แชร์

บทที่ 606

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-14 18:00:12
เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว หลินซวงเอ๋อร์ก็ไปที่ลาน ไปดูเหมาเหมา หรงหรง ต้าหู่ และจี๋เฟิงเป็นครั้งสุดท้าย

ต้าหู่เห็นนางก็ดีใจ นอนลงกับพื้นเผยท้องน้อยออกมาประจบ

หลินซวงเอ๋อร์นั่งยองๆ ลูบท้องนุ่มๆ ของมัน

หลังจากหายป่วย ต้าหู่ก็กินจุขึ้น ท้องที่เคยผอมลงก็กลับมาอวบอ้วนอีกครั้ง

หลินซวงเอ๋อร์ลูบหัวมัน กำชับ “ต้าหู่ เจ้าต้องว่านอนสอนง่ายนะ หลังจากข้าไปแล้ว เจ้าก็ต้องกินข้าวดีๆ”

ต้าหู่ไม่เข้าใจคำพูดของนาง เพียงแต่เอาหัวมาถูไถที่เท้านางไม่หยุด

หลินซวงเอ๋อร์ไปดูเหมาเหมาและหรงหรง

กระต่ายทั้งสองตัวอ้วนท้วนขึ้น อีกตัวหนึ่งท้องใหญ่ผิดปกติ ดูท่าจะตั้งท้อง อีกไม่นานคงจะออกลูกมาทั้งครอก

น่าเสียดายที่หลินซวงเอ๋อร์ไม่มีโอกาสได้เห็นแล้ว

นางใส่หญ้าแห้งและแครอทไว้ในรังกระต่ายมากมาย แล้วไปดูจี๋เฟิงเป็นครั้งสุดท้าย

นี่เป็นม้าที่เยี่ยเป่ยเฉิงให้นาง ตัวเตี้ย ท่าทางซื่อๆ นิสัยอ่อนโยน และเข้าใจความรู้สึกคนที่สุด

หลินซวงเอ๋อร์ชอบมันมาก

แต่คราวนี้ นางพามันไปด้วยไม่ได้

ทุกสิ่งที่เยี่ยเป่ยเฉิงให้ นางไม่อยากเอาไป มันไม่ได้เป็นของนางตั้งแต่แรก

พอเห็นหลินซวงเอ๋อร์ จี๋เฟิงก็ดีใจวิ่งวนเป็นวงกลม พอหลินซวงเอ๋อร์เ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Umpai Cha-um
ยายแก่กงชิงเยี่ยว วันหน้าอย่ามาพูดดีกับน้องหลินซวงเออร์นะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 607

    นางมิอาจช่วยเหลืออันใดเขาได้เลย แต่อย่างน้อย ในภายหน้านางจะมิได้เป็นภาระแก่เขาอีกต่อไปกงชิงเยวี่ยกลับมิคิดที่จะปล่อยนางไปโดยง่าย หลินซวงเอ๋อร์ยิ่งเงียบขรึม กงชิงเยวี่ยก็ยิ่งรู้สึกว่าตนมีเหตุผลเหนือกว่า"เจ้าช่างอ่อนแอจนเกินงาม! มิพอยังทำร้ายเยี่ยเอ๋อร์อีกด้วย!""หลินซวงเอ๋อร์! ข้าว่าที่เจ้าเป็นเช่นนี้มิใช่เพราะป่วยไข้เสียกระไร แต่เป็นเพราะเจ้าคลุ้มคลั่งจนสิ้นสติไปแล้วต่างหาก!"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวเบา ๆ ว่า "ข้าขอโทษ ข้ามิได้ตั้งใจ"นางมิเคยคิดจะทำร้ายเขาเลย เพียงแต่ในยามนั้นนางเองก็ไม่อาจบอกได้ว่าตนเป็นอันใดไป เสมือนว่าความคิดขุ่นมัวและมืดมิดในจิตใจครอบงำเพียงกระหายปลิดชีพผู้คน เมื่อกลับมาสู่ความสงบก็นึกสลดใจนักอย่างน้อย เขามิได้รับบาดเจ็บถึงจุดสำคัญหาไม่เช่นนั้นแม้จะจากไปแล้ว จิตใจนางก็คงมิอาจสงบสุขได้"คำขอโทษเพียงคำเดียวแล้วก็จบงั้นหรือ?" กงชิงเยวี่ยกล่าวด้วยความขึ้งโกรธ "เยี่ยเอ๋อร์ต้องบาดเจ็บเพราะเจ้าถึงสองคราแล้ว! คราครั้งแรกเจ้าทำเขาเกือบตาย หากมิใช่เพราะเจียงหว่านเข้าไปช่วยนางไว้ ข้าคงให้เจ้าไปตายตามไปแล้ว!"หลินซวงเอ๋อร์ยังคงกล่าวเพียงคำเดิม "ข้าขอโทษ"กงชิงเยวี่ยกล่า

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 608

    ความมุ่งมั่นของหลินซวงเอ๋อร์ ทำให้กงชิงเยวี่ยโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆบัดนี้นางมิใคร่ได้แม้แต่เงินทอง เพียงขอให้กงชิงเยวี่ยจงลบชื่อของนางออกจากตระกูล เพื่อให้สะดวกในการตัดสัมพันธ์กับเยี่ยเป่ยเฉิง!เหตุนี้แสดงชัดว่านางไม่ปรารถนาเยี่ยเป่ยเฉิงแม้แต่น้อย!กงชิงเยวี่ยทำหน้าเคร่งเครียด กล่าวด้วยเสียงที่ไม่พอใจว่า "เหตุใด? เจ้าคิดว่าลูกของข้าจะตามราวีเจ้าหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์ส่ายหัวพร้อมกล่าวว่า "ไม่กล้าเจ้าค่ะ ท่านอ๋องคือผู้สูงส่งอยู่เหนือเมฆา ข้าเป็นเพียงคนต่ำต้อย ท่านอ๋องจะมาราวีข้าได้อย่างไร"กงชิงเยวี่ยกล่าว "เจ้ารู้เพียงเท่านี้ก็ดีแล้ว! เจ้าจงวางใจเถิด วันนี้ข้าจะลบชื่อของเจ้าออกไป และภายหลังนี้ เจ้าจะมิได้มีความเกี่ยวพันกับลูกข้าอีกต่อไป!""ขอเพียงแต่เจ้าจงอย่ามายุ่งกับลูกของข้าเท่านั้นก็พอ!"หลินซวงเอ๋อร์เอ่ย "ท่านหญิงวางใจเถิด ในครานี้ข้าจะไม่พัวพันกับท่านอ๋องอีกแล้ว"กงชิงเยวี่ยทอดสายตามองนางด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจยิ่งขึ้น จึงโบกมือไล่นางออกไปตงเหมยทราบว่ากงชิงเยวี่ยได้เรียกหลินซวงเอ๋อร์ไปกล่าวอะไร เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ตงเหมยจึงแอบรู้สึกสงสารแท้จริงแล้ว สตรี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 609

    "กล่าวกันว่าเพื่อให้ซวงเอ๋อร์ได้รักษาอาการเจ็บไข้! แต่ใครจะรู้เล่า? อาจเป็นเพราะต้องการให้เจียงหว่านมีโอกาส อยากจะส่งซวงเอ๋อร์ไป! สรุปแล้ว ซวงเอ๋อร์ถูกท่านอ๋องทำร้ายจิตใจอย่างสาหัส ตอนนี้จึงดึงดันต้องการจากไปเพียงลำพัง!"ไป๋อวี้ถังรู้สึกหวิวในใจ "ทำร้ายจิตใจ? จากไปเพียงลำพัง?"ตงเหมยรีบปิดปากตัวเอง เมื่อครู่นางพูดคำที่ไม่ควรพูดอีกแล้วหลินซวงเอ๋อร์ที่ต้องการออกไปเพียงลำพัง เพราะไม่อยากให้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้ว่าตนไปที่ไหน!แต่ไป๋อวี้ถังและเยี่ยเป่ยเฉิงมักจะสนิทกันมาโดยตลอด ใครจะรู้ว่าเขาจะบอกท่านอ๋องเรื่องนี้หรือไม่!เมื่อครุ่นคิดถึงตรงนี้ ตงเหมยอยากตีตัวเองหนักๆ จนทนไม่ไหว จึงรีบชี้แจงว่า "บ่าวพูดผิดไปเจ้าค่ะ"ไป๋อวี้ถังมองตงเหมยอย่างจริงจัง ดูเหมือนต้องการมองทะลุเข้าไปในใจของนางเมื่อถูกไป๋อวี้ถังจ้องมอง ตงเหมยรู้สึกเหมือนความคิดทุกอย่างถูกเปิดเผย ไม่อาจปิดบังได้ จึงรู้สึกหนาวสั่นและหัวเราะแห้งๆ ว่า "ใต้เท้าไป๋ เหตุใดมองบ่าวเช่นนี้? บ่าวกลัวเจ้าค่ะ..."ไป๋อวี้ถังยิ้มมุมปากและเอ่ยอย่างแผ่วเบา "ชนขนมดอกกุ้ยฮัวของเจ้าพัง ข้าจะไปซื้อชุดใหม่ให้เจ้า"ตงเหมยรีบตอบว่า "ไม่ต้องรบกวนใต้เท้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 610

    กลางดึกเยี่ยเป่ยเฉิงเปิดประตูห้องเข้าไป พบหลินซวงเอ๋อร์ที่หลับใหลอย่างสนิทวันนี้ เขาได้กราบทูลพระราชาว่าขอหยุดพักยาว โดยมุ่งมั่นว่าจะจัดการสิ่งสำคัญให้เรียบร้อยก่อนจะได้พักผ่อนร่วมกับนางในชนบทเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย จึงทำให้เขาอยู่ในค่ายทหารนานกว่าปกติเยี่ยเป่ยเฉิงมองดูเงาร่างที่หลับอยู่บนเตียงด้วยสายตาอ่อนโยน เขาเลิกผ้าห่มขึ้นเบา ๆ จากนั้นนอนข้าง ๆ หลินซวงเอ๋อร์ โดยกอดนางจากด้านหลังหลินซวงเอ๋อร์เป็นคนที่นอนหลับไม่สนิท หากมีเสียงเล็กน้อยก็ทำให้นางตกใจตื่นขึ้นได้นางขยับเปลือกตาเบา ๆ พลิกตัวและค่อย ๆ เปิดตามองไป ก็เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงจ้องมองนางอย่างเต็มไปด้วยความรักทันทีที่เห็นเยี่ยเป่ยเฉิง หลินซวงเอ๋อร์มีความรู้สึกอยากจะหันไปอีกทาง เยี่ยเป่ยเฉิงยึดรั้งเอวนางไว้ไม่ให้นางขยับตัวหลินซวงเอ๋อร์ทำอะไรไมได้ จึงจำต้องเงยหน้าขึ้นมองเขาเยี่ยเป่ยเฉิงยิ้มอ่อนหวานและกล่าวว่า "ซวงเอ๋อร์ไม่อยากเห็นข้าหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์ตอบ "ท่านอ๋องคิดมากไป ข้าแค่รู้สึกเหนื่อยมากก็เท่านั้น"เยี่ยเป่ยเฉิงกอดนางแน่นขึ้นเหมือนอย่างเคย ใช้มือเบา ๆ ตบหลังหลินซวงเอ๋อร์ ปลอบด้วยเสียงอ่อนโยนว่า "ทั้งหมดนี้เป็น

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 611

    มาหวนคิดอีกที ที่แท้คือการหลอกลวงทั้งสิ้นโลกนี้ไม่มีคำมั่นสัญญาที่คงอยู่นิรันดร์ ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นเพียงวาทะกรรมของผู้คนเท่านั้นเยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “ใครว่าเชื่อไม่ได้ คำพูดที่ข้าเคยกล่าวต่อซวงเอ๋อร์ ล้วนเป็นจริงทุกคำ สัญญาที่ให้ไว้ ก็ล้วนเป็นความสัตย์จริง” จู่ๆ หลินซวงเอ๋อร์หัวเราะออกมา แต่สักครู่ก็ตามด้วยน้ำตาไหลริน“ข้ายังจดจำ คำสัญญาที่ท่านอ๋องเคยกล่าวไว้ทุกคำ ข้าบอกว่า หากวันใดท่านอ๋องตระบัดสัตย์ ซวงเอ๋อร์จะขอตายแทนท่าน ยินดีตกนรกหมกไหม้แทน แต่จนวันนี้ข้าก็ยังมีชีวิตอยู่”เยี่ยเป่ยเฉิงมักคิดว่าคำพูดนางประโยคนี้มีความนัยแอบแฝง จึงจับใบหน้านางแล้วกล่าวด้วยความเป็นห่วง “ซวงเอ๋อร์พูดอันใด ข้าเคยตระบัดสัตย์เมื่อไหร่กัน ข้าบอกว่าจะรักและปกป้องซวงเอ๋อร์ชั่วชีวิต ข้าพูดคำไหนคำนั้นเสมอ”หลินซวงเอ๋อร์กล่าวทั้งน้ำตา “ใช่เจ้าค่ะ ท่านอ๋องเคยรับปากเช่นนั้น”แต่เขาก็ทำให้นางผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ซวงเอ๋อร์...” เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึก พลางกล่าว “เจ้าไม่ได้เรียกข้าว่าท่านพี่นานแล้ว...”หลินซวงเอ๋อร์หันข้างให้เขา เนิ่นนานก่อนจะกล่าวเสียงเบา “สำหรับท่านอ๋องแล้ว นี่เป็นสิ่งส

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 612

    หลังจากเยี่ยเป่ยเฉิงออกไปแล้ว หลินซวงเอ๋อร์จึงเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดธรรมดา พร้อมหยิบห่อผ้าที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงออกมา เตรียมตัวจะจากไปตงเหมยมารอแต่เช้าตรู่แล้ว ครั้นเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงออกไป นางจึงเข้ามาในห้องทันทีในยามนี้ หลินซวงเอ๋อร์ได้จัดเก็บสัมภาระเสร็จสิ้น เตรียมตัวออกเดินทางตงเหมยรีบมากอดนางไว้ กล่าวด้วยความอาวรณ์ “ซวงเอ๋อร์ คิดดีแล้วหรือว่าจะไปที่ใด? รอข้าไถ่ตัวได้ จะรีบไปอยู่ด้วยทันที”หลินซวงเอ๋อร์กล่าวตอบ “ตอนนี้ยังไม่ได้คิด แต่แผ่นดินกว้างใหญ่ คงมีที่ให้ข้าได้อยู่บ้าง”ตงเหมยนำขนมกุ้ยฮวาที่ซื้อมาเมื่อวานใส่ในกล่องอาหารใบหนึ่ง พร้อมยื่นให้หลินซวงเอ๋อร์และกล่าว “ไปจากที่นี่แล้ว ต่อไปคงไม่ได้กินของเหล่านี้อีก ข้าตั้งใจซื้อมาให้เจ้า เอาไว้กินระหว่างทางเถิดนะ”หลินซวงเอ๋อร์รับไว้แล้วกล่าวต่อตงเหมย “ขอบใจเจ้ามาก ตงเหมย อุตส่าห์เตรียมของเหล่านี้เพื่อข้าอีก”ตงเหมยขอบตาแดงเรื่อขึ้น นางสูดจมูกเล็กน้อยพลางกล่าว “อย่าเกรงใจเลย เพียงแค่ของกินเล็กน้อยเท่านั้น ไยจึงต้องซาบซึ้งถึงเพียงนี้”หลินซวงเอ๋อร์ตบไหล่ตงเหมย พลางกล่าว “อย่าเสียใจมากนัก เราไม่ได้ตายจากกันเสียหน่อย ถือว่าข

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 613

    หลินซวงเอ๋อร์ยิ้มๆ พลางกล่าว “เป็นความจริงรึ? เจ้าไม่คิดว่าข้าเพ้อเจ้อหรอกหรือ?”ตงเหมยส่ายหน้า พลางกล่าว “ไม่เลย ตั้งแต่รู้จักเจ้ามา ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เคยพูดโกหก แม้ว่าอาจเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ แต่ข้าก็เชื่อว่าเจ้าพูดจริง”หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกตื้นตันใจยิ่งที่แท้ คนที่ไม่เชื่อนาง สุดท้ายกลับมีแต่เยี่ยเฉิงเป่ยเพียงผู้เดียวหลินซวงเอ๋อร์เก็บงำความขมขื่นในใจไว้ พลางกำชับต่อตงเหมย “เมื่อคืนได้ยินท่านอ๋องบอกว่า ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยหลายคนที่ไม่ได้รับการรักษา แต่เพราะเขาไม่เชื่อข้า เจ้าจงเอาเลือดของข้าไปหาองค์หญิง ให้นางออกหน้า ถือว่าเลือดนี้เป็นยาถอนพิษไปมอบให้แก่ท่านอ๋อง”ตงเหมยมองดูข้อมือที่เต็มไปด้วยบาดแผลของนาง พลางกล่าวด้วยความปวดใจ “หมายความว่า ก่อนหน้านี้ผู้ป่วยโรคระบาดหลายคน ล้วนดื่มเลือดของเจ้าจึงได้หายดีกระนั้นรึ?”หลินซวงเอ๋อร์ยิ้มเจื่อน “ใช่ น่าอัศจรรย์ใช่หรือไม่? ที่เลือดของข้าสามารถรักษาโรคระบาดได้ แต่กลับช่วยตัวเองไม่ได้”ตงเหมยกล่าว “ถ้าเช่นนั้นเจ้ากรีดมาแล้วกี่หน? เสียเลือดไปมากเท่าใด? เจ็บมากหรือไม่?”เมื่อได้ยินดังนี้ หลินซวงเอ๋อร์เกือบร้องไห้ออกมามีหรือจะไม่เจ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 614

    เสียงล้อรถค่อยๆ ห่างไกลไปทุกทีท้องฟ้าด้านนอกขาวโพลนจนดูแสบตา หลินซวงเอ๋อร์เลิกผ้าม่านมองดูความคึกคักของเมืองฉางอันเป็นครั้งสุดท้ายคนควบรถม้ายังคงทำหน้าที่ได้ดี พารถม้ามุ่งสู่แผ่นดินที่กว้างใหญ่ขึ้นและในเวลานี้ ความรู้สึกในใจหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกสับสนยิ่งอารมณ์อันหลากหลาย มีทั้งอาลัยอาวรณ์ ทั้งความโล่งใจ มากกว่านั้นก็คือการหลุดพ้นจากกันครั้งนี้ ผ่านเขาสูงสายน้ำไกล ทุกสิ่งในเมืองหลวง จะไม่เกี่ยวข้องกับนางอีกรถม้ายังคงวิ่งผ่านถนนที่ทอดยาว จนใกล้จะออกนอกเมือง เสียงกึกกักของฝีเท้าม้าชวนให้รู้สึกง่วงงุนอยู่ไม่น้อย หลินซวงเอ่อร์เริ่มจะง่วงนอนวุ่นวายมาทั้งคืน นางรู้สึกอ่อนล้าเต็มที จึงค่อยๆ ปล่อยผ้าม่านลง ตั้งใจจะหลับตางีบเสียหน่อย แต่จู่ๆ ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้น หลินซวงเอ๋อร์สะดุ้งพร้อมเงยหน้า จึงเห็นร่างสูงสง่าร่างหนึ่งขวางอยู่หน้ารถม้าของนางร่างของเขาย้อนแสงก็จริง แต่ยังแลดูสง่าผ่าเผย สูงโปร่งสะโอดสะอง คล้ายดั่งจันทราสายลม ให้ความรู้สึกสดชื่นสบายตาเมื่อได้พบเห็นชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าคล้ายภาพจำของนางในวัยเยาว์ไม่มีผิดฉีหมิงนั่นเองที่มาอยู่เบื้องหน้ารถม้า“หยุดรถ” หลิน

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status