ตอนที่2.
ภาพสองหนุ่มสาวที่ยืนคุยกันอยู่ที่หน้าแผนกบัญชีทำให้เท้าแข็งแรงของวิคเตอร์ชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาที่มักเรียบเฉยดูกระด้างเย็นชาอยู่เสมอนั้นดูมีแววเกรี้ยวกราดเล็กน้อย แต่เพียงแค่พริบตาเดียวร่องรอยนั้นก็หายไป เหลือเพียงใบหน้าหล่อเหลากระด้างเย็นชาเหมือนเดิม
“นายขึ้นไปที่ห้องทำงานก่อน” เขาหันไปสั่ง สตีฟ บอดีการ์ดคู่ใจและเป็นทั้งเลขาส่วนตัวของเขา
“ครับ” สตีฟรับคำสั้นๆ แล้วเดินไปยังลิฟต์ผู้บริหารก่อนเจ้านายอย่างรู้หน้าที่ และทันทีที่สตีฟหายเข้าไปในลิฟต์ร่างสูงใหญ่กว่า 190 เซนติเมตร เบนเป้าหมายไปยังคนทั้งสองนั้นที่วันนี้ดูขัดหูเขาตาเขานัก จนเขาทนไม่ได้ ในอกของวิคเตอร์ร้อนรุ่มอย่างหาคำอธิบายไม่ได้
“ไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่นะราม” เสียงห้าว เข้มขุ่นดังขึ้นทำให้โชติกากับราเมศที่พูดคุยกันอย่างถูกคอและกำลังแอบนินทาเพื่อนรักกันอยู่ถึงกับชะงัก รอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าที่ค้างอยู่ค่อยๆ เลือนหายไป แทนที่ด้วยความหวาดหวั่นและยำเกรง ในความรู้สึกของโชติกา แต่สำหรับราเมศนั้นด้วยความที่เป็นคนขี้เล่นและอารมณ์ดี จึงไม่ได้คิดอะไร
“หวัดดีครับพี่ชาย ไม่คิดว่าจะเจอพี่วิคที่นี่เหมือนกัน”
“นายมาทำอะไรที่นี่”
วิคเตอร์พูดแต่สายตาเหลือบมองไปที่หญิงสาวที่ยืนก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเองนิ่ง ด้วยแววตาที่อ่านความรู้สึกไม่ออก แต่โชติกากลับรู้สึกและสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตจากร่างแกร่งของวิคเตอร์ จนเธอแทบจะหายใจออกเลยทีเดียว
“ผมเหรอ” ราเมศชี้หน้าตัวเอง หน้าตาเหลอหลา ดูใสซื่อ แต่สร้างความหมั่นไส้ให้กับวิคเตอร์ยิ่งนัก แต่ด้วยเพราะมีอะไรคำคออยู่ ทำให้เขาเลือกที่จะแสดงความเย็นชาและเกรี้ยวกราดใส่อีกคน
“ส่วนเธอ ทำไมยังไม่เข้าไปทำงาน หรือว่า เดี๋ยวนี้แผนกบัญชีงานน้อยเกินไป”
“เอ่อ...” เธอไม่เคยเห็นอาการเกรี้ยวกราดของวิคเตอร์มาก่อนเช่นกัน ทำเอาโชติกาใจคอไม่ดีเอาเสียเลย นี่เขาโกรธใครมา หรือกินอะไรผิดสำแดงนะ ปกติเขาก็ไม่เคยเดินมาที่แผนกอยู่แล้ว แค่ผ่านยังไม่เคยเห็น ตลอดระยะเวลาสามปีกว่าที่ผ่านมา โชติกาเคยเห็นท่านประธานมาตรวจแผนกพร้อมกับท่านประธานคนเก่าหนึ่งครั้ง และครั้งที่สอง เขาเดินมาตรวจแผนกช่วงเข้ารับตำแหน่งท่านประธานใหม่ๆ และนั่นเอง ทำให้เธอได้พบกับเขาอย่างเป็นทางการ และตกหลุมรักวิคเตอร์อย่างถอนตัวไม่ขึ้น จนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา
“วันนี้พี่วิคกินอะไรผิดสำแดงมารึเปล่าเนี่ย” ราเมศพูดพลางหัวเราะ ก่อนจะหันไปมองโชติกาอย่างเห็นใจที่พลอยฟ้าพลอยฝนโดนวิคเตอร์เหวี่ยงอารมณ์ใส่ ดูท่าทางว่าวันนี้พี่ชายของเขาอารมณ์ไม่ดีมากจริงๆ
“ขอโทษแทนที่วิคด้วยนะครับแก้ม”
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นแก้มขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ ไว้เจอกันค่ะคุณราม” หญิงสาวยิ้มหวานในแบบของตัวเอง ก่อนจะกันไปทำความเคารพท่านประธานอย่างนอบน้อมโดยไม่ได้กล่าวอะไร แล้วเดินเข้าแผนกของตนอย่างรวดเร็ว
“เป็นอะไรไปครับพี่ชาย มีใครทำอะไรให้ไม่พอใจเหรอ” เมื่อลับหลังโชติกาไปแล้ว สองหนุ่มก็เดินไปที่ลิฟต์ ราเมศจึงเอ่ยถามขึ้นขณะกดลิฟต์ให้ไปที่ชั้นผู้บริหารด้วยกัน
“นายไง” วิคเตอร์พูดเรียบๆ ดวงตาคมกริบมองผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายอย่างตำหนิ
“ผมเนี่ยนะ ตอนไหนกันเนี่ย อยู่ก็คนละบ้าน เพิ่งเจอหน้ากันเมื่อกี้ ผมก็ทำให้พี่ไม่พอใจเหรอครับ หรือว่า...” ราเมศทำหน้างุนงง ก่อนจะทำตาโตและจะพูดอะไรออกมา แต่ถูกวิคเตอร์เบรคไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องพูด ไม่ใช่อย่างที่นายคิด”
“ไอหยา.. อาเฮียวิคเตอร์ ลื้อรู้ได้ยังไง ว่าอั๊วจะพูดอารายยย”
ด้วยความเป็นคนขี้เล่น และเห็นป๊าชอบพูดล้อเลียนมาม้าของตนบ่อยๆ ราเมศจึงทำท่าเลียนแบบตัวละครที่เคยดูในภาพยนตร์ ทั้งยังมองวิคเตอร์ด้วยแววตาพราวระยับไม่ได้มีท่าทางเกรงกลัวเลย คงเป็นเพราะพวกเขาโตมาด้วยกัน อายุไล่เลี่ยกัน และราเมศก็รักและเคารพวิคเตอร์มาก พอๆ กับชอบพูดจายียวนกวนโทสะของวิคเตอร์บ่อยๆ ให้โดนด่าโดนไล่เตะเล่นๆ
“นายนี่ถ้าไม่ได้โดนฉันด่า ชีวิตคงขาดสีสันใช่มั้ย”
“คงงั้นละมั้งครับ ถ้าผมไม่มีพี่วิคนี่ ชีวิตคงเฉาตายแน่ๆ”
“ไอ้ชีกอ” วิคเตอร์อดว่าไม่ได้
“อ้าว.. ทำไมผมกลายเป็นไอ้ชีกอไปได้ล่ะครับ”
“สรุปนายไปทำอะไรที่แผนกบัญชี” วิคเตอร์เปลี่ยนเรื่องคุยและถามในสิ่งที่มันติดค้างในใจ
“ผมก็เดินไปเรื่อย พี่ก็รู้ว่าผมน่ะหนุ่มเจ้าเสน่ห์ เดินไปทุกแผนกอยู่แล้ว สาวๆ ต่างก็รอรอยยิ้มทรงเสน่ห์ของผม” ราเมศพูดพลางยืดอกอย่างภาคภูมิใจ วิคเตอร์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“ที่นี่ ที่ทำงานไม่ใช่สนามเด็กเล่น”
“ผมก็ไม่ได้มาเล่นๆ นะครับพี่วิค ผมมีเป้าหมาย”
“นี่อย่าบอกนะว่า..”
“ผมแอบรักผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ และผมจะต้องจับเธอมาเป็นเมียให้ได้ พี่วิครอรับขวัญน้องสะใภ้ได้เลย..”
พูดจบราเมศก็เดินจากไป ปล่อยให้วิคเตอร์มองตามแผ่นหลังกว้างของคนที่มีศักดิ์เป็นน้องชายไปด้วยความขัดเคืองในใจลึกๆ
แต่เขาไม่ได้โกรธเคืองราเมศ แต่เป็นผู้หญิงคนนั้นต่างหาก
“นี่เองสินะที่เธอบอกว่าไม่เบื่อที่จะอยู่กับฉันแล้ว...” ดวงตาคมวาวโรจน์ กรามแกร่งขบกันแน่น ก่อนจะกระแทกลมหายใจหนักๆ ออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
ตอนที่3. โชติกากับพิมพ์ผกา สองสาวเพื่อนรักที่ชื่อลงท้ายเหมือนกัน กำลังนั่งรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่โรงอาหารของบริษัทอย่างเอร็ดอร่อย พิมพ์ผกากำลังพูดถึงพี่ชายของตน และแอบเชียร์ให้ พีรภัทร ลงเอยกับเพื่อนรัก เธอกำลังบรรยายสรรพคุณอันแสนดีของพี่ชายให้เพื่อนรักฟัง จนโชติกาอดขันไม่ได้เพราะรู้ว่าพิมพ์ผกานั้นอยากให้เธอกับ พี่พีท ของตนลงเอยกัน“พี่พีทนี่ดีทุกอย่าง ยกเว้นเป็นเพื่อนกับอีตาลามเป็นขี้กลากนั่น” พิมพ์ผกาทำหน้าบูดบึ้งเมื่อพูดถึงราเมศ ทั้งยังตั้งให้หลายฉายา แต่ที่ใช้บ่อยสุด นี่น่าจะเป็น อีตาลามเป็นขี้กลาก นี่ล่ะ จากราม รอเรือ เป็นลาม ลอลิง“นี่ถามจริงๆ เถอะ เธอโกรธเคืองเคียดแค้นอะไรคุณรามเขานักหนา แล้วดูสิ เรียกเขาแบบนั้น น่าเกลียดจริง” โชติกาพูดพลางหัวเราะเบาๆ“หึ.. อย่าให้พูดเลย” พิมพ์ผกาบ่นงึมงำแล้วเมินหน้าหนี ดูท่าทางมีพิรุธ แต่ไม่ทันที่โชติกาจะเอ่ยถาม ก็ปรากฏมีหญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินมาที่โต๊ะของพวกเธอที่นั่งกินข้าวกันอยู่“อุ๊ย ต๊าย อีกาสองตัววันนี้มากินอาหารในโรงอาหารด้วย คงไม่มีปัญญาไปกินอาหารหรูๆ ดีๆ อย่างพวกเราเนอะ”สองสาวเงยหน้ามองคนพูดที่มืออีกข้างก็ถือถุงกระดาษใส่กล่องอ
ตอนที่4. พิมพ์ผกายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเริ่มสวดมนต์บท คาถาป้องกันภัย 10 ทิศ ทั้งเอาแปรงปัดแก้มจุ่มลงไปในแก้วน้ำแล้วสลัดใส่ชาลินีกับเพื่อนๆ ทั้งยังทำท่าเหมือนร่ายรำประกอบเสียงสวดอันไพเราะ เพราะเธอเป็นคนร้องเพลงเสียงดีมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าไปประกวดรายการไมค์ทองคำคงได้แชมป์สามสมัยติดต่อกันแน่นอน...“บูระพารัส์มิง พระพุทธะคุณัง บูระพารัส์มิง พระธัมเมตังบูระพารัส์มิง พระสังฆานัง ทุกขะโร คะภะยัง วิวัญชัยเยสัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัยสัพพะเคราะห์ เสนียดจัญไร สัพพะเคราะห์ตัวนอก สัพพะเคราะห์ตัวในสัพพะเคราะห์ตัวใดๆ ขอให้กลายเป็นดี”พอถึงบทนนี้ พิมพ์ผกาก็เน้นคำว่า เสนียดจัญไร แล้วสลัดน้ำใส่หน้าชาลินีแบบเต็มๆ จนหญิงสาวกรีดร้องลั่นเลยทีเดียว พิมพ์ผกายิ้มน้อยๆ แล้วสวดมนต์ต่อด้วยท่าทางจริงจัง ราวกับแม่ชีผู้ถือศีลเคร่งครัดเลยทีเดียว“เคราะห์ปี เคราะห์เดือน เคราะห์วัน เคราะห์ปีขอให้เคลื่อนเคราะห์เดือนขอให้คลาย เคราะห์วันขอให้หาย เหมือนน้ำดับไฟ อภิวัญชัยเย สัพพะธะนัง สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม รักขันตุ สุรักขันตุ...”พิมพ์ผกาสลัดน้ำใส่ทั้งสามสาวรัวๆ เลยทีเดียว“ว้ายๆ ฉันเปียกหมดแล้วเนี่ย อ๊าย... ฉันไม่
บทนำ“ต่อไปนี้เธอไม่ต้องมาหาฉันอีกแล้วนะ...”ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างสมบูรณ์แบบ หล่อเหลา สง่างาม ราวเทพบุตร ที่ยากหาใดเปรียบเอ่ยขึ้นขณะยืนแต่งตัวอยู่ในห้องแต่งตัวอันหรูหรา แต่กระนั้นเสียงของเขาก็ดังพอที่จะทำให้หญิงสาวที่กระศึกสวาทอันร้อนแรงมาทั้งคืน อย่าง โชติกา ได้ยิน อย่างชัดเจน หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตากลมโตเหม่อมองเพดาห้องนอนหรูอย่างเลื่อนลอย หัวใจเจ็บแปลบ แต่ก็ไม่สามารถแสดงความเจ็บปวดออกมาได้ เพราะเมื่อ วิกเตอร์ วรเวช เมโลนี่ สุริยสกุล ผู้เป็นเจ้านาย เจ้าชีวิตของเธอได้เอ่ยออกมาเช่นนี้ นั่นหมายความว่าเธอหมดความสำคัญ หมดความน่าสนใจหรือน่าเสน่หาสำหรับเขาแล้วนั่นเอง“เธอได้ยินที่ฉันพูดไหม เกรซ” วิกเตอร์จะเรียกเธอว่า เกรซ แทนชื่อเล่น ว่า แก้ม เพราะเขาสามารถออกเสียงได้ชัดเจนกว่า แม้ว่าวิกเตอร์จะสามารถพูดภาษาไทยได้ก็ตาม“ค่ะ ได้ยิน”หญิงสาวค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้นหลังจากมองเพดานนิ่งเหมือนร่างไร้วิญญาณอยู่ชั่วครู่ โชติกาดึงผ้าห่มมาพันรอบกายสาวเปลือยเปล่าที่มีร่องรอยสวาทฝากฝังไว้ทั่วทั้งเนินอกอิ่ม แล้วมองสบตาเขา หลังจากที่วิคเตอร์ เดินออกมาจากห้องแต่งตัวดวงตาคมสีเขียวเข้มเกือบดำมอง
ตอนที่1.โชติกาขอลางานสามวัน... ซึ่งการลางานครั้งนี้ของเธอทำให้เพื่อนๆ ในแผนกต่างก็แปลกใจเพราะไม่เคยเห็นโชติกาใช้สิทธิ์วันหยุดเลย เพราะทุกคนในแผนกต่างก็รู้ว่าเธอนั้นขยันและตั้งใจทำงานแค่ไหน และมีข่าวแว่วๆ มาว่า ผู้จัดการจะเลื่อนตำแหน่งให้โชติกามาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนก“แก้ม เธอลางานตั้งสามวันเป็นอะไรรึเปล่าไม่สบายตรงไหนมั้ย”ผิง หรือ พิมพ์ผกา เพื่อนสนิทของเธอเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวน แถมยังข้ามแผนกมาหาด้วย เพราะพิมพ์ผกานั้นอยู่แผนการตลาด“ไม่เป็นไรหรอก แค่ย้ายห้องนิดหน่อยน่ะ”“เฮ้ย ย้ายห้องอะไรไม่เห็นบอกกันบ้างเลย ฉันจะได้ไปช่วยขนของ เผื่อมีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้าน”พิมพ์ผกาหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี และคลายใจเมื่อรู้ว่าเพื่อนของตนไม่ได้ป่วยหรือเป็นอะไรไป เพราะสามวันที่ผ่านมา เธอโทร. หาโชติกา แต่โชติกาไม่รับสายแต่ส่งข้อความมาว่ากำลังยุ่งอยู่และสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง แต่คนเป็นเพื่อนอย่างเธอก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ พอมาทำงานแล้วรู้ว่าโชติกามาทำงานแล้ว ก็รีบวิ่งแจ้นมาที่แผนกของเพื่อนรักก่อนไปแผนกตัวเองเสียอีก“ยายงก ตัวเองก็รวยกว่าฉันยังจะมาแอบเหล่จิ๊กของในห้องฉันอีก”“แหม.. ก็เธอเทส
ตอนที่4. พิมพ์ผกายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเริ่มสวดมนต์บท คาถาป้องกันภัย 10 ทิศ ทั้งเอาแปรงปัดแก้มจุ่มลงไปในแก้วน้ำแล้วสลัดใส่ชาลินีกับเพื่อนๆ ทั้งยังทำท่าเหมือนร่ายรำประกอบเสียงสวดอันไพเราะ เพราะเธอเป็นคนร้องเพลงเสียงดีมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าไปประกวดรายการไมค์ทองคำคงได้แชมป์สามสมัยติดต่อกันแน่นอน...“บูระพารัส์มิง พระพุทธะคุณัง บูระพารัส์มิง พระธัมเมตังบูระพารัส์มิง พระสังฆานัง ทุกขะโร คะภะยัง วิวัญชัยเยสัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัยสัพพะเคราะห์ เสนียดจัญไร สัพพะเคราะห์ตัวนอก สัพพะเคราะห์ตัวในสัพพะเคราะห์ตัวใดๆ ขอให้กลายเป็นดี”พอถึงบทนนี้ พิมพ์ผกาก็เน้นคำว่า เสนียดจัญไร แล้วสลัดน้ำใส่หน้าชาลินีแบบเต็มๆ จนหญิงสาวกรีดร้องลั่นเลยทีเดียว พิมพ์ผกายิ้มน้อยๆ แล้วสวดมนต์ต่อด้วยท่าทางจริงจัง ราวกับแม่ชีผู้ถือศีลเคร่งครัดเลยทีเดียว“เคราะห์ปี เคราะห์เดือน เคราะห์วัน เคราะห์ปีขอให้เคลื่อนเคราะห์เดือนขอให้คลาย เคราะห์วันขอให้หาย เหมือนน้ำดับไฟ อภิวัญชัยเย สัพพะธะนัง สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม รักขันตุ สุรักขันตุ...”พิมพ์ผกาสลัดน้ำใส่ทั้งสามสาวรัวๆ เลยทีเดียว“ว้ายๆ ฉันเปียกหมดแล้วเนี่ย อ๊าย... ฉันไม่
ตอนที่3. โชติกากับพิมพ์ผกา สองสาวเพื่อนรักที่ชื่อลงท้ายเหมือนกัน กำลังนั่งรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่โรงอาหารของบริษัทอย่างเอร็ดอร่อย พิมพ์ผกากำลังพูดถึงพี่ชายของตน และแอบเชียร์ให้ พีรภัทร ลงเอยกับเพื่อนรัก เธอกำลังบรรยายสรรพคุณอันแสนดีของพี่ชายให้เพื่อนรักฟัง จนโชติกาอดขันไม่ได้เพราะรู้ว่าพิมพ์ผกานั้นอยากให้เธอกับ พี่พีท ของตนลงเอยกัน“พี่พีทนี่ดีทุกอย่าง ยกเว้นเป็นเพื่อนกับอีตาลามเป็นขี้กลากนั่น” พิมพ์ผกาทำหน้าบูดบึ้งเมื่อพูดถึงราเมศ ทั้งยังตั้งให้หลายฉายา แต่ที่ใช้บ่อยสุด นี่น่าจะเป็น อีตาลามเป็นขี้กลาก นี่ล่ะ จากราม รอเรือ เป็นลาม ลอลิง“นี่ถามจริงๆ เถอะ เธอโกรธเคืองเคียดแค้นอะไรคุณรามเขานักหนา แล้วดูสิ เรียกเขาแบบนั้น น่าเกลียดจริง” โชติกาพูดพลางหัวเราะเบาๆ“หึ.. อย่าให้พูดเลย” พิมพ์ผกาบ่นงึมงำแล้วเมินหน้าหนี ดูท่าทางมีพิรุธ แต่ไม่ทันที่โชติกาจะเอ่ยถาม ก็ปรากฏมีหญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินมาที่โต๊ะของพวกเธอที่นั่งกินข้าวกันอยู่“อุ๊ย ต๊าย อีกาสองตัววันนี้มากินอาหารในโรงอาหารด้วย คงไม่มีปัญญาไปกินอาหารหรูๆ ดีๆ อย่างพวกเราเนอะ”สองสาวเงยหน้ามองคนพูดที่มืออีกข้างก็ถือถุงกระดาษใส่กล่องอ
ตอนที่2.ภาพสองหนุ่มสาวที่ยืนคุยกันอยู่ที่หน้าแผนกบัญชีทำให้เท้าแข็งแรงของวิคเตอร์ชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาที่มักเรียบเฉยดูกระด้างเย็นชาอยู่เสมอนั้นดูมีแววเกรี้ยวกราดเล็กน้อย แต่เพียงแค่พริบตาเดียวร่องรอยนั้นก็หายไป เหลือเพียงใบหน้าหล่อเหลากระด้างเย็นชาเหมือนเดิม“นายขึ้นไปที่ห้องทำงานก่อน” เขาหันไปสั่ง สตีฟ บอดีการ์ดคู่ใจและเป็นทั้งเลขาส่วนตัวของเขา“ครับ” สตีฟรับคำสั้นๆ แล้วเดินไปยังลิฟต์ผู้บริหารก่อนเจ้านายอย่างรู้หน้าที่ และทันทีที่สตีฟหายเข้าไปในลิฟต์ร่างสูงใหญ่กว่า 190 เซนติเมตร เบนเป้าหมายไปยังคนทั้งสองนั้นที่วันนี้ดูขัดหูเขาตาเขานัก จนเขาทนไม่ได้ ในอกของวิคเตอร์ร้อนรุ่มอย่างหาคำอธิบายไม่ได้“ไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่นะราม” เสียงห้าว เข้มขุ่นดังขึ้นทำให้โชติกากับราเมศที่พูดคุยกันอย่างถูกคอและกำลังแอบนินทาเพื่อนรักกันอยู่ถึงกับชะงัก รอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าที่ค้างอยู่ค่อยๆ เลือนหายไป แทนที่ด้วยความหวาดหวั่นและยำเกรง ในความรู้สึกของโชติกา แต่สำหรับราเมศนั้นด้วยความที่เป็นคนขี้เล่นและอารมณ์ดี จึงไม่ได้คิดอะไร“หวัดดีครับพี่ชาย ไม่คิดว่าจะเจอพี่วิคที่นี่เหมือนกัน”“นายมาทำอะไรที่นี่”วิคเ
ตอนที่1.โชติกาขอลางานสามวัน... ซึ่งการลางานครั้งนี้ของเธอทำให้เพื่อนๆ ในแผนกต่างก็แปลกใจเพราะไม่เคยเห็นโชติกาใช้สิทธิ์วันหยุดเลย เพราะทุกคนในแผนกต่างก็รู้ว่าเธอนั้นขยันและตั้งใจทำงานแค่ไหน และมีข่าวแว่วๆ มาว่า ผู้จัดการจะเลื่อนตำแหน่งให้โชติกามาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนก“แก้ม เธอลางานตั้งสามวันเป็นอะไรรึเปล่าไม่สบายตรงไหนมั้ย”ผิง หรือ พิมพ์ผกา เพื่อนสนิทของเธอเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวน แถมยังข้ามแผนกมาหาด้วย เพราะพิมพ์ผกานั้นอยู่แผนการตลาด“ไม่เป็นไรหรอก แค่ย้ายห้องนิดหน่อยน่ะ”“เฮ้ย ย้ายห้องอะไรไม่เห็นบอกกันบ้างเลย ฉันจะได้ไปช่วยขนของ เผื่อมีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้าน”พิมพ์ผกาหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี และคลายใจเมื่อรู้ว่าเพื่อนของตนไม่ได้ป่วยหรือเป็นอะไรไป เพราะสามวันที่ผ่านมา เธอโทร. หาโชติกา แต่โชติกาไม่รับสายแต่ส่งข้อความมาว่ากำลังยุ่งอยู่และสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง แต่คนเป็นเพื่อนอย่างเธอก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ พอมาทำงานแล้วรู้ว่าโชติกามาทำงานแล้ว ก็รีบวิ่งแจ้นมาที่แผนกของเพื่อนรักก่อนไปแผนกตัวเองเสียอีก“ยายงก ตัวเองก็รวยกว่าฉันยังจะมาแอบเหล่จิ๊กของในห้องฉันอีก”“แหม.. ก็เธอเทส
บทนำ“ต่อไปนี้เธอไม่ต้องมาหาฉันอีกแล้วนะ...”ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างสมบูรณ์แบบ หล่อเหลา สง่างาม ราวเทพบุตร ที่ยากหาใดเปรียบเอ่ยขึ้นขณะยืนแต่งตัวอยู่ในห้องแต่งตัวอันหรูหรา แต่กระนั้นเสียงของเขาก็ดังพอที่จะทำให้หญิงสาวที่กระศึกสวาทอันร้อนแรงมาทั้งคืน อย่าง โชติกา ได้ยิน อย่างชัดเจน หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตากลมโตเหม่อมองเพดาห้องนอนหรูอย่างเลื่อนลอย หัวใจเจ็บแปลบ แต่ก็ไม่สามารถแสดงความเจ็บปวดออกมาได้ เพราะเมื่อ วิกเตอร์ วรเวช เมโลนี่ สุริยสกุล ผู้เป็นเจ้านาย เจ้าชีวิตของเธอได้เอ่ยออกมาเช่นนี้ นั่นหมายความว่าเธอหมดความสำคัญ หมดความน่าสนใจหรือน่าเสน่หาสำหรับเขาแล้วนั่นเอง“เธอได้ยินที่ฉันพูดไหม เกรซ” วิกเตอร์จะเรียกเธอว่า เกรซ แทนชื่อเล่น ว่า แก้ม เพราะเขาสามารถออกเสียงได้ชัดเจนกว่า แม้ว่าวิกเตอร์จะสามารถพูดภาษาไทยได้ก็ตาม“ค่ะ ได้ยิน”หญิงสาวค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้นหลังจากมองเพดานนิ่งเหมือนร่างไร้วิญญาณอยู่ชั่วครู่ โชติกาดึงผ้าห่มมาพันรอบกายสาวเปลือยเปล่าที่มีร่องรอยสวาทฝากฝังไว้ทั่วทั้งเนินอกอิ่ม แล้วมองสบตาเขา หลังจากที่วิคเตอร์ เดินออกมาจากห้องแต่งตัวดวงตาคมสีเขียวเข้มเกือบดำมอง