อวิ๋นฝูหลิงพูดไปพลาง ๆ จึงพูดข้อกำหนดการจ้างงานกับหัวหน้าหมู่บ้านโจวไปด้วยเขาลูกทางเหนือของหมู่บ้านที่นางซื้อไว้ลูกนั้น กอปรกับเขาและที่ดินที่เซียวจิ่งอี้มอบให้นางในวันนี้ อวิ๋นฝูหลิงวางแผนไว้ว่าจะจ้างคนให้มาบุกเบิกที่แล้วปลูกสมุนไพรจะปลูกพันธุ์ที่รอดเป็นต้นง่าย และมีช่วงเวลาเก็บเกี่ยวสั้น ๆ ก่อนส่วนโรงปรุงยา เทียบยาที่นางปรุงขึ้นนั้นย่อมต้องเก็บเป็นความลับ ไว้ถึงคราวที่นางต้องเดินทาง หากหาคนที่น่าไว้วางใจมารับช่วงต่อไม่ได้ จะเปิดโรงปรุงยาต่อไปก็ไม่ดีนักถึงอย่างไรโรงปรุงยาชั่วคราวในยามนี้ก็มีพวกเจิ้งซื่อคอยช่วยดูแล และอวิ๋นฝูหลิงยังอยู่ที่หมู่บ้านซวงหลินอีกหนึ่งเดือน หนึ่งเดือนนี้ ช่วงหนึ่งเดือนนี้ก็ทำเช่นนี้ไปก่อนอีกทั้งทางฝั่งนายท่านหางก็เร่งเร้าจะเอายาลูกกลอนแล้วด้วยระหว่างนี้นางจะออกไปหาคน จะลองดูว่ามีคนที่เหมาะมารับช่วงต่อหรือไม่หากหาคนที่เหมาะจะมารับช่วงต่อได้ถือเป็นการดียิ่ง แต่หากหาไม่ได้ก็เอาไว้ค่อยว่ากันอีกทีช่วงครึ่งบ่าย หัวหน้าหมู่บ้านโจวจึงตีฆ้องร้องป่าวให้ชาวบ้านทั้งหลายไปรวมตัวกันที่ลานนวดข้าวหน้าทางเจ้าหมู่บ้านกระทั่งประกาศเรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงจะสร้างสว
สมุนไพรชุดแรกในสวนสมุนไพร อวิ๋นฝูหลิงเลือกมาเพียงไม่กี่ชนิดที่ปลูกขึ้นง่ายและตายยากอย่าง ดอกสายน้ำผึ้ง สะระแหน่ โสมซานชี เก๋ากี้ เป็นต้นอวิ๋นฝูหลิงคัดเลือกกำลังคนจากชาวบ้านที่อยากทำงานออกมาอีกจำนวนหนึ่ง ให้พวกเขาลงนามในหนังสือสัญญา เพื่อจ้างคนเหล่านี้ให้คอยดูแลสวนสมุนไพรอวิ๋นฝูหลิงแจ้งไว้แต่เนิ่น ๆ ว่าหากใครปลูกสมุนไพรออกมาได้ดี พอถึงช่วงเก็บเกี่ยวก็จะมีเงินปูนบำเหน็จให้เพิ่มครึ่งส่วนมีสิ่งตอบแทนล่อตาล่อใจอยู่เช่นนี้ ชาวบ้านที่ลงนามในหนังสือสัญญาก็ไม่มีใครกล้าทำตัวหย่อนยาน มองต้นอ่อนสมุนไพรพวกนั้นราวกับเป็นบุตรของตนเอง ทะนุถนอมรักใคร่เป็นที่สุดก่อนหน้านี้นายท่านหางเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงมาหาเมล็ดพันธุ์สมุนไพรจากเขา ยังคิดอยู่เลยว่านางอยากจะปลูกเล่น ๆ เท่านั้นถึงอย่างไรสมุนไพรนั้นใช่ว่าจะปลูกกันได้ง่าย ๆ ในยุคของราชวงศ์ต้าฉีนั้นมีหลายครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ ครอบครัวที่ปลูกสมุนไพรรอดมาเป็นต้นได้นั้นก็น้อยนิดยิ่งนักแถมสมุนไพรที่พวกนั้นปลูกรอดเป็นต้นได้ก็มีแต่ชนิดที่ปลูกง่ายอยู่ง่ายไม่กี่ชนิดเท่านั้นดังนั้นพอรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงรังสรรค์สวนสมุนไพรขึ้นมาได้แห่งหนึ่ง ไม่เพียงแต
สมุนไพรในยุคสมัยนี้ส่วนใหญ่แล้วมักเติบโตอยู่ในป่า ดังนั้นจึงเกิดอาชีพอย่างนักเก็บสมุนไพรอาชีพนี้ขึ้นมาตระกูลนักเก็บสมุนไพรหลายตระกูลจึงร่วมมือกับตระกูลแพทย์ ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายตอนแรกสกุลเซี่ยก็เป็นเช่นนี้แต่เดิมสกุลเซี่ยเป็นเพียงสกุลเล็ก ๆ ธรรมดาสกุลหนึ่ง ได้เป็นสหายกับจี้ชุนโหวผู้เฒ่า หลังจากนั้นยังร่วมมือกันปลูกสมุนไพร สกุลเซี่ยถึงได้ค่อย ๆ มั่งมีและรุ่งเรืองขึ้นมาทว่าโลกใบนี้ล้วนมีคนเช่นนี้อยู่เสมอ คนที่เพียงแค่ยอมร่วมทุกข์ แต่ไม่ยอมให้ร่วมสุขด้วยทันทีที่ร่ำรวยมีเงินทอง ความคิดก็แปรเปลี่ยนไม่เหมือนเก่าก่อนอีกต่อไปทันทีที่นายท่านผู้เฒ่าหางพูดถึงสกุลเซี่ย น้ำเสียงไม่ดีเลยสักนิด“พอสกุลนั้นร่ำรวย ใจก็ยิ่งละโมบหนัก ไม่พอใจกับส่วนแบ่งกำไรที่เคยคุยกับปู่ทวดของเจ้าไว้เมื่อครั้งแรกๆ”“คิดว่าคนที่คอยดูแลสวนสมุนไพรล้วนมีแต่คนของสกุลพวกเขาทั้งสิ้น เป็นพวกเขาที่ลงแรงให้เยอะกว่า พวกเขาควรจะได้ส่วนแบ่งมากกว่า ไม่ใช่ได้ส่วนแบ่งที่เท่า ๆ กันทั้งสองฝ่าย”“แล้วพวกเขาก็ไม่เคยคิดนี่ ว่าหากไม่มีท่านปู่ทวดของเจ้า ลำพังแค่พวกเขาจะปลูกดอกสายน้ำผึ้งกับสะระแหน่ออกมาได้หรือ?”“หลังจากนั้
อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งฟื้นคืนสติอย่างงงงวย ก็ถูกตบหน้าอย่างแรง“นังตัวดี ข้าชอบเจ้านั้นเป็นวาสนาของเจ้า!”“เจ้ายังกล้ากัดข้าอีกหรือ? แรงแค่นี้คิดว่าสามารถหนีพ้นจากเงื้อมมือของข้าได้งั้นหรือ?”“ปรนนิบัติข้ากับพวกพี่น้องให้มีความสุขแต่โดยดี แล้วข้าจะปล่อยเจ้ากับเจ้าเด็กนั่น!”“ไม่เช่นนั้น รอพวกเราพี่น้องทุกคนสนุกกับเจ้าจนพอแล้ว จะขายพวกเจ้าสองแม่ลูกให้ซ่องเสีย!”ความรู้สึกเจ็บแสบที่แก้ม ทำให้สติของอวิ๋นฝูหลิงแจ่มชัดขึ้นหลายส่วนความโกรธอันไร้ขอบเขตพลุ่งพล่านอยู่ในก้นบึ้งหัวใจนางนางเป็นหมอเทวดาที่ได้รับความเคารพมากที่สุดในฐานปฏิบัติการโลกวิบัติ ใครหน้าไหนมันอยากตายถึงกล้าทำแบบนี้กับนาง?นางลืมตาขึ้น ก็มองเห็นชายคนหนึ่งที่กำลังกุมใบหูที่มีเลือดไหลพลางฉีกกระชากเสื้อผ้าของนางด้วยสีหน้าหื่นกามและยังมีผู้ชายอีกหลายคนยืนเยาะเย้ยอยู่ข้างๆ อย่างหยาบคาย“นังตัวดีนี่นิสัยรุนแรงใช้ได้ เมื่อครู่เกือบกัดหูลูกพี่ขาด”“นิสัยรุนแรงแบบนี้สิถึงจะมีรสชาติ…”“ลูกพี่ ท่านรีบจัดการเถอะ พวกเรายังรอสนุกอยู่นะ อีกเดี๋ยวมีคนมาก็อดหรอก”“วางใจเถอะ วันนี้ฝนตกหนักเช่นนี้ ไม่มีคนมาแน่นอน พวกเรามีเวลาอีกเยอะ ค
ระหว่างฟ้าดินที่ถูกหมอกปกคลุม เรือนไผ่สองชั้นหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางภายในเรือนไผ่เก็บทรัพยากรต่างๆ ที่อวิ๋นฝูหลิงรวบรวมมาได้ในโลกวิบัติ อวิ๋นฝูหลิงเดินวนในเรือนไผ่หนึ่งรอบ พบว่าทรัพยากรเหล่านั้นยังอยู่ นางรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นในทันทีด้านซ้ายของเรือนไผ่เป็นแปลงสมุนไพร ปลูกสมุนไพรนานาชนิดส่วนด้านขวามีหินย้อยก้อนหนึ่ง ห้อยอยู่กลางอากาศตรงปลายแหลมของหินย้อย มีน้ำหยดหนึ่งเกาะอยู่ หยดน้ำจะร่วงแหล่มิร่วงแหล่ส่วนด้านล่างของหินย้อยมีชามหินหนึ่งใบ ใช้สำหรับรองหยดน้ำที่หยดลงมาจากหินย้อยเวลานี้ในชามหินรองน้ำได้ครึ่งชามแล้วน้ำนี้เทียบได้กับยาวิเศษ เป็นของที่ดีมากคนทั่วไปดื่มสามารถเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย ร้อยโรคไม่กล้ำกราย คนป่วยดื่มสามารถขจัดร้อยโรค ฮึกเหิมประดุจมังกรและเสือผาดโผนในพริบตาเวลาปรุงยาเพิ่มหนึ่งหยด สามารถกระตุ้นสรรพคุณยา เพิ่มประสิทธิภาพเพียงแต่หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณนี่หยดช้ามาก เก็บมานานสามเดือนกว่าเพิ่งจะได้แค่ครึ่งชามแต่สามารถมีหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณเช่นนี้ครึ่งชาม อวิ๋นฝูหลิงก็ดีใจมากแล้วนางรีบนำหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณจากมิติมาดื่มสองอึกทันทีกระแสอุ่นสายหน
น้ำท่วมที่โหมกระหน่ำกลืนกินบ้านเรือนและไร่นาในพริบตาบ้านเรือนต้านแรงซัดของกระแสน้ำไม่ไหว ถูกซัดจนพังทลาย กลายเป็นเศษซากกระจัดกระจายไปทั่วชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังเหล่านั้น ก็ถูกน้ำท่วมม้วนเข้าไปในพริบตาคนเหล่านี้ไม่ทันได้ส่งเสียงขอความช่วยเหลือด้วยซ้ำ หลังจากลอยคออยู่ในน้ำครู่หนึ่ง ก็ถูกน้ำท่วมพัดหายไปอย่างไร้ร่องรอยชาวบ้านคนอื่นเห็นสถานการณ์ อดไม่ได้ที่จะหน้าซีด ตอนนี้แทบจะใช้มือและเท้าปีนขึ้นยอดเขาอย่างสุดชีวิตโดยเฉพาะพวกชาวบ้านที่อยู่ท้ายขบวน พวกเขาเห็นคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาถูกน้ำท่วมกลืนกินต่อหน้าต่อตาอีกเพียงนิดเดียว พวกเขาก็เกือบจะถูกฝังท่ามกลางน้ำท่วมแล้ว!ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลาสนใจสัมภาระที่หนักอึ้งบนแผ่นหลังแล้ว โยนของทิ้งก็ปีนขึ้นเขาอย่างสุดชีวิตในเวลาเช่นนี้ สิ่งของจะสำคัญกว่าชีวิตได้อย่างไร!อวิ๋นฝูหลิงกุมศีรษะปีนขึ้นเขา ระหว่างนั้นหันกลับมาดูสถานการณ์ของน้ำท่วมแวบหนึ่งน้ำท่วมที่อยู่ใต้เขาสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมู่บ้านจมไปแล้ว อีกทั้งปริมาณน้ำยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มว่าจะท่วมสูงถึงไหล่เขาอวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจเวลานี้เอง หญิงสาวคนห
อวิ๋นฝูหลิงเงยหน้ามอง ก็มองเห็นตรงจุดที่อยู่ห่างออกไปร้อยกว่าเมตร มีชายฉกรรจ์รวมกลุ่มกันห้าหกคน คนกลุ่มนี้กำลังคุยอะไรบางอย่าง และยังชี้มาทางนางเป็นระยะหนึ่งในนั้นก็คือชายที่ผอมเหมือนลิง คนที่หนีออกจากบ้านนางก่อนหน้านี้สายตาของลิงผอมปะทะสายตาของอวิ๋นฝูหลิงพอดี เขาจ้องเขม็งใส่นางแวบหนึ่ง เผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีเจตนาร้ายแตกต่างจากคนที่วิ่งหนีกระเจิงก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เหมือนมีที่พึ่งอะไรบางอย่างอวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้ว เกิดความหวาดระแวงขึ้นในใจทันทีนางจมจิตใต้สำนึกเข้าไปในมิติ เริ่มรื้อค้นในเรือนไผ่ชาติที่แล้วนางปรุงผงยาป้องกันตัวไว้ไม่น้อย อีกทั้งทำมาจากวัตถุดิบที่ปลูกในมิติทั้งหมด ประสิทธิภาพรุนแรงกว่าผงยาทั่วไปหลายเท่าอวิ๋นฝูหลิงเลือกผงยามาสองสามห่อ นำออกมาจากมิติโดยอาศัยการบดบังของแขนเสื้อ แล้วแอบใส่เข้าไปในกระเป๋าแขนเสื้อนางเหลือบมองพวกลิงผอมแวบหนึ่งถ้าหากคนเหล่านี้ไม่ยุ่งกับนางก็ช่างเถอะ แต่ถ้าหากกล้าลงมือกับนาง นางจะให้พวกเขาได้ลิ้มลองรสชาติของการตายทั้งเป็นแน่นอนขณะเดียวกัน ชายที่ผอมเหมือนลิงกำลังฟ้องพรรคพวก“ลูกพี่อู๋ ที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริงนะ พวกพี่ใหญ่ข้าล้
โจวโหย่วเหลียงเพิ่งมารวมตัวกับครอบครัวบนยอดเขา ก็ได้รู้เรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงช่วยชีวิตลูกเมียของเขาจากปากเจิ้งซื่อเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหายหลังจากตั้งสติได้ เขาก็บอกเรื่องนี้กับบิดามารดาของตน จากนั้นก็ถือลูกเดือยถุงหนึ่ง พาลูกเมียมาขอบคุณเมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิงบ่ายเบี่ยง โจวโหย่วเหลียงที่เป็นผู้ชายก็ไม่สะดวกที่จะคะยั้นคะยออวิ๋นฝูหลิง ได้แต่ขอบคุณบุญคุณที่ช่วยชีวิตของอวิ๋นฝูหลิงอยู่ข้างๆ อย่างจริงใจจากนั้นก็ดึงโจวฉางจี๋มาตรงหน้าก่อนมาโจวฉางจี๋ก็ถูกอบรมก่อนแล้ว เขากล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนิ่ม “ขอบคุณป้าอวิ๋น!”อวิ๋นฝูหลิงเห็นใบหน้าเล็กที่อวบอิ่มและรูปร่างอ้วนเล็กน้อยของเขา ดวงตาที่เหมือนองุ่นดำก็สดใสขึ้นมาทันทีและรู้ด้วยว่าเขาเป็นที่รักของคนตระกูลโจว ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถกินจนได้รูปร่างเช่นนี้ในครอบครัวชาวนาอวิ๋นฝูหลิงเห็นเขาน่ารักมาก อดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะของเขา พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร!”พูดจบก็หันไปพูดกับสองสามีภรรยา “สถานการณ์เช่นก่อนหน้านี้ ข้าคิดว่าใครพบเจอก็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ทุกคนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ช่วยเหลือกันและกันเป็นสิ่งที่สมควรทำ พวกเจ้าไม่จำต้อง
สมุนไพรในยุคสมัยนี้ส่วนใหญ่แล้วมักเติบโตอยู่ในป่า ดังนั้นจึงเกิดอาชีพอย่างนักเก็บสมุนไพรอาชีพนี้ขึ้นมาตระกูลนักเก็บสมุนไพรหลายตระกูลจึงร่วมมือกับตระกูลแพทย์ ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายตอนแรกสกุลเซี่ยก็เป็นเช่นนี้แต่เดิมสกุลเซี่ยเป็นเพียงสกุลเล็ก ๆ ธรรมดาสกุลหนึ่ง ได้เป็นสหายกับจี้ชุนโหวผู้เฒ่า หลังจากนั้นยังร่วมมือกันปลูกสมุนไพร สกุลเซี่ยถึงได้ค่อย ๆ มั่งมีและรุ่งเรืองขึ้นมาทว่าโลกใบนี้ล้วนมีคนเช่นนี้อยู่เสมอ คนที่เพียงแค่ยอมร่วมทุกข์ แต่ไม่ยอมให้ร่วมสุขด้วยทันทีที่ร่ำรวยมีเงินทอง ความคิดก็แปรเปลี่ยนไม่เหมือนเก่าก่อนอีกต่อไปทันทีที่นายท่านผู้เฒ่าหางพูดถึงสกุลเซี่ย น้ำเสียงไม่ดีเลยสักนิด“พอสกุลนั้นร่ำรวย ใจก็ยิ่งละโมบหนัก ไม่พอใจกับส่วนแบ่งกำไรที่เคยคุยกับปู่ทวดของเจ้าไว้เมื่อครั้งแรกๆ”“คิดว่าคนที่คอยดูแลสวนสมุนไพรล้วนมีแต่คนของสกุลพวกเขาทั้งสิ้น เป็นพวกเขาที่ลงแรงให้เยอะกว่า พวกเขาควรจะได้ส่วนแบ่งมากกว่า ไม่ใช่ได้ส่วนแบ่งที่เท่า ๆ กันทั้งสองฝ่าย”“แล้วพวกเขาก็ไม่เคยคิดนี่ ว่าหากไม่มีท่านปู่ทวดของเจ้า ลำพังแค่พวกเขาจะปลูกดอกสายน้ำผึ้งกับสะระแหน่ออกมาได้หรือ?”“หลังจากนั้
สมุนไพรชุดแรกในสวนสมุนไพร อวิ๋นฝูหลิงเลือกมาเพียงไม่กี่ชนิดที่ปลูกขึ้นง่ายและตายยากอย่าง ดอกสายน้ำผึ้ง สะระแหน่ โสมซานชี เก๋ากี้ เป็นต้นอวิ๋นฝูหลิงคัดเลือกกำลังคนจากชาวบ้านที่อยากทำงานออกมาอีกจำนวนหนึ่ง ให้พวกเขาลงนามในหนังสือสัญญา เพื่อจ้างคนเหล่านี้ให้คอยดูแลสวนสมุนไพรอวิ๋นฝูหลิงแจ้งไว้แต่เนิ่น ๆ ว่าหากใครปลูกสมุนไพรออกมาได้ดี พอถึงช่วงเก็บเกี่ยวก็จะมีเงินปูนบำเหน็จให้เพิ่มครึ่งส่วนมีสิ่งตอบแทนล่อตาล่อใจอยู่เช่นนี้ ชาวบ้านที่ลงนามในหนังสือสัญญาก็ไม่มีใครกล้าทำตัวหย่อนยาน มองต้นอ่อนสมุนไพรพวกนั้นราวกับเป็นบุตรของตนเอง ทะนุถนอมรักใคร่เป็นที่สุดก่อนหน้านี้นายท่านหางเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงมาหาเมล็ดพันธุ์สมุนไพรจากเขา ยังคิดอยู่เลยว่านางอยากจะปลูกเล่น ๆ เท่านั้นถึงอย่างไรสมุนไพรนั้นใช่ว่าจะปลูกกันได้ง่าย ๆ ในยุคของราชวงศ์ต้าฉีนั้นมีหลายครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ ครอบครัวที่ปลูกสมุนไพรรอดมาเป็นต้นได้นั้นก็น้อยนิดยิ่งนักแถมสมุนไพรที่พวกนั้นปลูกรอดเป็นต้นได้ก็มีแต่ชนิดที่ปลูกง่ายอยู่ง่ายไม่กี่ชนิดเท่านั้นดังนั้นพอรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงรังสรรค์สวนสมุนไพรขึ้นมาได้แห่งหนึ่ง ไม่เพียงแต
อวิ๋นฝูหลิงพูดไปพลาง ๆ จึงพูดข้อกำหนดการจ้างงานกับหัวหน้าหมู่บ้านโจวไปด้วยเขาลูกทางเหนือของหมู่บ้านที่นางซื้อไว้ลูกนั้น กอปรกับเขาและที่ดินที่เซียวจิ่งอี้มอบให้นางในวันนี้ อวิ๋นฝูหลิงวางแผนไว้ว่าจะจ้างคนให้มาบุกเบิกที่แล้วปลูกสมุนไพรจะปลูกพันธุ์ที่รอดเป็นต้นง่าย และมีช่วงเวลาเก็บเกี่ยวสั้น ๆ ก่อนส่วนโรงปรุงยา เทียบยาที่นางปรุงขึ้นนั้นย่อมต้องเก็บเป็นความลับ ไว้ถึงคราวที่นางต้องเดินทาง หากหาคนที่น่าไว้วางใจมารับช่วงต่อไม่ได้ จะเปิดโรงปรุงยาต่อไปก็ไม่ดีนักถึงอย่างไรโรงปรุงยาชั่วคราวในยามนี้ก็มีพวกเจิ้งซื่อคอยช่วยดูแล และอวิ๋นฝูหลิงยังอยู่ที่หมู่บ้านซวงหลินอีกหนึ่งเดือน หนึ่งเดือนนี้ ช่วงหนึ่งเดือนนี้ก็ทำเช่นนี้ไปก่อนอีกทั้งทางฝั่งนายท่านหางก็เร่งเร้าจะเอายาลูกกลอนแล้วด้วยระหว่างนี้นางจะออกไปหาคน จะลองดูว่ามีคนที่เหมาะมารับช่วงต่อหรือไม่หากหาคนที่เหมาะจะมารับช่วงต่อได้ถือเป็นการดียิ่ง แต่หากหาไม่ได้ก็เอาไว้ค่อยว่ากันอีกทีช่วงครึ่งบ่าย หัวหน้าหมู่บ้านโจวจึงตีฆ้องร้องป่าวให้ชาวบ้านทั้งหลายไปรวมตัวกันที่ลานนวดข้าวหน้าทางเจ้าหมู่บ้านกระทั่งประกาศเรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงจะสร้างสว
อวิ๋นฝูหลิงอดยิ้มออกมาไม่ได้ ในเมื่อวันนี้เซียวจิ่งอี้เปิดอกพูดออกมาแล้ว เช่นนั้นนางก็ถือโอกาสพูดให้กระจ่างแจ้งไปด้วยแล้วกัน“ท่านอยากแต่งงานกับข้าจริง ๆ หรือเพราะอยากมอบฐานะอันชอบธรรมให้จิงมั่ว ถึงได้อยากแต่งงานกับข้ากันแน่?”เซียวจิ่งอี้มองเข้าไปในดวงตาของอวิ๋นฝูหลิง กล่าวออกมาอยากจริงใจว่า “สำหรับข้าแล้ว จิงมั่วนับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อนจริง แต่หากว่าข้าอยากให้เขากลับสู่สกุล คืนสู่ฐานะที่ถูกต้อง ข้ายังมีวิธีการอีกมากมาย”“ที่ข้าอยากแต่งงานกับเจ้าและให้เจ้ามาเป็นพระชายาของข้า เป็นเพราะข้ามีใจรักเจ้าเท่านั้น ไม่มีเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น”“ชั่วชีวิตหลังจากนี้ ขอแค่เจ้ายอมอยู่เคียงข้าง มีกันและกัน ใช้ชีวิตร่วมกันกับข้าจนผมขาว!”แม้ว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่เชื่อในความรักลึกซึ้งของพวกราชนิกุล ทว่าความซื่อตรงและอบอุ่นของเซียวจิ่งอี้ในยามนี้ กลับทำให้หัวใจนางเต้นไม่เป็นส่ำนางชอบเซียวจิ่งอี้นางแน่ใจ ว่านางหลงรักเซียวจิ่งอี้เข้าแล้วก่อนหน้านี้นางมัวแต่กังวล ไม่ยอมเผชิญหน้าตรง ๆ กับความรู้สึกนี้ทว่ายามนี้เซียวจิ่งอี้เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหานางหนึ่งก้าวแล้ว นางเองก็บังเกิดความกล้า
อวิ๋นฝูหลิงไม่อยากประสบเหตุการณ์อย่างคุณชายน้อยลู่เช่นนั้นดังนั้นตลอดเส้นทางนี้ นางเลยไม่สนใจว่าจะขายหน้าหรือไม่ กอดเซียวจิ่งอี้แน่นให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยเกียรติศักดิ์ศรีจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็เทียบไม่ได้กับคุณค่าของชีวิตหรอกนะ!เซียวจิ่งอี้กำบังเหียนไว้ พลางยกยิ้มน้อยๆไม่นานนัก เซียวจิ่งอี้จึงรั้งอาชาให้หยุดฝีเท้าอวิ๋นฝูหลิงมองไปรอบ ๆ เล็กน้อย ถึงได้เห็นว่าพวกเขากำลังอยู่ที่ตีนเขาฝั่งบูรพาของหมู่บ้านซวงหลิน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านซวงหลินเท่าไรเซียวจิ่งอี้ลงจากหลังม้าก่อน จากนั้นจึงอุ้มอวิ๋นฝูหลิงลงมาอวิ๋นฝูหลิงพูดขึ้นด้วยความฉงน “ท่านพาข้ามาที่นี่ทำไม?”เซียวจิ่งอี้มิได้ตอบ ทำเพียงกอบกุมมือของอวิ๋นฝูหลิงไว้แล้วกล่าวว่า “ขึ้นไปดูบนเขากัน”อวิ๋นฝูหลิงดีดดิ้นสะบัดมืออยู่หลายครั้งก็ไม่หลุด จึงได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบไปลักษณะภูเขาลูกนี้ของหมู่บ้านซวงหลินไม่เหมือนกับเขาเฟิ่งลั่ว ทั้งยังไม่ได้สูงชันดูอันตราย และดูสลับซับซ้อนอย่างเขาเฟิ่งลั่วที่นี่เรียกว่าภูเขา แต่ในความจริงแล้วก็เป็นเพียงเนินเขาเล็ก ๆ ที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลสองถึงสามร้อยเมตรเท่านั้นฉะนั้นไม่นานนัก ท
อวิ๋นฝูหลิงอดยกมือขึ้นมากุมหน้าไม่ได้สวรรค์ นางไปทำเรื่องพรรค์นั้นกับเซียวจิ่งอี้ได้อย่างไร?น่าอับอายขายหน้าเป็นที่สุด!ต้องโทษที่พอมีของสวย ๆ งาม ๆ มาอยู่ตรงหน้าแล้ว นางมักจะยับยั้งความอดทนไว้ไม่ไหวไปชั่วขณะเสียทุกทีนอกจากลูบ ๆ คลำ ๆ แล้ว นางคงไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่มันเลยเถิดเกินไปกว่านั้นหรอกกระมัง?ครั้นเห็นว่าเสื้อผ้าบนตัวยังคงอยู่ดี คงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอกอวิ๋นฝูหลิงเขกหัวตัวเอง คิดในใจว่าต่อไปไม่อาจแตะสุราอีกนึกไม่ถึงเลยว่าร่างกายนี้ของนางจะคออ่อนขนาดนี้ ดื่มสุราอ่อน ๆ ไปเพียงจอกเดียวก็เมามายเสียขนาดนี้ขณะนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดคุยดังลอดเข้ามาจากด้านนอกประตูอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยปาก “ใครอยู่ข้างนอกน่ะ?”ชั่วพริบตาต่อมา ประตูห้องก็ถูกคนผลักออก อวิ๋นจิงมั่ววิ่งตึก ๆ เข้ามาด้วยขาสั้น ๆ ของตัวเองมีเหยากวงคอยเดินตามหลังเขาเข้ามาอวิ๋นจิงมั่ววิ่งเข้ามาถึงหัวเตียง เงยหน้ามองอวิ๋นฝูหลิง ดวงหน้าของเขามีแต่ความเป็นห่วงเป็นใย“ท่านแม่ ท่านไม่สบายตรงไหนบ้างไหม ปวดศีรษะบ้างหรือเปล่า?”“ข้าได้ยินพวกท่านลุงอู๋บอกว่า หากดื่มสุราจนเมาจะปวดศีรษะ”“ต้องดื่มน้ำแกงสร่างเมาถึงจ
“ท่านเป็นบุรุษแท้ ๆ เหตุใดผิวพรรณจึงดีขนาดนี้เล่า!”“ท่านดูแลเช่นไร แล้วปกติใช้ของบำรุงผิวอันไหน?”ชั่วพริบตานั้น เซียวจิ่งอี้ถึงกับร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออกอวิ๋นฝูหลิงบีบขยำใบหน้าของเขาอยู่พักใหญ่นางพึมพำออกมาเบา ๆ หลังผ่านไปครู่ใหญ่ “มันคงจะดีเหลือเกินหากท่านเป็นเพียงแค่พรานป่านามหวังลี่ผู้นั้น!”“แค่มีใบหน้างาม ๆ เช่นนี้ เจ๊จะเลี้ยงดูเจ้าเอง!”“แต่ทำไมท่านถึงต้องเป็นองค์ชายเจ็ดด้วยนะ!”“เหตุใดคนที่ข้าชอบจะต้องเป็นถึงองค์ชายด้วย?”“ท่านเป็นถึงองค์ชาย ข้าจะชอบท่านไม่ได้เด็ดขาด!”เซียวจิ่งอี้ทั้งตกใจทั้งปลื้มปีติ เขาโน้มตัวเข้าไปหาอวิ๋นฝูหลิงปรับน้ำเสียงให้ทุ้มต่ำ แล้วเอ่ยถามเบา ๆ ราวกับกำลังล่อลวงก็ไม่ปาน “เหตุใดข้าถึงเป็นองค์ชายไม่ได้?”“เหตุใดเจ้าถึงจะชอบองค์ชายไม่ได้?”อวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้ว แล้วโอดครวญออกมา “ราชวงศ์ต้องมีกฎเยอะมาก ๆ แบบมาก ๆ อยู่แน่”“หากข้าแต่งให้ท่าน เป็นพระชายาของท่านแล้ว ข้าจะยังเป็นหมอได้หรือไม่?”“เกรงว่าข้าคงจะถูกกักขังให้อยู่แต่ในวังหลัง คอยดูแลเรื่องงานบ้านงานเรือน ไม่แน่ว่าอาจจะต้องดูแลอนุอีกเป็นโขยงของท่านด้วยก็ได้!”“ข้ามิใช่คนโง่นะ!”
ชาวบ้านทั้งหลายต่างยิ้มแย้มพูดคุยกัน กินไปพลางคุยไปพลาง กระทั่งดวงอาทิตย์ลาลับลงฝั่งประจิม ทุกคนถึงได้ขอตัวลาเดิมทีอวิ๋นฝูหลิงคิดจะลุกขึ้นส่งพวกเขา ทว่าใครจะรู้ว่าทันทีที่ลุกขึ้นยืน ร่างกายของนางก็โงนเงนจวนจะล้มเคราะห์ดีที่เซียวจิ่งอี้อยู่ข้าง ๆ แล้วเข้าประคองไว้ได้ทันอวิ๋นฝูหลิงรู้สึกมึนศีรษะ เห็นเซียวจิ่งอี้มีเงาซ้อนทับกันเล็กน้อยนี่นางเมาแล้วหรือ?นางเพิ่งกินไปได้จอกเดียวเอง อีกทั้งพอเทียบกับเหล้าขาวในชาติก่อนแล้ว สุราในยุคสมัยนี้มีดีกรีน้อยกว่าหลายเท่าตัว แทบไม่แตกต่างจากน้ำเปล่าเลยด้วยซ้ำโปรดรู้ไว้ว่าเมื่อชาติก่อน นางได้ชื่อว่าคอทองแดงเชียวนะนี่เพิ่งจะดื่มได้จอกเดียว ก็ทำนางเมาเสียแล้ว?ทักษะการดื่มสุราของร่างนี้จะน้อยกว่าตัวนางในเมื่อก่อนมากเกินไปแล้วเซียวจิ่งอี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงร่างกายซวนเซ ไม่อาจยืนได้อย่างมั่นคง กอปรกับเห็นว่างสายตาของนางดูงุนงง สีหน้าดูเหม่อลอย จึงเดาได้ทันทีว่านางเมาแล้วชาวบ้านที่ก้าวเข้ามาหาเพื่อกล่าวลานั้นมองออกว่าอวิ๋นฝูหลิงเมาแล้ว จึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องส่งหรอก รีบประคองแม่นางอวิ๋นไปพักผ่อนเถิด แล้วก็ให้ดื่มน้ำแกงสร่างเมาสักถ้วย วันพ
วันงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ คนเกือบทั้งหมู่บ้านล้วนมาร่วมงานแม้ว่าอวิ๋นฝูหลิงจะสร้างเพียงแค่เรือนลานเดียว มีเรือนหลัก พร้อมด้วยเรือนปีกตะวันตกและเรือนปีกตะวันออก กอปรกับห้องครัว ห้องเก็บของ คอกม้าและห้องอื่น ๆ รวม ๆ แล้วก็ได้เจ็ดถึงแปดห้อง แต่ก็นับว่าเป็นบ้านที่มีสง่าราศีเป็นอันดับต้น ๆ ในหมู่บ้านซวงหลินเลยทีเดียวพอถึงเช้าตรู่ ชาวบ้านก็นำของอวยพรมามอบให้ถึงประตูบ้าน แล้วเข้าไปชมบ้านหลังใหม่ของสกุลอวิ๋นห้องต่าง ๆ ล้วนดูเป็นปกติทั่วไป มีเพียงห้องอาบน้ำและห้องครัวเท่านั้นที่แปลกไม่เหมือนใครโดยเฉพาะห้องอาบน้ำ ที่ไม่เพียงมีท่อน้ำที่ตรงออกไปข้างนอกห้อง สามารถเทน้ำที่ผ่านการอาบการใช้ภายในห้องลงในท่อได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงยกน้ำออกไปเททิ้งด้านนอกอีกแล้วเท่านั้นยังมีของกลม ๆ ที่ได้ยินมาว่าเรียกว่าฝักบัวอาบน้ำอยู่ด้วย พอเปิดจุกกั้นออกน้ำร้อนก็จะออกมาทันทีจะล้างเนื้อล้างตัวช่วงหน้าร้อนก็สบายไม่น้อยอีกทั้งส้วมที่ก่อขึ้นจากอิฐสีคราม หลังถ่ายเบาถ่ายหนักก็สามารถราดน้ำลงไปได้เลย ซึ่งมันจะไหลผ่านท่อน้ำไปลงในบ่อเกรอะที่อยู่หลังบ้านชาวบ้านพากันมองด้วยความประหลาดใจ มีบางคนถึงขั้นอดใจเ