบโตอยู่ในท้องของนางทุกวัน ๆ ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว ล้วนนำมาซึ่งความปีติยินดีที่ยากจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้นางไม่อาจทอดทิ้งลูกในท้องได้จริง ๆหลังได้รู้จักกับวิธีการผ่าท้องเอาเด็กออกของอวิ๋นฝูหลิง ฮูหยินน้อยฉู่ก็ตัดสินใจได้เฉียบขาดเสียยิ่งกว่าผู้ใดเหล่าหมอที่รายล้อมอยู่ข้าง ๆ ล้วนอับจนหนทาง มิสู้ให้อวิ๋นฝูหลิงได้ลองทำมิดีกว่าหรือหากรักษาพวกนางสามแม่ลูกไว้ได้จะเป็นการดีที่สุดหากทำไม่ได้ เช่นนั้นก็เอาชีวิตของนางไปแทนลูก ๆ เถิดแม้นาจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ทว่ายามที่เหตุการณ์ดำเนินมาถึงตรงหน้า นางก็ยังคงตื่นเต้นอยู่ดีโชคดีที่อวิ๋นฝูหลิงพูดจานุ่มนวล ทำให้นางคลายความตื่นตระหนกในใจไปได้มากหลังจากอวิ๋นฝูหลิงจับชีพจรให้ฮูหยินน้อยฉู่แล้ว จึงกำชับนางว่านับตั้งแต่ตอนนี้ห้ามกินอะไรเข้าไป มิเช่นนั้นจะกระทบต่อการผ่าตัด เป็นอันตรายถึงชีวิตฮูหยินน้อยฉู่ได้ยินน้ำเสียงแสนจริงจังของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว รีบแสดงท่าทีว่านางเชื่อฟังคำพูดของอวิ๋นฝูหลิงไม่มีบิดพลิ้ว ไม่กินอะไรลงท้องแน่นอนอวิ๋นฝูหลิงเห็นเช่นนั้น ก็พอใจมากนางชอบผู้ป่วยที่เชื่อฟังคำสั่งของหมอเป็นที่สุดหลังอวิ๋นฝูหลิงกำชับสิ่งท

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 367

    โอวหยางหมิงไม่ทันตั้งตัวกับคำขอของอวิ๋นฝูหลิงเอาเสียเลยนี่เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ที่ทำการผ่าท้องเอาเด็กออก ในขณะที่มารดาที่ตั้งครรภ์ยังมีชีวิตอยู่หากเป็นอย่างที่อวิ๋นฝูหลิงพูดจริง ๆ ที่ว่าหลังผ่าตัดแล้ว ทั้งมารดาและบุตรล้วนมีชีวิตอยู่ต่อได้โดยปลอดภัยละก็ พอจะจินตนาการออกเลยว่าจะก่อความตื่นตะลึงมากมายมหาศาลเลยทีเดียววีรกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ จะต้องถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ ถึงขั้นในตำราประวัติศาสตร์ก็อาจจะเป็นได้ว่าจะบันทึกเอาไว้อย่างโดดเด่นอีกด้วยฉากที่ได้เป็นประจักษ์พยานเช่นนี้ โอวหยางหมิงย่อมหวังว่าตัวเขาเองจะอยู่ในเหตุการณ์ด้วยหลังจากโอวหยางหมิงตอบรับคำร้องขอของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว ก็เอ่ยถามอีกครั้งว่า “ฝูหลิง เจ้าต้องการผู้ช่วยสักกี่คน จะให้ปู่เรียกคนในสำนักแพทย์หลวงมาให้เจ้าสักหลาย ๆ คนหน่อยหรือไม่?”โอวหยางหมิงมั่นใจ ขอแค่เขาเรียกตัว เหล่าหมอหลวงในสำนักแพทย์หลวงจำนวนไม่น้อยจะต้องให้ความสนใจกับการผ่าคลอดครั้งนี้ ทั้งยังเต็มใจมาช่วยอีกด้วยอวิ๋นฝูหลิงส่ายหน้าพลางกล่าว “เรื่องท่านหมอนั้นข้ามีตัวเลือกอยู่ในใจแล้ว ไม่ต้องการใครอีกเจ้าค่ะ”“แต่ได้ยินว่าในสำนักแพทย์หลว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 366

    ยามนี้ ผู้เฝ้าประตูเดินเข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋อง พระชายา แม่ทัพน้อยฉู่จากจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินมาขอรับ”“บอกว่าต้องการเชิญพระชายาให้ไปตรวจอาการอีกครั้งขอรับ!”อวิ๋นฝูหลิงวางชามโจ๊กในมือลง ฉวยผ้าเช็ดปากมาซับปากเล็กน้อย“เชิญให้ท่านแม่ทัพน้อยฉู่รอที่โถงหน้าสักครู่ อีกประเดี๋ยวข้าจะตามไป”เมื่อวานนี้นางมั่นใจยิ่ง ว่าท้ายที่สุดแล้วสกุลฉู่ก็จะมาหานางเนื่องจากสถานการณ์ของฮูหยินน้อยฉู่ หากเป็นการคลอดธรรมชาติ ด้วยวิชาแพทย์ในปัจจุบันนี้ของแคว้นต้าฉีนั้น แทบจะไม่มีหมอคนไหนที่สามารถรับรองความปลอดภัยของทั้งมารดาและบุตรได้เลยเดิมทีนางคิดว่าสกุลฉู่จะฝืนทนต่ออีกสองสามวัน เฝ้าหาหมอชื่อดังหลายท่านไปตรวจดูนึกไม่ถึงว่านี่เพิ่งผ่านไปเพียงวันเดียว ฉู่หมิงก็มาเชิญนางถึงหน้าประตูด้วยตนเองเสียแล้วการกระทำของสกุลฉู่ ยิ่งทำให้อวิ๋นฝูหลิงมั่นใจว่าสกุลฉู่เอนเอียงที่จะใช้วิธีผ่าท้องเอาเด็กออกที่นางเสนอแล้วเซียวจิ่งอี้ว่า “วันนี้ข้าไม่มีกิจอันใดพอดี ตามเจ้าไปได้”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า หลังกลับไปหยิบกล่องยาที่ห้องแล้ว จึงเดินไปที่โถงหน้ากับเซียวจิ่งอี้ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นว่าไม่มีใครเรียกนาง ครั้นลองคิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 365

    อย่าว่าแต่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ถูกเซียวจิ่งอี้แย่งแส้ไปเลย นี่ยังถูกซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาขนาดนี้อีกครั้นฉยงอวี้จวิ้นจู่สบเข้ากับดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเดือดดาลคู่นั้นของเซียวจิ่งอี้ ในใจพลันหวาดหวั่นขึ้นมาแต่พอนึกถึงสาเหตุที่ตัวเองมาที่นี่ในวันนี้แล้ว จึงรู้สึกมั่นใจและหาญกล้าขึ้นมาทันที“พี่เจ็ด ท่านถามว่าข้าคิดจะทำอะไรหรือ? ข้าอยากถามอวิ๋นฝูหลิงมากกว่า ว่านางคิดจะทำอะไร?”“เจ้ายังจะกล้าต่อปากต่อคำอีก?” เซียวจิ่งอี้บันดาลโทสะ ง้างมือเหวี่ยงแส้ออกไปฉยงอวี้จวิ้นจู่หลบไปข้าง ๆ ด้วยความตกใจทันทีดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา ท่าทางน้อยอกน้อยใจเป็นที่สุดทว่าแส้ของเซียวจิ่งอี้กลับสะบัดไปถูกอากาศเท่านั้น มิได้พุ่งไปยังบริเวณที่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ยืนอยู่เมื่อครู่นี้ด้วยซ้ำ“หากเจ้ายังกล้าทำตนไม่เคารพไม่ให้เกียรติพี่สะใภ้เจ้าอยู่อีก หนหน้าแส้ในมือข้าจะไม่โดยเพียงอากาศแล้ว!” แววตาของเซียวจิ่งอี้เย็นชาเป็นอย่างยิ่งเขาไม่ยอมให้ใครหน้าไหนก็ตามมารังแกอวิ๋นฝูหลิง!ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเซียวจิ่งอี้มีโทสะเข้าแล้วจริง ๆ ถึงกับอดหดคอด้วยความหวาดกลัวไม่ได้นางชอบเล่นกับเซียวจิ่งอี้มาตั้งแต่เด็ก เพราะว่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 364

    “วันพรุ่งไม่สู้ลองเชิญพระชายาอี้อ๋องมาอีกครั้ง แล้วให้อธิบายวิธีผ่าเปิดหน้าท้องเอาเด็กออกให้ละเอียดดีหรือไม่?”“หลังลองฟังดูแล้วค่อยตัดสินใจกันอีกครา?”หลังจากที่คังจวิ้นอ๋องและคนอื่น ๆ สบตากัน ทุกคนล้วนเห็นด้วยที่วันพรุ่งจะเชิญอวิ๋นฝูหลิงมาอีกครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวคังจวิ้นอ๋อง พวกเขาอยากได้ยินอวิ๋นฝูหลิงพูดเองกับหูส่วนทางอวิ๋นฝูหลิงหลังจากกลับมาถึงจวนอี้อ๋องนั้น ก็เข้ามิติไปรื้อค้นในเรือนไม้ไผ่ เพื่อตระเตรียมของสำหรับการผ่าคลอดนางมีลางสังหรณ์ ว่าสุดท้ายแล้วสกุลฉู่จะยอมให้นางทำการผ่าคลอดวันต่อมา ขณะที่อวิ๋นฝูหลิงกำลังกินข้าวเช้า ในจวนอ๋องพลันมีแขกไม่ได้รับเชิญท่านหนึ่งปรากฏตัวครั้นอวิ๋นฝูหลิงรู้ว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่เสด็จมา จึงประหลาดใจไม่น้อยนับแต่งานเลี้ยงพระราชวังเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ ทั้งคู่ก็ไม่ได้คลุกคลีอะไรกันอวิ๋นฝูหลิงสัมผัสได้ราง ๆ ว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่ดูเหมือนจะมีเจตนาร้ายต่อนาง จึงคอยอยู่ห่าง ๆ ไว้แล้วเหตุใดนางถึงได้โผล่มาถึงหน้าจวนกะทันหันแบบนี้?วันนี้เซียวจิ่งอี้มิได้มีกิจอันใดพอดี และกำลังร่วมกินข้าวเช้าอยู่กับอวิ๋นฝูหลิงครั้นทราบว่าฉยงอวี้จวิ้นจู

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status