ตอนที่3.
โชติกากับพิมพ์ผกา สองสาวเพื่อนรักที่ชื่อลงท้ายเหมือนกัน กำลังนั่งรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่โรงอาหารของบริษัทอย่างเอร็ดอร่อย พิมพ์ผกากำลังพูดถึงพี่ชายของตน และแอบเชียร์ให้ พีรภัทร ลงเอยกับเพื่อนรัก เธอกำลังบรรยายสรรพคุณอันแสนดีของพี่ชายให้เพื่อนรักฟัง จนโชติกาอดขันไม่ได้เพราะรู้ว่าพิมพ์ผกานั้นอยากให้เธอกับ พี่พีท ของตนลงเอยกัน
“พี่พีทนี่ดีทุกอย่าง ยกเว้นเป็นเพื่อนกับอีตาลามเป็นขี้กลากนั่น” พิมพ์ผกาทำหน้าบูดบึ้งเมื่อพูดถึงราเมศ ทั้งยังตั้งให้หลายฉายา แต่ที่ใช้บ่อยสุด นี่น่าจะเป็น อีตาลามเป็นขี้กลาก นี่ล่ะ จากราม รอเรือ เป็นลาม ลอลิง
“นี่ถามจริงๆ เถอะ เธอโกรธเคืองเคียดแค้นอะไรคุณรามเขานักหนา แล้วดูสิ เรียกเขาแบบนั้น น่าเกลียดจริง” โชติกาพูดพลางหัวเราะเบาๆ
“หึ.. อย่าให้พูดเลย” พิมพ์ผกาบ่นงึมงำแล้วเมินหน้าหนี ดูท่าทางมีพิรุธ แต่ไม่ทันที่โชติกาจะเอ่ยถาม ก็ปรากฏมีหญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินมาที่โต๊ะของพวกเธอที่นั่งกินข้าวกันอยู่
“อุ๊ย ต๊าย อีกาสองตัววันนี้มากินอาหารในโรงอาหารด้วย คงไม่มีปัญญาไปกินอาหารหรูๆ ดีๆ อย่างพวกเราเนอะ”
สองสาวเงยหน้ามองคนพูดที่มืออีกข้างก็ถือถุงกระดาษใส่กล่องอาหารร้านดังที่ราคาอาหารก็โคตรแพง อีกมือยกแก้วกาแฟยี่ห้อดังราคาแพงหูดับตับปลิ้นขึ้นดูดด้วยท่าทางที่โชติกากับพิมพ์ผากมองหน้ากัน แล้วก็คิดตรงกันโดยไม่ต้องพูดออกมา
ดัดจริต... คำเดียวสั้นๆ อ้อ.. แถม น่าถีบ อีกหนึ่งคำ...
“แหม... ก็ใคร จะไปมีเงินทองกองท่วมหอย เอ๊ย ท่วมหัว มีทรัพย์สินมีกินมีใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด แต่ต้องมาเป็นลูกจ้าง ทำงานงกๆ แถมตำแหน่งก็สูงน้อยกว่าฉันที่เป็นแค่ทายาทสัปเหร่อมืออาชีพ อย่างเธอล่ะจ๊ะ คุณหนูเชอแรดดด เอ๊ย เชอร์รี่ ศรีสยาม นามก็เพราะอย่าง คุณชาลินี มณีสวรรค์สร้าง ที่ทั้งสวย ทั้งปากดีปากเก่งงงงงงงง”
เป็นพิมพ์ผกาที่เอ่ยขึ้น ทั้งจีบปากจีบคอพูดด้วยท่าทางที่เลียนแบบชาลินี คู่กัดเจ้าเก่าขาประจำที่มาพร้อมเพื่อนลิ่วล้ออีกสองคน พิศสมร กับ หนึ่งฤทัย ซึ่งทั้งสามสาวนี้มักจะชอบมาหาเรื่องแขวะและเหน็บแนมเธอกับโชติกาเสมอ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ที่ทำให้ชาลินีชอบมาเรื่องพวกเธอนัก ทั้งๆ ที่อยู่กันคนละแผนก และเธอกับโชติกาก็ไม่เคยไปหาเรื่องระรานชาลินีกับลิ่วล้อเลย
“นี่ฉันพูดด้วยดีๆ นะยะ” ชาลินีเสียงเขียว
“อ้าว แล้วนี่ฉันพูดไม่ดีตรงไหน มีแต่ชื่นชมเธอเลยนะ แล้วก็ยังพูดจริงทุ้กกก คำเลยนะจ๊ะ”
พิมพ์ผกาลุกขึ้นเผชิญหน้ากับชาลินีที่ทำท่าจะดีดดิ้น ทั้งที่ตัวเองเข้ามาหาเรื่องก่อน แล้วยังเรียกพวกเธอว่า อีกา อีก ไม่เอาจานส้มตำปูปลาร้าฟาดปากก็บุญเท่าไหร่แล้ว
“แกประชดประชันฉัน”
“แล้วที่เธอเรียกพวกฉันว่า อีกาล่ะ มันดีกว่าตรงไหน นี่จะบอกอะไรให้นะ ปาหินใส่หัวคนอื่นแล้วมาทำดัดจริต ทำตัวเป็นผู้ถูกกระทำตอนเขาปาหินกลับ มันเรียกว่าอะไรนะ..”
พิมพ์ผกาเป็นคนประเภทกล้าได้กล้าเสีย แถมเก่งรอบด้าน และไม่เคยกลัวใคร ทั้งยังไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายข่มเหง มีหรือจะยอม ปาหินมาก็ปาหินกลับสิ จะยอมทำไม
“ผิง ไม่เอาน่า คนมองใหญ่แล้ว”
โชติกาที่เป็นคนอ่อนโยน น่ารักและแน่นอนว่าอ่อนแอกว่าเพื่อนรักที่มักออกหน้าปกป้องอยู่เสมอ เอ่ยขึ้นพลางมองไปรอบๆ และสายตาของเธอก็ไปสะดุดที่วิคเตอร์กับราเมศ ที่ไม่รู้ทำไมวันนี้มาที่โรงอาหาร แต่อยู่ในโซนของห้องอาหารผู้บริหาร แต่กระจกใสนั้นทำให้สามารถมองเห็นโซนที่ห้องอาหารของพนักงานทั่วไป
“ยายนี่อีกคน ทำตัวเป็นนางเอกผู้แสนดี สนิมสร้อยซะจริ๊ง”
ชาลีนีหันมาจิกตาใส่โชติกา แล้วสองลิ่วล้อก็ก้าวขึ้นมายืนข้างๆ ซ้ายขวา พิมพ์ผกายิ้มเยาะ ยกมือขึ้นกอดอกแล้วเดินเข้าไปหาด้วยท่าท่างเอาเรื่อง ดวงตาคมสวยแข็งกร้าวมองพิศสมรกับหนึ่งฤทัยนิ่ง จนทั้งสองรีบก้าวถอยหลังไปยืนหนุนหลังชาลีนี และท่าทางของทั้งสองทำให้ชาลินีไม่พอใจมาก
“นี่พวกแก จะไปกลัวมันทำไม มันตัวเล็กกว่าแถมมันก็มีแค่คนเดียว นังแก้มน่ะมันไม่กล้าสู้พวกแกหรอก” ชาลินีกัดฟันพูดกับเพื่อนทั้งสองพอได้ยินกันสามคน แต่พิมพ์ผกาที่เอียงหูฟังอย่างตั้งใจก็ได้ยิน
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าฉันไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจ แต่การที่เธอมาว่าฉันแบบนี้ เพื่อนฉันคงไม่ทน” โชติกาพูดเรื่อยๆ น้ำเสียงนุ่มนวลในแบบของตน แต่คนฟังอย่างพิมพ์ผกานั้นรู้ดีว่าในใจของโชติกานั้นกรุ่นโกรธเพียงใด
“ใช่เลยเพื่อนรัก ใครมันบังอาจมาว่าเธอ ฉันจะต้องจัดการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายไปให้พ้นๆ” ว่าแล้ว พิมพ์ผกาก็ล้วงไปในกระเป๋าสะพายของตัวเองหยิบแปรงปัดแก้มขึ้นมาแล้วยิ้มกว้าง ชาลินีเห็นแล้วก็ให้สงสัย
“แหม ถึงกับต้องปัดแก้มสู้เลยเหรอยะ ก็แหงล่ะ เพื่อนรักเธอหน้าจืดขนาดนั้น แต่งตัวก็แสนเชย ซื้อเสื้อผ้าใหม่ปีไหนหรือจ๊ะแก้ม สิบปีที่แล้วเหรอ”
โชติกาไม่ตอบแต่ยิ้มหวานให้ชาลินี ก่อนจะลุกเทน้ำเปล่าใส่แก้วแล้วยื่นให้พิมพ์ผกาอย่างรู้กัน
แต่ชาลินีที่ไม่รู้ก็ได้แต่ยิ้มย่องกว่าสองเพื่อนรักนี่เป็นคนเพี้ยนพิลึก ที่ชอบทำตัวเด่นแข่งกับตน ก็ได้แต่มองอย่างเยาะหยัน แล้วยิ่งเห็นว่าวันนี้ท่านประธานกับท่านรองประธานสุดหล่อมาที่ห้องอาหารด้วย เธอก็อยากจะทำตัวเด่น สวยหรูดูดี ในสายตาทุกคน และการข่มคู่ต่อสู้อย่างพิมพ์ผกาให้ด้อยลงไป คือจุดประสงค์ของเธอ เพราะชาลินีอยากให้ราเมศสนใจตัวเอง และเมื่อเช้าเธอก็แอบเห็นว่าราเมศคุยกับโชติกาอย่างสนิทสนม ทำให้เธอร้อนรุ่มยิ่งนัก กลัวว่าโชติกาจะทำคะแนนนำไปก่อน
เป้าหมายของเธอคือจะต้องจับราเมศให้ได้ เพื่อความมั่นคงในชีวิตและเพื่อให้ผู้หญิงทุกคนในบริษัทอิจฉาที่เธอได้คนหล่อๆ และรวยมากอย่างราเมศเป็นสามี
“ว้ายยยย ทำอะไรของเธอเนี่ยนังบ้า” แล้วชาลินีก็สะดุ้งโหยงจนแก้มกาแฟยี่ห้อหรูในมือแทบหลุด ทั้งยังตกจากสวรรค์ที่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นภรรยาของราเมศด้วย เมื่อมีหยดน้ำกระเซ็นมาใส่ตัวเองกับเพื่อนอีกสองคน
“อ๋อ.. ไม่ต้องตกใจนะจ๊ะคุณเชอร์รี่คนสวย พิมพ์ผกา ทายาทสัปเหร่อในตำนาน ทำลังทำพิธีปัดเป่าสิ่ง ชั่วร้าย และเป็น เสนียดจัญไร ให้เพื่อนรักน่ะจ้ะ ต้องขออภัยในความไม่สะดวกนะจ๊ะ”
ตอนที่4. พิมพ์ผกายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเริ่มสวดมนต์บท คาถาป้องกันภัย 10 ทิศ ทั้งเอาแปรงปัดแก้มจุ่มลงไปในแก้วน้ำแล้วสลัดใส่ชาลินีกับเพื่อนๆ ทั้งยังทำท่าเหมือนร่ายรำประกอบเสียงสวดอันไพเราะ เพราะเธอเป็นคนร้องเพลงเสียงดีมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าไปประกวดรายการไมค์ทองคำคงได้แชมป์สามสมัยติดต่อกันแน่นอน...“บูระพารัส์มิง พระพุทธะคุณัง บูระพารัส์มิง พระธัมเมตังบูระพารัส์มิง พระสังฆานัง ทุกขะโร คะภะยัง วิวัญชัยเยสัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัยสัพพะเคราะห์ เสนียดจัญไร สัพพะเคราะห์ตัวนอก สัพพะเคราะห์ตัวในสัพพะเคราะห์ตัวใดๆ ขอให้กลายเป็นดี”พอถึงบทนนี้ พิมพ์ผกาก็เน้นคำว่า เสนียดจัญไร แล้วสลัดน้ำใส่หน้าชาลินีแบบเต็มๆ จนหญิงสาวกรีดร้องลั่นเลยทีเดียว พิมพ์ผกายิ้มน้อยๆ แล้วสวดมนต์ต่อด้วยท่าทางจริงจัง ราวกับแม่ชีผู้ถือศีลเคร่งครัดเลยทีเดียว“เคราะห์ปี เคราะห์เดือน เคราะห์วัน เคราะห์ปีขอให้เคลื่อนเคราะห์เดือนขอให้คลาย เคราะห์วันขอให้หาย เหมือนน้ำดับไฟ อภิวัญชัยเย สัพพะธะนัง สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม รักขันตุ สุรักขันตุ...”พิมพ์ผกาสลัดน้ำใส่ทั้งสามสาวรัวๆ เลยทีเดียว“ว้ายๆ ฉันเปียกหมดแล้วเนี่ย อ๊าย... ฉันไม่
บทนำ“ต่อไปนี้เธอไม่ต้องมาหาฉันอีกแล้วนะ...”ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างสมบูรณ์แบบ หล่อเหลา สง่างาม ราวเทพบุตร ที่ยากหาใดเปรียบเอ่ยขึ้นขณะยืนแต่งตัวอยู่ในห้องแต่งตัวอันหรูหรา แต่กระนั้นเสียงของเขาก็ดังพอที่จะทำให้หญิงสาวที่กระศึกสวาทอันร้อนแรงมาทั้งคืน อย่าง โชติกา ได้ยิน อย่างชัดเจน หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตากลมโตเหม่อมองเพดาห้องนอนหรูอย่างเลื่อนลอย หัวใจเจ็บแปลบ แต่ก็ไม่สามารถแสดงความเจ็บปวดออกมาได้ เพราะเมื่อ วิกเตอร์ วรเวช เมโลนี่ สุริยสกุล ผู้เป็นเจ้านาย เจ้าชีวิตของเธอได้เอ่ยออกมาเช่นนี้ นั่นหมายความว่าเธอหมดความสำคัญ หมดความน่าสนใจหรือน่าเสน่หาสำหรับเขาแล้วนั่นเอง“เธอได้ยินที่ฉันพูดไหม เกรซ” วิกเตอร์จะเรียกเธอว่า เกรซ แทนชื่อเล่น ว่า แก้ม เพราะเขาสามารถออกเสียงได้ชัดเจนกว่า แม้ว่าวิกเตอร์จะสามารถพูดภาษาไทยได้ก็ตาม“ค่ะ ได้ยิน”หญิงสาวค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้นหลังจากมองเพดานนิ่งเหมือนร่างไร้วิญญาณอยู่ชั่วครู่ โชติกาดึงผ้าห่มมาพันรอบกายสาวเปลือยเปล่าที่มีร่องรอยสวาทฝากฝังไว้ทั่วทั้งเนินอกอิ่ม แล้วมองสบตาเขา หลังจากที่วิคเตอร์ เดินออกมาจากห้องแต่งตัวดวงตาคมสีเขียวเข้มเกือบดำมอง
ตอนที่1.โชติกาขอลางานสามวัน... ซึ่งการลางานครั้งนี้ของเธอทำให้เพื่อนๆ ในแผนกต่างก็แปลกใจเพราะไม่เคยเห็นโชติกาใช้สิทธิ์วันหยุดเลย เพราะทุกคนในแผนกต่างก็รู้ว่าเธอนั้นขยันและตั้งใจทำงานแค่ไหน และมีข่าวแว่วๆ มาว่า ผู้จัดการจะเลื่อนตำแหน่งให้โชติกามาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนก“แก้ม เธอลางานตั้งสามวันเป็นอะไรรึเปล่าไม่สบายตรงไหนมั้ย”ผิง หรือ พิมพ์ผกา เพื่อนสนิทของเธอเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวน แถมยังข้ามแผนกมาหาด้วย เพราะพิมพ์ผกานั้นอยู่แผนการตลาด“ไม่เป็นไรหรอก แค่ย้ายห้องนิดหน่อยน่ะ”“เฮ้ย ย้ายห้องอะไรไม่เห็นบอกกันบ้างเลย ฉันจะได้ไปช่วยขนของ เผื่อมีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้าน”พิมพ์ผกาหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี และคลายใจเมื่อรู้ว่าเพื่อนของตนไม่ได้ป่วยหรือเป็นอะไรไป เพราะสามวันที่ผ่านมา เธอโทร. หาโชติกา แต่โชติกาไม่รับสายแต่ส่งข้อความมาว่ากำลังยุ่งอยู่และสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง แต่คนเป็นเพื่อนอย่างเธอก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ พอมาทำงานแล้วรู้ว่าโชติกามาทำงานแล้ว ก็รีบวิ่งแจ้นมาที่แผนกของเพื่อนรักก่อนไปแผนกตัวเองเสียอีก“ยายงก ตัวเองก็รวยกว่าฉันยังจะมาแอบเหล่จิ๊กของในห้องฉันอีก”“แหม.. ก็เธอเทส
ตอนที่2.ภาพสองหนุ่มสาวที่ยืนคุยกันอยู่ที่หน้าแผนกบัญชีทำให้เท้าแข็งแรงของวิคเตอร์ชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาที่มักเรียบเฉยดูกระด้างเย็นชาอยู่เสมอนั้นดูมีแววเกรี้ยวกราดเล็กน้อย แต่เพียงแค่พริบตาเดียวร่องรอยนั้นก็หายไป เหลือเพียงใบหน้าหล่อเหลากระด้างเย็นชาเหมือนเดิม“นายขึ้นไปที่ห้องทำงานก่อน” เขาหันไปสั่ง สตีฟ บอดีการ์ดคู่ใจและเป็นทั้งเลขาส่วนตัวของเขา“ครับ” สตีฟรับคำสั้นๆ แล้วเดินไปยังลิฟต์ผู้บริหารก่อนเจ้านายอย่างรู้หน้าที่ และทันทีที่สตีฟหายเข้าไปในลิฟต์ร่างสูงใหญ่กว่า 190 เซนติเมตร เบนเป้าหมายไปยังคนทั้งสองนั้นที่วันนี้ดูขัดหูเขาตาเขานัก จนเขาทนไม่ได้ ในอกของวิคเตอร์ร้อนรุ่มอย่างหาคำอธิบายไม่ได้“ไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่นะราม” เสียงห้าว เข้มขุ่นดังขึ้นทำให้โชติกากับราเมศที่พูดคุยกันอย่างถูกคอและกำลังแอบนินทาเพื่อนรักกันอยู่ถึงกับชะงัก รอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าที่ค้างอยู่ค่อยๆ เลือนหายไป แทนที่ด้วยความหวาดหวั่นและยำเกรง ในความรู้สึกของโชติกา แต่สำหรับราเมศนั้นด้วยความที่เป็นคนขี้เล่นและอารมณ์ดี จึงไม่ได้คิดอะไร“หวัดดีครับพี่ชาย ไม่คิดว่าจะเจอพี่วิคที่นี่เหมือนกัน”“นายมาทำอะไรที่นี่”วิคเ
ตอนที่4. พิมพ์ผกายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเริ่มสวดมนต์บท คาถาป้องกันภัย 10 ทิศ ทั้งเอาแปรงปัดแก้มจุ่มลงไปในแก้วน้ำแล้วสลัดใส่ชาลินีกับเพื่อนๆ ทั้งยังทำท่าเหมือนร่ายรำประกอบเสียงสวดอันไพเราะ เพราะเธอเป็นคนร้องเพลงเสียงดีมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าไปประกวดรายการไมค์ทองคำคงได้แชมป์สามสมัยติดต่อกันแน่นอน...“บูระพารัส์มิง พระพุทธะคุณัง บูระพารัส์มิง พระธัมเมตังบูระพารัส์มิง พระสังฆานัง ทุกขะโร คะภะยัง วิวัญชัยเยสัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัยสัพพะเคราะห์ เสนียดจัญไร สัพพะเคราะห์ตัวนอก สัพพะเคราะห์ตัวในสัพพะเคราะห์ตัวใดๆ ขอให้กลายเป็นดี”พอถึงบทนนี้ พิมพ์ผกาก็เน้นคำว่า เสนียดจัญไร แล้วสลัดน้ำใส่หน้าชาลินีแบบเต็มๆ จนหญิงสาวกรีดร้องลั่นเลยทีเดียว พิมพ์ผกายิ้มน้อยๆ แล้วสวดมนต์ต่อด้วยท่าทางจริงจัง ราวกับแม่ชีผู้ถือศีลเคร่งครัดเลยทีเดียว“เคราะห์ปี เคราะห์เดือน เคราะห์วัน เคราะห์ปีขอให้เคลื่อนเคราะห์เดือนขอให้คลาย เคราะห์วันขอให้หาย เหมือนน้ำดับไฟ อภิวัญชัยเย สัพพะธะนัง สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม รักขันตุ สุรักขันตุ...”พิมพ์ผกาสลัดน้ำใส่ทั้งสามสาวรัวๆ เลยทีเดียว“ว้ายๆ ฉันเปียกหมดแล้วเนี่ย อ๊าย... ฉันไม่
ตอนที่3. โชติกากับพิมพ์ผกา สองสาวเพื่อนรักที่ชื่อลงท้ายเหมือนกัน กำลังนั่งรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่โรงอาหารของบริษัทอย่างเอร็ดอร่อย พิมพ์ผกากำลังพูดถึงพี่ชายของตน และแอบเชียร์ให้ พีรภัทร ลงเอยกับเพื่อนรัก เธอกำลังบรรยายสรรพคุณอันแสนดีของพี่ชายให้เพื่อนรักฟัง จนโชติกาอดขันไม่ได้เพราะรู้ว่าพิมพ์ผกานั้นอยากให้เธอกับ พี่พีท ของตนลงเอยกัน“พี่พีทนี่ดีทุกอย่าง ยกเว้นเป็นเพื่อนกับอีตาลามเป็นขี้กลากนั่น” พิมพ์ผกาทำหน้าบูดบึ้งเมื่อพูดถึงราเมศ ทั้งยังตั้งให้หลายฉายา แต่ที่ใช้บ่อยสุด นี่น่าจะเป็น อีตาลามเป็นขี้กลาก นี่ล่ะ จากราม รอเรือ เป็นลาม ลอลิง“นี่ถามจริงๆ เถอะ เธอโกรธเคืองเคียดแค้นอะไรคุณรามเขานักหนา แล้วดูสิ เรียกเขาแบบนั้น น่าเกลียดจริง” โชติกาพูดพลางหัวเราะเบาๆ“หึ.. อย่าให้พูดเลย” พิมพ์ผกาบ่นงึมงำแล้วเมินหน้าหนี ดูท่าทางมีพิรุธ แต่ไม่ทันที่โชติกาจะเอ่ยถาม ก็ปรากฏมีหญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินมาที่โต๊ะของพวกเธอที่นั่งกินข้าวกันอยู่“อุ๊ย ต๊าย อีกาสองตัววันนี้มากินอาหารในโรงอาหารด้วย คงไม่มีปัญญาไปกินอาหารหรูๆ ดีๆ อย่างพวกเราเนอะ”สองสาวเงยหน้ามองคนพูดที่มืออีกข้างก็ถือถุงกระดาษใส่กล่องอ
ตอนที่2.ภาพสองหนุ่มสาวที่ยืนคุยกันอยู่ที่หน้าแผนกบัญชีทำให้เท้าแข็งแรงของวิคเตอร์ชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาที่มักเรียบเฉยดูกระด้างเย็นชาอยู่เสมอนั้นดูมีแววเกรี้ยวกราดเล็กน้อย แต่เพียงแค่พริบตาเดียวร่องรอยนั้นก็หายไป เหลือเพียงใบหน้าหล่อเหลากระด้างเย็นชาเหมือนเดิม“นายขึ้นไปที่ห้องทำงานก่อน” เขาหันไปสั่ง สตีฟ บอดีการ์ดคู่ใจและเป็นทั้งเลขาส่วนตัวของเขา“ครับ” สตีฟรับคำสั้นๆ แล้วเดินไปยังลิฟต์ผู้บริหารก่อนเจ้านายอย่างรู้หน้าที่ และทันทีที่สตีฟหายเข้าไปในลิฟต์ร่างสูงใหญ่กว่า 190 เซนติเมตร เบนเป้าหมายไปยังคนทั้งสองนั้นที่วันนี้ดูขัดหูเขาตาเขานัก จนเขาทนไม่ได้ ในอกของวิคเตอร์ร้อนรุ่มอย่างหาคำอธิบายไม่ได้“ไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่นะราม” เสียงห้าว เข้มขุ่นดังขึ้นทำให้โชติกากับราเมศที่พูดคุยกันอย่างถูกคอและกำลังแอบนินทาเพื่อนรักกันอยู่ถึงกับชะงัก รอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าที่ค้างอยู่ค่อยๆ เลือนหายไป แทนที่ด้วยความหวาดหวั่นและยำเกรง ในความรู้สึกของโชติกา แต่สำหรับราเมศนั้นด้วยความที่เป็นคนขี้เล่นและอารมณ์ดี จึงไม่ได้คิดอะไร“หวัดดีครับพี่ชาย ไม่คิดว่าจะเจอพี่วิคที่นี่เหมือนกัน”“นายมาทำอะไรที่นี่”วิคเ
ตอนที่1.โชติกาขอลางานสามวัน... ซึ่งการลางานครั้งนี้ของเธอทำให้เพื่อนๆ ในแผนกต่างก็แปลกใจเพราะไม่เคยเห็นโชติกาใช้สิทธิ์วันหยุดเลย เพราะทุกคนในแผนกต่างก็รู้ว่าเธอนั้นขยันและตั้งใจทำงานแค่ไหน และมีข่าวแว่วๆ มาว่า ผู้จัดการจะเลื่อนตำแหน่งให้โชติกามาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนก“แก้ม เธอลางานตั้งสามวันเป็นอะไรรึเปล่าไม่สบายตรงไหนมั้ย”ผิง หรือ พิมพ์ผกา เพื่อนสนิทของเธอเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวน แถมยังข้ามแผนกมาหาด้วย เพราะพิมพ์ผกานั้นอยู่แผนการตลาด“ไม่เป็นไรหรอก แค่ย้ายห้องนิดหน่อยน่ะ”“เฮ้ย ย้ายห้องอะไรไม่เห็นบอกกันบ้างเลย ฉันจะได้ไปช่วยขนของ เผื่อมีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้าน”พิมพ์ผกาหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี และคลายใจเมื่อรู้ว่าเพื่อนของตนไม่ได้ป่วยหรือเป็นอะไรไป เพราะสามวันที่ผ่านมา เธอโทร. หาโชติกา แต่โชติกาไม่รับสายแต่ส่งข้อความมาว่ากำลังยุ่งอยู่และสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง แต่คนเป็นเพื่อนอย่างเธอก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ พอมาทำงานแล้วรู้ว่าโชติกามาทำงานแล้ว ก็รีบวิ่งแจ้นมาที่แผนกของเพื่อนรักก่อนไปแผนกตัวเองเสียอีก“ยายงก ตัวเองก็รวยกว่าฉันยังจะมาแอบเหล่จิ๊กของในห้องฉันอีก”“แหม.. ก็เธอเทส
บทนำ“ต่อไปนี้เธอไม่ต้องมาหาฉันอีกแล้วนะ...”ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างสมบูรณ์แบบ หล่อเหลา สง่างาม ราวเทพบุตร ที่ยากหาใดเปรียบเอ่ยขึ้นขณะยืนแต่งตัวอยู่ในห้องแต่งตัวอันหรูหรา แต่กระนั้นเสียงของเขาก็ดังพอที่จะทำให้หญิงสาวที่กระศึกสวาทอันร้อนแรงมาทั้งคืน อย่าง โชติกา ได้ยิน อย่างชัดเจน หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตากลมโตเหม่อมองเพดาห้องนอนหรูอย่างเลื่อนลอย หัวใจเจ็บแปลบ แต่ก็ไม่สามารถแสดงความเจ็บปวดออกมาได้ เพราะเมื่อ วิกเตอร์ วรเวช เมโลนี่ สุริยสกุล ผู้เป็นเจ้านาย เจ้าชีวิตของเธอได้เอ่ยออกมาเช่นนี้ นั่นหมายความว่าเธอหมดความสำคัญ หมดความน่าสนใจหรือน่าเสน่หาสำหรับเขาแล้วนั่นเอง“เธอได้ยินที่ฉันพูดไหม เกรซ” วิกเตอร์จะเรียกเธอว่า เกรซ แทนชื่อเล่น ว่า แก้ม เพราะเขาสามารถออกเสียงได้ชัดเจนกว่า แม้ว่าวิกเตอร์จะสามารถพูดภาษาไทยได้ก็ตาม“ค่ะ ได้ยิน”หญิงสาวค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้นหลังจากมองเพดานนิ่งเหมือนร่างไร้วิญญาณอยู่ชั่วครู่ โชติกาดึงผ้าห่มมาพันรอบกายสาวเปลือยเปล่าที่มีร่องรอยสวาทฝากฝังไว้ทั่วทั้งเนินอกอิ่ม แล้วมองสบตาเขา หลังจากที่วิคเตอร์ เดินออกมาจากห้องแต่งตัวดวงตาคมสีเขียวเข้มเกือบดำมอง