เทียบเชิญในนามของฮูหยินแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน ถูกส่งมาถึงอวิ๋นฝูหลิงฮูหยินแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินอยากมาเยี่ยมเยือนที่จวน เพื่อพบหน้าอวิ๋นฝูหลิงสักคราอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงสิ่งที่หลิงโหยวบอกก่อนหน้านี้ คนของจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินเคยไปขอรับการรักษาที่สำนักช่วยชีพ แต่กลับไม่พบนางนี่คือเทียบเชิญใบหนึ่งที่ส่งมายังจวนอี้อ๋องอีกครั้งดูท่าจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินแห่งนี้จะอยากให้นางไปทำการรักษามากทีเดียวรอจนเซียวจิ่งอี้กลับมาตอนเย็น อวิ๋นฝูหลิงก็พูดเรื่องนี้กับเขาหลังจากเซียวจิ่งอี้ได้ยิน ก็กล่าวว่า “สกุลฉู่แห่งจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินปกป้องชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือมาหลายชั่วอายุคน เพื่อรักษาความสงบของชายแดน มีชายชาตรีจำนวนนับไม่ถ้วนเสียชีวิตในสนามรบ”เมื่อพูดถึงสกุลฉู่ คำพูดของเซียวจิ่งอี้ก็เต็มไปด้วยความเคารพ“แม่ทัพฉู่กำลังปกป้องชายแดน ยามนี้ที่เมืองหลวงมีเพียงฮูหยินฉู่และแม่ทัพน้อยฉู่กับภรรยาเท่านั้น”“สกุลฉู่มีความภักดีต่อฮ่องเต้ และไม่เคยพัวพันกับความขัดแย้งของราชสำนัก”“ข้ากับสกุลฉู่ไม่เคยไปมาหาสู่กันมาก่อน สกุลฉู่ส่งเทียบเชิญมาครานี้ คงเพียงเพราะอยากให้เจ้าไปทำการรักษาเท่านั้น”แม้อ
ชายหนุ่มสีหน้าเย็นชาถือดาบไว้ ขณะปล่อยจิตสังหารออกมาจากร่าง“ช่วยไม่ได้ก็ต้องช่วย!”ชายหนุ่มกล่าว ก่อนจะเงยหน้ามองหมอที่ยืนอยู่เต็มลาน “ยังมีพวกเจ้าด้วย หากผู้ใดสามารถช่วยภรรยาของข้า ปกป้องให้ปลอดภัยทั้งแม่และลูก สกุลฉู่ของข้าจะตอบแทนให้อย่างงาม!”“แต่วันนี้หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับภรรยาของข้า พวกเจ้าไม่ว่าใครก็อย่าคิดจะได้เดินออกไปจากที่นี่!”ยามนี้อวิ๋นฝูหลิงคาดเดาได้แล้วว่า ชายหนุ่มที่ถือดาบผู้นี้คือฉู่หมิงบุตรชายเพียงคนเดียวของแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินเพียงแต่แม้สกุลฉู่จะมีอำนาจมากล้น แต่ก็มักจะเก็บตัวเสมอ และไม่ทำตัวโดดเด่นมากนักคิดไม่ถึงว่าวันนี้ฉู่หมิงจะเสียสติถึงเพียงนี้ไม่เพียงแต่ลักพาตัวหมอจากเมืองหลวงมาหลายคน ทว่ายังพูดจาวางอำนาจอย่างไร้เหตุผลอวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้ว และกล่าวเสียงดัง “ในฐานะหมอ ข้าคิดว่าหมอทุกท่านที่นี่ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ป่วยย่อมพยายามอย่างเต็มที่ รักษาโรคภัยโดยไม่คิดปิดบังสิ่งใด”“พวกเขาบอกว่าไม่อาจช่วยได้ เพราะขีดจำกัดของทักษะแพทย์ ต่อให้ท่านฆ่าพวกเขา พวกเขาก็ช่วยไม่ได้!”หมอในลานผ่านการถูกข่มขู่มาหลายคราเพียงแต่เพราะอำนาจของจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน
ภายในห้อง ทันทีที่อวิ๋นฝูหลิงเข้ามา ก็เห็นหญิงสาวท้องนูนผู้หนึ่งนอนอยู่บนเตียง ขณะที่ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นฮูหยินฉู่เข้ามา หญิงสาวผู้นั้นก็ยื่นมือมาทางฮูหยินฉู่โดยพลัน “ท่านแม้ ปกป้องเด็กไว้ จะต้องปกป้องลูกของข้ากับพี่หมิงเอาไว้ให้ได้นะเจ้าคะ!”ฮูหยินฉู่รีบก้าวไปด้านหน้าสองก้าว และจับมือของฮูหยินน้อยฉู่ไว้ พลางกล่าวปลอบโยนนาง “ซินเอ๋อร์ เจ้ากับลูกจะต้องไม่เป็นอันใด แม่เชิญหมอเทวดามาแล้ว...”อวิ๋นฝูหลิงยกผ้าห่มขึ้น ก็เห็นว่าระหว่างขาทั้งสองข้างของฮูหยินน้อยฉู่มีคราบเลือดอยู่หลังจากตรวจชีพจรแล้ว สีหน้าของนางก็เคร่งขรึมมากขึ้นอาการของฮูหยินน้อยฉู่ไม่สู้ดีมากจริง ๆ มิน่าเล่าหมอมากมายด้านนอกจึงไม่อาจทำอันใดได้ ต่อให้มีดาบพาดอยู่บนลำคอ ก็ยังบอกตามตรงว่ารักษาไม่ได้การตั้งครรภ์ของฮูหยินน้อยฉู่ไม่สู้ดี ทั้งยังมีอาการน้ำคร่ำแตก สิ่งที่เป็นปัญหาที่สุดคือนางตั้งครรภ์ลูกแฝดหากไม่ระวังเพียงนิดเดียว อาจทำให้สูญเสียสามชีวิตจากหนึ่งศพได้!ฮูหยินฉู่เห็นสีหน้าเคร่งขรึมของอวิ๋นฝูหลิง ทั้งยังไม่พูดอันใด หัวใจก็กระตุกวูบโดยพลันหรือแม้แต่อวิ๋นฝูหลิงก็ยังไม่มีวิธีช่วยลูกสะใภ้ของนางได้?
ทั้งสองสกุลไปมาหาสู่กัน เมื่อเดี๋ยวไปหาเดี๋ยวมาหาเช่นนี้ อวิ๋นฝูหลิงกับโอวหยางหลันจึงคุ้นเคยกันขึ้นมาโอวหยางหลันร่ำเรียนวิชาแพทย์มาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งพรสวรรค์ยังสูงส่ง จึงย่อมมีความเย่อหยิ่งเข้ากระดูกก่อนหน้านี้ยามที่ฮ่องเต้จิ่งผิงประชวรหนัก อวิ๋นฝูหลิงใช้ทักษะอันน่าอัศจรรย์รักษาคนจนหายดี หลังจากโอวหยางหมิงกลับไปก็ชื่นชมอวิ๋นฝูหลิงเป็นอย่างมาก เมื่อโอวหยางหลันได้ยินก็ไม่พอใจนักหญิงสาววัยยี่สิบต้น ๆ แม้จะเป็นลูกหลานสกุลอวิ๋น แต่ทักษะแพทย์จะเอาชนะบิดาของตนได้อย่างไร?เพียงแต่น่าเสียดายที่ในสำนักหมอหลวงก็มีการแบ่งเป็นหลายระดับ มิใช่ว่าใครก็ล้วนมีคุณสมบัติที่จะไปเข้าเฝ้าและรักษาฮ่องเต้จิ่งผิงได้ยามนี้โอวหยางหลันได้ตรวจอาการป่วยของเหล่านางสนมในวังหลังเท่านั้น ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ดังนั้นวันนั้นที่มีการรักษาที่ตำหนักจื่อเฉิน เขาจึงไม่ได้อยู่ที่นั่น ทั้งยังไม่ได้เห็นอวิ๋นฝูหลิงแสดงทักษะการแพทย์ด้วยตาตัวเองบิดามองออกว่าเขาไม่พอใจ จึงเชิญอวิ๋นฝูหลิงมารับประทานอาหารที่จวนหลังจากนั้นก็อ้างว่าเพื่อทดสอบคนรุ่นใหม่ในสกุล จึงเสนอให้ตรวจชีพจรวินิจฉัยโรคให้ทุกคนและสั่
เนื่องจากฮูหยินน้อยฉู่ยังฝังเข็มอยู่ ดังนั้นจึงทำได้เพียงยื่นมือออกมานอกม่านเตียง ให้โอวหยางหลันตรวจชีพจรผ่านม่านของเตียงอวิ๋นฝูหลิงบอกอาการชีพจรฮูหยินน้อยฉู่ก่อนหน้านี้ ขณะที่ตัวเองฝังเข็มไปด้วยโอวหยางหลันได้ยินก็พยักหน้าซ้ำ ๆทักษะการฝังเข็มของอวิ๋นฝูหลิงล้ำเลิศ ต่อให้เขาฝังเข็มเอง ก็เกรงว่าคงเทียบไม่ได้เพียงแต่แม้ว่าทารกในครรภ์ของฮูหยินน้อยฉู่จะได้รับการฝังเข็มเพื่อคงสภาพไว้ชั่วคราว แต่ชีพจรของนางก็ยังคงไม่สู้ดีนักโอวหยางหลันกับอวิ๋นฝูหลิงสบตากัน ทั้งสองคนมิได้บอกความจริงต่อหน้าคนไข้ แต่อ้างว่าจะไปหารือเรื่องการจ่ายยาด้วยกัน จึงเดินออกไปด้านนอกก่อนออกไป อวิ๋นฝูหลิงก็ถอนเข็มออกจากร่างของฮูหยินน้อยฉู่แล้ว ทั้งยังทำให้อาการของนางสงบลงชั่วครู่เมื่อวิ๋นฝูหลิงเข้ามาที่ห้องด้านข้าง ฮูหยินฉู่ ฉู่หมิงและโอวหยางหลันก็มารออยู่แล้วอวิ๋นฝูหลิงสบตากับโอวหยางหลัน “ท่านลุงห้า ท่านจะพูดหรือจะให้ข้าพูด?”โอวหยางหลันโบกมือ และกล่าวว่า “เจ้าพูดเถอะ”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า มองไปทางฮูหยินฉู่กับฉู่หมิง และกล่าวตามตรง “ฮูหยินฉู่ แม่ทัพน้อยฉู่ อาการของฮูหยินน้อยฉู่แย่มาก”“แม้ข้าจะฝังเข็มรักษาส
ฮูหยินฉู่กับฉู่หมิงได้ยินอวิ๋นฝูหลิงบอกว่ามีวิธี ก็มองมาอย่างมีความหวังด้วยความพร้อมเพรียง และถามพร้อมกันว่า “วิธีอันใด?”อวิ๋นฝูหลิงมองทั้งสองคน ก่อนจะเงียบไปครู่หนึ่ง และพ่นออกมาสี่พยางค์ “ผ่าท้องคลอดเด็ก”สีหน้าของฮูหยินฉู่กับฉู่หมิงเปลี่ยนไปพร้อมกันร่างของฮูหยินฉู่โซเซ ล้มกลับไปนั่งบนเก้าอี้สีหน้าของฉู่หมิงเคร่งขรึม ในดวงตาทั้งสองข้างราวกับจะพ่นไฟออกมา “พระชายา ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านพูดอันใดอยู่?”“ท่านเป็นหมอเทวดา ไม่บอกว่าจะช่วยภรรยาข้า และยังกล้าหมายเอาชีวิตภรรยาข้าไปอีก!”“ท่านเป็นหมอเทวดาแบบใดกัน?”“ผ่าท้องคลอดเด็กหรือ? ภรรยาช้ายังมีลมหายใจอยู่ ท่านกลับคิดจะผ่าท้อง...”ฉู่หมิงต่อว่าเสียงดัง หากมิใช่เพราะอวิ๋นฝูหลิงมีฐานะเป็นพระชายาอี้อ๋อง เกรงว่าเขาคงทุบตีนางไปแล้วโอวหยางหลันขมวดคิ้วแน่น รีบเดินมาข้างอวิ๋นฝูหลิง และกระซิบว่า “ฝูหลิง วิธีนี้ของเจ้าทำไม่ได้แน่นอน”“ไม่ต้องพูดถึงว่าจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินกุมอำนาจทางการทหารส่วนหนึ่งเอาไว้ ซึ่งมีอำนาจล้นฟ้า ฮูหยินน้อยฉู่เองก็มีพื้นเพมาจากจวนจวิ้นอ๋อง”“ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวสามี หรือครอบครัวเดิมของนาง ก็ไม่อาจไปยั่วยุได้
หมอตำแยที่เชิญมามีชื่อเสียงในเมืองหลวงคาดไม่ถึงว่าหลังจากหมอตำแยดูอาการของฮูหยินน้อยฉู่แล้ว จะบอกว่าอาการไม่สู้ดี เกรงว่าคงให้กำเนิดทารกออกมาไม่ได้หลังจากรายงานตามความจริง หมอตำแยก็คืนเงินมัดจำทันที และปฏิเสธที่จะรับงานนี้คราแรกสกุลฉู่ไม่เชื่อ จึงไปหาหมอตำแยคนอื่น ถึงขั้นเชิญหมอมาด้วยหลังจากมาตรวจอาการ ทุกคนก็ต่างบอกว่าอาการไม่สู้ดีวันนี้ฮูหยินน้อยฉู่ยังบังเอิญได้ยินสาวใช้ในจวน พูดว่านางไม่อาจให้กำเนิดลูกได้นี่จึงทำให้น้ำคร่ำของนางแตกสาวใช้ขี้นินทาผู้นั้นเป็นธรรมดาที่จะถูกฮูหยินฉู่จัดการแต่หมอทุกคนที่เชิญมาต่างก็ส่ายศีรษะ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าบอกว่าสามารถปกป้องทั้งแม่และลูกให้ปลอดภัยได้อวิ๋นฝูหลิงเป็นคนแรก ทั้งยังเป็นเพียงคนเดียวที่บอกว่ามีวิธีแม้ฮูหยินฉู่จะถูกคำว่า ‘ผ่าท้องคลอดเด็ก’ สี่พยางค์นี้ทำให้ตกใจ แต่ก็ยังสงบสติอารมณ์ลงได้ และกล่าวยืนยันกับอวิ๋นฝูหลิง“พระชายา การผ่าตัดคลอดเด็กที่ท่านพูดถึง ไม่เพียงแต่รักษาชีวิตเด็กไว้ได้ แต่ยังรักษาชีวิตผู้ใหญ่ไว้ได้ด้วยหรือ?”เห็นอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า นางก็ถามอีกครา “มีโอกาสพลาดหรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิงเม้มปาก “ทุกครั้งที
ฮูหยินฉู่หวาดหวั่นใจ จนคิดไม่ตกไม่ชั่วขณะแม้อวิ๋นฝูหลิงจะบอกว่าสามารถผ่าเปิดหน้าท้องเพื่อเอาเด็กออก แล้วรักษาชีวิตของมารดากับบุตรไว้ได้ ทว่ามีความมั่นใจเพียงห้าส่วนเท่านั้นนางไม่กล้าเสี่ยงยิ่งไปกว่านั้นเรื่องใหญ่เช่นนี้ มิใช่เรื่องที่นางจะตัดสินใจได้เพียงคนเดียวอวิ๋นฝูหลิงเข้าใจดีว่าผ่าท้องเอาเด็กออกนั้นมิใช่เรื่องเล็ก ๆ สกุลฉู่ย่อมต้องการเวลาเพื่อใคร่ครวญและตัดสินใจนางจึงเขียนเทียบยาแผ่นหนึ่งไว้ให้กินยาตามเทียบยานี้ ยังพอทำให้ฮูหยินฉู่ไม่ต้องกังวลใจไปได้สองวันหลังจากส่งตัวอวิ๋นฝูหลิง ฉู่หมิงจึงปล่อยตัวเหล่าท่านหมอที่ก่อนหน้านี้บ้างก็เชิญมา บ้างก็จับตัวมากลับไปเช่นกันกระทั่งย้อนกลับเข้ามาจึงเห็นฮูหยินฉู่นั่งซึมกะทือไร้สติอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางราวกับถูกดึงวิญญาณออกไปอย่างไรอย่างนั้น ดูเฒ่าชราลงไปมากในชั่วพริบตาเดียวฉู่หมิงก้าวเข้าไปหา “ท่านแม่ มันจะต้องมีสักทางแน่!”“พระชายาอี้อ๋องนั่นต้องกำลังพูดขู่อยู่แน่ ๆ ผ่าเปิดหน้าท้องเอาเด็กออกอะไรกัน แบบนั้นมิใช่ว่าเป็นการคร่าชีวิตของซินเอ๋อร์ไปหรอกหรือ?”“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าทั่วทั้งแคว้นต้าฉีจะหาท่านหมอที่เก่งกาจวิชาแพทย์กว่านา
องครักษ์ของจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินไม่ธรรมดา แต่ละคนล้วนเป็นผู้กล้าที่เคยผ่านสนามรบและเคยเห็นเลือดมาก่อนถ้าหากมีคนกล้าบุกเข้าไป องครักษ์เหล่านี้ล้วนไม่ได้มีไว้ประดับ!แม้ฮูหยินฉู่รำคาญคนเหล่านี้ แต่ก็มีแผนรับมือในใจแล้วหลังจากนางพบว่าวันนี้มีผู้คนจำนวนมากมาที่จวน จึงเตรียมการทันทีมีองครักษ์ของจวนอยู่ที่นี่ วันนี้อย่าว่าแต่ห้องคลอดเลย ต่อให้เป็นลานเรือนของห้องคลอด ก็ไม่มีใครสามารถบุกเข้าไปได้เมื่อเหล่าฮูหยินที่อยู่ในลานเห็นดังนี้ ก็รู้ว่าวันนี้พวกนางไม่สามารถไปดูอวิ๋นฝูหลิงผ่าท้องทำคลอดที่ห้องคลอดแล้วด้วยเหตุนี้ทุกคนทำได้เพียงนั่งลงดื่มน้ำชาอย่างไม่พอใจเพราะการจากไปตอนนี้เลยมันไม่เหมาะสมต่อให้จะไป ก็ต้องไม่ใช่ตอนนี้ระหว่างทางที่ไปห้องคลอด อวิ๋นฝูหลิงถามฮูหยินฉู่ว่าพวกโอวหยางหมิงมาหรือยังโอวหยางหมิงและคนอื่นมากันแล้ว แต่ว่าฮูหยินฉู่พาพวกเขาไปยังอีกสถานที่หนึ่งอวิ๋นฝูหลิงได้ยินว่าพวกโอวหยางหมิงมากันแล้ว ก็เปลี่ยนใจทันที “ไปหาพวกเจ้าสำนักโอวหยางก่อน”เมื่อฮูหยินฉู่ได้ยิน ก็รีบพาอวิ๋นฝูหลิงไปยังห้องรับแขกที่ต้อนรับพวกโอวหยางหมิงทันทีภายในห้องรับแขก บรรยากาศกำลังครึกคร
จ้าวเสวียซือจงใจลดเสียงให้เบาลง และยังยื่นศีรษะเข้าไปทางหน้าต่างรถเซียวจิ่งอี้มองเขาอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง“ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร”“หดหัวของเจ้ากลับไป!”จ้าวเสวียซือหดศีรษะกลับไปอย่างอับอายพริบตาต่อมา เซียวจิ่งอี้ปิดหน้าต่างรถทันทีจ้าวเสวียซือรู้สึกถึงการเหยียดหยามของเซียวจิ่งอี้ โมโหจนแทบช้ำในเขาก็แค่รู้ตัวช้าไปหน่อย ไม่ทันสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติ!หลังจากมาถึงจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน อวิ๋นฝูหลิงก็เข้าใจในสิ่งที่จ้าวเสวียซือพูดแล้ว เกือบครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงล้วนรู้เรื่องคร่าวๆ แล้วจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินในวันนี้คึกคักมาก แขกเหรื่อเต็มไปหมดมีคนไม่น้อยที่อาศัยข้ออ้างมาเยี่ยมฮูหยินน้อยฉู่ เพื่อมาดูอวิ๋นฝูหลิงผ่าท้องทำคลอดฮูหยินฉู่รู้เจตนาการมาเยือนของคนเหล่านี้ แต่ก็ไม่สามารถไล่คนตรงๆ ได้ทำได้เพียงรับหน้าไปพลาง หาวิธีส่งแขกไปพลางทว่าฮูหยินฉู่ยังคิดวิธีไม่ออก อวิ๋นฝูหลิงก็มาถึงแล้วเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นผู้คนที่อยู่เต็มลาน ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้และผู้คนที่มารุมสอบถามเรื่องการผ่าท้องทำคลอดกับฮูหยินฉู่ในตอนแรก เพิ่งเห็นอวิ๋นฝูหลิงมา ก็กรูกันเข้าไปหานางทันทีแต่หลัง
หากนางต้องการคน ขอแค่นางบอกมา เกรงว่ากระทั่งหมอหลวงในสำนักหมอหลวงก็คงมีคนมากมายที่ยินยอมช่วยเหลือจำเป็นต้องมาถึงสกุลหางเชียวหรือ?การกระทำเช่นนี้ของอวิ๋นฝูหลิงนั้นถือว่านึกถึงบุญคุณที่สกุลหางได้ช่วยเหลือไว้ก่อนหน้านี้ จึงมามอบน้ำใจให้ถึงสกุลหาง!หลังจากที่นายท่านหางเข้าใจจุดสำคัญของเรื่องนี้ ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านอยู่ในหัวใจวันนี้ข่าวที่อวิ๋นฝูหลิงจะผ่าท้องเอาเด็กออกให้ฮูหยินน้อยฉู่นั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ในเมืองหลวงจึงมีเรื่องใหม่ให้ได้พูดคุยถกกันอย่างบ้าคลั่งบางคนตื่นตระหนกตกใจ บางคนก็สงสัยใคร่รู้และมีบางคนคิดจะฉวยโอกาสนี้ แอบปลุกปั่นสร้างเรื่องวันต่อมาอวิ๋นฝูหลิงหลับสนิทตลอดทั้งคืน เตรียมตัวไปจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่าเดิมทีวันนี้เซียวจิ่งอี้จะต้องไปตรวจตราค่ายใหญ่แถบชานเมืองหลวงทว่าพอเขานึกว่าวันนี้อวิ๋นฝูหลิงจะต้องผ่าท้องเอาเด็กออกให้ฮูหยินน้อยฉู่แล้ว เลยวางใจไม่ลงจริง ๆถึงอย่างไรการผ่าตัดครั้งนี้ก็นับว่าเป็นการผ่าท้องเอาเด็กออกในขณะที่คนยังมีชีวิตอยู่เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ ไม่ว่าจะเป็นสกุลฉู่ก็ดี
กระทั่งยามที่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ได้สติ อวิ๋นฝูหลิงก็โยนแส้ใส่อ้อมแขนของนางแล้ว“เอาละ พวกเราสองคนหายกันแล้วนะ”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ถึงกับนิ่งอึ้งยามที่นาได้สติ ตัวอวิ๋นฝูหลิงก็เดินจากไปไกลแล้วฉยงอวี้จวิ้นจู่กำแส้ขี่ม้าในมือแน่น พร้อมกับคิ้วที่กระตุกเล็กน้อยอวิ๋นฝูหลิงผู้นี้ไม่เหมือนกับที่นางคิดเลยสักนิดนิสัยไม่เหมือนใครดี!หลังจากที่อวิ๋นฝูหลิงออกจากจวนแม้ทัพพิทักษ์แผ่นดิน ก็ไปยังเรือนในเมืองหลวงของสกุลหางนายท่านผู้เฒ่าหางดีใจยิ่งนักที่เห็นนางมา“ฝูหลิง ทำไมวันนี้ถึงได้มีเวลามาได้เล่า?”อวิ๋นฝูหลิงก้าวไปคารวะ แล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “แน่นอนว่าเป็นเพราะคิดถึงท่านปู่หาง เลยมาเยี่ยมหาอย่าไรเล่าเจ้าคะ”นางเขย่าห่อกระดาษในมือเล็กน้อย “รู้ว่าท่านชอบกินขนมลี่จื่อของโจวจี้ จึงตั้งใจเอามาแสดงความกตัญญูกับท่านปู่เจ้าค่ะ!”รอยยิ้มบนใบหน้าของนายท่านผู้เฒ่าหางยิ่งกว้างกว่าเดิมรีบให้บ่าวไพร่นำขนมลี่จื่อที่อวิ๋นฝูหลิงนำมาไปวางใส่จานมา เขาจะไว้กินแกล้มกับชาปู่หลานพูดคุยกันได้สักพัก อวิ๋นฝูหลิงจึงพูดเรื่องจริงจังขึ้นมา“ท่านปู่หาง ตอนนี้ข้ามีคนไข้อยู่ในมือ นางตั้งครรภ์แฝด หากจะคลอดอย่างธรรมดา
ลูกเติบโตอยู่ในท้องของนางทุกวัน ๆ ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว ล้วนนำมาซึ่งความปีติยินดีที่ยากจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้นางไม่อาจทอดทิ้งลูกในท้องได้จริง ๆหลังได้รู้จักกับวิธีการผ่าท้องเอาเด็กออกของอวิ๋นฝูหลิง ฮูหยินน้อยฉู่ก็ตัดสินใจได้เฉียบขาดเสียยิ่งกว่าผู้ใดเหล่าหมอที่รายล้อมอยู่ข้าง ๆ ล้วนอับจนหนทาง มิสู้ให้อวิ๋นฝูหลิงได้ลองทำมิดีกว่าหรือหากรักษาพวกนางสามแม่ลูกไว้ได้จะเป็นการดีที่สุดหากทำไม่ได้ เช่นนั้นก็เอาชีวิตของนางไปแทนลูก ๆ เถิดแม้นาจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ทว่ายามที่เหตุการณ์ดำเนินมาถึงตรงหน้า นางก็ยังคงตื่นเต้นอยู่ดีโชคดีที่อวิ๋นฝูหลิงพูดจานุ่มนวล ทำให้นางคลายความตื่นตระหนกในใจไปได้มากหลังจากอวิ๋นฝูหลิงจับชีพจรให้ฮูหยินน้อยฉู่แล้ว จึงกำชับนางว่านับตั้งแต่ตอนนี้ห้ามกินอะไรเข้าไป มิเช่นนั้นจะกระทบต่อการผ่าตัด เป็นอันตรายถึงชีวิตฮูหยินน้อยฉู่ได้ยินน้ำเสียงแสนจริงจังของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว รีบแสดงท่าทีว่านางเชื่อฟังคำพูดของอวิ๋นฝูหลิงไม่มีบิดพลิ้ว ไม่กินอะไรลงท้องแน่นอนอวิ๋นฝูหลิงเห็นเช่นนั้น ก็พอใจมากนางชอบผู้ป่วยที่เชื่อฟังคำสั่งของหมอเป็นที่สุดหลังอวิ๋นฝูหลิงกำชับสิ่งท
โอวหยางหมิงไม่ทันตั้งตัวกับคำขอของอวิ๋นฝูหลิงเอาเสียเลยนี่เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ที่ทำการผ่าท้องเอาเด็กออก ในขณะที่มารดาที่ตั้งครรภ์ยังมีชีวิตอยู่หากเป็นอย่างที่อวิ๋นฝูหลิงพูดจริง ๆ ที่ว่าหลังผ่าตัดแล้ว ทั้งมารดาและบุตรล้วนมีชีวิตอยู่ต่อได้โดยปลอดภัยละก็ พอจะจินตนาการออกเลยว่าจะก่อความตื่นตะลึงมากมายมหาศาลเลยทีเดียววีรกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ จะต้องถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ ถึงขั้นในตำราประวัติศาสตร์ก็อาจจะเป็นได้ว่าจะบันทึกเอาไว้อย่างโดดเด่นอีกด้วยฉากที่ได้เป็นประจักษ์พยานเช่นนี้ โอวหยางหมิงย่อมหวังว่าตัวเขาเองจะอยู่ในเหตุการณ์ด้วยหลังจากโอวหยางหมิงตอบรับคำร้องขอของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว ก็เอ่ยถามอีกครั้งว่า “ฝูหลิง เจ้าต้องการผู้ช่วยสักกี่คน จะให้ปู่เรียกคนในสำนักแพทย์หลวงมาให้เจ้าสักหลาย ๆ คนหน่อยหรือไม่?”โอวหยางหมิงมั่นใจ ขอแค่เขาเรียกตัว เหล่าหมอหลวงในสำนักแพทย์หลวงจำนวนไม่น้อยจะต้องให้ความสนใจกับการผ่าคลอดครั้งนี้ ทั้งยังเต็มใจมาช่วยอีกด้วยอวิ๋นฝูหลิงส่ายหน้าพลางกล่าว “เรื่องท่านหมอนั้นข้ามีตัวเลือกอยู่ในใจแล้ว ไม่ต้องการใครอีกเจ้าค่ะ”“แต่ได้ยินว่าในสำนักแพทย์หลว
ยามนี้ ผู้เฝ้าประตูเดินเข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋อง พระชายา แม่ทัพน้อยฉู่จากจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินมาขอรับ”“บอกว่าต้องการเชิญพระชายาให้ไปตรวจอาการอีกครั้งขอรับ!”อวิ๋นฝูหลิงวางชามโจ๊กในมือลง ฉวยผ้าเช็ดปากมาซับปากเล็กน้อย“เชิญให้ท่านแม่ทัพน้อยฉู่รอที่โถงหน้าสักครู่ อีกประเดี๋ยวข้าจะตามไป”เมื่อวานนี้นางมั่นใจยิ่ง ว่าท้ายที่สุดแล้วสกุลฉู่ก็จะมาหานางเนื่องจากสถานการณ์ของฮูหยินน้อยฉู่ หากเป็นการคลอดธรรมชาติ ด้วยวิชาแพทย์ในปัจจุบันนี้ของแคว้นต้าฉีนั้น แทบจะไม่มีหมอคนไหนที่สามารถรับรองความปลอดภัยของทั้งมารดาและบุตรได้เลยเดิมทีนางคิดว่าสกุลฉู่จะฝืนทนต่ออีกสองสามวัน เฝ้าหาหมอชื่อดังหลายท่านไปตรวจดูนึกไม่ถึงว่านี่เพิ่งผ่านไปเพียงวันเดียว ฉู่หมิงก็มาเชิญนางถึงหน้าประตูด้วยตนเองเสียแล้วการกระทำของสกุลฉู่ ยิ่งทำให้อวิ๋นฝูหลิงมั่นใจว่าสกุลฉู่เอนเอียงที่จะใช้วิธีผ่าท้องเอาเด็กออกที่นางเสนอแล้วเซียวจิ่งอี้ว่า “วันนี้ข้าไม่มีกิจอันใดพอดี ตามเจ้าไปได้”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า หลังกลับไปหยิบกล่องยาที่ห้องแล้ว จึงเดินไปที่โถงหน้ากับเซียวจิ่งอี้ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นว่าไม่มีใครเรียกนาง ครั้นลองคิ
อย่าว่าแต่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ถูกเซียวจิ่งอี้แย่งแส้ไปเลย นี่ยังถูกซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาขนาดนี้อีกครั้นฉยงอวี้จวิ้นจู่สบเข้ากับดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเดือดดาลคู่นั้นของเซียวจิ่งอี้ ในใจพลันหวาดหวั่นขึ้นมาแต่พอนึกถึงสาเหตุที่ตัวเองมาที่นี่ในวันนี้แล้ว จึงรู้สึกมั่นใจและหาญกล้าขึ้นมาทันที“พี่เจ็ด ท่านถามว่าข้าคิดจะทำอะไรหรือ? ข้าอยากถามอวิ๋นฝูหลิงมากกว่า ว่านางคิดจะทำอะไร?”“เจ้ายังจะกล้าต่อปากต่อคำอีก?” เซียวจิ่งอี้บันดาลโทสะ ง้างมือเหวี่ยงแส้ออกไปฉยงอวี้จวิ้นจู่หลบไปข้าง ๆ ด้วยความตกใจทันทีดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา ท่าทางน้อยอกน้อยใจเป็นที่สุดทว่าแส้ของเซียวจิ่งอี้กลับสะบัดไปถูกอากาศเท่านั้น มิได้พุ่งไปยังบริเวณที่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ยืนอยู่เมื่อครู่นี้ด้วยซ้ำ“หากเจ้ายังกล้าทำตนไม่เคารพไม่ให้เกียรติพี่สะใภ้เจ้าอยู่อีก หนหน้าแส้ในมือข้าจะไม่โดยเพียงอากาศแล้ว!” แววตาของเซียวจิ่งอี้เย็นชาเป็นอย่างยิ่งเขาไม่ยอมให้ใครหน้าไหนก็ตามมารังแกอวิ๋นฝูหลิง!ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเซียวจิ่งอี้มีโทสะเข้าแล้วจริง ๆ ถึงกับอดหดคอด้วยความหวาดกลัวไม่ได้นางชอบเล่นกับเซียวจิ่งอี้มาตั้งแต่เด็ก เพราะว่
“วันพรุ่งไม่สู้ลองเชิญพระชายาอี้อ๋องมาอีกครั้ง แล้วให้อธิบายวิธีผ่าเปิดหน้าท้องเอาเด็กออกให้ละเอียดดีหรือไม่?”“หลังลองฟังดูแล้วค่อยตัดสินใจกันอีกครา?”หลังจากที่คังจวิ้นอ๋องและคนอื่น ๆ สบตากัน ทุกคนล้วนเห็นด้วยที่วันพรุ่งจะเชิญอวิ๋นฝูหลิงมาอีกครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวคังจวิ้นอ๋อง พวกเขาอยากได้ยินอวิ๋นฝูหลิงพูดเองกับหูส่วนทางอวิ๋นฝูหลิงหลังจากกลับมาถึงจวนอี้อ๋องนั้น ก็เข้ามิติไปรื้อค้นในเรือนไม้ไผ่ เพื่อตระเตรียมของสำหรับการผ่าคลอดนางมีลางสังหรณ์ ว่าสุดท้ายแล้วสกุลฉู่จะยอมให้นางทำการผ่าคลอดวันต่อมา ขณะที่อวิ๋นฝูหลิงกำลังกินข้าวเช้า ในจวนอ๋องพลันมีแขกไม่ได้รับเชิญท่านหนึ่งปรากฏตัวครั้นอวิ๋นฝูหลิงรู้ว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่เสด็จมา จึงประหลาดใจไม่น้อยนับแต่งานเลี้ยงพระราชวังเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ ทั้งคู่ก็ไม่ได้คลุกคลีอะไรกันอวิ๋นฝูหลิงสัมผัสได้ราง ๆ ว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่ดูเหมือนจะมีเจตนาร้ายต่อนาง จึงคอยอยู่ห่าง ๆ ไว้แล้วเหตุใดนางถึงได้โผล่มาถึงหน้าจวนกะทันหันแบบนี้?วันนี้เซียวจิ่งอี้มิได้มีกิจอันใดพอดี และกำลังร่วมกินข้าวเช้าอยู่กับอวิ๋นฝูหลิงครั้นทราบว่าฉยงอวี้จวิ้นจู