สมุนไพรชุดแรกในสวนสมุนไพร อวิ๋นฝูหลิงเลือกมาเพียงไม่กี่ชนิดที่ปลูกขึ้นง่ายและตายยากอย่าง ดอกสายน้ำผึ้ง สะระแหน่ โสมซานชี เก๋ากี้ เป็นต้นอวิ๋นฝูหลิงคัดเลือกกำลังคนจากชาวบ้านที่อยากทำงานออกมาอีกจำนวนหนึ่ง ให้พวกเขาลงนามในหนังสือสัญญา เพื่อจ้างคนเหล่านี้ให้คอยดูแลสวนสมุนไพรอวิ๋นฝูหลิงแจ้งไว้แต่เนิ่น ๆ ว่าหากใครปลูกสมุนไพรออกมาได้ดี พอถึงช่วงเก็บเกี่ยวก็จะมีเงินปูนบำเหน็จให้เพิ่มครึ่งส่วนมีสิ่งตอบแทนล่อตาล่อใจอยู่เช่นนี้ ชาวบ้านที่ลงนามในหนังสือสัญญาก็ไม่มีใครกล้าทำตัวหย่อนยาน มองต้นอ่อนสมุนไพรพวกนั้นราวกับเป็นบุตรของตนเอง ทะนุถนอมรักใคร่เป็นที่สุดก่อนหน้านี้นายท่านหางเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงมาหาเมล็ดพันธุ์สมุนไพรจากเขา ยังคิดอยู่เลยว่านางอยากจะปลูกเล่น ๆ เท่านั้นถึงอย่างไรสมุนไพรนั้นใช่ว่าจะปลูกกันได้ง่าย ๆ ในยุคของราชวงศ์ต้าฉีนั้นมีหลายครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ ครอบครัวที่ปลูกสมุนไพรรอดมาเป็นต้นได้นั้นก็น้อยนิดยิ่งนักแถมสมุนไพรที่พวกนั้นปลูกรอดเป็นต้นได้ก็มีแต่ชนิดที่ปลูกง่ายอยู่ง่ายไม่กี่ชนิดเท่านั้นดังนั้นพอรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงรังสรรค์สวนสมุนไพรขึ้นมาได้แห่งหนึ่ง ไม่เพียงแต
สมุนไพรในยุคสมัยนี้ส่วนใหญ่แล้วมักเติบโตอยู่ในป่า ดังนั้นจึงเกิดอาชีพอย่างนักเก็บสมุนไพรอาชีพนี้ขึ้นมาตระกูลนักเก็บสมุนไพรหลายตระกูลจึงร่วมมือกับตระกูลแพทย์ ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายตอนแรกสกุลเซี่ยก็เป็นเช่นนี้แต่เดิมสกุลเซี่ยเป็นเพียงสกุลเล็ก ๆ ธรรมดาสกุลหนึ่ง ได้เป็นสหายกับจี้ชุนโหวผู้เฒ่า หลังจากนั้นยังร่วมมือกันปลูกสมุนไพร สกุลเซี่ยถึงได้ค่อย ๆ มั่งมีและรุ่งเรืองขึ้นมาทว่าโลกใบนี้ล้วนมีคนเช่นนี้อยู่เสมอ คนที่เพียงแค่ยอมร่วมทุกข์ แต่ไม่ยอมให้ร่วมสุขด้วยทันทีที่ร่ำรวยมีเงินทอง ความคิดก็แปรเปลี่ยนไม่เหมือนเก่าก่อนอีกต่อไปทันทีที่นายท่านผู้เฒ่าหางพูดถึงสกุลเซี่ย น้ำเสียงไม่ดีเลยสักนิด“พอสกุลนั้นร่ำรวย ใจก็ยิ่งละโมบหนัก ไม่พอใจกับส่วนแบ่งกำไรที่เคยคุยกับปู่ทวดของเจ้าไว้เมื่อครั้งแรกๆ”“คิดว่าคนที่คอยดูแลสวนสมุนไพรล้วนมีแต่คนของสกุลพวกเขาทั้งสิ้น เป็นพวกเขาที่ลงแรงให้เยอะกว่า พวกเขาควรจะได้ส่วนแบ่งมากกว่า ไม่ใช่ได้ส่วนแบ่งที่เท่า ๆ กันทั้งสองฝ่าย”“แล้วพวกเขาก็ไม่เคยคิดนี่ ว่าหากไม่มีท่านปู่ทวดของเจ้า ลำพังแค่พวกเขาจะปลูกดอกสายน้ำผึ้งกับสะระแหน่ออกมาได้หรือ?”“หลังจากนั้
“ถ้าหากโรงปรุงยาสามารถเปิดต่อไป สำหรับคนในหมู่บ้าน ก็มีอาชีพมากขึ้นหนึ่งอย่าง หลายครอบครัวสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้น”“ถ้าหากท่านปู่หางยินดีร่วมทำการค้าโรงปรุงยานี้กับข้า ข้าออกเทียบยาของยาลูกกลอนเอง ส่วนทางโรงปรุงยาให้สกุลหางดูแล”“พวกเราแบ่งผลกำไรคนละครึ่ง แต่ข้ามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ โรงปรุงยานี้ต้องสร้างในหมู่บ้านซวงหลิน การหาคนงานก็ต้องพิจารณาชาวบ้านของหมู่บ้านซวงหลินก่อน”พลันนายท่านผู้เฒ่าหางลูบเครายิ้ม “เจ้าเด็กคนนี้ จิตใจดีจริงๆ!”“ข้าทำเพื่อทุกคน ทุกคนทำเพื่อข้า” อวิ๋นฝูหลิงจิบชาคำหนึ่ง กล่าวหัวเราะแหะๆนายท่านผู้เฒ่าหางครุ่นคิดในใจครู่หนึ่ง รู้สึกว่าคำพูดนี้ค่อนข้างมีปรัชญา สายตาที่มองไปทางอวิ๋นฝูหลิงยิ่งชื่นชมแล้วนายท่านหางกล่าวถามอย่างอมยิ้ม “ศิษย์น้องอวิ๋นเชื่อใจพวกเราเช่นนี้ ไม่กลัวพวกเราเหมือนสกุลเซี่ย ได้เทียบยาจากศิษย์น้องอวิ๋น วันข้างหน้าก็ไปทำการค้าของตัวเองหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงเงยหน้ามองนายท่านหาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นย่อมเป็นเพราะเชื่อใจ!”“ไม่ว่าจะเป็นท่านปู่หาง หรือพี่ใหญ่หาง พี่สามหาง ล้วนเป็นคนดี”“อีกอย่างนะ สกุลหางกับข้าเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน พวกเราล้วนเป็นค
อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านายท่านผู้เฒ่าหางเพิ่งมาครั้งแรก อย่างไรก็ต้องต้อนรับสักมื้อภายใต้การขอให้อยู่ต่อของอวิ๋นฝูหลิง นายท่านผู้เฒ่าหางทำได้เพียงอยู่ต่อแล้วอวิ๋นฝูหลิงไปดูที่ห้องครัวแวบหนึ่ง พบว่าในบ้านมีเนื้อไก่เป็ดปลาครบทุกอย่าง ตัดสินใจว่าตอนเที่ยงตนจะเข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเองบังเอิญกับเวลานี้เซียวจิ่งอี้พาอวิ๋นจิงมั่วกลับมาแล้วร่างกายของทั้งสองเปียกปอน และยังมีโคลนติดเสื้อเซียวจิ่งอี้มือข้างหนึ่งถือถังไม้ มืออีกข้างจูงอวิ๋นจิงมั่วเมื่ออวิ๋นจิงมั่วเข้าไปในเรือนสกุลอวิ๋น ก็ตะโกนเสียงดังอย่างมีความสุข “ท่านแม่ ข้ากับท่านพ่อจับปลาได้เยอะมาก ตอนเที่ยงย่างปลากิน!”หลายวันนี้เซียวจิ่งอี้เป็นคนพาอวิ๋นจิงมั่วเล่น ไม่ใช่ขึ้นเขาล่าสัตว์ก็ลงน้ำจับปลา หรือไม่ก็ขี่ม้าฝึกกระบี่ และบางครั้งยังพาอวิ๋นจิงมั่วอ่านหนังสืออวิ๋นจิงมั่วมีความสุขทั้งวันอวิ๋นฝูหลิงเห็นอวิ๋นจิงมั่วมีความสุข นางก็ดีใจเช่นกันอายุของอวิ๋นจิงมั่ว กำลังอยู่ในช่วงวัยเล่นซน นางอยากให้อวิ๋นจิงมั่วมีวัยเด็กที่มีความสุขแต่ว่าเป็นเซียวจิ่งอี้ที่ทำให้อวิ๋นฝูหลิงประหลาดใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าเขาที่เป็นองค์ชาย ไม่พูดถ
หลังจากกินข้าวที่บ้านสกุลอวิ๋น นายท่านผู้เฒ่าหางกับนายท่านหางก็กล่าวอำลาจากไปแล้วอวิ๋นฝูหลิงกับสกุลหางบรรลุข้อตกลงเรื่องความร่วมมือเกี่ยวกับโรงปรุงยาในสองวัน ทางสกุลหางส่งคนมาสร้างโรงปรุงยาที่หมู่บ้านซวงหลินสถานที่สร้างก็คือที่ดินรกร้างที่อวิ๋นฝูหลิงสนใจก่อนหน้านี้ที่ดินรกร้างผืนนั้นอยู่ภายใต้ชื่อของอวิ๋นฝูหลิง อวิ๋นฝูหลิงออกที่ดินออกเทียบยา สกุลหางรับผิดชอบค่าก่อสร้าง รวมถึงการดำเนินงานกับการขายยาลูกกลอนของโรงปรุงยา ช่วงนี้หัวหน้าหมู่บ้านโจวเรียกได้ว่าสีหน้าเบิกบาน อารมณ์ดีมากก่อนหน้านี้พวกเขาเพิ่งมาถึงหมู่บ้านซวงหลิน ไม่คุ้นเคยกับสถานที่และคน เขาไปทำความคุ้นเคยกับหมู่บ้านโดยรอบด้วยรอยยิ้ม ต่อไปมีเรื่องอะไรจะได้ช่วยเหลือกันและกันใครจะคิดว่าหมู่บ้านโดยรอบหาว่าหมู่บ้านซวงหลินของพวกเขาเป็นสถานที่อัปมงคล จึงไม่อยากไปมาหาสู่กับพวกเขาเมื่อนานวันเข้า หัวหน้าหมู่บ้านโจวก็ไม่อยากไปเสนอหน้าให้พวกเขาดูถูกอีก พวกเขาก็ไม่เคยคิดอยากจะไปประจบใครด้วยเหตุนี้ปกติจึงไปมาหาสู่กับหัวหน้าเขตเท่านั้น อย่างไรก็ตามหัวหน้าเขตดูแลเรื่องที่ดินแทบนี้ การเก็บภาษี เกณฑ์แรงงาน และเรื่องอื่นๆ ที่ต้อง
เทียนเฉวียนคุกเข่าขานรับทันทีเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นว่าเทียนเฉวียนมีงานต้องไปทำที่หัวเมือง จึงอนุญาตให้เขาไปด้วยแล้วหลังจากเข้าประตูเมืองหัวเมือง รถม้าแล่นไปยังด้านหลังของที่ว่าการเมื่อคนเฝ้าประตูเห็นอวิ๋นฝูหลิงมาเยี่ยม ก็สั่งให้คนไปรายงานที่เรือนส่วนหลังทันทีผ่านไปครู่หนึ่ง หมัวมัวข้างกายฮูหยินถังก็มารับด้วยตัวเองหมัวมัวท่านหนีแซ่หยวน เป็นหมัวมัวสินเดิมของฮูหยินถัง ได้รับความไว้วางใจจากฮูหยินถังมากฮูหยินถังให้นางมาต้อนรับอวิ๋นฝูหลิง เพียงพอที่จะเห็นได้ว่าให้ความสำคัญต่ออวิ๋นฝูหลิงหยวนหมัวมัวมีใบหน้าที่กลม เห็นคนก็ยิ้มทันที ดูเป็นกันเองมาก“ฮูหยินดีใจมากเมื่อรู้ว่าแม่นางอวิ๋นมา เดิมทีอยากมาต้อนรับท่านด้วยตัวเอง แต่บังเอิญร้านชีเฉี่ยวมาส่งวัสดุผ้า แล้วก็เครื่องประดับที่คุณหนูสั่งทำ”“ดังนั้นฮูหยินจึงให้บ่าวมาต้อนรับแทนนางก่อน อีกเดี๋ยวฮูหยินก็ตามมา”“หวังว่าแม่นางอวิ๋นจะไม่ถือสา!”หยวนหมัวมัวพูดได้น่าฟัง อวิ๋นฝูหลิงก็ย่อมกล่าวอย่างเกรงใจ“ฮูหยินถังเกรงใจเกินไปแล้ว”ผ่านไปครู่หนึ่ง คนทั้งกลุ่มก็ไปถึงห้องโถงหลักมีสาวใช้ยกน้ำชามาให้อวิ๋นฝูหลิงนั่งจิบไปแล้วสองคำ ฮูหยินถ
เครื่องประดับอัญมณีเหล่านี้เก็บไว้ในมิติของอวิ๋นฝูหลิงมาโดยตลอดและยังเป็นเพราะครั้งนี้อวิ๋นฝูหลิงจะเตรียมของขวัญแต่งงานให้คุณหนูถัง จึงค้นของออกมาจากมิตินางเลือกไปเลือกมาท่ามกลางกองอัญมณี สุดท้ายเลือกสร้อยข้อมือเพชรเส้นนี้เครื่องประดับของยุคนี้ใช้เงินกับทองเป็นหลัก ที่ล้ำค่ากว่านี้หน่อยก็เป็นเครื่องประดับหยก นอกจากนี้ยังมีไข่มุก ปะการัง และรวมถึงพลอยต่างๆเพชรในยุคนี้หายากมากดังนั้นเมื่อนำสร้อยข้อมือเพชรเส้นนี้ของอวิ๋นฝูหลิงออกมา ทำเอาฮูหยินถังกับคุณหนูถังตะลึงโดยตรงเดิมทีอวิ๋นฝูหลิงคิดว่าสกุลถังมีอิทธิพลและเงินทอง มอบพวกเครื่องเงิน เครื่องทอง และเครื่องหยกมันธรรมดาเกินไป จึงตัดสินใจมอบเครื่องประดับเพชรในมิติของอวิ๋นฝูหลิงมีเครื่องประดับเพชรหลายชุด นางรู้สึกว่าให้เป็นชุดสะดุดตาเกินไป จึงได้เลือกเอาแค่สร้อยข้อมือออกมาหนึ่งเส้นแต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของฮูหยินถังกับคุณหนูถัง ต่อให้เป็นเพียงสร้อยข้อมือเพชรเส้นเดียว ในสายตาของพวกนางก้อนล้ำค่าและไม่ธรรมดาอย่างมากอวิ๋นฝูหลิงกล่าวกับคุณหนูถังด้วยรอยยิ้ม “นี่คือเพชร เป็นอัญมณีชนิดหนึ่ง”“มันเป็นของที่ข้าได้มาโดยบังเอิญ วันนี้นำม
แม้ครอบครัวของคนที่พวกเขาสามีภรรยาเลือกให้ลูกสาวไม่ซับซ้อน แต่ก็ยังต้องรอบครอบไว้ก่อนฮูหยินถังตัดสินใจอบรมคุณหนูถังเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกับครอบครัวสามีหลังแต่งงานกะทันหัน แล้วค่อยสอนนางเกี่ยวกับหลักการการเข้าสังคม หลังอวิ๋นฝูหลิงออกจากสกุลถัง ก็เดินซื้อของในหัวเมืองครู่หนึ่ง ก็กลับหมู่บ้านซวงหลินแล้วลูกพี่อู๋ขับรถม้าตรงหน้ารถ โดยมีเทียนเฉวียนนั่งอยู่ข้างๆอวิ๋นฝูหลิงกับเหยากวงนั่งอยู่ในรถนายบ่าวสี่คนมีพูดมีหัวเราะตลอดทาง ทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่อตอนที่เดินทางมาได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ สีหน้าเทียนเฉวียนก็เคร่งขรึมฉับพลัน มือขวาจับกระบี่สั้นที่อยู่ตรงเอวเขางอนิ้วมือข้างซ้าย เคาะบนตัวรถสองทีเมื่อเหยากวงได้ยินสัญญาณลับ ก็กำกระบี่คู่กายในมือแน่นทันที สีหน้าเย็นชา ราวกับเตรียมพร้อมรอกระบี่ออกจากฝักอวิ๋นฝูหลิงก็รู้สึกถึงความผิดปกติเช่นกัน แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร รถม้าก็จอดลงกะทันหันอวิ๋นฝูหลิงเซไปข้างหน้าตามแรงเฉื่อย จากนั้นก็ได้ยินเสียงอาวุธกระทบกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องสีหน้าอวิ๋นฝูหลิงเปลี่ยนฉับพลัน เมื่อเลิกม่านมองออกไปข้างนอก ก็เห็นเทียนเฉวียนกำลังสู้กับผู้อื่นแบบหนึ่งต่อสี่
อวิ๋นฝูหลิงก้าวเดินอย่างแผ่วเบา พลางกล่าวกับหลิงโหยวว่า “แค่คนเฝ้าประตูผู้หนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดคุยกับเขาหรอก”หลิงโหยวพยักหน้า และรีบนำคนเข้าไปโดยพลัน หลังจากนั้นก็แยกกันยืนอยู่ทั้งสองฝั่งอวิ๋นฝูหลิงหยุดฝีเท้า เงยหน้ามองป้ายที่แขวนอยู่บนประตูหลักของจวนจี้ชุนโหวเซียวจิ่งอี้จับมืออวิ๋นฝูหลิง และกล่าวว่า “ไม่ต้องกลัว เดิมทีสิ่งนี้เป็นของเจ้าอยู่แล้ว แค่ถึงเวลาที่ควรนำกลับมาเท่านั้น”อวิ๋นฝูหลิงยิ้มพลางพยักหน้าให้เซียวจิ่งอี้นางมิได้กลัวนางรอคอยวันนี้อยู่ รอคอยมาเนิ่นนานแล้วอวิ๋นฝูหลิงยืดหลังตรง ก้าวข้ามธรณีประตู เดินเข้าไปในประตูหลักอย่างผ่าเผยนายท่านผู้เฒ่าหางกับโอวหยางหมิงเดินตามหลังอวิ๋นฝูหลิงอยู่ทั้งฝั่งซ้ายและขวา ราวกับเป็นเทพผู้พิทักษ์สององค์เมื่อคนเฝ้าประตูเห็นเช่นนั้น ก็รีบวิ่งไปรายงานที่สวนด้านหลังโดยพลันอวิ๋นฝูหลิงนั่งอยู่ที่โถงหลัก รอพวกอวิ๋นกานซงอยู่เงียบ ๆประตูหลักของจวนจี้ชุนโหวเปิดกว้าง โดยไม่มีความตั้งใจที่จะปิดบังแม้แต่น้อยการกระทำนี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดผู้คนให้หยุดเดิน แม้แต่คนที่อาศัยอยู่ข้างเคียง ก็ยังมีคนใช้ออกมาถามไถ่ข้อมูล หากมีเรื่องน่าส
อวิ๋นซานหูเอายาที่ได้รับจากอวิ๋นฝูหลิงมาใช้ทันทีมิใช่นางไม่สงสัยว่าอวิ๋นฝูหลิงอาจทำร้ายนาง แต่ยามนี้รูปลักษณ์ของนางพังทลาย ทั้งยังถูกครอบครัวทอดทิ้งและโดนดูถูกเหยียดหยาม จึงไม่มีสิ่งใดจะเสียอีกแล้วหากยาที่อวิ๋นฝูหลิงมอบให้สามารถรักษาใบหน้าของนางได้จริง ๆ แม้ว่าต้องการจะใช้นางเพื่อทำเรื่องใด นางก็ยอมทำทั้งนั้นในช่วงที่รูปลักษณ์ของนางถูกทำลาย อวิ๋นซานหูสัมผัสได้ถึงช่องว่างใหญ่หลวงของการตกจากสวรรค์มาสู่ขุมนรกชีวิตที่น่าเวทนาเช่นนี้ นางไม่อยากพบเจออีกแล้วขอเพียงรักษารอยแผลเป็นบนใบหน้า และฟื้นฟูรูปลักษณ์ให้กลับมาเป็นเช่นเดิมได้ นางก็จะเหมือนได้เกิดใหม่อีกครา ทั้งยังสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนกับมนุษย์อีกครั้งเพื่อความหวังเช่นนี้ ไม่มีสิ่งใดที่อวิ๋นซานหูทำไม่ได้วันรุ่งขึ้น เหยากวงไปรายงานอวิ๋นฝูหลิงว่า “พระชายา ทางด้านอวิ๋นซานหูได้ส่งข่าวมาว่า ไม่ว่าพระชายาจะให้นางทำสิ่งใด นางก็เต็มใจจะทำทุกอย่างเจ้าค่ะ”อวิ๋นฝูหลิงเลิกคิ้ว “ตอบรับเร็วถึงเพียงนี้เชียว ข้ายังคิดว่านางจะใคร่ครวญดูอีกสักสองสามวันเสียอีก ช่างเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวจริงๆ”เหยากวงกล่าวว่า “ความจริงเป็นเพราะยารักษารอยแ
“พวกเขาเป็นคนทำร้ายเจ้า!”“ข้าได้ยินทุกอย่างเลย ท่านพ่อท่านแม่ข้าอยากได้ทรัพย์สินของสกุลอวิ๋น พี่หญิงข้าริษยาเจ้า นางชอบซื่อจื่ออันกั๋วกง อยากแย่งงานแต่งของเจ้า”“ดังนั้นพวกเขาจึงร่วมมือกัน วางแผนทำให้เจ้าเสียตัว”“คิดไม่ถึงว่าไปๆ มาๆ คนที่อยู่กับเจ้ากลายเป็นอี้อ๋อง”“พวกเขากลัวเจ้าเกาะอี้อ๋องติด เช่นนั้นก็ยิ่งกำจัดยากแล้ว ดังนั้นจึงตัดสินใจวางเพลิง อยากเผาเจ้าให้ตายโดยตรง”“และพอดีกับเจ้าเสียตัวและยังถูกดูหมิ่น จึงสามารถบอกกับโลกภายนอกว่า เจ้ารู้สึกอับอายโกรธแค้นจึงฆ่าตัวตาย”“ที่ข้าพูดเป็นความจริงทั้งหมดนะ!”อวิ๋นซานหูนอนหลับก็ยังฝัน อยากรักษาหน้าตัวเองให้หายดี ตอนนี้โอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว นางย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมืออวิ๋นฝูหลิงคิดไม่ถึงว่าอวิ๋นซานหูจะติดเบ็ดง่ายเช่นนี้ ถึงกับไม่สงสัยนางเลย ก็สารภาพเรื่องราวในตอนนั้นออกมาอย่างหมดเปลือกแล้วนี่ทำให้นางไม่ได้ใช้แผนที่เตรียมมาล่วงหน้าเลย นางล้วงยาขวดหนึ่งออกจากแขนเสื้อแล้วกล่าว “ยานี่สามารถลบรอยแผลเป็นบนหน้าเจ้า เจ้าสามารถลองใช้ดูก่อน ดูว่าข้าหลอกเจ้าหรือไม่”“แต่ว่าแผลเป็นบนใบหน้าเจ้าลึกเกินไป อยากรักษาให้หายทั้งหมด อย่างน้อยก็
อวิ๋นฝูหลิงหอมแก้มอวิ๋นจิงมั่ว “ขอโทษนะ แม่มีธุระต้องทำ ไม่ได้ตั้งใจ”อวิ๋นจิงมั่วซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนอวิ๋นฝูหลิง“ไม่เป็นไรขอรับ มั่วเอ๋อร์ไม่โทษท่านแม่ขอรับ”สองแม่ลูกกอดกันอบอุ่นมาก เซียวจิ่งอี้ที่อยู่ข้างๆ ดูจนน้อยใจเจ้าเด็กนี่ ในสายตามีแต่แม่ ไม่มองเขาที่เป็นพ่อคนนี้เลยสักนิด!ผ่านไปครู่หนึ่ง อวิ๋นจิงมั่วเหมือนเพิ่งจะเห็นเซียวจิ่งอี้ เขาเงยหน้าเรียก “ท่านพ่อ” อย่างอ่อนหวานหลังจากนั้นก็ถาม “เสด็จปู่เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”เซียวจิ่งอี้ลูบศีรษะของเขา “เสด็จปู่ของเจ้าไม่เป็นอะไรแล้ว พรุ่งนี้ข้าพาเจ้าเข้าวังไปพบเสด็จปู่ดีหรือไม่?”“ได้!” อวิ๋นจิงมั่วพยักหน้าอวิ๋นฝูหลิงกับอวิ๋นจิงมั่วเล่นกันครู่หนึ่ง หลังจากกินอาหารเย็นด้วยกัน ก็ส่งอวิ๋นจิงมั่วให้เซียวจิ่งอี้แล้วส่วนนางพาเหยากวงไปที่เรือนเปลี่ยวหลังหนึ่งของจวนอ๋องประตูห้องถูกผลักออก ผู้หญิงที่ถูกมัดอยู่ในห้องได้ยินเสียงก็เงยหน้ามองเมื่อเห็นว่าผู้มาคืออวิ๋นฝูหลิง สีหน้าของนางดุร้ายขึ้นมาทันที“เจ้าขังข้าไว้ที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?”อวิ๋นฝูหลิงเดินเข้าไป จ้องอวิ๋นซานหูตรงๆ “ยังจำชื่ออวิ๋นฝูหลิงได้หรือไม่?”ม่านตาอวิ๋
เพราะฮ่องเต้จิ่งผิงยังป่วยอยู่ ดังนั้นอาหารเช้าจึงจืดแต่ว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ใช่คนกินยาก อีกทั้งวัตถุดิบอาหารของยุคโบราณล้วนเป็นธรรมชาติไร้สิ่งเจือปน ของที่สามารถมาถึงโต๊ะอาหารของฮ่องเต้ มีอะไรบ้างที่ไม่ใช่ของคุณภาพสูงต่อให้เป็นข้าวต้มเปล่าหนึ่งชาม ก็ทำมาจากข้าวบรรณาการ ซึ่งส่งกลิ่นข้าวที่หอมโชยจมูก หลังจากฮ่องเต้เสวยข้าวต้มเปล่าหมดไปหนึ่งชาม จู่ๆ ก็เอ่ยปากกล่าว “เจ้าเจ็ด เจ้าหาลูกสะใภ้ให้เราได้ดีมาก!”มุมปากเซียวจิ่งอี้เผยอขึ้น “เพราะกระหม่อมโชคดี และอาศัยบุญบารมีของเสด็จพ่อ”ฮ่องเต้จิ่งผิงมองไปทางอวิ๋นฝูหลิง “เจ้ารักษาเราจนหายดี อยากได้รางวัลอะไร?”อวิ๋นฝูหลิงวางชามตะเกียบลง กล่าวตรงๆ “ฝ่าบาทจะประทานรางวัลแก่หม่อมฉันจริงหรือเพคะ?”ฮ่องเต้จิ่งผิงขมวดคิ้ว “คำพูดเราศักดิ์สิทธิ์ เจ้ารักษาเราหาย สร้างความดีความชอบอย่างใหญ่หลวง ย่อมสมควรประทานรางวัล พูดมาเถอะ อยากได้อะไร?”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาท คิดว่าพระองค์คงทราบเรื่องครอบครัวของหม่อมฉันหมดแล้ว เรื่องวุ่นวายเหล่านั้น หม่อมฉันจัดการเองได้ เพียงแต่อยากให้ฝ่าบาทหนุนหลังหม่อมฉันสักครั้งเพคะ!”เมื่อฮ่องเต้จิ่งผิงได้ยินก็ห
หมอหลวงจงกล่าวอีก “แต่บ้านสายหลักสกุลอวิ๋นไม่มีสายเลือดเหลือแล้วไม่ใช่หรือ? หรือนางเป็นคนของบ้านรอง?”หมอหลวงเจิ้งส่ายศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย “ท่าทางที่ประจันหน้ากันก่อนหน้านี้ของแม่นางอวิ๋นกับอวิ๋นกานซง เหมือนคนของบ้านรองที่ไหน?”โอวหยางหมิงกล่าวอย่างเรียบเฉย “สกุลอวิ๋นมีแค่สายเลือดบ้านสายหลัก มีบ้านรองที่ไหน?”“แค่ลูกนอกสมรสที่มาอาศัยเขาอยู่ ก็กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นบ้านรอง?”“ทายาทของสกุลอวิ๋นกลับมา สิ่งที่ควรคืนก็ต้องคืน!”กล่าวจบ โอวหยางหมิงก็ไม่พูดมากอีก ถือยาที่ต้มเสร็จไปเปลี่ยนยาให้ฮ่องเต้จิ่งผิงแล้วทิ้งให้หมอหลวงจงกับหมอหลวงเจิ้งมองหน้ากันพวกเขาเคยฟังเพลงกล่อมเด็กที่มีการร้องในเมืองเมื่อเร็วๆ นี้แล้ว และเกิดความสงสัยนานแล้วแต่พวกเขาเป็นคนรู้จักกาลเทศะ ก็ไม่ได้ไปถามอวิ๋นกานซงตรงๆอวิ๋นกานซงนับว่าเป็นคนหน้าด้านเลยทีเดียว เจอเรื่องเช่นนี้ยังสามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อให้หมอหลวงในสำนักหมอหลวงที่ไม่ถูกกับเขาหยิบยกเรื่องนี้มาพูด เขาก็สามารถปฏิเสธเหมือนตัวเองเป็นคนถูกแต่วันนี้โอวหยางหมิงกลับบอกว่าอวิ๋นกานซงเป็นลูกนอกสมรสตรงๆ ในน้ำเสียงยังค่อนข้างดูถูกอวิ๋นกานซงด้วย
อวิ๋นกานซงผ่านความตึงตระหนกในตอนแรกแล้ว เวลานี้ค่อยๆ สงบลง สมองก็แจ่มใสมาก“ตื่นตระหนกอะไร?” เขาตำหนิฮูหยินรองอวิ๋น“ต่อให้นางกลับมาแล้ว ข้าก็เป็นอารองของนาง นางอยากปฏิเสธความสัมพันธ์นี้ มันไม่ง่ายเช่นนั้น!”“นางที่เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง สักวันก็ต้องออกเรือน ผู้หญิงที่ออกเรือนก็เหมือนน้ำที่ถูกสาดออกไป กิจการของสกุลอวิ๋นย่อมไม่ถึงคราวของลูกสาวที่ออกเรือนแล้วคนหนึ่งมารับช่วงต่อ”“ยิ่งกว่านั้นผู้ดูแลของสำนักช่วยชีพและที่นาร้านค้าในปัจจุบัน ล้วนเปลี่ยนเป็นคนของพวกเราหมดแล้ว นางอยากเอาสำนักช่วยชีพและที่นาร้านค้ากลับคืน ก็ต้องดูด้วยว่ามีความสามารถพอหรือไม่!”“ตอนนั้นพวกเราสามารถกลืนทรัพย์สมบัติมหาศาลนี้ของสกุลอวิ๋น เบื้องหลังก็มีที่พึ่งเช่นกัน”“นางที่เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง เอาอะไรมาสู้กับพวกเรา?”คำพูดเหล่านี้ของอวิ๋นกานซง ก็เหมือนกำลังบอกให้ตัวเองฟังเช่นกันเมื่อนึกถึงที่พึ่งที่ตัวเองเกาะติด ในใจเขาก็มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นทันทีฮูหยินรองอวิ๋นยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผล จึงไม่ตื่นตระหนกและไม่กลัวแล้วเช่นกัน“นายท่านพูดถูก!”“ตอนนั้นพวกเราสามารถฆ่านางครั้งแรก ก็ย่อมสามารถฆ่าครั้งท
อวิ๋นกานซงพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมหลังจากนั้นเล่าเรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงเข้าวังกับอี้อ๋อง อีกทั้งได้รับอนุญาตรักษาฮ่องเต้จิ่งผิง และยังรักษาจนหายดีด้วยให้นางฟังฮูหยินรองอวิ๋นยิ่งฟังยิ่งหวาดกลัวจบแล้ว จบเห่แล้ว!อวิ๋นฝูหลิงยังมีชีวิต เดิมทีนี่ก็เป็นข่าวร้ายอยู่แล้ว ตอนนี้นางยังรักษาฝ่าบาทจนหายดี มีความดีความชอบอันยิ่งใหญ่นี้ ยิ่งแตะต้องนางส่งเดชไม่ได้แล้วความสนใจของอวิ๋นหลิงจือกลับอยู่ที่ตัวอี้อ๋องทั้งหมดทั้งๆ ที่ต่างก็เป็นผู้หญิงสกุลอวิ๋น แต่อวิ๋นฝูหลิงได้รับความโปรดปรานตั้งแต่เด็ก เป็นคุณหนูใหญ่ผู้สูงศักดิ์ของจวนจี้ชุนโหวและนางทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรด้อยกว่าอวิ๋นฝูหลิง กลับได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาในสกุลอวิ๋นเพียงเพราะพ่อของนางคือนายท่านรองอวิ๋นที่ไม่ได้รับความโปรดปราน และไม่ใช่ผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์จี้ชุนโหวนางยอมรับไม่ได้!โชคดีที่สวรรค์มีตา ให้สามีภรรยาจี้ชุนโหวตายก่อนวัยอันควร เหลือไว้เพียงอวิ๋นฝูหลิงที่เป็นเด็กกำพร้าคนนี้นางจะทำลายอวิ๋นฝูหลิงด้วยมือตัวเอง ให้คุณหนูผู้สูงศักดิ์ในอดีตคนนี้ ได้ลิ้มลองรสชาติที่ตกลงมาจากก้อนเมฆ แล้วถูกเหยียบย่ำลงไปในโคลนและทุกสิ่งที่อ
อวิ๋นฝูหลิงล้วงขวดยาเล็กๆ ออกจากแขนเสื้อ นางกล่าว “ฝ่าบาท นี่คือน้ำค้างแตงโมที่หม่อมฉันคิดค้นและทำเองเพคะ มีฤทธิ์ต่อโรคแผลในปาก ลิ้น เจ็บคอต่างๆ หลังจากใช้แล้วไม่เพียงบรรเทาอาการเจ็บทันที อีกทั้งไม่เกินสามวันแผลในปากก็สามารถหายดีเพคะ”“เพียงแต่หม่อมฉันเป็นคนทำยานี้เอง ในวังให้ความสำคัญกับการใช้ยา โดยเฉพาะยาที่ฝ่าบาทใช้ ยิ่งประมาทไม่ได้เด็ดขาด”“หม่อมฉันถวายยาขวดนี้ให้ฝ่าบาท แต่ใช้ได้หรือไม่ ฝ่าบาทเป็นคนตัดสินพระทัยเองเลยเพคะ”เวลานี้ฮ่องเต้จิ่งผิงรู้สึกเพียงแค่กลืนน้ำลายก็เจ็บคอมาก เมื่อได้ยินว่ายาที่อยู่ในมืออวิ๋นฝูหลิงสามารถบรรเทาอาการเจ็บคอ ดวงตาก็ลุกวาวทันทีแต่เขายังมีสติอยู่ เข้าใจว่าต่อให้อวิ๋นฝูหลิงหวังดี ยาก็ไม่มีปัญหา แต่เขาก็ไม่สามารถใช้ส่งเดชโอวหยางหมิงอดไม่ได้ที่จะเกิดความสนใจต่อยาในมืออวิ๋นฝูหลิงเขาเดินเข้าไปกล่าว “ฝ่าบาท หรือไม่ให้กระหม่อมดูยาในมือแม่นางอวิ๋นก่อน?”ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า บ่งบอกว่าอนุญาตโอวหยางหมิงรับยามาจากมืออวิ๋นฝูหลิง เขาเทออกมาตรวจดูเล็กน้อย พบว่าของที่อยู่ในขวดเป็นผงสีขาวเขาดมผงยาอย่างละเอียด หลังจากนั้นก็ใช้นิ้วจิ้มผงยาขึ้นมาเล็กน้อย ใ