แค่เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำไมดุร้ายขนาดนี้ด้วย... หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกเสียใจเล็กน้อย“เปลี่ยนอะไร? สวมชุดนี้นี่แหละ” เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อยเสื้อผ้าแบบนั้นควรจะทิ้งไปตั้งนานแล้ว แต่นางก็ยังถือว่ามันเป็นสมบัติอันล้ำค่า!"แต่...แต่ว่า" หลินซวงเอ๋อร์ยังคงพยายามอีกครั้ง“แต่อะไรล่ะ? แทนที่จะรู้สึกเสียใจกับชุดนั้น ควรจะคิดตรึกตรองว่า ควรจะทำอย่างไรถึงจะสลัดสถานะนี้ออกไปได้ไม่ดีกว่าหรือ!”เมื่อพูดประเด็นนี้ขึ้นมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็โกรธโดยไม่มีเหตุผลเขาบอกเป็นนัยชัดเจนมากเพียงพอแล้ว และปฏิบัติต่อนางยังไม่ดีพอหรือ?เขาเก็บนางไว้ข้างกายของตนเอง ให้นางเข้าใกล้เขา สอนให้นางฝึกอ่านเขียน พาเนางออกไปเที่ยวกลางคืน ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆให้นาง หรือแม้แต่จูบนางอย่างดูดดื่ม...นางไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ?หรือว่านางไม่เข้าใจความรู้สึกของเขา?หัวใจของนางทำด้วยหินหรือ?ผู้หญิงโง่คนนี้ แม้ว่าจะส่งสัญญาณยังไงก็ไม่เข้าใจ หรือว่านางอยากให้เยี่ยเป่ยเฉิงลดศักดิ์ศรีของตนเอง มาขอร้องนางอย่างนั้นหรือ?จะเป็นไปได้อย่างไร!เขาเยี่ยเป่ยเฉิงจะยอมลดศักดิ์ศรีลงได้อย่างไร!เมื่อเห็นว่าสีหน้าเยี่ยเป่ยเฉิงเคร่งขรึมมาก ร
หลังจากที่หลินซวงเอ๋อร์เบียดตัวอยู่ในฝูงชน นางก็เขย่งเท้ามองเข้าไปข้างใน แต่นางไม่สูงพอ อีกทั้งยังผอมบาง ทำให้ไม่สามารถเบียดสู้ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่เหล่านั้นได้ ไม่นานนางจึงถูกเบียดออกมาจากฝูงชนทันใดนั้นหลังของนางก็สัมผัสกับกำแพงเนื้อ และมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ข้างหู“อยากดูหรือ?” ไม่รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงมายืนอยู่ข้างหลังนางตั้งแต่เมื่อไหร่ จากนั้นเขาก็เอามือใหญ่ๆทั้งสองข้างพยุงเอวของนางเอาไว้หลินซวงเอ๋อร์พยักหน้า มอง เยี่ยเป่ยเฉิงอย่างกระตือรือร้นพร้อมกับนัยน์ตาที่สดใสนัยน์ตาของเยี่ยเป่ยเฉิงทั้งลังเลทั้งอ่อนโยน ทันใดนั้นเขาก็โน้มตัวลง แล้วอุ้มนางขึ้นมาหลินซวงเอ๋อร์อุทาน แล้วเอามือทั้งสองข้างโอบรอบคอของเขาไว้แน่นตามสัญชาตญาณ"ท่านอ๋อง... " ทันใดนั้นนางก็สูงขึ้นมาก เมื่อก้มศีรษะลง ทั้งสองก็อยู่ใกล้กันมาก ลมหายใจของเยี่ยเป่ยเฉิงกระทบที่ระหว่างคอของนาง“ตอนนี้มองเห็นแล้วหรือยัง?” เยี่ยเป่ยเฉิงกระชับแขนของเขา หลินซวงเอ๋อร์ก็นั่งบนแขนของเขาอย่างมั่นคงจากนั้นหลินซวงเอ๋อร์ก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปตรงที่ที่มีการติดประกาศผลของทางการ“ตอนนี้ข้าเห็นแล้ว” ไม่เพียงแต่สามารถมองเห็นได้ แต่สา
ไม่สิ นางคิดเรื่องเหล่านี้ไปเพื่ออะไร?หลังจากฉุกคิดได้ หลินซวงเอ๋อร์ก็ดูรายชื่อปิดประกาศอีกครั้ง พอยืนยันว่าชื่อของ ฉีหมิงอยู่ลำดับที่หนึ่งแล้ว จากนั้นนางก็รู้สึกโล่งใจ“ท่านอ๋อง ท่านปล่อยข้าพระองค์ลงเถิด ข้าไม่อยากดูอีกต่อไปแล้ว”ไม่เพียงแต่เยี่ยเป่ยเฉิงจะไม่ปล่อยนางลงมาในทันที แขนทั้งสองข้างของเขา ยังโอบกอดนางเอาไว้แน่นอีกด้วยเขากล่าวว่า: "ไม่ดูอีกสักพักหรือ?"ร่างกายของนางเบามาก และนุ่มนวลไปทั้งตัว นอกจากนี้เยี่ยเป่ยเฉิงยังได้กลิ่นหอมพิเศษที่เล็ดลอดออกมาจากบนตัวนางเป็นครั้งคราว ซึ่งเป็นกลิ่นที่สดชื่นสง่างาม ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขเป็นอย่างมากเยี่ยเป่ยเฉิงจึงไม่สามารถวางนางลงได้ชั่วขณะหนึ่ง ดังนั้นจึงมีความคิดที่จะกอดนางให้นานขึ้นแต่ทันใดนั้น เขารู้สึกว่าความคิดของเขาค่อนข้างที่จะตลกเขาอยากจะกอดก็ดอดเได้ทุกเมื่อ เหตุใดต้องหาข้อแก้ตัวเหล่านี้ทุกครั้งไปหลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ข้าไม่อยากดูแล้ว ข้าอยากจะลงมา"การที่เยี่ยเป่ยเฉิงอุ้มนางไว้แบบนี้ ค่อนข้างสะดุดตาคน หลินซวงเอ๋อร์แทบอยากจะลงมาจากบนตัวของเขาเดี๋ยวนั้นเลยเมื่อเห็นนางดิ้นรน เยี่ยเป่ยเฉิงก็ปล่อยตัวน
ไป๋อวี้ถังกำลังจะให้คนขับรถม้าหยุดรถ เมื่อรถม้าไปถึงถนนกว้าง คนขับรถม้าก็ยกแส้ขึ้น ล้อรถก็หมุนไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวผู้นั้นก็หายไปจากสายตาอย่างรวดเร็วไป๋อวี้ถังปิดม่านลงอย่างเสียใจ นั่งอยู่บนเกี้ยว ไม่สามารถฟื้นฟูความรู้สึกได้เป็นเวลานาน“โลกใบนี้ นึกไม่ถึงว่าจะมีหญิงสาวที่สวยงามหยาดเยิ้มขนาดนี้…” โดยเฉพาะนัยน์ตาคู่นั้น ที่ปราศสิ่งสกปรก และเป็นนัยน์ตาที่สะอาดสะอ้านที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาแต่น่าเสียดาย ที่ทำได้แค่มองอย่างรวดเร็ว และยังไม่ทันได้ถามชื่อของนางก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นนางในเมืองฉางอานมาก่อนเลย และไม่รู้ว่านางมาจากไหน และไม่รู้ว่าเมื่อใดที่จะได้พานพบนางอีก...ความเสียใจนี้กลายเป็นโรคใจของไป๋อวี้ถัง และไม่สามารถสลัดความทุกข์นี้ไปได้เป็นเวลานาน…...เยี่ยเป่ยเฉิงห่อนกพิราบตุ๋นให้นางหนึ่งตัว และยังซื้อเค้กดอกหมื่นลี้หอมให้นางอีกหนึ่งกล่อง เพื่อจะได้นำกลับไปกินที่จวนหลังจากกลับมาถึงจวนแล้ว เยี่ยเป่ยเฉิงก็ยื่นนกพิราบตุ๋นและเค้กขนมหมื่นลี้ให้กับหลินซวงเอ๋อร์ และพูดกับนางด้วยน้ำเสียงที่ออกคำสั่งว่า: "กินให้หมด ห้ามเหลือ"หลินซวงเอ๋อร์คุ้นเคยกับท่าทีที่เผด็จการของเยี่ยเป่ยเฉิ
หลินซวงเอ๋อร์อยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ตงเหมยก็รีบห้ามนางเอาไว้: "เปลี่ยนเพื่ออะไร? อีกสักพักให้ชิวจวี๋ได้เห็น นางจะต้องอกแตกตายเป็นแน่!" หลังจากนั้นไม่นาน ตงเหมยก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไปอีกครั้งหลินซวงเอ๋อร์เป็นคนที่ประหยัด จะยอมซื้อเสื้อผ้าสวยๆแบบนี้ได้อย่างไร?ตงเหมยมองดูหลินซวงเอ๋อร์อย่างมีนัยความหมาย แล้วถามว่า "หรือว่าท่านอ๋องเป็นคนซื้อให้เจ้า?"หลินซวงเอ๋อร์พยักหน้า ก็เขานั่นแหละที่เป็นคนซื้อให้!ก่อนที่ตงเหมยจะรู้สึกประหลาดใจ ทันใดนั้นนางก็ได้กลิ่นหอมอันเย้ายวนใจ แล้วมองตามกลิ่นหอมนั้นไป ก็เห็นนกพิราบตุ๋นและขนมเค้กจำนวนหนึ่งอยู่บนโต๊ะ จากนั้นนัยน์ตาของนางก็เปล่งประกายทันที“ว้าว นกพิราบตุ๋นฃหอมจัง เอ๊ะ? นี่คือเค้กดอกหอมหมื่นลี้หอมใช่ไหม?”ตงเหมยหยิบเค้กดอกหอมหมื่นลี้ขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วนั่งข้างๆหลินซวงเอ๋อร์ พลางกินพลางถามว่า "ท่านอ๋องซื้อทั้งหมดนี้ให้เจ้าหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์ยอมรับตงเหมยกล่าวว่า: "ท่านอ๋องใจดีกับเจ้ามากเลยนะ ทั้งซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เจ้า ทั้งซื้อเค้กขนมดอกหอมหมื่นลี้ให้เจ้า เหตุใดตอนที่ชิวจวี๋เป็นสาวใช้ถึงไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้?เป็นเพราะซวงเอ๋อร์
หออวี๋นเซียวเยี่ยเป่ยเฉิงวางหมากล้อมดำแล้วหยิบหมากล้อมขาวสองสามตัวขึ้นมาเมื่อสังเกตเห็นว่าวันนี้จิตใจของไป๋อวี้ถังไม่ได้อยู่ที่เกมหมากล้อม เยี่ยเป่ยเฉิงก็รู้สึกว่าเป็นการชนะที่ไม่ยุติธรรม และไม่น่าสนุกเลยเยี่ยเป่ยเฉิงจึงโยนหมากล้อมดำที่อยูในมือกลับไป จิบชาพร้อมกล่าวว่า: "ไม่เล่นแล้ว ไม่รู้ว่าจิตใจของสหายไป๋ลอยไปแห่งหนใด จิตใจถึงไม่ได้อยู่ในเกมหมากล้อมเลย ข้ารู้สึกชนะแบบไม่ยุติธรรมเลย "ไป๋อวี้ถังไม่มีอารมณ์เล่นหมากล้อมจริงๆ นับตั้งแต่เขาได้พบกับหญิงสาวผู้นั้น เขาก็นอนไม่หลับ และช่วงนี้ก็ไปถนนฉางอานอยู่บ่อยครั้ง เพื่อหวังว่าจะได้พบนางอีกครั้งน่าเสียดายที่ ตั้งแต่วันนั้น เขาก็ไม่ได้พบเห็นนางอีกเลยไป๋อวี้ถังก็โยนหมากล้อมกลับไปเช่นกัน และมองออกไปนอกหน้าต่าง ภาพการพบกับหญิงสาวในวันนั้นก็ผุดขึ้นมาในสมองโดยที่ไม่รู้ตัว ราวกับว่าเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เพียงแต่ตอนนี้มุมถนนที่นางเคยยืนอยู่ตรงนั้นนั้นว่างเปล่า และไม่มีสาวสวยคนนั้นให้เหลือบมองอีกแล้ว“กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ? ข้าหาเวลามาประลองหมากล้อมกับเจ้า ไม่ได้มาเพื่อดูเจ้าเหม่อลอย” เยี่ยเป่ยเฉิงใช้นิ้วมือเคาะลงบนโต๊ะ เพื่อเตือนให้
ไป๋อวี้ถังฟังการเยาะเย้ยเสียดของเขาออกอย่างแน่นอน จึงพูดทันทีว่า: "นางไม่ใช่คนแบบนั้น ไม่ใช่คนที่มีเล่ห์กล จะไม่มีนัยน์ตาที่สะอาดเช่นนั้น""โอ้? สะอาด?"เยี่ยเป่ยเฉิงหัวเราะอีกครั้ง แล้วใช้คำเตือนดั้งเดิมที่ไป๋อวี้ถังเคยเตือนเขาว่า: "ถ้าเห็นเจ้ารับราชการมานานแล้ว จึงไม่เข้าใจสตรีเลย สตรีเสแสร้งเก่งเป็นที่สุด ยิ่งคนที่มีเล่ห์กลมาก ภายนอกก็ยิ่งแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาและไม่เป็นอันตราย สิ่งนี้จะสามารถกระตุ้นความปรารถนาของผู้ชายที่จะปกป้องนางได้... หวังว่าสหายไป๋ จะไม่หลงใหลกับรูปลักษณ์ภายนอก..."พูดจบ เขาก็จิบชาอย่างสบายๆ แล้วมองไป๋อวี้ถังด้วยหางตา เมื่อเห็นสีหน้าย่ำแย่ของเขา ก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขตอนที่ตักเตือนเขา ก็ใช้วาทศิลป์เช่นนี้ คราวนี้เขาจะต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้! จะต้องหัวเราะเยาะเขาให้เต็มที่!ทุกประโยค เยี่ยเป่ยเฉิงแทบจะเอาทุกคำพูดที่ไป๋อวี้ถังพูดกับเขาในตอนนั้น ส่งคืนให้เขาไปโดยไม่ตกหล่นแม้แต่เพียงคำเดียวไป๋อวี้ถังยิ้มพร้อมส่ายหัว คำตักเตือนที่ตนพูดกับเยี่ยเป่ยเฉิงในตอนนั้นได้กลายเป็นวาทกรรมที่เขาใช้หัวเราะเยาะเขาในตอนนี้ไป๋อวี้ถังกล่าวว่า: "ดวงตาของค
แสงแดดยามอรุณเล็ดลอดผ่านหมอกอันหนาทึบ สาดแสงเข้าไปในสวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันสาวใช้หลายคนในลานจวนกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ในสวนดอกไม้ในยามเช้าเมื่อวานนี้เขาสอนหลินซวงเอ๋อร์ฝึกคัดอักษรวิจิตรดึกมาก วันนี้ในตอนเช้าเยี่ยเป่ยเฉิงจึงตื่นสายกว่าปกติเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงดังในลานจวน เยี่ยเป่ยเฉิงก็เรียกหาหลินซวงเอ๋อร์สองครั้งในห้อง แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ เขาจึงลุกขึ้น แล้วสวมเสื้อคลุมแบบลวกๆ เปิดประตู ยกเท้าขึ้นและกำลังจะออกจากประตูไป แต่กลับหยุดก้าวเท้ากะทันหันสายตาของเยี่ยเป่ยเฉิงจับจ้องไปที่หญิงสาวที่อยู่ไม่ไกล มองแค่ครั้งเดียว แก็ไม่สามารถละสายตาออกไปได้อีกเลยแสงยามเช้าอันสดใสเล็ดลอดผ่านต้นไห่ถังที่บานสะพรั่ง ทำให้กลายเป็นแสงเล็กๆที่ตกกระทบบนตัวของหญิงสาววันนี้นางเปลี่ยนเป็นชุดสีม่วงควันบุหรี่ ซึ่งเป็นชุดที่เขาตั้งใจเลือกให้นาย ช่างเหมาะกับนางมากจริงๆใต้ต้นไห่ถัง หญิงสาวรูปร่างผอมเพรียวมองดูต้นไห่ถังที่กำลังชูช่อบานสะพรั่ง พร้อมกับสัมผัสถึงสายลมที่พัดโชยมา ปล่อยให้สายลมพัดชายกระโปรงของนาง ปล่อยให้เส้นผมตรงขมับปลิวไปตามสายลม ตามที่สายลมต้องการนัยน์ตาที่สุกใสคู่นั้น
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ