“ต่อไปนี้เธอไม่ต้องมาหาฉันอีกแล้วนะ...”
ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างสมบูรณ์แบบ หล่อเหลา สง่างาม ราวเทพบุตร ที่ยากหาใดเปรียบเอ่ยขึ้นขณะยืนแต่งตัวอยู่ในห้องแต่งตัวอันหรูหรา แต่กระนั้นเสียงของเขาก็ดังพอที่จะทำให้หญิงสาวที่กระศึกสวาทอันร้อนแรงมาทั้งคืน อย่าง โชติกา ได้ยิน อย่างชัดเจน หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตากลมโตเหม่อมองเพดาห้องนอนหรูอย่างเลื่อนลอย หัวใจเจ็บแปลบ แต่ก็ไม่สามารถแสดงความเจ็บปวดออกมาได้ เพราะเมื่อ วิกเตอร์ วรเวช เมโลนี่ สุริยสกุล ผู้เป็นเจ้านาย เจ้าชีวิตของเธอได้เอ่ยออกมาเช่นนี้ นั่นหมายความว่าเธอหมดความสำคัญ หมดความน่าสนใจหรือน่าเสน่หาสำหรับเขาแล้วนั่นเอง
“เธอได้ยินที่ฉันพูดไหม เกรซ” วิกเตอร์จะเรียกเธอว่า เกรซ แทนชื่อเล่น ว่า แก้ม เพราะเขาสามารถออกเสียงได้ชัดเจนกว่า แม้ว่าวิกเตอร์จะสามารถพูดภาษาไทยได้ก็ตาม
“ค่ะ ได้ยิน”
หญิงสาวค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้นหลังจากมองเพดานนิ่งเหมือนร่างไร้วิญญาณอยู่ชั่วครู่ โชติกาดึงผ้าห่มมาพันรอบกายสาวเปลือยเปล่าที่มีร่องรอยสวาทฝากฝังไว้ทั่วทั้งเนินอกอิ่ม แล้วมองสบตาเขา หลังจากที่วิคเตอร์ เดินออกมาจากห้องแต่งตัว
ดวงตาคมสีเขียวเข้มเกือบดำมองเธอนิ่ง แววตาของเขามืดลึกสุดจะคาดเดาได้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาหาใครเทียบกำลังคิดอะไรอยู่
“แต่ว่า.. สัญญาของเรา เอ่อ ยังไม่ถึงกำหนดเลยนี่คะ”
“พอดีว่าฉันเบื่อแล้วน่ะ”
คำตอบที่ออกมาจากปากของเขานั้นช่างบาดลึกจนเลือดในอกทะลัก หน้าชาดิกด้วยความอับอาย หญิงสาวพยายามซ่อนความรู้สึกภายใต้ใบหน้านวลใสปราศจากเครื่องสำอาง แล้วยิ้มบางๆ ให้เขา
“ดีจังค่ะ ระยะเวลาสั้นลงก็ดีเหมือนกันแก้มจะได้ไม่ต้องแอบซ่อนอะไรอีก ที่ผ่านมาอึดอัดจะแย่”
หญิงสาวแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วเบือนหน้าหนีดวงตาคมเข้มของเขาที่จ้องมองมานิ่ง พยายามซ่อนน้ำร้อนๆ ที่กำลังจะเอ่อคลอออกมาจากกระบอกตาที่ร้อนผ่าว จนทำได้สำเร็จ จึงหันกลับมามองสบตากับเขาอีกครั้ง แววตาเด็ดเดี่ยวสีหน้าเรียบเฉย เมื่อเสียงห้าวของเขาฟังดูเหมือนมีความไม่พอใจเคลือบแฝงอยู่
“เธอบอกว่าเธออึดอัดอย่างนั้นหรือเกรซ”
“ค่ะ แก้มแทบไม่ได้ใช้ชีวิตในแบบที่อยากทำ ไม่ได้ไปเที่ยวไหนกับเพื่อนๆ แล้วยังต้องคอยหลบซ่อนเก็บความลับระหว่างเราอีก ในที่ทำงานแก้มก็แทบไม่กล้าคุยกับใครเลย มันอึดอัดอยู่นะคะ จะลาออกหลายทีแล้วแต่ก็เหมือนมีอะไรค้างคา.. แต่แก้มก็จะบอกคุณวิคอยู่เหมือนกันว่าอยากลาออก... ถ้าคุณไม่ว่าอะไร แก้มขอลาออกจากบริษัทนับจากวันนี้ไปเลยได้มั้ยคะ”
หญิงสาวบอกเขาเป็นประโยคยาวๆ เหมือนการระบายความในใจ และนี่คงเป็นคำสนทนาที่ยาวที่สุดเท่าที่คุยกันมาเลยก็ว่าได้ เพราะปกติแล้วเธอกับเขาแทบไม่ได้คุยกัน เพราะทำอย่างอื่นมากกว่า นั่นคือเรื่องบนเตียง
“ไม่ได้” ชายหนุ่มพูดเสียงดังเหมือนจะตวาดแต่ใบหน้าหล่อเหลาก็ยังคงเรียบเฉยเหมือนว่าเขาไร้ความรู้สึก
“ทำไมล่ะคะ ในเมื่อเราไม่ต้องมามีความสัมพันธ์กันแล้ว และอีกอย่างแก้มก็เบื่อแล้วเหมือนกัน
เธอบอกเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในเมื่อเขาทำหน้าแบบนั้นได้ เธอก็ทำได้เหมือนกัน แต่ที่เธอบอกเขาว่าเบื่อนั้น คือ เบื่อการที่ต้องแอบรักเขาข้างเดียว และต้องหลบซ่อนแอบปกปิดความสัมพันธ์ที่มีต่อกันไว้
ในที่ทำงาน เธอกับเขาคือนายจ้าง กับลูกจ้าง เธอเป็นเพียงพนักงานในแผนกบัญชีตัวเล็กๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น หรือน่าสใน ทั้งยังไม่เป็นที่สนใจของใครเพราะนอกจากจะเป็นคนพูดน้อย เพื่อนน้อยแล้ว เธอเป็นหญิงสาววัยยี่สิบห้าที่หน้าตาจืดชืด ไม่ได้สวยผุดผาดบาดตาเหมือนสาวๆ รุ่นเดียวกัน แถมแต่งตัวก็ไม่ทันสมัยจะเรียกว่าเชยก็ไม่ใช่ จะทันสมัยก็ไม่เชิง เพราะเธอมักสวมเสื้อเชิ้ตสีอ่อน กับเสื้อสูทและกระโปรงทรงเอ หรือไม่ก็ทรงสอบเข้ารูป แบบนี้มาตลอดห้าทีที่ทำงานในบริษัทที่มีวิคเตอร์นั่งแท่นประธาน
“เพราะเธอต้องทำงานในตำแหน่งจนกว่าทางฝ่ายบุคคลจะหาคนมาแทนได้”
“แต่ว่า..”
“เธอไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะไม่มีคนมาแทนที่เธอ... บริษัทของฉันใครๆ ก็อยากเข้ามาทำงาน”
คำพูดแสนเย็นชาของเขาทำให้โชติกาอดคิดไม่ได้ว่าที่วิคเตอร์พูดว่า ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีคนมาแทนนี่เธอนั้น เขาหมายถึง ทั้งเรื่องงาน และเรื่องผู้หญิงของเขาใช่ไหม...
ใช่.. แน่นอนว่า หญิงสาวมากมายอยากเป็นผู้หญิงของวิคเตอร์ รวมทั้งเธอด้วย ไม่อย่างนั้นตลอดสามปีที่ผ่านมาเธอคงไม่ยอมอยู่ในความลับ เป็นนางบำเรอ เป็นผู้หญิงลับๆ เป็นเมียเก็บ หรืออะไรก็แล้วแต่ของเขาหรอก
สามปี.. สามปีเชียวนะ จะว่านานก็นาน จะว่าไม่นานก็ไม่เชิง แต่ตอนนี้โชติการู้สึกเหมือนว่า เวลาสามปี เหมือนเพิ่งผ่านไปสามวัน เจอกัน นอนด้วยกัน แล้วก็เลิกกัน...
หญิงสาวนึกสมเพชตัวเองเหลือเกิน...
“เอาล่ะฉันจะเข้าบริษัทมีประชุมด่วนจากผู้ถือหุ้น แต่เธอลาหยุดไปเลย พรุ่งนี้ค่อยไปทำงาน”
“ค่ะ” โชติกาตอบรับเบาๆ ไม่มองคนที่กำลังเดินไปที่ประตู
“เดี๋ยวค่ะ...” หญิงสาวตัดสินใจเรียกเขาไว้ และร่างสูงใหญ่งามสง่าก็หันหลับมามองอย่างแคลงใจ
“มีอะไร”
“ในเมื่อสัญญาระหว่างเราสิ้นสุดลงแล้ว แก้มก็สามารถมีคนรัก หรือจะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ โดยที่คุณวิคจะไม่ต่อว่าหรือขัดขวาง และเมื่อมีคนมาแทนที่แก้มแล้ว แก้มก็สามารถลาออกได้เลยถูกมั้ยคะ”
กรามแกร่งดูเหมือนกระตุกเล็กน้อย แววตาดูเหมือนมีประกายไฟบางอย่าง
เหมือนเขาโกรธ นี่เธอไม่ได้พูดอะไรผิดไปใช่ไหม
“ใช่” คำตอบแสนเย็นชาไร้เยื่อใยดังออกมาจากปากเรียวสวยราวสตรีของเขา แม้มันจะทิ่มแทงใจดวงน้อยของเธอแค่ไหน แต่โชติกาก็ต้องฝืนยิ้มแสดงความยินดี
“ขอบคุณค่ะ ท่านประธานไปทำงานเถอะค่ะ เดี๋ยวสักครู่ดิฉันก็จะกลับแล้ว”
“เดี๋ยวฉันจะให้เลขาของฉันจัดการเรื่องเงินให้ก็แล้วกัน ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้เงินตามสัญญา เพราะฉันยกเลิกฉันจะรับผิดชอบเอง”
“ขอบคุณค่ะ” โชติกาตอบรับโดยดี แต่ไม่ได้หันไปมองคนพูด เธอยังคงนั่งหันหลังให้เขาและเหม่อมองไปยังทิวทัศน์ด้านนอกห้อง จึงไม่ได้เห็นสายตาของชายหนุ่มที่จ้องแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่มีเรือนผมสลวยหนักเป็นลอนตามธรรมชาติที่ยาวถึงเนินสะโพกคลอเคลียอยู่ ก่อนที่เขาจะเดินจากไปแล้วปิดประตูให้อย่างเบามือ
เมื่อประตูปิดลงโชติกาก็หันไปมองประตูบานนั้นที่ปิดลง เสมือนกั้นเธอกับเขาไว้ให้อยู่ในคนละฟากฝั่งทั้งน้ำตา ก่อนจะยอกมือขึ้นลูบแก้มที่เปียกชื้นด้วยน้ำตาออกช้าๆ แล้วลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว แล้วออกไปจากบ้านหลังงามนี้ให้เร็วที่สุด...
ตอนที่1.โชติกาขอลางานสามวัน... ซึ่งการลางานครั้งนี้ของเธอทำให้เพื่อนๆ ในแผนกต่างก็แปลกใจเพราะไม่เคยเห็นโชติกาใช้สิทธิ์วันหยุดเลย เพราะทุกคนในแผนกต่างก็รู้ว่าเธอนั้นขยันและตั้งใจทำงานแค่ไหน และมีข่าวแว่วๆ มาว่า ผู้จัดการจะเลื่อนตำแหน่งให้โชติกามาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนก“แก้ม เธอลางานตั้งสามวันเป็นอะไรรึเปล่าไม่สบายตรงไหนมั้ย”ผิง หรือ พิมพ์ผกา เพื่อนสนิทของเธอเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวน แถมยังข้ามแผนกมาหาด้วย เพราะพิมพ์ผกานั้นอยู่แผนการตลาด“ไม่เป็นไรหรอก แค่ย้ายห้องนิดหน่อยน่ะ”“เฮ้ย ย้ายห้องอะไรไม่เห็นบอกกันบ้างเลย ฉันจะได้ไปช่วยขนของ เผื่อมีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้าน”พิมพ์ผกาหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี และคลายใจเมื่อรู้ว่าเพื่อนของตนไม่ได้ป่วยหรือเป็นอะไรไป เพราะสามวันที่ผ่านมา เธอโทร. หาโชติกา แต่โชติกาไม่รับสายแต่ส่งข้อความมาว่ากำลังยุ่งอยู่และสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง แต่คนเป็นเพื่อนอย่างเธอก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ พอมาทำงานแล้วรู้ว่าโชติกามาทำงานแล้ว ก็รีบวิ่งแจ้นมาที่แผนกของเพื่อนรักก่อนไปแผนกตัวเองเสียอีก“ยายงก ตัวเองก็รวยกว่าฉันยังจะมาแอบเหล่จิ๊กของในห้องฉันอีก”“แหม.. ก็เธอเทส
ตอนที่2.ภาพสองหนุ่มสาวที่ยืนคุยกันอยู่ที่หน้าแผนกบัญชีทำให้เท้าแข็งแรงของวิคเตอร์ชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาที่มักเรียบเฉยดูกระด้างเย็นชาอยู่เสมอนั้นดูมีแววเกรี้ยวกราดเล็กน้อย แต่เพียงแค่พริบตาเดียวร่องรอยนั้นก็หายไป เหลือเพียงใบหน้าหล่อเหลากระด้างเย็นชาเหมือนเดิม“นายขึ้นไปที่ห้องทำงานก่อน” เขาหันไปสั่ง สตีฟ บอดีการ์ดคู่ใจและเป็นทั้งเลขาส่วนตัวของเขา“ครับ” สตีฟรับคำสั้นๆ แล้วเดินไปยังลิฟต์ผู้บริหารก่อนเจ้านายอย่างรู้หน้าที่ และทันทีที่สตีฟหายเข้าไปในลิฟต์ร่างสูงใหญ่กว่า 190 เซนติเมตร เบนเป้าหมายไปยังคนทั้งสองนั้นที่วันนี้ดูขัดหูเขาตาเขานัก จนเขาทนไม่ได้ ในอกของวิคเตอร์ร้อนรุ่มอย่างหาคำอธิบายไม่ได้“ไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่นะราม” เสียงห้าว เข้มขุ่นดังขึ้นทำให้โชติกากับราเมศที่พูดคุยกันอย่างถูกคอและกำลังแอบนินทาเพื่อนรักกันอยู่ถึงกับชะงัก รอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าที่ค้างอยู่ค่อยๆ เลือนหายไป แทนที่ด้วยความหวาดหวั่นและยำเกรง ในความรู้สึกของโชติกา แต่สำหรับราเมศนั้นด้วยความที่เป็นคนขี้เล่นและอารมณ์ดี จึงไม่ได้คิดอะไร“หวัดดีครับพี่ชาย ไม่คิดว่าจะเจอพี่วิคที่นี่เหมือนกัน”“นายมาทำอะไรที่นี่”วิคเ
ตอนที่3. โชติกากับพิมพ์ผกา สองสาวเพื่อนรักที่ชื่อลงท้ายเหมือนกัน กำลังนั่งรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่โรงอาหารของบริษัทอย่างเอร็ดอร่อย พิมพ์ผกากำลังพูดถึงพี่ชายของตน และแอบเชียร์ให้ พีรภัทร ลงเอยกับเพื่อนรัก เธอกำลังบรรยายสรรพคุณอันแสนดีของพี่ชายให้เพื่อนรักฟัง จนโชติกาอดขันไม่ได้เพราะรู้ว่าพิมพ์ผกานั้นอยากให้เธอกับ พี่พีท ของตนลงเอยกัน“พี่พีทนี่ดีทุกอย่าง ยกเว้นเป็นเพื่อนกับอีตาลามเป็นขี้กลากนั่น” พิมพ์ผกาทำหน้าบูดบึ้งเมื่อพูดถึงราเมศ ทั้งยังตั้งให้หลายฉายา แต่ที่ใช้บ่อยสุด นี่น่าจะเป็น อีตาลามเป็นขี้กลาก นี่ล่ะ จากราม รอเรือ เป็นลาม ลอลิง“นี่ถามจริงๆ เถอะ เธอโกรธเคืองเคียดแค้นอะไรคุณรามเขานักหนา แล้วดูสิ เรียกเขาแบบนั้น น่าเกลียดจริง” โชติกาพูดพลางหัวเราะเบาๆ“หึ.. อย่าให้พูดเลย” พิมพ์ผกาบ่นงึมงำแล้วเมินหน้าหนี ดูท่าทางมีพิรุธ แต่ไม่ทันที่โชติกาจะเอ่ยถาม ก็ปรากฏมีหญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินมาที่โต๊ะของพวกเธอที่นั่งกินข้าวกันอยู่“อุ๊ย ต๊าย อีกาสองตัววันนี้มากินอาหารในโรงอาหารด้วย คงไม่มีปัญญาไปกินอาหารหรูๆ ดีๆ อย่างพวกเราเนอะ”สองสาวเงยหน้ามองคนพูดที่มืออีกข้างก็ถือถุงกระดาษใส่กล่องอ
ตอนที่4. พิมพ์ผกายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเริ่มสวดมนต์บท คาถาป้องกันภัย 10 ทิศ ทั้งเอาแปรงปัดแก้มจุ่มลงไปในแก้วน้ำแล้วสลัดใส่ชาลินีกับเพื่อนๆ ทั้งยังทำท่าเหมือนร่ายรำประกอบเสียงสวดอันไพเราะ เพราะเธอเป็นคนร้องเพลงเสียงดีมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าไปประกวดรายการไมค์ทองคำคงได้แชมป์สามสมัยติดต่อกันแน่นอน...“บูระพารัส์มิง พระพุทธะคุณัง บูระพารัส์มิง พระธัมเมตังบูระพารัส์มิง พระสังฆานัง ทุกขะโร คะภะยัง วิวัญชัยเยสัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัยสัพพะเคราะห์ เสนียดจัญไร สัพพะเคราะห์ตัวนอก สัพพะเคราะห์ตัวในสัพพะเคราะห์ตัวใดๆ ขอให้กลายเป็นดี”พอถึงบทนนี้ พิมพ์ผกาก็เน้นคำว่า เสนียดจัญไร แล้วสลัดน้ำใส่หน้าชาลินีแบบเต็มๆ จนหญิงสาวกรีดร้องลั่นเลยทีเดียว พิมพ์ผกายิ้มน้อยๆ แล้วสวดมนต์ต่อด้วยท่าทางจริงจัง ราวกับแม่ชีผู้ถือศีลเคร่งครัดเลยทีเดียว“เคราะห์ปี เคราะห์เดือน เคราะห์วัน เคราะห์ปีขอให้เคลื่อนเคราะห์เดือนขอให้คลาย เคราะห์วันขอให้หาย เหมือนน้ำดับไฟ อภิวัญชัยเย สัพพะธะนัง สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม รักขันตุ สุรักขันตุ...”พิมพ์ผกาสลัดน้ำใส่ทั้งสามสาวรัวๆ เลยทีเดียว“ว้ายๆ ฉันเปียกหมดแล้วเนี่ย อ๊าย... ฉันไม่
ตอนที่4. พิมพ์ผกายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเริ่มสวดมนต์บท คาถาป้องกันภัย 10 ทิศ ทั้งเอาแปรงปัดแก้มจุ่มลงไปในแก้วน้ำแล้วสลัดใส่ชาลินีกับเพื่อนๆ ทั้งยังทำท่าเหมือนร่ายรำประกอบเสียงสวดอันไพเราะ เพราะเธอเป็นคนร้องเพลงเสียงดีมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าไปประกวดรายการไมค์ทองคำคงได้แชมป์สามสมัยติดต่อกันแน่นอน...“บูระพารัส์มิง พระพุทธะคุณัง บูระพารัส์มิง พระธัมเมตังบูระพารัส์มิง พระสังฆานัง ทุกขะโร คะภะยัง วิวัญชัยเยสัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัยสัพพะเคราะห์ เสนียดจัญไร สัพพะเคราะห์ตัวนอก สัพพะเคราะห์ตัวในสัพพะเคราะห์ตัวใดๆ ขอให้กลายเป็นดี”พอถึงบทนนี้ พิมพ์ผกาก็เน้นคำว่า เสนียดจัญไร แล้วสลัดน้ำใส่หน้าชาลินีแบบเต็มๆ จนหญิงสาวกรีดร้องลั่นเลยทีเดียว พิมพ์ผกายิ้มน้อยๆ แล้วสวดมนต์ต่อด้วยท่าทางจริงจัง ราวกับแม่ชีผู้ถือศีลเคร่งครัดเลยทีเดียว“เคราะห์ปี เคราะห์เดือน เคราะห์วัน เคราะห์ปีขอให้เคลื่อนเคราะห์เดือนขอให้คลาย เคราะห์วันขอให้หาย เหมือนน้ำดับไฟ อภิวัญชัยเย สัพพะธะนัง สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม รักขันตุ สุรักขันตุ...”พิมพ์ผกาสลัดน้ำใส่ทั้งสามสาวรัวๆ เลยทีเดียว“ว้ายๆ ฉันเปียกหมดแล้วเนี่ย อ๊าย... ฉันไม่
ตอนที่3. โชติกากับพิมพ์ผกา สองสาวเพื่อนรักที่ชื่อลงท้ายเหมือนกัน กำลังนั่งรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่โรงอาหารของบริษัทอย่างเอร็ดอร่อย พิมพ์ผกากำลังพูดถึงพี่ชายของตน และแอบเชียร์ให้ พีรภัทร ลงเอยกับเพื่อนรัก เธอกำลังบรรยายสรรพคุณอันแสนดีของพี่ชายให้เพื่อนรักฟัง จนโชติกาอดขันไม่ได้เพราะรู้ว่าพิมพ์ผกานั้นอยากให้เธอกับ พี่พีท ของตนลงเอยกัน“พี่พีทนี่ดีทุกอย่าง ยกเว้นเป็นเพื่อนกับอีตาลามเป็นขี้กลากนั่น” พิมพ์ผกาทำหน้าบูดบึ้งเมื่อพูดถึงราเมศ ทั้งยังตั้งให้หลายฉายา แต่ที่ใช้บ่อยสุด นี่น่าจะเป็น อีตาลามเป็นขี้กลาก นี่ล่ะ จากราม รอเรือ เป็นลาม ลอลิง“นี่ถามจริงๆ เถอะ เธอโกรธเคืองเคียดแค้นอะไรคุณรามเขานักหนา แล้วดูสิ เรียกเขาแบบนั้น น่าเกลียดจริง” โชติกาพูดพลางหัวเราะเบาๆ“หึ.. อย่าให้พูดเลย” พิมพ์ผกาบ่นงึมงำแล้วเมินหน้าหนี ดูท่าทางมีพิรุธ แต่ไม่ทันที่โชติกาจะเอ่ยถาม ก็ปรากฏมีหญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินมาที่โต๊ะของพวกเธอที่นั่งกินข้าวกันอยู่“อุ๊ย ต๊าย อีกาสองตัววันนี้มากินอาหารในโรงอาหารด้วย คงไม่มีปัญญาไปกินอาหารหรูๆ ดีๆ อย่างพวกเราเนอะ”สองสาวเงยหน้ามองคนพูดที่มืออีกข้างก็ถือถุงกระดาษใส่กล่องอ
ตอนที่2.ภาพสองหนุ่มสาวที่ยืนคุยกันอยู่ที่หน้าแผนกบัญชีทำให้เท้าแข็งแรงของวิคเตอร์ชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาที่มักเรียบเฉยดูกระด้างเย็นชาอยู่เสมอนั้นดูมีแววเกรี้ยวกราดเล็กน้อย แต่เพียงแค่พริบตาเดียวร่องรอยนั้นก็หายไป เหลือเพียงใบหน้าหล่อเหลากระด้างเย็นชาเหมือนเดิม“นายขึ้นไปที่ห้องทำงานก่อน” เขาหันไปสั่ง สตีฟ บอดีการ์ดคู่ใจและเป็นทั้งเลขาส่วนตัวของเขา“ครับ” สตีฟรับคำสั้นๆ แล้วเดินไปยังลิฟต์ผู้บริหารก่อนเจ้านายอย่างรู้หน้าที่ และทันทีที่สตีฟหายเข้าไปในลิฟต์ร่างสูงใหญ่กว่า 190 เซนติเมตร เบนเป้าหมายไปยังคนทั้งสองนั้นที่วันนี้ดูขัดหูเขาตาเขานัก จนเขาทนไม่ได้ ในอกของวิคเตอร์ร้อนรุ่มอย่างหาคำอธิบายไม่ได้“ไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่นะราม” เสียงห้าว เข้มขุ่นดังขึ้นทำให้โชติกากับราเมศที่พูดคุยกันอย่างถูกคอและกำลังแอบนินทาเพื่อนรักกันอยู่ถึงกับชะงัก รอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าที่ค้างอยู่ค่อยๆ เลือนหายไป แทนที่ด้วยความหวาดหวั่นและยำเกรง ในความรู้สึกของโชติกา แต่สำหรับราเมศนั้นด้วยความที่เป็นคนขี้เล่นและอารมณ์ดี จึงไม่ได้คิดอะไร“หวัดดีครับพี่ชาย ไม่คิดว่าจะเจอพี่วิคที่นี่เหมือนกัน”“นายมาทำอะไรที่นี่”วิคเ
ตอนที่1.โชติกาขอลางานสามวัน... ซึ่งการลางานครั้งนี้ของเธอทำให้เพื่อนๆ ในแผนกต่างก็แปลกใจเพราะไม่เคยเห็นโชติกาใช้สิทธิ์วันหยุดเลย เพราะทุกคนในแผนกต่างก็รู้ว่าเธอนั้นขยันและตั้งใจทำงานแค่ไหน และมีข่าวแว่วๆ มาว่า ผู้จัดการจะเลื่อนตำแหน่งให้โชติกามาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนก“แก้ม เธอลางานตั้งสามวันเป็นอะไรรึเปล่าไม่สบายตรงไหนมั้ย”ผิง หรือ พิมพ์ผกา เพื่อนสนิทของเธอเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวน แถมยังข้ามแผนกมาหาด้วย เพราะพิมพ์ผกานั้นอยู่แผนการตลาด“ไม่เป็นไรหรอก แค่ย้ายห้องนิดหน่อยน่ะ”“เฮ้ย ย้ายห้องอะไรไม่เห็นบอกกันบ้างเลย ฉันจะได้ไปช่วยขนของ เผื่อมีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้าน”พิมพ์ผกาหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี และคลายใจเมื่อรู้ว่าเพื่อนของตนไม่ได้ป่วยหรือเป็นอะไรไป เพราะสามวันที่ผ่านมา เธอโทร. หาโชติกา แต่โชติกาไม่รับสายแต่ส่งข้อความมาว่ากำลังยุ่งอยู่และสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง แต่คนเป็นเพื่อนอย่างเธอก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ พอมาทำงานแล้วรู้ว่าโชติกามาทำงานแล้ว ก็รีบวิ่งแจ้นมาที่แผนกของเพื่อนรักก่อนไปแผนกตัวเองเสียอีก“ยายงก ตัวเองก็รวยกว่าฉันยังจะมาแอบเหล่จิ๊กของในห้องฉันอีก”“แหม.. ก็เธอเทส
บทนำ“ต่อไปนี้เธอไม่ต้องมาหาฉันอีกแล้วนะ...”ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างสมบูรณ์แบบ หล่อเหลา สง่างาม ราวเทพบุตร ที่ยากหาใดเปรียบเอ่ยขึ้นขณะยืนแต่งตัวอยู่ในห้องแต่งตัวอันหรูหรา แต่กระนั้นเสียงของเขาก็ดังพอที่จะทำให้หญิงสาวที่กระศึกสวาทอันร้อนแรงมาทั้งคืน อย่าง โชติกา ได้ยิน อย่างชัดเจน หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตากลมโตเหม่อมองเพดาห้องนอนหรูอย่างเลื่อนลอย หัวใจเจ็บแปลบ แต่ก็ไม่สามารถแสดงความเจ็บปวดออกมาได้ เพราะเมื่อ วิกเตอร์ วรเวช เมโลนี่ สุริยสกุล ผู้เป็นเจ้านาย เจ้าชีวิตของเธอได้เอ่ยออกมาเช่นนี้ นั่นหมายความว่าเธอหมดความสำคัญ หมดความน่าสนใจหรือน่าเสน่หาสำหรับเขาแล้วนั่นเอง“เธอได้ยินที่ฉันพูดไหม เกรซ” วิกเตอร์จะเรียกเธอว่า เกรซ แทนชื่อเล่น ว่า แก้ม เพราะเขาสามารถออกเสียงได้ชัดเจนกว่า แม้ว่าวิกเตอร์จะสามารถพูดภาษาไทยได้ก็ตาม“ค่ะ ได้ยิน”หญิงสาวค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้นหลังจากมองเพดานนิ่งเหมือนร่างไร้วิญญาณอยู่ชั่วครู่ โชติกาดึงผ้าห่มมาพันรอบกายสาวเปลือยเปล่าที่มีร่องรอยสวาทฝากฝังไว้ทั่วทั้งเนินอกอิ่ม แล้วมองสบตาเขา หลังจากที่วิคเตอร์ เดินออกมาจากห้องแต่งตัวดวงตาคมสีเขียวเข้มเกือบดำมอง