โชติกาขอลางานสามวัน... ซึ่งการลางานครั้งนี้ของเธอทำให้เพื่อนๆ ในแผนกต่างก็แปลกใจเพราะไม่เคยเห็นโชติกาใช้สิทธิ์วันหยุดเลย เพราะทุกคนในแผนกต่างก็รู้ว่าเธอนั้นขยันและตั้งใจทำงานแค่ไหน และมีข่าวแว่วๆ มาว่า ผู้จัดการจะเลื่อนตำแหน่งให้โชติกามาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนก
“แก้ม เธอลางานตั้งสามวันเป็นอะไรรึเปล่าไม่สบายตรงไหนมั้ย”
ผิง หรือ พิมพ์ผกา เพื่อนสนิทของเธอเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวน แถมยังข้ามแผนกมาหาด้วย เพราะพิมพ์ผกานั้นอยู่แผนการตลาด
“ไม่เป็นไรหรอก แค่ย้ายห้องนิดหน่อยน่ะ”
“เฮ้ย ย้ายห้องอะไรไม่เห็นบอกกันบ้างเลย ฉันจะได้ไปช่วยขนของ เผื่อมีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้าน”
พิมพ์ผกาหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี และคลายใจเมื่อรู้ว่าเพื่อนของตนไม่ได้ป่วยหรือเป็นอะไรไป เพราะสามวันที่ผ่านมา เธอโทร. หาโชติกา แต่โชติกาไม่รับสายแต่ส่งข้อความมาว่ากำลังยุ่งอยู่และสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง แต่คนเป็นเพื่อนอย่างเธอก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ พอมาทำงานแล้วรู้ว่าโชติกามาทำงานแล้ว ก็รีบวิ่งแจ้นมาที่แผนกของเพื่อนรักก่อนไปแผนกตัวเองเสียอีก
“ยายงก ตัวเองก็รวยกว่าฉันยังจะมาแอบเหล่จิ๊กของในห้องฉันอีก”
“แหม.. ก็เธอเทสดี มีของดีๆ เยอะแยะจนคาดาดไม่ถึงนี่นา”
“เอาล่ะๆ ในเมื่อก็รู้แล้ว ว่าฉันสบายดี ทีนี้กลับแผนกได้รึยังจ๊ะ หัวหน้าเธอมาโน่นแล้ว สงสัยมาจิกลูกน้องจอมอู้ไปทำงาน”
พิมพ์ผกาหันไปมองถามสายตาเพื่อนก็ทำหน้าตาบูดบึ้งแล้วบ่นอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อผู้จัดการแผนกตัวเป้ง ตัวใหญ่ ดีกรีญาติสนิทของท่านประธานเดินยิ้มร่าเข้ามา ท่าทางเหมือนเพลย์บอยตัวพ่อของ ราเมศ หรือ คุณรามขา ของสาวๆ ในแผนกที่ต่างก็กรี๊ดกร๊าด ชื่นชมความหล่อเหลาของเขา ยกเว้นเธอที่มักเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขาเสมอ และมักทะเลาะกันบ่อยๆ ทั้งที่ทำงานแผนกเดียวกันแต่ไม่ค่อยลงรอยกันนัก
“เห็นหน้าอีตารามขาเดี้ยงนี่ทีไร อารมณ์บ่จอยทุกทีเลย งั้นฉันไปก่อนนะ ตอนเที่ยงค่อยไปกินข้าวด้วยกัน”
“อืม ไปเถอะ อย่าไปหาเรื่องใครเขาล่ะ”
โชติกาพูดตามหลังเพื่อนยิ้มๆ แล้วแอบหัวเราะขบขันเมื่อเห็นว่าพิมพ์ผกาแลบลิ้นปลิ้นตาทำท่าขึงขังใส่ราเมศ แต่ชายหนุ่มกลับหัวเราะพลางส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วเดินมาหาเธอ
“สวัสดีค่ะท่านรองฯ”
“สวัสดีครับ แหม เรียกซะห่างเหินเชียว” เพราะราเมศดำรงตำแหน่ง รองประธานของบริษัทด้วยเธอจึงต้องให้ความเคารพเขาในฐานะเจ้านายคนหนึ่ง
“จะให้แก้มเรียกว่าคุณรามขา เหมือนสาวๆ คนอื่น แก้มไม่กล้าเรียกหรอกค่ะ มันกระดากปาก” หญิงสาวยิ้มแหยๆ ให้เขา
“คุณแก้มนี่ก็ขี้เล่น ตลกดีเหมือนกันนะครับ” ราเมศหัวเราะ โชติกาหัวเราะแห้งๆ รู้สึกขัดเขินอยู่เหมือนกันที่พูดไปแบบนั้น เขาอาจจะคิดว่าเธอรังเกียจเขาก็ได้
“ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ผมก็พูดไปอย่างนั้น ว่าแต่ยายตัวแสบขนมผิงนั่นมากวนอะไรคุณแก้ม หรือเธอพูดอะไรเกี่ยวกับผมไหมครับ”
“ก็... เอ่อ...”
“ผมรู้นะว่ายายขนมผิงนั่นต้องมาแอบนินทาผมแน่ๆ”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่เลย ผิงไม่ได้ทำแบบนั้นเลยค่ะ แค่มาถามว่าแก้มลางานไปสามวันเป็นอะไรรึเปล่า”
เพราะกลัวว่าเพื่อนรักจะโดนตำหนิ หญิงสาวจึงรีบบอกไปตามความจริง แต่ไม่ทั้งหมด
“จริงหรือครับ”
“จริงสิคะ ถ้าคุณรามไม่เชื่อก็ไปถามยายขนมผิงได้เลยค่ะ”
เพราะเธอรู้ดีว่า ทั้งสองไม่กินเส้นกัน ต่อให้ราเมศไปถามพิมพ์ผกาจริงๆ เพื่อนรักของเธอก็ไม่มีทางยอมรับหรอก และทุกครั้งที่ปะทะคารมกัน ก็เป็นราเมศที่ยอมให้เพื่อนของเธอทุกที คิดๆ แล้ว สองคนนี้เหมาะสมกันดีเหมือนกันนะ หญิงสาวคิดในใจแต่รอยยิ้มมันเผลอแสดงออกมานี่สิ
“คุณแก้ม ยิ้มอะไรครับ”
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ แก้มลืมตัวไปหน่อย” หญิงสาวหัวเราะเก้อๆ แก้มสาวแดงปลั่งเพราะเขินจริงๆ ที่ถูกเขาจับได้ว่าตนแอบคิดอะไรกับเขาและเพื่อนรัก
“ไม่ใช่แอบคิดว่าผมกับยายขนมผิงลิงกินแล้วท้องเสียเหมาะสมกันหรอกนะครับ”
“เอ่อ...” คราวนี้โชติกาตาโตมองเขาตาค้าง นี่ราเมศมีจิตสัมผัส เหมือนพี่ริว จิตสัมผัสด้วยหรือนี่
“ผมล้อเล่นน่ะครับ แหม... คุณแก้มก็ทำหน้าเหมือนถูกผีหลอกเลย”
ราเมศหัวเราะเบาๆ ท่าทางของเขาดูมีเสน่ห์และเป็นกันเองมากๆ เธอพูดคุยกับราเมศได้สนิทใจ โดยไม่รู้สึกเกร็งเลยแม้ว่าเขาจะเป็นผู้บริหารระดับสูงก็ตาม
และความที่เขาเป็นกันเอง ยิ้มหัวง่าย พูดคุยกับทุกคนอย่างเป็นกันเองนี่ล่ะ ที่ทำให้สาวๆ ในบริษัทต่างคลั่งไคล้เขา อีกทั้งรอยยิ้มทรงเสน่ห์ บวกกับใบหน้าหล่อเหลาขาวตี๋แต่ก็คมเข้ม แบบลูกครึ่งจีน อเมริกัน รูปร่างสูงใหญ่สง่างงามไม่แพ้ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายอย่าง วิคเตอร์แล้ว สองหนุ่มทั้งท่านประธานและท่านรองประธานนั้นกินกันไม่ลงเลยทีเดียว เพียงแต่ ท่านประธานวิคเตอร์นั้นมักทำตัวเข้มขรึมดูเย็นชาลึกลับน่าค้นหา แต่ก็ดุดันจริงจัง จึงทำให้สาวๆ ต่างขยาดในความแข็งกระด้างดุดันของวิคเตอร์ ราเมศจึงกลายเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์และน่าเข้าใกล้มากกว่า
มีแต่เธอคนเดียวเท่านั้นล่ะที่โง่เขลา สิ้นคิด ไม่กลัวความเจ็บ ไม่กลัวความร้ายกาจของเขา ที่กล้าเข้าใกล้วิคเตอร์ และยอมเป็นคนในความลับของเขามาถึงสามปีโดยที่ไม่มีใครรู้ แม้แต่เพื่อนรักอย่างพิมพ์ผกา...
นี่ถ้าพิมพ์ผการู้ว่าเธอมีความลับด้วย คงเคืองกันน่าดู...
ตอนที่2.ภาพสองหนุ่มสาวที่ยืนคุยกันอยู่ที่หน้าแผนกบัญชีทำให้เท้าแข็งแรงของวิคเตอร์ชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาที่มักเรียบเฉยดูกระด้างเย็นชาอยู่เสมอนั้นดูมีแววเกรี้ยวกราดเล็กน้อย แต่เพียงแค่พริบตาเดียวร่องรอยนั้นก็หายไป เหลือเพียงใบหน้าหล่อเหลากระด้างเย็นชาเหมือนเดิม“นายขึ้นไปที่ห้องทำงานก่อน” เขาหันไปสั่ง สตีฟ บอดีการ์ดคู่ใจและเป็นทั้งเลขาส่วนตัวของเขา“ครับ” สตีฟรับคำสั้นๆ แล้วเดินไปยังลิฟต์ผู้บริหารก่อนเจ้านายอย่างรู้หน้าที่ และทันทีที่สตีฟหายเข้าไปในลิฟต์ร่างสูงใหญ่กว่า 190 เซนติเมตร เบนเป้าหมายไปยังคนทั้งสองนั้นที่วันนี้ดูขัดหูเขาตาเขานัก จนเขาทนไม่ได้ ในอกของวิคเตอร์ร้อนรุ่มอย่างหาคำอธิบายไม่ได้“ไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่นะราม” เสียงห้าว เข้มขุ่นดังขึ้นทำให้โชติกากับราเมศที่พูดคุยกันอย่างถูกคอและกำลังแอบนินทาเพื่อนรักกันอยู่ถึงกับชะงัก รอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าที่ค้างอยู่ค่อยๆ เลือนหายไป แทนที่ด้วยความหวาดหวั่นและยำเกรง ในความรู้สึกของโชติกา แต่สำหรับราเมศนั้นด้วยความที่เป็นคนขี้เล่นและอารมณ์ดี จึงไม่ได้คิดอะไร“หวัดดีครับพี่ชาย ไม่คิดว่าจะเจอพี่วิคที่นี่เหมือนกัน”“นายมาทำอะไรที่นี่”วิคเ
ตอนที่3. โชติกากับพิมพ์ผกา สองสาวเพื่อนรักที่ชื่อลงท้ายเหมือนกัน กำลังนั่งรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่โรงอาหารของบริษัทอย่างเอร็ดอร่อย พิมพ์ผกากำลังพูดถึงพี่ชายของตน และแอบเชียร์ให้ พีรภัทร ลงเอยกับเพื่อนรัก เธอกำลังบรรยายสรรพคุณอันแสนดีของพี่ชายให้เพื่อนรักฟัง จนโชติกาอดขันไม่ได้เพราะรู้ว่าพิมพ์ผกานั้นอยากให้เธอกับ พี่พีท ของตนลงเอยกัน“พี่พีทนี่ดีทุกอย่าง ยกเว้นเป็นเพื่อนกับอีตาลามเป็นขี้กลากนั่น” พิมพ์ผกาทำหน้าบูดบึ้งเมื่อพูดถึงราเมศ ทั้งยังตั้งให้หลายฉายา แต่ที่ใช้บ่อยสุด นี่น่าจะเป็น อีตาลามเป็นขี้กลาก นี่ล่ะ จากราม รอเรือ เป็นลาม ลอลิง“นี่ถามจริงๆ เถอะ เธอโกรธเคืองเคียดแค้นอะไรคุณรามเขานักหนา แล้วดูสิ เรียกเขาแบบนั้น น่าเกลียดจริง” โชติกาพูดพลางหัวเราะเบาๆ“หึ.. อย่าให้พูดเลย” พิมพ์ผกาบ่นงึมงำแล้วเมินหน้าหนี ดูท่าทางมีพิรุธ แต่ไม่ทันที่โชติกาจะเอ่ยถาม ก็ปรากฏมีหญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินมาที่โต๊ะของพวกเธอที่นั่งกินข้าวกันอยู่“อุ๊ย ต๊าย อีกาสองตัววันนี้มากินอาหารในโรงอาหารด้วย คงไม่มีปัญญาไปกินอาหารหรูๆ ดีๆ อย่างพวกเราเนอะ”สองสาวเงยหน้ามองคนพูดที่มืออีกข้างก็ถือถุงกระดาษใส่กล่องอ
ตอนที่4. พิมพ์ผกายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเริ่มสวดมนต์บท คาถาป้องกันภัย 10 ทิศ ทั้งเอาแปรงปัดแก้มจุ่มลงไปในแก้วน้ำแล้วสลัดใส่ชาลินีกับเพื่อนๆ ทั้งยังทำท่าเหมือนร่ายรำประกอบเสียงสวดอันไพเราะ เพราะเธอเป็นคนร้องเพลงเสียงดีมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าไปประกวดรายการไมค์ทองคำคงได้แชมป์สามสมัยติดต่อกันแน่นอน...“บูระพารัส์มิง พระพุทธะคุณัง บูระพารัส์มิง พระธัมเมตังบูระพารัส์มิง พระสังฆานัง ทุกขะโร คะภะยัง วิวัญชัยเยสัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัยสัพพะเคราะห์ เสนียดจัญไร สัพพะเคราะห์ตัวนอก สัพพะเคราะห์ตัวในสัพพะเคราะห์ตัวใดๆ ขอให้กลายเป็นดี”พอถึงบทนนี้ พิมพ์ผกาก็เน้นคำว่า เสนียดจัญไร แล้วสลัดน้ำใส่หน้าชาลินีแบบเต็มๆ จนหญิงสาวกรีดร้องลั่นเลยทีเดียว พิมพ์ผกายิ้มน้อยๆ แล้วสวดมนต์ต่อด้วยท่าทางจริงจัง ราวกับแม่ชีผู้ถือศีลเคร่งครัดเลยทีเดียว“เคราะห์ปี เคราะห์เดือน เคราะห์วัน เคราะห์ปีขอให้เคลื่อนเคราะห์เดือนขอให้คลาย เคราะห์วันขอให้หาย เหมือนน้ำดับไฟ อภิวัญชัยเย สัพพะธะนัง สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม รักขันตุ สุรักขันตุ...”พิมพ์ผกาสลัดน้ำใส่ทั้งสามสาวรัวๆ เลยทีเดียว“ว้ายๆ ฉันเปียกหมดแล้วเนี่ย อ๊าย... ฉันไม่
บทนำ“ต่อไปนี้เธอไม่ต้องมาหาฉันอีกแล้วนะ...”ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างสมบูรณ์แบบ หล่อเหลา สง่างาม ราวเทพบุตร ที่ยากหาใดเปรียบเอ่ยขึ้นขณะยืนแต่งตัวอยู่ในห้องแต่งตัวอันหรูหรา แต่กระนั้นเสียงของเขาก็ดังพอที่จะทำให้หญิงสาวที่กระศึกสวาทอันร้อนแรงมาทั้งคืน อย่าง โชติกา ได้ยิน อย่างชัดเจน หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตากลมโตเหม่อมองเพดาห้องนอนหรูอย่างเลื่อนลอย หัวใจเจ็บแปลบ แต่ก็ไม่สามารถแสดงความเจ็บปวดออกมาได้ เพราะเมื่อ วิกเตอร์ วรเวช เมโลนี่ สุริยสกุล ผู้เป็นเจ้านาย เจ้าชีวิตของเธอได้เอ่ยออกมาเช่นนี้ นั่นหมายความว่าเธอหมดความสำคัญ หมดความน่าสนใจหรือน่าเสน่หาสำหรับเขาแล้วนั่นเอง“เธอได้ยินที่ฉันพูดไหม เกรซ” วิกเตอร์จะเรียกเธอว่า เกรซ แทนชื่อเล่น ว่า แก้ม เพราะเขาสามารถออกเสียงได้ชัดเจนกว่า แม้ว่าวิกเตอร์จะสามารถพูดภาษาไทยได้ก็ตาม“ค่ะ ได้ยิน”หญิงสาวค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้นหลังจากมองเพดานนิ่งเหมือนร่างไร้วิญญาณอยู่ชั่วครู่ โชติกาดึงผ้าห่มมาพันรอบกายสาวเปลือยเปล่าที่มีร่องรอยสวาทฝากฝังไว้ทั่วทั้งเนินอกอิ่ม แล้วมองสบตาเขา หลังจากที่วิคเตอร์ เดินออกมาจากห้องแต่งตัวดวงตาคมสีเขียวเข้มเกือบดำมอง
ตอนที่4. พิมพ์ผกายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเริ่มสวดมนต์บท คาถาป้องกันภัย 10 ทิศ ทั้งเอาแปรงปัดแก้มจุ่มลงไปในแก้วน้ำแล้วสลัดใส่ชาลินีกับเพื่อนๆ ทั้งยังทำท่าเหมือนร่ายรำประกอบเสียงสวดอันไพเราะ เพราะเธอเป็นคนร้องเพลงเสียงดีมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าไปประกวดรายการไมค์ทองคำคงได้แชมป์สามสมัยติดต่อกันแน่นอน...“บูระพารัส์มิง พระพุทธะคุณัง บูระพารัส์มิง พระธัมเมตังบูระพารัส์มิง พระสังฆานัง ทุกขะโร คะภะยัง วิวัญชัยเยสัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัยสัพพะเคราะห์ เสนียดจัญไร สัพพะเคราะห์ตัวนอก สัพพะเคราะห์ตัวในสัพพะเคราะห์ตัวใดๆ ขอให้กลายเป็นดี”พอถึงบทนนี้ พิมพ์ผกาก็เน้นคำว่า เสนียดจัญไร แล้วสลัดน้ำใส่หน้าชาลินีแบบเต็มๆ จนหญิงสาวกรีดร้องลั่นเลยทีเดียว พิมพ์ผกายิ้มน้อยๆ แล้วสวดมนต์ต่อด้วยท่าทางจริงจัง ราวกับแม่ชีผู้ถือศีลเคร่งครัดเลยทีเดียว“เคราะห์ปี เคราะห์เดือน เคราะห์วัน เคราะห์ปีขอให้เคลื่อนเคราะห์เดือนขอให้คลาย เคราะห์วันขอให้หาย เหมือนน้ำดับไฟ อภิวัญชัยเย สัพพะธะนัง สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม รักขันตุ สุรักขันตุ...”พิมพ์ผกาสลัดน้ำใส่ทั้งสามสาวรัวๆ เลยทีเดียว“ว้ายๆ ฉันเปียกหมดแล้วเนี่ย อ๊าย... ฉันไม่
ตอนที่3. โชติกากับพิมพ์ผกา สองสาวเพื่อนรักที่ชื่อลงท้ายเหมือนกัน กำลังนั่งรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่โรงอาหารของบริษัทอย่างเอร็ดอร่อย พิมพ์ผกากำลังพูดถึงพี่ชายของตน และแอบเชียร์ให้ พีรภัทร ลงเอยกับเพื่อนรัก เธอกำลังบรรยายสรรพคุณอันแสนดีของพี่ชายให้เพื่อนรักฟัง จนโชติกาอดขันไม่ได้เพราะรู้ว่าพิมพ์ผกานั้นอยากให้เธอกับ พี่พีท ของตนลงเอยกัน“พี่พีทนี่ดีทุกอย่าง ยกเว้นเป็นเพื่อนกับอีตาลามเป็นขี้กลากนั่น” พิมพ์ผกาทำหน้าบูดบึ้งเมื่อพูดถึงราเมศ ทั้งยังตั้งให้หลายฉายา แต่ที่ใช้บ่อยสุด นี่น่าจะเป็น อีตาลามเป็นขี้กลาก นี่ล่ะ จากราม รอเรือ เป็นลาม ลอลิง“นี่ถามจริงๆ เถอะ เธอโกรธเคืองเคียดแค้นอะไรคุณรามเขานักหนา แล้วดูสิ เรียกเขาแบบนั้น น่าเกลียดจริง” โชติกาพูดพลางหัวเราะเบาๆ“หึ.. อย่าให้พูดเลย” พิมพ์ผกาบ่นงึมงำแล้วเมินหน้าหนี ดูท่าทางมีพิรุธ แต่ไม่ทันที่โชติกาจะเอ่ยถาม ก็ปรากฏมีหญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินมาที่โต๊ะของพวกเธอที่นั่งกินข้าวกันอยู่“อุ๊ย ต๊าย อีกาสองตัววันนี้มากินอาหารในโรงอาหารด้วย คงไม่มีปัญญาไปกินอาหารหรูๆ ดีๆ อย่างพวกเราเนอะ”สองสาวเงยหน้ามองคนพูดที่มืออีกข้างก็ถือถุงกระดาษใส่กล่องอ
ตอนที่2.ภาพสองหนุ่มสาวที่ยืนคุยกันอยู่ที่หน้าแผนกบัญชีทำให้เท้าแข็งแรงของวิคเตอร์ชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาที่มักเรียบเฉยดูกระด้างเย็นชาอยู่เสมอนั้นดูมีแววเกรี้ยวกราดเล็กน้อย แต่เพียงแค่พริบตาเดียวร่องรอยนั้นก็หายไป เหลือเพียงใบหน้าหล่อเหลากระด้างเย็นชาเหมือนเดิม“นายขึ้นไปที่ห้องทำงานก่อน” เขาหันไปสั่ง สตีฟ บอดีการ์ดคู่ใจและเป็นทั้งเลขาส่วนตัวของเขา“ครับ” สตีฟรับคำสั้นๆ แล้วเดินไปยังลิฟต์ผู้บริหารก่อนเจ้านายอย่างรู้หน้าที่ และทันทีที่สตีฟหายเข้าไปในลิฟต์ร่างสูงใหญ่กว่า 190 เซนติเมตร เบนเป้าหมายไปยังคนทั้งสองนั้นที่วันนี้ดูขัดหูเขาตาเขานัก จนเขาทนไม่ได้ ในอกของวิคเตอร์ร้อนรุ่มอย่างหาคำอธิบายไม่ได้“ไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่นะราม” เสียงห้าว เข้มขุ่นดังขึ้นทำให้โชติกากับราเมศที่พูดคุยกันอย่างถูกคอและกำลังแอบนินทาเพื่อนรักกันอยู่ถึงกับชะงัก รอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าที่ค้างอยู่ค่อยๆ เลือนหายไป แทนที่ด้วยความหวาดหวั่นและยำเกรง ในความรู้สึกของโชติกา แต่สำหรับราเมศนั้นด้วยความที่เป็นคนขี้เล่นและอารมณ์ดี จึงไม่ได้คิดอะไร“หวัดดีครับพี่ชาย ไม่คิดว่าจะเจอพี่วิคที่นี่เหมือนกัน”“นายมาทำอะไรที่นี่”วิคเ
ตอนที่1.โชติกาขอลางานสามวัน... ซึ่งการลางานครั้งนี้ของเธอทำให้เพื่อนๆ ในแผนกต่างก็แปลกใจเพราะไม่เคยเห็นโชติกาใช้สิทธิ์วันหยุดเลย เพราะทุกคนในแผนกต่างก็รู้ว่าเธอนั้นขยันและตั้งใจทำงานแค่ไหน และมีข่าวแว่วๆ มาว่า ผู้จัดการจะเลื่อนตำแหน่งให้โชติกามาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนก“แก้ม เธอลางานตั้งสามวันเป็นอะไรรึเปล่าไม่สบายตรงไหนมั้ย”ผิง หรือ พิมพ์ผกา เพื่อนสนิทของเธอเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวน แถมยังข้ามแผนกมาหาด้วย เพราะพิมพ์ผกานั้นอยู่แผนการตลาด“ไม่เป็นไรหรอก แค่ย้ายห้องนิดหน่อยน่ะ”“เฮ้ย ย้ายห้องอะไรไม่เห็นบอกกันบ้างเลย ฉันจะได้ไปช่วยขนของ เผื่อมีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้าน”พิมพ์ผกาหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี และคลายใจเมื่อรู้ว่าเพื่อนของตนไม่ได้ป่วยหรือเป็นอะไรไป เพราะสามวันที่ผ่านมา เธอโทร. หาโชติกา แต่โชติกาไม่รับสายแต่ส่งข้อความมาว่ากำลังยุ่งอยู่และสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง แต่คนเป็นเพื่อนอย่างเธอก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ พอมาทำงานแล้วรู้ว่าโชติกามาทำงานแล้ว ก็รีบวิ่งแจ้นมาที่แผนกของเพื่อนรักก่อนไปแผนกตัวเองเสียอีก“ยายงก ตัวเองก็รวยกว่าฉันยังจะมาแอบเหล่จิ๊กของในห้องฉันอีก”“แหม.. ก็เธอเทส
บทนำ“ต่อไปนี้เธอไม่ต้องมาหาฉันอีกแล้วนะ...”ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างสมบูรณ์แบบ หล่อเหลา สง่างาม ราวเทพบุตร ที่ยากหาใดเปรียบเอ่ยขึ้นขณะยืนแต่งตัวอยู่ในห้องแต่งตัวอันหรูหรา แต่กระนั้นเสียงของเขาก็ดังพอที่จะทำให้หญิงสาวที่กระศึกสวาทอันร้อนแรงมาทั้งคืน อย่าง โชติกา ได้ยิน อย่างชัดเจน หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตากลมโตเหม่อมองเพดาห้องนอนหรูอย่างเลื่อนลอย หัวใจเจ็บแปลบ แต่ก็ไม่สามารถแสดงความเจ็บปวดออกมาได้ เพราะเมื่อ วิกเตอร์ วรเวช เมโลนี่ สุริยสกุล ผู้เป็นเจ้านาย เจ้าชีวิตของเธอได้เอ่ยออกมาเช่นนี้ นั่นหมายความว่าเธอหมดความสำคัญ หมดความน่าสนใจหรือน่าเสน่หาสำหรับเขาแล้วนั่นเอง“เธอได้ยินที่ฉันพูดไหม เกรซ” วิกเตอร์จะเรียกเธอว่า เกรซ แทนชื่อเล่น ว่า แก้ม เพราะเขาสามารถออกเสียงได้ชัดเจนกว่า แม้ว่าวิกเตอร์จะสามารถพูดภาษาไทยได้ก็ตาม“ค่ะ ได้ยิน”หญิงสาวค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้นหลังจากมองเพดานนิ่งเหมือนร่างไร้วิญญาณอยู่ชั่วครู่ โชติกาดึงผ้าห่มมาพันรอบกายสาวเปลือยเปล่าที่มีร่องรอยสวาทฝากฝังไว้ทั่วทั้งเนินอกอิ่ม แล้วมองสบตาเขา หลังจากที่วิคเตอร์ เดินออกมาจากห้องแต่งตัวดวงตาคมสีเขียวเข้มเกือบดำมอง