แชร์

บทที่ 307

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
งานเลี้ยงในวังแตกต่างกันย่อมมีกฎแตกต่างกัน แน่นอนว่าคนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงได้ย่อมไม่แตกต่างกัน

อย่างงานฉลองใหญ่วันไหว้พระจันทร์ร่วมกับประชาราษฎร์เช่นนี้ นอกจากเชื้อพระวงศ์และครอบครัวขุนนางสูงศักดิ์ที่สามารถเข้าวังมาร่วมงานเลี้ยงในวังได้แล้ว ขุนนางในเมืองหลวงที่มียศขั้นสี่ชั้นเอกขึ้นไปก็สามารถพาครอบครัวเข้ามาร่วมงานได้

อวิ๋นกานซงแม้จะเป็นเพียงหมอหลวงขั้นห้า ทว่ากลับมีชื่อของจวนจี้ชุนโหวประดับศีรษะ ดังนั้นทุกงานเลี้ยงในวัง ย่อมเห็นเงาเขาอยู่บ่อยครั้ง

งานเลี้ยงพระราชวังเทศกาลไหว้พระจันทร์ในครานี้ ทางกรมราชสำนักชั้นในได้เริ่มจัดการมานานแล้ว

ควรเชิญใครบ้างนั้น ล้วนได้ส่งเทียบเชิญออกไปนานแล้วเช่นกัน

แน่นอนว่าครอบครัวอวิ๋นกานซงย่อมได้รับเทียบเชิญไม่ต่างกัน

เพื่องานเลี้ยงในวังงานนี้แล้ว เซี่ยงซื่อกับอวิ๋นหลิงจือถึงกับซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมาโดยเฉพาะ

ใครจะรู้ว่าหลังจากที่พวกเขาหนึ่งครอบครัวมาถึงหน้าประตูวัง กลับถูกขวางกั้นไว้

ต่อให้อวิ๋นกานซงหยิบเทียบเชิญออกมาอย่างไร ก็ไม่ได้รับการปล่อยให้เข้าวัง กลับกันยังถูกองครักษ์หน้าประตูวังเยาะเย้ยถากถางเอาเสียด้วย

“เทียบเชิญนี้มอบให้จวนจี้ชุ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 308

    ถูกขับออกจากจวนจี้ชุนโหวแล้ว ยังกล้าใช้เทียบเชิญของจวนจี้ชุนโหวเพื่ออยากเข้าไปในงานเลี้ยงในวังอีก ช่างหน้าหนาเสียเหลือเกินคนธรรมดาจะมีหน้ามาทำเช่นนี้หรือ?ประเดี๋ยวก่อน ยามนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าอวิ๋นกานซงไม่ใช่สายเลือดของสกุลอวิ๋น ทั้งยังถูกขับออกจากจวนจี้ชุนโหวอีก แล้วเหตุใดอวิ๋นกานซงถึงกล้าใช้ชื่อของจวนจี้ชุนโหวเจ้าร่วมงานเลี้ยงเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ของพระราชวังอีก?หรือว่าเขายังมีคนให้อาศัยอำนาจบารมีอยู่อีก?ก่อนหน้านี้หลิงโหยวพาอวิ๋นฝูหลิงไปยืมตัวเสมียนบัญชีจากทางเซียวจิ่งอี้ และได้ตรวจนับรายการบัญชีของจวนจี้ชุนโหวเรียบร้อยแล้วแม้ว่านางจะริบของทุกอย่างในจวนโหว ขับครอบครัวอวิ๋นกานซงออกไปจากจวนโหวตัวเปล่าทว่าทรัพย์สินของจวนโหวในยามนี้ หดลงไปกว่าครึ่งจากใบรายการบัญชีในจำนวนกว่าครึ่งนั้นนอกจากคนในครอบครัวอวิ๋นกานซงจะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะถูกโยกย้ายออกไปนานแล้วหากคิดจะทวงคืนตอนนี้เห็นทีคงจะยากเสียแล้วอวิ๋นฝูหลิงทวงทรัพย์สินกลับคืนมาได้ครึ่งหนึ่งนั้น ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วส่วนที่ถูกอวิ๋นกานซงกลืนกินไปครึ่งหนึ่งนั้น แม้ว่าตอนนี้อวิ๋นฝูหลิง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 309

    เซี่ยงซื่อใบหน้าขาวซีดทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นคำพูดนี้ของฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกง หมายความว่าไม่ยอมรับการหมั้นหมายระหว่างอันอวี้หลินกับอวิ๋นหลิงจืออย่างนั้นหรือ?ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่เคยคิดเลยว่า ยามนี้ไม่ได้มีเพียงแค่คนรอบข้างที่เยาะเย้ยถากถางทำให้ครอบครัวของพวกเขาอับอายเท่านั้น กระทั่งจวนอันกั๋วกงก็ยังเหยียบย่ำพวกเขาด้วยเช่นกันอันอวี้หลินเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี เพิ่งจะอ้าปากเรียกออกไปว่า “ท่านยา” ฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงก็ถลึงตาจ้องเขา พลางตะคอกใส่อย่างรุนแรงว่า “หุบปาก!”ในใจของฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงพลันเกิดความผิดหวังหลานชายคนโตผู้นี้เป็นอนาคตของจวนอันกั๋วกง แบกความหวังของคนทั้งตระกูลไว้บนบ่า ดังนั้นจึงเข้มงวดกวดขันกับเขามาตั้งแต่เล็ก ด้วยหวังว่าเขาจะอนาคตอันสดใสนึกไม่ถึงเลยว่าเด็กคนนี้จะเลอะเลือนกับเรื่องของสตรีแล้วก็เป็นพวกเขาที่เมื่อก่อนเข้มงวดกวดขันเกินไปสักหน่อย ปีนั้นหลังจากที่จัดแจงเรื่องหมั้นหมายระหว่างอันอวี้หลินและอวิ๋นฝูหลิงกับสองสามีภรรยาจี้ชุนโหว ฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงก็เป็นกังวลว่าอันอวี้หลินจะจิตใจฟุ้งซ่าน ดังนั้นจะไม่ได้ให้อันอวี้หลินได้ใกล้ชิดกับอวิ๋นฝูหลิงน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 310

    เมื่อสภาพจิตใจเป็นเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงก็ยิ่งเห็นอวิ๋นหลิงจือขัดตายิ่งยามนี้นางเองก็คร้านที่จะพูดคุยกับพวกเขาต่ออีก จึงรีบสาวเท้าเดินไปอีกสองก้าว ทำความเคารพเซียวจิ่งอี้กับองค์ชายห้าและคนอื่น ๆ ในทันทีเมื่อทำความเคารพเป็นที่เรียบร้อย จึงคว้ามือของอวิ๋นฝูหลิงขึ้นมา พลางพูดจาอย่าสนิทสนม “เดิมทีคิดว่าเจ้าประสบเคราะห์ร้าย หลายปีมานี้ทุกครั้งที่นึกถึง ในใจของข้าก็เศร้าใจยิ่งนัก”“นึกไม่ถึงเลยว่าสวรรค์จะมีเมตรตา พวกเราถึงยังมีวันได้พบหน้ากันเช่นนี้”“เด็กดี หลายปีมานี้เจ้าต้องลำบากแล้ว!”“โชคดีที่เด็กเช่นเจ้ามีบุญาวาสนาดี วันนี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระชายาขั้นหนึ่งขั้นเอก ก็ถือเสียว่าต้นร้ายปลายดีนะ วันข้างหน้าล้วนเป็นวันชื่นคืนสุข เสพสุขได้ไม่รู้จบ”“แม้ว่าจะไร้วาสนาฉันสามีภรรยากับอวี้หลิน แต่ข้าก็เห็นเจ้าเป็นหลานสาวเสมอ บิดาเจ้าไม่อยู่แล้ว วันข้างหน้าจวนอันกั๋วกงก็เป็นบ้านของเจ้า อวี้หลินก็เป็นพี่ชายของเจ้า เจ้ามิใช่คนที่ไร้บ้านมารดาหนุนหลัง!”“ภายภาคหน้าหากไม่อันใดก็มาเที่ยวเล่นที่จวนอันกั๋วกงบ่อย ๆ มาเยี่ยมหาท่านยายคนนี้ของเจ้าบ่อย ๆ บ้าง...”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงตอนน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 311

    ในใจอวิ๋นหลิงจือรู้สึกถึงวิกฤตทันทีในอดีตนางยังสามารถอาศัยชื่อเสียงคุณหนูจวนโหว แต่ปัจจุบันนางถูกไล่ออกจากจวนจี้ชุนโหวแล้ว แม้แต่สิ่งที่พ่อของนางเคยทำก็ถูกเปิดโปง ชื่อเสียงป่นปี้ ถ้าหากไม่มีการหมั้นหมายของจวนอันกั๋วกงอีก เช่นนั้นชีวิตนี้ก็สิ้นหวังจริงๆ แล้วการหมั้นหมายของนางกับอันอวี้หลิน คือฟางเส้นสุดท้ายในการเอาตัวรอดของนางนางต้องจับให้แน่น!พลันอวิ๋นหลิงจือครุ่นคิด จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาทางอวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ได้คุยอะไรกับฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงมากนัก หลังจากถามสารทุกข์สุกดิบสองสามคำ ก็เข้าวังไปพร้อมกับเซียวจิ่งอี้แล้วเพราะฐานะองค์ชายของเซียวจิ่งอี้ เข้าวังจึงไม่ต้องเข้าแถวเหมือนคนอื่น สามารถเดินเข้าไปได้โดยตรงหลังจากทหารยามตรงประตูวังคำนับอย่างนอบน้อม ก็ปล่อยให้เซียวจิ่งอี้และคนอื่นเข้าวังแล้วองครักษ์ที่ไล่ครอบครัวอวิ๋นกานซงออกจากแถวก่อนหน้านี้ ตอนคำนับอวิ๋นฝูหลิงดูจริงจังมาก ทำให้อวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะมองเขาแวบหนึ่งรอหลังจากอวิ๋นฝูหลิงก้าวเข้าประตูวัง องครักษ์คนนั้นจึงจะเงยหน้ามองแผ่นหลังของอวิ๋นฝูหลิงปีนั้นหากไม่ใช่เพราะจี้ชุนโหวเป็นหมอที่มีความเมตตา ช่วยช

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 312

    เพียงแต่ตรงทางเดินนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง ฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงไม่สะดวกระเบิดอารมณ์ ให้คนนอกเห็นเรื่องตลก ทำได้เพียงข่มความโกรธในใจ ตั้งใจว่าหลังงานเลี้ยงพระราชวังสิ้นสุดลง ค่อยคิดบัญชีนี้นางเหลือบมองอวิ๋นหลิงจือแวบหนึ่ง กล่าวเตือนเบาๆ “ในเมื่อเจ้าเข้ามาในนามของจวนอันกั๋วกง เช่นนั้นก็ทำตัวดีหน่อย ถ้าหากกล้าก่อเรื่องอะไรในงานเลี้ยงพระราชวัง ข้าไม่ละเว้นเจ้าแน่!” อวิ๋นหลิงจือตามติดอันอวี้หลิน แสดงท่าทางที่เชื่อฟัง “ข้าทราบแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าวางใจได้เจ้าค่ะ”ฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงรู้สึกอัดอั้นมาก แต่ตอนนี้ทำได้เพียงอดกลั้น เดินตามคนนำทางไปยังตำหนักสุ่ยอวิ๋นที่เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงพระราชวังทางอวิ๋นฝูหลิงเดินไปกับสองสามีภรรยาองค์ชายห้า ก็นับว่าพูดคุยกันถูกคอนักสองสามีภรรยาองค์ชายห้ามีลูกชายหนึ่งคน อายุมากกว่าจิงมั่วหนึ่งปี ชื่อเซียวลี่เด็กทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันก็เริ่มพูดคุยกันเซียวลี่ได้ยินมานานแล้วว่าท่านอาเจ็ดเก็บเด็กคนหนึ่งกลับมาจากข้างนอก เดิมทีไม่ชอบใจอย่างยิ่ง แต่เมื่อเห็นจิงมั่วกำลังเล่นลูกบิด[1] ก็มองจนไม่สามารถละสายตาทันทีเขารู้สึกว่าของสิ่งนี้น่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 313

    ภายในและภายนอกตำหนักสุ่ยอวิ๋นเต็มไปด้วยดอกเบญจมาศ แข่งกันโดดเด่น แข่งกันเบ่งบานแขกเหรื่อที่มาถึงก่อน จับกลุ่มสนทนาชมดอกไม้ตามที่ต่างๆ ของตำหนักพระชายาองค์ชายห้าเหมือนจงใจผูกมิตรกับอวิ๋นฝูหลิง เอาแต่พานางเข้าไปในแวดวงสตรีชนชั้นสูงของต้าฉีอวิ๋นฝูหลิงไม่รู้ว่าเบื้องหลังพระชายาองค์ชายห้ามีจุดประสงค์อะไร ตอนนี้ทำได้เพียงรอดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วค่อยว่ากันมนุษยสัมพันธ์ของพระชายาองค์ชายห้าดีมาก มีนางอยู่กับอวิ๋นฝูหลิง ช่วยให้ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของอวิ๋นฝูหลิงสะดวกขึ้นมากอีกทั้งอวิ๋นฝูหลิงยังเป็นพระชายาอี้อ๋องที่ได้รับการแต่งตั้งโดยฮ่องเต้จิ่งผิง ไม่ว่าทุกคนคิดอย่างไร ภายนอกก็ยิ้มแย้มเป็นมิตรมากโอกาสเช่นนี้ ไม่มีใครกล้าเป็นนกจ่าฝูงทำให้อวิ๋นฝูหลิงอับอายต่อหน้าผู้คนหลังจากเดินวนหนึ่งรอบ อวิ๋นฝูหลิงแอบโล่งอก สถานการณ์ดีกว่าที่นางคิดไว้มากเดิมทีนางคิดว่าจะมีคนมาหาเรื่องนาง ได้คิดวิธีรับมือมากมายไว้ในหัวแล้ว คิดไม่ถึงว่าไม่ได้ใช้เลยแต่ว่างานเลี้ยงพระราชวังยังไม่เริ่ม ก่อนออกจากวัง ประมาทไม่ได้เด็ดขาดอวิ๋นฝูหลิงกำลังชมดอกเบญจมาศกับพระชายาองค์ชายหลายท่าน พลันหางตาก็เหลือบเห็นอวิ๋นหล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 314

    ด้วยเหตุนี้จึงไม่กลัวพวกนางสองคนร่วมมือกัน สมคบคิดกันในวังหลังงานเลี้ยงพระราชวังเทศกาลไหว้พระจันทร์ครั้งนี้ ก็ร่วมกันจัดโดยชุยกุ้ยเฟยกับซูกุ้ยเฟยปัญหาที่พบบ่อยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ ผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดมักจะกล่าวสุนทรพจน์ก่อนเสมออวิ๋นฝูหลิงนั่งอยู่ตรงที่นั่ง ค่อยฟังพระราชดำรัสของฮ่องเต้จิ่งผิงด้วยความเบื่อหน่ายโอกาสเช่นนี้ จะมีอะไรนอกจากประจบประแจง เจ้าชมข้าข้าชมเจ้าหลังจากฮ่องเต้จิ่งผิงกล่าวสุนทรพจน์จบ งานเลี้ยงพระราชวังเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น นางระบำทยอยเข้าสู่ตำหนักอย่างอ่อนช้อย เริ่มร่ายรำอย่างสง่างามนางกำนัลเดินขวักไขว่สวนทางในตำหนัก ยกอาหารไปวางตามบนโต๊ะต่างๆอวิ๋นฝูหลิงพลางดื่มกิน พลางชื่นชมการระบำ ครึ้มอกครึ้มใจนักขณะที่นางกำลังสนุก จู่ๆ มีนางกำนัลที่ไม่รู้จักคนหนึ่งเดินเข้ามา กล่าวรายงานเบาๆ “คำนับพระชายาอี้อ๋อง บ่าวรับคำสั่งจากอี้อ๋อง จับตาดูอวิ๋นหลิงจือเจ้าค่ะ”“อวิ๋นหลิงจือวางยาในเหล้าของซื่อจื่ออันกั๋วกง เมื่อครู่ซื่อจื่ออันกั๋วกงออกจากตำหนัก ไปยังสถานที่ใช้พักผ่อนของเหล่าฮูหยิน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 315

    อวิ๋นฝูหลิงเห็นอวิ๋นหลิงจือกับอันอวี้หลินเข้าไปในห้อง ก็รีบขยิบตาให้เหยากวงทันทีเหยากวงเข้าใจทันที นางเข้าไปตีคนทั้งสองจนสลบหลังจากนั้นอวิ๋นฝูหลิงเดินตามเข้าไป พวกนางช่วยกันลากอันอวี้หลินไปซ่อนไว้ที่พุ่มไม้ข้างนอกก่อน หลังจากนั้นยกอวิ๋นฝูหลิงขึ้นเตียง ถอยเสื้อชั้นนอกของนางออกอวิ๋นฝูหลิงล้วงกำยานก้อนเล็กๆ ออกจากแขนเสื้อ หลังจากจุดไฟก็นำไปใส่ในกระถางธูปจากนั้นก็รีบลากเหยากวงออกไปแล้วเครื่องหอมที่อวิ๋นฝูหลิงจุดคือธูปสะกดอารมณ์เช่นนี้หนึ่ง ฤทธิ์ของมันแรงกว่าที่ขายในท้องตลาดหลายเท่าอวิ๋นหลิงจือใช้วิธีวางยาไม่ใช่หรือ เช่นนั้นตนก็ให้นางลองลิ้มรสของการถูกวางยาดู!อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งลากเหยากวงออกจากห้อง ก็เห็นเซียวจิ่งอี้เดินมาหาแล้วเซียวจิ่งอี้ให้คนจับตาดูการเคลื่อนไหวของอวิ๋นหลิงจือตลอด ทางอวิ๋นหลิงจือมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ข่าวก็ถูกส่งไปให้อวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ทันทีเซียวจิ่งอี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงออกจากตำหนัก เขาไม่วางใจ แต่ทำอย่างไรได้ถูกพี่ชายทั้งหลายชวนให้ดื่มเหล้าสุดท้ายใช้ข้ออ้างถ่ายเบาจึงสามารถออกมาได้หลังจากทั้งสองเจอกัน อวิ๋นฝูหลิงก็บอกแผนของตัวเองให้เซียวจิ่งอี้

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 620

    เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 619

    ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 618

    “ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 617

    จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 616

    ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 615

    อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 614

    “พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 613

    แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 612

    “ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status