เยี่ยเป่ยเฉิงยกริมฝีปากขึ้นแล้วเผยยิ้ม "ถ้าเจ้าไม่ลองลูบมัน มันก็จะไม่ออกไปง่ายๆ หรอกนะ"ได้ยินเช่นนั้น แม้ว่าใจของนางจะเป็รคนรักตัวกลัวตาย แต่หลินซวงเอ๋อร์ก็ยังคงเอื้อมมือออกไปอย่างกล้าหาญและลูบที่ส่วนหัวของเสือตัวใหญ่อย่างหวาดกลัวไม่ต้องพูดเลยว่าสัมผัสที่มือนั้นรู้สึกดีเสียจริง ขนดกอ่อนนุ่ม ทั้งยังเต็มไม้เต็มมือมากเดิมทีหลินซวงเอ๋อร์เพียงแค่ต้องการสัมผัสเบาๆ แต่ใครก็ไม่คาดคิดว่าเสือตัวใหญ่จะนอนลงบนพื้นโดยเผยให้เห็นท้องสีขาว ขาทั้งสี่ของมันชี้ขึ้นไปในอากาศ สีหน้าของมันแสดงให้เห็นถึงความเคลิบเคลิ้มเป็นอย่างมากหลินซวงเอ๋อร์มองไปยังเยี่ยเป่ยเฉิงด้วยความสงสัยเหตุใดมันถึงทำเช่นนี้กัน?หรือว่ามันกำลังแกล้งอย่างนั้นเหรอ?เยี่ยเป่ยเฉิงหัวเราะอย่างโง่เขลาออกมา อดูเหมือนเขาเองก็แทบจะคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเสือตัวใหญ่นี้จะชอบหลินซวงเอ๋อร์มากถึงเพียงนี้เขากล่าว "เจ้าเสือยักษ์ดูเหมือนจะชอบเจ้ามากเลยนะ มันเปิดพุงของตัวเองให้เห็นก็เพราะเชื่อใจเจ้า มันอยากให้เจ้าลูบมันให้มากกว่านี้อีสักหน่อย"“ยังต้องลูบอีกงั่้นเหรอเจ้าคะ?” หลินซวงเอ๋อร์เผยยิ้มอย่างขมขื่นออกมาทว่าหลังจากทำมันไปแล้วครั้งหน
มือของเยี่ยเป่ยเฉิงนั้นใหญ่มาก มือของหลินซวงเอ๋อร์ทั้งนุ่มและเล็ก เมื่อฝ่ามือกว้างโอบมือของนางไว้แน่น หลินซวงเอ๋อร์ก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ส่งตรงมาจากฝ่ามือของเขาฝ่ามือของเขาอบอุ่น แม้จะร้อนไปสักหน่อย เเต่ก็ยังเทียบกับก็เทียบกับคนเย็นชาเช่นเขาไม่ได้ทว่าหลินซวงเอ๋อร์สัมผัสได้ถึงการรับมือได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นสถานะที่แตกต่างกันระหว่างทั้งสองหรือเหตุผลอื่น ๆ นางก็มักจะรู้สึกเสมอว่าพฤติกรรมของเยี่ยเป่ยเฉิงนั้นดูไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลสักเท่าใดนักหลินซวงเอ๋อร์พยายามขัดขืน แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นได้เมื่อสัมผัสได้ถึงการต่อสู้ขัดขืนของนาง เยี่ยเป่ยเฉิงไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยมือเท่านั้น แต่ยังกระชับมือของเขาให้แน่นขึ้นอีกด้วย“ถ้าเจ้าขัดขืนอีกครั้ง ข้าไม่อาจรับรองได้หรอกนะว่าในครั้งต่อไปจัดมีเรื่องบ้าบออะไรเกิดขึ้นกับเจ้าได้อีกหรือไม่”น้ำเสียงของเขาดูสงบ แต่ทุกคำพูดที่เอื้อนเอ่ยกลับแฝงท่าทีข่มขู่เอาไว้มันเกินขอบเขตจนไร้เหตุผลเสียจริงหลินซวงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะกล่าวต่อว่าในใจทว่านางก็ไม่อาจต้านทานท่าทางไร้ขอบเขตของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ เช่นนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายกระทำต
ในที่สุดเยี่ยเป่ยเฉิงก็หยิบตะเกียบขึ้นคีบอาหาร หลินซวงเอ๋อร์คิดว่าเมื่อเขาเริ่มกิน มันก็จะถึงเวลาที่นางจะใช้ตะเกียบได้แล้วใครมันจะไปคิดว่าอาหารที่เยี่ยเป่ยเฉิงคีบมันจะไปอยู่ในชามของนางโดยตรงหลินซวงเอ๋อร์มองเขาด้วยความประหลาดใจ ท่าทางของนางก็ดูตกตะลึงเล็กน้อย“ยังอยากกินอะไรอีกหรือไม่?” เยี่ยเป่ยเฉิงถามนางเมื่อครู่เขาเห็นนางเอาแต่จ้องมองรากบัวสามรสโดยไม่วางตา เยี่ยเป่ยเฉิงรู้ได้ทันทีว่านางคงอยากกินมันมาก เขาจึงคีบขึ้นมาสองสามชิ้นใส่ชามของอีกฝ่ายหลินซวงเอ๋อร์หยิบตะเกียบของตนขึ้นมา คีบรากบัวสามรสในชามเพื่อลิ้มลองรสชาติของมันเมื่อเข้าไปในปากก็สัมผัสได้ถึงรสเปรี้ยวหวาน นุ่มเหนียวถูกปาก หลินซวงเอ๋อร์หรี่ตาลงด้วยสีหน้าที่พึงพอใจไม่นานรากบัวในชามก็ถูกจัดการไปจนหมด นางเงยหน้าขึ้นอาหารจานอื่นบนโต๊ะ จู่ๆ นางก็อยากจะกินหมูสับปรุงรสต้มน้ำแดงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แต่มันอยู่ไกลเกินไปจนนางคีบไม่ถึงความผิดหวังปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง หลินซวงเอ๋อร์ได้แต่มองแล้วกลืนน้ำลายของตนลงคอไปใครจะไปคิดว่าวินาทีต่อมา ราวกับว่าเยี่ยเป่ยเฉิงจะสามารถอ่านความคิดของนางได้ เขาคีบหมูสับปรุงรสต้มน้ำแดงใส่ชามให้
เยี่ยเป่ยเฉิงมองทุกคนด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงของเขาก็ยังแสดงถึงความไม่พอใจ "ใครรินเหล้าให้นาง"ทุกคนต่างพากันมองหน้ากันมีปกป้องจากเยี่ยเป่ยเฉิง ใครมันจะกล้ารินเหล้าให้แก่นางได้กัน?รองแม่ทัพมองดูแก้วเหล้าที่อยู่ตรงหน้าของหลินซวงเอ๋อร์จึงตระหนักได้ในทันที จากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม "พวกเราไม่กล้าเทเหล้าให้เขาหรอก เด็กหนุ่มคนนี้หยิบจอกผิดและน่าจะดื่มเหล้าท่านอ๋องไปขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงมองไปที่จอกเหล้าที่อยู่ตรงหน้าเขา เหล้าที่ถูกเติมเอาไว้จนเต็มตอนนี้มันกลับว่างเปล่า นางดื่มมันเข้าไปจนไม่เหลือทิ้งเอาไว้สักหยดแม้แต่ชายชาตรีที่ไม่ได้มีทักษะในการดื่มหากดื่มเหล้าบุตรสาวเข้าไปก็ยังทนไม่ได้ แล้วคนเช่นนางมันจะไปเหลืออะไรทุกคนหัวเราะเสียงดัง ที่แท้มันก็เป็นความเข้าใจผิดกันก็เท่านั้นเองรองนายพลหวังขุ่ยมองดูจานถั่วที่เหลือแต่เศษบนโต๊ะ จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างติดตลกว่า "เจ้าหนุ่มนั่นกินถั่วจนหมดจานแล้ว กระหายก็คงหยิบเหล้าไปดื่ม ไม่ก็คงเผลอดื่มมันเข้าไปอึกใหญ่เอง”ทุกคนพากันระเบิดเสียงหัวเราะดังขึ้นมาอีกครั้งหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกวิงเวียนและไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก เสียงดังที่อยู่รอบตั
หากไม่มีสายรัดตัว ร่างกายของหญิงสาวก็นุ่มนวลลง เยี่ยเป่ยเฉิงอุ้มนางเอาไว้ในอ้อมแขนของเขา ซึ่งมันก็รู้สึกเบาหวิวราวกับผ้าฝ้ายมือของเยี่ยเป่ยเฉิงจับไปที่เอวของนางโดยไม่รู้ตัว ช่วงเอวที่อ่อนนุ่มโดยปราศจากสายรัด มันทำให้เขาต้องกลั้นหายใจเอาไว้นางช่างอ่อนนุ่มเสียจริง......นางนอนหลับอย่างสงบเงียบ เยี่ยเป่ยเฉิงอดไม่ได้ที่จะลดสายตาลงมองนางอย่างระมัดระวังแก้มของหลินซวงเอ๋อร์สีแดงระเรื่อจากอาการเมา ราวกับก้อนเมฆสีแดงสองก้อนที่กำลังล่องลอย ขนตาของนางหนาและเป็นแพยาว จมูกเล็กแต่สูงโด่ง ริมฝีปากของนางก็ยังดูชุ่มชื้นเป็นสีชมพู......ยิ่งมองก็ยิ่งเพลินตา ยิ่งมองก็ยิ่งดูดีมากยิ่งขึ้นเยี่ยเป่ยเฉิงจ้องมองด้วยความหลงไหล คนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาไม่รู้ว่ากำลังฝันถึงอะไร ถึงได้เผยอริมฝีปากเเละพ่นลมหายใจออกมาอย่างรวดเร็วท่าทางไม่ได้ตั้งใจนี้มันดึงดูดผู้อื่นโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเยี่ยเป่ยเฉิงจับจ้องไปยังริมฝีปากของหลินซวงเอ๋อร์ ทว่าจู่ๆ เขาก็สะดุ้งขึ้นมาทันทีความคิดสกปรกผุดขึ้นมาอีกครั้งแล้วในพื้นที่อันมืดมิดนี้ กลิ่นอันหอมหวานของเหล้าผสมผสานกับกลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนของหญิงสาวเยี่ยเป่ยเฉิงค่
บรรยากาศภายในรถม้ายิ่งร้อนขึ้นเรื่อยๆไฟราคะในดวงตาของเยี่ยเป่ยเฉิงแทบจะพวบพุ่งออกมาตอนนี้จู่ๆ รถม้าก็หยุดลงพร้อมกับเสียงร้องของเสวียนอู่ที่ร้องตะโกนว่า "ถึงแล้วขอรับ ท่านอ๋อง"การเคลื่อนไหวของเยี่ยเป่ยเฉิงชะงักไป ทว่าครู่หนึ่งก็กลับมาเป็นปกติหลินซวงเอ๋อร์เมื่อหรี่ตาลงมองชุดที่ไม่เรียบร้อยดี จู่ๆ มันก็ทำให้เขาก็รู้สึกรำคาญใจขึ้นมาใยถึงทนไม่ได้ขึ้นมา หรือว่าเขาได้ทำเรื่องที่เลวร้ายกับนางไปอย่างนั้นเหรอ!เยี่ยเป่ยเฉิงพบว่า เมื่ออยู่ต่อนหน้าหลินซวงเอ๋อร์เขามักจะควบคุมตัวเองไๆม่ได้ เรื่องสมาธิ หรือแม้แต่การบำเพ็ญฝีกตนก็ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งสิ้นหลินซวงเอ๋อร์หลังจากที่ได้จัดการกับชุดเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว เยี่ยเป่ยเฉิงก็เอาสายรัดเอวกลับไปรัดให้นางอีกครั้งด้วยท่าทีระมัดระวังเขาจัดการชุดของตนให้เข้าที่ ปรับความปรารถนาที่อยู่ในแววตาของตนให้เป็นปกติ จากนั้นก็เปิดม่านออกด้วยสีหน้าราวกับไม่แยแสต่อสิ่งใดท่านป้าจ้าวและตงเหมยไม่รู้ว่ารออยู่ที่หน้าจวนโหวมานานสักเพียงใดแล้ว เมื่อเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงอุ้มหลินซวงเอ๋อร์เอาไว้ในอ้อมแขนลงมาจากรถม้า ทั้งสองคนก็รีบปรี่ตรงเข้าไปทันทีตงเหมยมองหล
ให้ตายเถอะ ในที่สุดข้าก็นอนหลับดีๆ เสียที แต่เผลอหลับไปเสียหน่อยจนลืมเรื่องการรับใช้เจ้านายไปเสียเลยนางเร่งรีบเข้าไปในห้องของเยี่ยเป่ยเฉิงพร้อมกับอ่างน้ำอุ่นอย่าง แต่หลินซวงเอ๋อร์ก็พบว่าเยี่ยเป่ยเฉิงได้จัดการตัวเองเสร็จ กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือเพื่่ออ่านตำราอย่างตั้งใจหลินซวงเอ๋อร์หายใจหอบยืนตัวสั่นขณะที่เดินไปหาเยี่ยเป่ยเฉิง นางคุกเข่าลงและพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเทา " ท่านอ๋อง......ข้าน้อยนอนหลับเพลินไปเสียหน่อย ท่านอ๋องได้โปรดลงโทษด้วยเจ้าค่ะ"เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาจดจ่ออยู่กับตำรา เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ "ไม่เป็นไร ลุกขึ้นเถอะ"หลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นเหลือบมองเขาอย่างลับๆ ซึ่งนางก็ได้ค้นพบว่าวันนี้เขาดูอารมณ์ดีกว่าปกติ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เอาความผิดของนางมาใส่ใจเลยแม้แต่น้อยผ่านเรื่องราวทั้งหมดนั้นมา หลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าตนนั้นมีโชคเป็นอย่างมาก“เช่นนั้นข้าน้อยก็ต้องขอตัวก่อน หากท่านอ๋องมีเรื่องอันใดก็เรียกหาข้าน้อยได้เลยเจ้าค่ะ” หลินซวงเอ๋อร์กำลังจะออกไป แต่จู่ๆ เยี่ยเป่ยเฉิงก็เปิดปากพูดออกมาอีกครั้ง“อย่าเพิ่งไป มาช่วยฝนหมึกให้ข้าหน่อย”หลิ
หลินซวงเอ๋อร์ไม่อยากเรียนรู้จริง ๆ แม้ว่านางต้องรู้หนังสือ แต่นางก็ไม่ควรเรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้“ ท่านอ๋อง ท่านเปลี่ยนหนังสือเล่มอื่นมิได้หรือ” หลินซวงเอ๋อร์พลิกหนังสือในมือของนาง ติ่งหูของนางแดงมากจนแทบจะเลือดออกตอนนี้เยี่ยเป่ยเฉิงคิดที่จะฝึกเขียนตัวอักษร เขาไม่เงยหน้าขึ้น เขากล่าว "หลังจากเรียนหนังสือเล่มนี้เสร็จ เจ้าน่าจะรู้ตัวอักษรทั้งหมด"หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกว่าเยี่ยเป่ยเฉิงแปลกในบางครั้งเขามักจะชอบสั่งนางอเรียนรู้สิ่งนี้หรือสิ่งนั้น ไม่ว่านางจะอยากเรียนรู้หรือไม่ หรือนางจะเรียนรู้มันได้หรือไม่ใบหน้าของหลินซวงเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นสีแดง และนางมองไปที่สมุดภาพ นางไม่อยากอ่านมันเยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองนางอย่างสงบ เนื่องจากคู่นี้นั่งอยู่ตรงข้ามกัน จึงไม่สะดวกสอน ดังนั้นเขาจึงพูด "นั่งข้างข้า"เก้าอี้ที่เขานั่งอยู่นั้นเป็นเก้าอี้คู่ที่สามารถรองรับคนได้สองคนหลินซวงเอ๋อร์ไม่เต็มใจ แต่นางไม่กล้าแสดงออกมานางเหลือบมองเยี่ยเป่ยเฉิงแวบหนึ่งด้วยใบหน้าสีแดง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยการต่อต้านเยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วและน้ำเสียงของเขาดูจริงจังกว่าเดิมเล็กน้อย "เจ้าคือคนรับใช้เคียงข้างข้า ดัง