Share

บทที่ 349

Author: หลันซานอวี่
หลังจากก่อตั้งราชวงศ์ต้าฉี เจ้าสำนักรุ่นแรกของสำนักหมอหลวงก็คือนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋น

หลังจากเขาเกษียณ ตำแหน่งเจ้าสำนักก็รับช่วงต่อโดยโอวหยางหมิงศิษย์คนโตของเขา

และหมอหลวงทั้งสองรุ่นของสกุลเฉิง ล้วนทำได้เพียงอยู่ใต้พวกเขา

ปัจจุบันโอวหยางหมิงอายุมากแล้ว และอยากเกษียณนานแล้ว

ถ้าหากโอวหยางหมิงเจ้าสำนักคนนี้เกษียณ เช่นนั้นก็เป็นไปได้ว่าเจ้าสำนักคนใหม่ จะถูกคัดเลือกจากระหว่างรองเจ้าสำนักฝ่ายซ้ายเฉิงกับรองเจ้าสำนักฝ่ายขวาจงฮุย

และจงฮุยคือผู้ที่ถูกคัดเลือกจากหมู่ราษฎรให้เข้าสำนักหมอหลวง เพราะฝีมือการแพทย์ที่โดดเด่น

ปกติอยู่ในสำนักหมอหลวง นอกจากรักษาโรคให้เฉพาะเหล่าผู้สูงศักดิ์ ก็ไม่สนใจอะไรเลย

ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีภูมิหลัง และไม่มีอิทธิพลหนุนหลัง

ส่วนเฉิงชงนั้นต่างออกไป เบื้องหลังของเขามีสกุลเฉิง และปัจจุบันยังได้รับความโปรดปรานจากไทเฮา ฝีมือการแพทย์ก็อยู่ในระดับแนวหน้าในบรรดาเหล่าหมอหลวง

ดังนั้นเฉิงชงคิดว่าผู้ที่ถูกเลือกให้เป็นเจ้าสำนัก ต้องเป็นเขาเท่านั้น

แต่ช่วงนี้กลับมีข่าวลือ โอวหยางหมิงอยากผลักดันคนของเขาขึ้นตำแหน่ง

เฉิงชงที่มีความมั่นใจเปี่ยมล้นในตอนแรก คราวนี้เริ่มนั่งไม่ติดแล้ว
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 350

    แต่เฉิงชงเหมือนได้รับสมบัติล้ำค่าเมื่อหลายปีก่อนเขาเคยออกไปฝึกฝนประสบการณ์ที่ข้างนอก ได้รู้จักกับหมอซางท่านหนึ่งและก็เป็นตอนนั้นเอง เฉิงชงเกิดความสนใจต่อหมอซางเมื่อเห็นหมอซางท่านนั้นนำกระต่ายและสัตว์เล็กอื่นๆ มาทำการทดลองผ่าเย็บ เฉินชงก็เกิดความคิดแปลกๆ รู้สึกว่าบางทีร่างกายของมนุษย์อาจสามารถเย็บแผลและงอกใหม่เหมือนกระต่ายแต่น่าเสียดายที่สกุลเฉิงสนับสนุนแนวทางดั้งเดิม ฝีมือการแพทย์อย่างหมอซางที่ไม่เข้าขั้น ไม่ได้รับอนุญาตในสกุลเฉิงเฉิงชงทำได้เพียงแอบศึกษาเองจนกระทั่งช่วงก่อน เขาได้ยินว่ามีคนผ่าท้องของคนที่ใกล้ตายในเจียงโจวและคนที่ถูกผ่าท้อง ไม่เพียงไม่ตาย กลับกันยังถูกช่วยจนรอดชีวิตแล้วเขาส่งคนไปหาข่าวที่เจียงโจวทันทีหลังจากหาข่าว จึงจะรู้ว่าคนที่ใกล้ตายคนนั้นคือคุณชายน้อยของอัครมหาเสนาบดีลู่ส่วนคนที่ผ่าท้องช่วย ก็คืออวิ๋นฝูหลิงเฉิงชงรู้สึกตกใจมาก ยิ่งคลั่งไคล้ในทักษะหมอซางแล้วเขานึกถึงสมัยที่ฮ่องเต้ไท่จูยกทัพพิชิตใต้ฟ้า นายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นก็เป็นแพทย์ทหารอยู่ในกองทัพ ทักษะหมอซางของเขาไม่มีใครสามารถเทียบทักษะการผ่าท้องของอวิ๋นฝูหลิง ไม่แน่ว่าได้รับการถ่ายทอดโดยน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 351

    อวิ๋นกานซงลอบแค่นเสียงเย็นชาหากไม่ใช่เพราะไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า เขาย่อมไม่เลือกเฉิงชงแต่ไม่เป็นไร รอให้จบเรื่องเสียก่อน เขาก็จะสามารถเหยียบย่ำชื่อเสียงในวงการแพทย์ของเฉิงชงได้ เมื่อถึงครานั้นเฉิงชงจะยังเย่อหยิ่งได้อยู่หรือ?เมื่อนึกถึงแผนของตัวเอง มุมปากของอวิ๋นกานซงก็เผยรอยยิ้มมีความสุขออกมาหลังจากอวิ๋นฝูหลิงรับประทานอาหารกลางวันกับสวินเส้าคังเสร็จ ทั้งกลุ่มก็ออกไปจากห้องส่วนตัวคาดไม่ถึงว่าทันทีที่นางออกมาจากประตูห้องส่วนตัว ก็เห็นเฉิงชงออกมาจากห้องส่วนตัวด้านข้างเช่นกันแม้อวิ๋นฝูหลิงจะเคยพบเฉิงชงเพียงไม่กี่ครา แต่นางซึ่งมีความจำดียิ่ง ก็แทบจะจำเฉิงชงได้ในทันทีเห็นเฉิงชงรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว อวิ๋นฝูหลิงก็มิได้ตามไปทักทายเช่นกันกล่าวกันตามตรงระหว่างพวกเขาทั้งสองคนก็มิได้สนิทสนมกันมากนัก ก่อนหน้านี้ยามที่ฮ่องเต้จิ่งผิงประชวร พวกเขาก็รักษาฮ่องเต้จิ่งผิงอยู่ที่ตำหนักจื่อเฉิน จึงเคยรวมกลุ่มกันอยู่บ้างอวิ๋นฝูหลิงคิดว่าอาหารร้านนี้ไม่เลวเลย เฉิงชงก็อาจจะมากินอาหารและรวมตัวกับสหายเช่นกันดังนั้นนางจึงไม่ได้ใส่ใจสถานการณ์นี้มากนักจนกระทั่งนางเห็นอวิ๋นกานซงเดินตามไป โดยท

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 352

    ตัวตนที่นางปรารถนามากที่สุด และอยากให้เป็นที่รู้จักมากที่สุด ก็คือตัวตนในฐานะหมออวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าให้หลิงโหยว มิได้รบกวนการตรวจคนไข้ที่โถงด้านหน้า และพาหลิงโหยวไปที่ด้านหลังโรงหมออวิ๋นฝูหลิงถามไถ่สถานการณ์ในช่วงนี้ของสำนักช่วยชีพ และได้รู้ว่าสำนักช่วยชีพดำเนินกิจการไปได้ปกติ จึงรู้สึกวางใจ“คุณหนูใหญ่ เมื่อสองวันก่อนได้มีการจัดพิธีสรงสามของหลานชายคนโตที่จวนชิงเหอปั๋ว ฮูหยินผู้เฒ่าของจวนชิงเหอปั๋วเฝ้ารอหลานชายคนนี้มานานมากแล้ว เพราะมีความสุขมากเกินไป จึงเกิดอาการหัวใจวายอย่างกะทันหันในงานเลี้ยง”“โชคดีที่ครอบครัวพวกเขาเตรียมยาบำรุงหัวใจของสำนักช่วยชีพของพวกเราเอาไว้ล่วงหน้า หลังจากฮูหยินผู้เฒ่ากินยาก็ได้สติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว”“จวนชิงเหอปั๋วไม่วางใจ จึงเชิญหมอหลวงมาดูอาการเป็นพิเศษ”“เมื่อหมอหลวงผู้นั้นรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่ากินยาบำรุงหัวใจของพวกเราจึงได้สติ ก็ขอยาเม็ดหนึ่งจากจวนชิงเหอปั๋ว”“หลังจากตรวจสอบแล้วก็บอกว่าโชคดีมากที่มียาบำรุงหัวใจเม็ดนั้น ไม่เช่นนั้นชีวิตของฮูหยินผู้เฒ่าคงตกอยู่ในอันตรายไปแล้ว”“หลังจากข่าวนี้แพร่ออกไป ยาลูกกลอนของสำนักช่วยชีพของพวกเรา ก็เป็นที่นิยมขึ้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 353

    หลิงโหยวส่ายศีรษะ “มิได้บอกขอรับ อีกฝ่ายได้ยินว่าท่านไม่อยู่ ก็บอกว่าพรุ่งนี้จะมาอีกครา”“ข้าบอกกฎเกณฑ์การให้ท่านตรวจอาการกับอีกฝ่ายไปแล้วเช่นกัน และบอกว่าอีกสองวันคุณหนูใหญ่จะมาตรวจคนไข้ที่สำนักช่วยชีพ คนผู้นั้นก็มิได้พูดอันใด ก่อนจะกลับไปเช่นนั้นขอรับ”อวิ๋นฝูหลิงคิดว่าหากอีกฝ่ายอยากมาให้นางตรวจอาการ ย่อมต้องมาหาที่สำนักอีกคราเป็นแน่หลังออกจากสำนักช่วยชีพ เดิมทีอวิ๋นฝูหลิงคิดจะกลับไปที่จวนอี้อ๋องทันทีทว่ายามที่ผ่านจวนจี้ชุนโหวระหว่างทาง อวิ๋นฝูหลิงก็บอกให้หยุดรถม้าอย่างกะทันหันหลังจากอวิ๋นฝูหลิงนำจวนจี้ชุนโหวกลับมาได้แล้ว ไม่เพียงแต่ขับไล่คนของครอบครัวอวิ๋นกานซงออกไป แม้แต่คนใช้ในจวนก็ถูกนางไล่ออกไปจนหมดยามนี้ในจวนมีเพียงสามีภรรยาสูงอายุคู่หนึ่งกับหลิงโหยวคอยดูแลทำความสะอาดหลังจากอวิ๋นฝูหลิงกลับมาที่เมืองหลวง ก็อยู่ที่จวนอี้อ๋องมาโดยตลอด ดังนั้นจวนจี้ชุนโหวแสนกว้างขวางแห่งนี้ จึงถูกทิ้งให้ว่างเปล่าเดิมทีอวิ๋นฝูหลิงยังกังวลเรื่องโรงปรุงยา ทันใดนั้นก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา คิดว่าการตั้งโรงปรุงยาที่จวนจี้ชุนโหวก็ไม่เลวนางเดินชมจวนจี้ชุนโหวรอบหนึ่ง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 354

    เทียบเชิญในนามของฮูหยินแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน ถูกส่งมาถึงอวิ๋นฝูหลิงฮูหยินแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินอยากมาเยี่ยมเยือนที่จวน เพื่อพบหน้าอวิ๋นฝูหลิงสักคราอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงสิ่งที่หลิงโหยวบอกก่อนหน้านี้ คนของจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินเคยไปขอรับการรักษาที่สำนักช่วยชีพ แต่กลับไม่พบนางนี่คือเทียบเชิญใบหนึ่งที่ส่งมายังจวนอี้อ๋องอีกครั้งดูท่าจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินแห่งนี้จะอยากให้นางไปทำการรักษามากทีเดียวรอจนเซียวจิ่งอี้กลับมาตอนเย็น อวิ๋นฝูหลิงก็พูดเรื่องนี้กับเขาหลังจากเซียวจิ่งอี้ได้ยิน ก็กล่าวว่า “สกุลฉู่แห่งจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินปกป้องชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือมาหลายชั่วอายุคน เพื่อรักษาความสงบของชายแดน มีชายชาตรีจำนวนนับไม่ถ้วนเสียชีวิตในสนามรบ”เมื่อพูดถึงสกุลฉู่ คำพูดของเซียวจิ่งอี้ก็เต็มไปด้วยความเคารพ“แม่ทัพฉู่กำลังปกป้องชายแดน ยามนี้ที่เมืองหลวงมีเพียงฮูหยินฉู่และแม่ทัพน้อยฉู่กับภรรยาเท่านั้น”“สกุลฉู่มีความภักดีต่อฮ่องเต้ และไม่เคยพัวพันกับความขัดแย้งของราชสำนัก”“ข้ากับสกุลฉู่ไม่เคยไปมาหาสู่กันมาก่อน สกุลฉู่ส่งเทียบเชิญมาครานี้ คงเพียงเพราะอยากให้เจ้าไปทำการรักษาเท่านั้น”แม้อ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 355

    ชายหนุ่มสีหน้าเย็นชาถือดาบไว้ ขณะปล่อยจิตสังหารออกมาจากร่าง“ช่วยไม่ได้ก็ต้องช่วย!”ชายหนุ่มกล่าว ก่อนจะเงยหน้ามองหมอที่ยืนอยู่เต็มลาน “ยังมีพวกเจ้าด้วย หากผู้ใดสามารถช่วยภรรยาของข้า ปกป้องให้ปลอดภัยทั้งแม่และลูก สกุลฉู่ของข้าจะตอบแทนให้อย่างงาม!”“แต่วันนี้หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับภรรยาของข้า พวกเจ้าไม่ว่าใครก็อย่าคิดจะได้เดินออกไปจากที่นี่!”ยามนี้อวิ๋นฝูหลิงคาดเดาได้แล้วว่า ชายหนุ่มที่ถือดาบผู้นี้คือฉู่หมิงบุตรชายเพียงคนเดียวของแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินเพียงแต่แม้สกุลฉู่จะมีอำนาจมากล้น แต่ก็มักจะเก็บตัวเสมอ และไม่ทำตัวโดดเด่นมากนักคิดไม่ถึงว่าวันนี้ฉู่หมิงจะเสียสติถึงเพียงนี้ไม่เพียงแต่ลักพาตัวหมอจากเมืองหลวงมาหลายคน ทว่ายังพูดจาวางอำนาจอย่างไร้เหตุผลอวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้ว และกล่าวเสียงดัง “ในฐานะหมอ ข้าคิดว่าหมอทุกท่านที่นี่ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ป่วยย่อมพยายามอย่างเต็มที่ รักษาโรคภัยโดยไม่คิดปิดบังสิ่งใด”“พวกเขาบอกว่าไม่อาจช่วยได้ เพราะขีดจำกัดของทักษะแพทย์ ต่อให้ท่านฆ่าพวกเขา พวกเขาก็ช่วยไม่ได้!”หมอในลานผ่านการถูกข่มขู่มาหลายคราเพียงแต่เพราะอำนาจของจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 356

    ภายในห้อง ทันทีที่อวิ๋นฝูหลิงเข้ามา ก็เห็นหญิงสาวท้องนูนผู้หนึ่งนอนอยู่บนเตียง ขณะที่ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นฮูหยินฉู่เข้ามา หญิงสาวผู้นั้นก็ยื่นมือมาทางฮูหยินฉู่โดยพลัน “ท่านแม้ ปกป้องเด็กไว้ จะต้องปกป้องลูกของข้ากับพี่หมิงเอาไว้ให้ได้นะเจ้าคะ!”ฮูหยินฉู่รีบก้าวไปด้านหน้าสองก้าว และจับมือของฮูหยินน้อยฉู่ไว้ พลางกล่าวปลอบโยนนาง “ซินเอ๋อร์ เจ้ากับลูกจะต้องไม่เป็นอันใด แม่เชิญหมอเทวดามาแล้ว...”อวิ๋นฝูหลิงยกผ้าห่มขึ้น ก็เห็นว่าระหว่างขาทั้งสองข้างของฮูหยินน้อยฉู่มีคราบเลือดอยู่หลังจากตรวจชีพจรแล้ว สีหน้าของนางก็เคร่งขรึมมากขึ้นอาการของฮูหยินน้อยฉู่ไม่สู้ดีมากจริง ๆ มิน่าเล่าหมอมากมายด้านนอกจึงไม่อาจทำอันใดได้ ต่อให้มีดาบพาดอยู่บนลำคอ ก็ยังบอกตามตรงว่ารักษาไม่ได้การตั้งครรภ์ของฮูหยินน้อยฉู่ไม่สู้ดี ทั้งยังมีอาการน้ำคร่ำแตก สิ่งที่เป็นปัญหาที่สุดคือนางตั้งครรภ์ลูกแฝดหากไม่ระวังเพียงนิดเดียว อาจทำให้สูญเสียสามชีวิตจากหนึ่งศพได้!ฮูหยินฉู่เห็นสีหน้าเคร่งขรึมของอวิ๋นฝูหลิง ทั้งยังไม่พูดอันใด หัวใจก็กระตุกวูบโดยพลันหรือแม้แต่อวิ๋นฝูหลิงก็ยังไม่มีวิธีช่วยลูกสะใภ้ของนางได้?

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 357

    ทั้งสองสกุลไปมาหาสู่กัน เมื่อเดี๋ยวไปหาเดี๋ยวมาหาเช่นนี้ อวิ๋นฝูหลิงกับโอวหยางหลันจึงคุ้นเคยกันขึ้นมาโอวหยางหลันร่ำเรียนวิชาแพทย์มาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งพรสวรรค์ยังสูงส่ง จึงย่อมมีความเย่อหยิ่งเข้ากระดูกก่อนหน้านี้ยามที่ฮ่องเต้จิ่งผิงประชวรหนัก อวิ๋นฝูหลิงใช้ทักษะอันน่าอัศจรรย์รักษาคนจนหายดี หลังจากโอวหยางหมิงกลับไปก็ชื่นชมอวิ๋นฝูหลิงเป็นอย่างมาก เมื่อโอวหยางหลันได้ยินก็ไม่พอใจนักหญิงสาววัยยี่สิบต้น ๆ แม้จะเป็นลูกหลานสกุลอวิ๋น แต่ทักษะแพทย์จะเอาชนะบิดาของตนได้อย่างไร?เพียงแต่น่าเสียดายที่ในสำนักหมอหลวงก็มีการแบ่งเป็นหลายระดับ มิใช่ว่าใครก็ล้วนมีคุณสมบัติที่จะไปเข้าเฝ้าและรักษาฮ่องเต้จิ่งผิงได้ยามนี้โอวหยางหลันได้ตรวจอาการป่วยของเหล่านางสนมในวังหลังเท่านั้น ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ดังนั้นวันนั้นที่มีการรักษาที่ตำหนักจื่อเฉิน เขาจึงไม่ได้อยู่ที่นั่น ทั้งยังไม่ได้เห็นอวิ๋นฝูหลิงแสดงทักษะการแพทย์ด้วยตาตัวเองบิดามองออกว่าเขาไม่พอใจ จึงเชิญอวิ๋นฝูหลิงมารับประทานอาหารที่จวนหลังจากนั้นก็อ้างว่าเพื่อทดสอบคนรุ่นใหม่ในสกุล จึงเสนอให้ตรวจชีพจรวินิจฉัยโรคให้ทุกคนและสั่

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 623

    เซียวจิ่งอี้ดึงจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอ้อมแขน “นี่เป็นจดหมายที่จิงมั่วเขียนมาให้เจ้า เสด็จพ่อสอดมาในสาส์นของข้ากับพระราชโองการ แล้วให้จุดพักม้าส่งมาให้พร้อมกัน”ทั้งสองคุยไปพลางเดินไปพลาง ยามนี้ก็ขึ้นไปบนรถม้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วอวิ๋นฝูหลิงนั่งอยู่ภายในเก๋งรถม้า ยื่นมือออกไปรับจดหมายที่เซียวจิ่งอี้ส่งให้จดหมายทั้งใหม่และตุง ดูแล้วหนาไม่น้อยอวิ๋นฝูหลิงดึงกระดาษจดหมายออกมา แล้วก้มหน้าอ่านจิงมั่วนั้นมีสติปัญญาปราดเปรื่อง บัดนี้ตัวอักษรที่ใช้เป็นประจำส่วนใหญ่ล้วนอ่านออกและเขียนได้แล้วเพียงแต่ท้ายที่สุดแล้วเป็นเพราะว่าเขาอายุยังน้อย ข้อมือยังไม่แข็งแรงมากพอ ดังนั้นตัวหนังสือจึงเขียนออกมาได้กระยึกกระยือ ไม่งดงามทว่าในสายตาของอวิ๋นฝูหลิง กลับรู้สึกว่าเขียนได้เท่านี้ก็ยอดเยี่ยมแล้วเพราะถึงอย่างไรตอนที่นางมีอายุเท่ากับจิงมั่วในยามนี้ ก็ไม่ได้ฉลาดเฉลียวและขยันเท่านี้บุตรชายข้านี่ช่างเก่งกาจจริง ๆ !อวิ๋นฝูหลิงตั้งใจอ่านข้อความในจดหมายทีละคำทีละประโยคจนจบในจดหมาย เซียวจิงมั่วถามถึงสารทุกข์สุกดิบของอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ จากนั้นถึงเริ่มเล่าถึงชีวิตของเขาในเมืองหลวงช่วงนี้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 622

    ผู้ป่วยระดับกลางค่อนข้างลำบากกว่าผู้ป่วยอาการเบาอยู่บ้างแต่ก็ยังมีความหวังที่จะรักษาหายขาดเพียงแต่คนที่ทนต่อความทรมานได้นั้น จะว่าไปแล้วก็น้อยกว่าผู้ป่วยอาการเบามากโขด้วยอย่างไรแล้วยามที่ผู้ป่วยระดับกลางอาการอยากกำเริบ ก็อาการรุนแรงมากกว่าผู้ป่วยอาการเบาส่วนผู้ป่วยอาการรุนแรงนั้น ส่วนใหญ่ร่างกายจะพร่องไปหมดแล้วเพราะการเสพขี้ผึ้งทองเมื่อถึงขั้นนี้ก็แทบจะไม่มีคนที่อดทนต่อความทรมานที่ต้องเลิกเสพได้เลย ดังนั้นหลาย ๆ คนจึงไม่ยอมเลิกเสพ พวกเขาต้องการแค่ขี้ผึ้งทองเท่านั้นต่อให้เสพขี้ผึ้งทองแล้วต้องตาย ก็ไม่สนสำหรับคนพวกนี้ หากเปรียบเทียบกันระหว่างความตายก็ความทรมานที่ไม่อาจเสพขี้ผึ้งทองได้นั้น ความตายกลับเป็นสิ่งที่พอจะอดทนรับได้มากกว่าทว่าเพราะเสพขี้ผึ้งทองมากเกินไป ร่างกายของพวกเขาจึงกลายเป็นตะเกียงขาดน้ำมัน เหลือเวลาอีกไม่นานแล้วสิ่งที่อวิ๋นฝูหลิงทำให้คนเหล่านี้ได้ ก็มีเพียงพยายามบรรเทาความทรมานของพวกเขาให้ได้มากที่สุด เพื่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ บ้างในช่วงชีวิตที่เหลือตะวันเคลื่อนเดือนคล้อย เวลาล่วงเลยผ่านไปวันแล้ววันเล่า สถานการณ์ของเมืองจินโจวก็ค่อย ๆ ดีขึ้น

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 621

    เทียบกับเวินเจาที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเด็กทารกที่ไม่รู้เรื่องราวใด ๆ บงการง่ายกว่ามากยิ่งไปกว่านั้นคือทารกคนนี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเขาเองภายภาคหน้าหากมีวันที่ฟื้นฟูแคว้นขึ้นมาได้อีกครั้ง ความเหน็ดเหนื่อยตลอดครึ่งชีวิตของเขาจะได้มีลูกหลานสืบทอดจะได้ไม่เสียเปล่ากลายเป็นการตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่นในใจท่านจอมปราชญ์เหวินตัดสินใจเป็นที่เรียบร้อย จึงไม่ได้กระตือรือร้นที่จะช่วยชีวิตเวินเจาสักเท่าไรนักอีกแล้วเพียงแต่การให้เลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองมาแทนที่สายโลหิตของเชื้อพระวงศ์เผ่าเยว่นั้น เรื่องนี้จำเป็นต้องวางแผนให้ดี ๆ เคราะห์ดีที่การเดินทางมาจินโจวครานี้ ล้วนมีแต่คนสนิทในคนสนิทของเขาทั้งนั้นที่เดินทางติดตามมาด้วยคนที่รู้ว่าเขากับอวี้จูมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันก็มีอยู่น้อยนิดขอแค่วางแผนให้เหมาะ เรื่องนี้ต้องสำเร็จแน่!การตอบโต้ระหว่างเซียวจิ่งอี้กับโจรกบฏเผ่าเยว่ที่มีท่านจอมปราชญ์เหวินเป็นผู้นำนั้น อวิ๋นฝูหลิงไม่สนใจทั้งสิ้น นอกจากมีบางครั้งที่ถูกเซียวจิ่งอี้ตามตัวไปช่วยวาดภาพเหมือนโจรกบฏอะไรจำพวกนี้แล้ว ทั้งหัวใจของนางล้วนจดจ่ออยู่ที่เรื่องการช่วยรักษาเหล่าช

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 620

    เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 619

    ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 618

    “ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status