แชร์

บทที่ 110

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "ไม่เป็นไร"

หลินซวงเอ๋อร์แอบพินิจมองเขา และพบว่าดูเหมือนเขาจะไม่ได้โกรธเลย แถมตรงมุมปากยังมีรอยยิ้มเบาๆอีกด้วย

มีอะไรน่าขันหรือ?

หลินซวงเอ๋อร์กะพริบตา เพราะกลัวว่าตนเองจะมองผิดไป

“ชอบไหม สามารถลองได้หมดเลยนะ” จู่ๆเยี่ยเป่ยเฉิงก็ลดระดับสายตาลงแล้วมองไปที่นาง และได้สบสายตากับนางเข้าพอดี

อารมณ์ประมาณว่าแอบมองแล้วถูกจับได้ หลินซวงเอ๋อร์รีบเบี่ยงเบนสายตา หัวใจก็เต้นแรง

เถ้าแก่เนี้ยประหลาดใจเล็กน้อย ดูไปดูมา คุณชายท่านนี้คงจะอยากซื้อเสื้อผ้าให้สาวน้อยผู้นี้?

ดูเหมือนนางจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เถ้าแก่เนี้ยรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และแนะนำรูปแบบเสื้อผ้า ให้หลินซวงเอ๋อร์ด้วยความกระตือรือร้น แต่รูปแบบที่นางแนะนำล้วนเป็นรูปแบบเก่าของปีที่แล้ว ในเมื่อเป็นสาวใช้ สวมใส่เสื้อผ้าที่สูงส่งเหล่านั้นคงจะไม่สมควร เพราะท้ายที่สุดแล้ว มีเพียงสตรีที่มาจากตระกูลสูงศักดิ์เท่านั้นที่สามารถสวมใส่ได้...

หลินซวงเอ๋อร์ก็ดูรูปแบบเสื้อผ้าตามที่เถ้าแก่เนี้ยแนะนำ แต่รูปแบบที่สีสันฉูดฉาด ไม่ใช่รูปแบบที่นางชื่นชอบ แต่เเยี่ยเป่ยเฉิงอยู่ด้วย แม้ว่านางจะไม่ชื่นชอบ นางก็ไม่กล้าแสดงออกมา จึงทำ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 111

    เยี่ยเป่ยเฉิงนำเก้าอี้มาแล้วนั่งลงทันทีจากนั้นไม่นาน หลินซวงเอ๋อร์ก็เดินออกมาจากห้องลองเสื้อเสื้อผ้าสูงส่งเช่นนี้ นางสวมด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะกลัวว่าตนเองจะทำให้เสื้อผ้าเสียหายตอนที่นางออกมาจากในนั้น ใบหน้าที่สวยงามของหลินซวงเอ๋อร์ดูเหมือนจะเจือปนไปด้วยสีแดงเล็กน้อยเถ้าแก่เนี้ยเคยเห็นสตรีผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงมานับไม่ถ้วน แต่นางไม่เคยเห็นหญิงสาวคนไหนที่งามสง่าเท่ากับหลินซวงเอ๋อร์มาก่อนเลย ชุดกระโปรงนี้นางเห้นสตรีผู้สูงศักดิ์สวมใส่มานับไม่ถ้วน แต่กลับไม่มีใครสามารถสวมใส่มันได้อย่างมีเสน่ห์เหมือนนางเลยเถ้าแก่เนี้ยเดินไปรอบๆหลินซวงเอ๋อร์ครั้งแล้วครั้งเล่า นัยน์ตาของนางไม่อาจซ่อนความประหลาดใจเอาไว้ได้ นางแทบจะอยากยกย่องชื่นชมหลินซวงเอ๋อร์ตั้งแต่หัวจรดเท้าหลินซวงเอ๋อร์ไม่มีความเบิกบานใจเลย แต่บนใบหน้ากลับมีความรู้สึกที่ลำบากใจตั้งแต่นางเกิดมา นางไม่เคยสวมชุดราคาแพงเช่นนี้มาก่อนเลย ในอดีตมีเพียงช่วงตรุษจีนเท่านั้น ที่แม่ของนางจะเย็บชุดลายดอกไม้ให้นางด้วยตนเองแม้ว่าจะใช้วัสดุธรรมดา แต่นางก็ถือว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่า และสวมใส่เพียงครั้งเดียวในช่วงเทศกาลวันตรุษจีน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 112

    แค่เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำไมดุร้ายขนาดนี้ด้วย... หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกเสียใจเล็กน้อย“เปลี่ยนอะไร? สวมชุดนี้นี่แหละ” เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อยเสื้อผ้าแบบนั้นควรจะทิ้งไปตั้งนานแล้ว แต่นางก็ยังถือว่ามันเป็นสมบัติอันล้ำค่า!"แต่...แต่ว่า" หลินซวงเอ๋อร์ยังคงพยายามอีกครั้ง“แต่อะไรล่ะ? แทนที่จะรู้สึกเสียใจกับชุดนั้น ควรจะคิดตรึกตรองว่า ควรจะทำอย่างไรถึงจะสลัดสถานะนี้ออกไปได้ไม่ดีกว่าหรือ!”เมื่อพูดประเด็นนี้ขึ้นมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็โกรธโดยไม่มีเหตุผลเขาบอกเป็นนัยชัดเจนมากเพียงพอแล้ว และปฏิบัติต่อนางยังไม่ดีพอหรือ?เขาเก็บนางไว้ข้างกายของตนเอง ให้นางเข้าใกล้เขา สอนให้นางฝึกอ่านเขียน พาเนางออกไปเที่ยวกลางคืน ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆให้นาง หรือแม้แต่จูบนางอย่างดูดดื่ม...นางไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ?หรือว่านางไม่เข้าใจความรู้สึกของเขา?หัวใจของนางทำด้วยหินหรือ?ผู้หญิงโง่คนนี้ แม้ว่าจะส่งสัญญาณยังไงก็ไม่เข้าใจ หรือว่านางอยากให้เยี่ยเป่ยเฉิงลดศักดิ์ศรีของตนเอง มาขอร้องนางอย่างนั้นหรือ?จะเป็นไปได้อย่างไร!เขาเยี่ยเป่ยเฉิงจะยอมลดศักดิ์ศรีลงได้อย่างไร!เมื่อเห็นว่าสีหน้าเยี่ยเป่ยเฉิงเคร่งขรึมมาก ร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 113

    หลังจากที่หลินซวงเอ๋อร์เบียดตัวอยู่ในฝูงชน นางก็เขย่งเท้ามองเข้าไปข้างใน แต่นางไม่สูงพอ อีกทั้งยังผอมบาง ทำให้ไม่สามารถเบียดสู้ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่เหล่านั้นได้ ไม่นานนางจึงถูกเบียดออกมาจากฝูงชนทันใดนั้นหลังของนางก็สัมผัสกับกำแพงเนื้อ และมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ข้างหู“อยากดูหรือ?” ไม่รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงมายืนอยู่ข้างหลังนางตั้งแต่เมื่อไหร่ จากนั้นเขาก็เอามือใหญ่ๆทั้งสองข้างพยุงเอวของนางเอาไว้หลินซวงเอ๋อร์พยักหน้า มอง เยี่ยเป่ยเฉิงอย่างกระตือรือร้นพร้อมกับนัยน์ตาที่สดใสนัยน์ตาของเยี่ยเป่ยเฉิงทั้งลังเลทั้งอ่อนโยน ทันใดนั้นเขาก็โน้มตัวลง แล้วอุ้มนางขึ้นมาหลินซวงเอ๋อร์อุทาน แล้วเอามือทั้งสองข้างโอบรอบคอของเขาไว้แน่นตามสัญชาตญาณ"ท่านอ๋อง... " ทันใดนั้นนางก็สูงขึ้นมาก เมื่อก้มศีรษะลง ทั้งสองก็อยู่ใกล้กันมาก ลมหายใจของเยี่ยเป่ยเฉิงกระทบที่ระหว่างคอของนาง“ตอนนี้มองเห็นแล้วหรือยัง?” เยี่ยเป่ยเฉิงกระชับแขนของเขา หลินซวงเอ๋อร์ก็นั่งบนแขนของเขาอย่างมั่นคงจากนั้นหลินซวงเอ๋อร์ก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปตรงที่ที่มีการติดประกาศผลของทางการ“ตอนนี้ข้าเห็นแล้ว” ไม่เพียงแต่สามารถมองเห็นได้ แต่สา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 114

    ไม่สิ นางคิดเรื่องเหล่านี้ไปเพื่ออะไร?หลังจากฉุกคิดได้ หลินซวงเอ๋อร์ก็ดูรายชื่อปิดประกาศอีกครั้ง พอยืนยันว่าชื่อของ ฉีหมิงอยู่ลำดับที่หนึ่งแล้ว จากนั้นนางก็รู้สึกโล่งใจ“ท่านอ๋อง ท่านปล่อยข้าพระองค์ลงเถิด ข้าไม่อยากดูอีกต่อไปแล้ว”ไม่เพียงแต่เยี่ยเป่ยเฉิงจะไม่ปล่อยนางลงมาในทันที แขนทั้งสองข้างของเขา ยังโอบกอดนางเอาไว้แน่นอีกด้วยเขากล่าวว่า: "ไม่ดูอีกสักพักหรือ?"ร่างกายของนางเบามาก และนุ่มนวลไปทั้งตัว นอกจากนี้เยี่ยเป่ยเฉิงยังได้กลิ่นหอมพิเศษที่เล็ดลอดออกมาจากบนตัวนางเป็นครั้งคราว ซึ่งเป็นกลิ่นที่สดชื่นสง่างาม ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขเป็นอย่างมากเยี่ยเป่ยเฉิงจึงไม่สามารถวางนางลงได้ชั่วขณะหนึ่ง ดังนั้นจึงมีความคิดที่จะกอดนางให้นานขึ้นแต่ทันใดนั้น เขารู้สึกว่าความคิดของเขาค่อนข้างที่จะตลกเขาอยากจะกอดก็ดอดเได้ทุกเมื่อ เหตุใดต้องหาข้อแก้ตัวเหล่านี้ทุกครั้งไปหลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ข้าไม่อยากดูแล้ว ข้าอยากจะลงมา"การที่เยี่ยเป่ยเฉิงอุ้มนางไว้แบบนี้ ค่อนข้างสะดุดตาคน หลินซวงเอ๋อร์แทบอยากจะลงมาจากบนตัวของเขาเดี๋ยวนั้นเลยเมื่อเห็นนางดิ้นรน เยี่ยเป่ยเฉิงก็ปล่อยตัวน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 115

    ไป๋อวี้ถังกำลังจะให้คนขับรถม้าหยุดรถ เมื่อรถม้าไปถึงถนนกว้าง คนขับรถม้าก็ยกแส้ขึ้น ล้อรถก็หมุนไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวผู้นั้นก็หายไปจากสายตาอย่างรวดเร็วไป๋อวี้ถังปิดม่านลงอย่างเสียใจ นั่งอยู่บนเกี้ยว ไม่สามารถฟื้นฟูความรู้สึกได้เป็นเวลานาน“โลกใบนี้ นึกไม่ถึงว่าจะมีหญิงสาวที่สวยงามหยาดเยิ้มขนาดนี้…” โดยเฉพาะนัยน์ตาคู่นั้น ที่ปราศสิ่งสกปรก และเป็นนัยน์ตาที่สะอาดสะอ้านที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาแต่น่าเสียดาย ที่ทำได้แค่มองอย่างรวดเร็ว และยังไม่ทันได้ถามชื่อของนางก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นนางในเมืองฉางอานมาก่อนเลย และไม่รู้ว่านางมาจากไหน และไม่รู้ว่าเมื่อใดที่จะได้พานพบนางอีก...ความเสียใจนี้กลายเป็นโรคใจของไป๋อวี้ถัง และไม่สามารถสลัดความทุกข์นี้ไปได้เป็นเวลานาน…...เยี่ยเป่ยเฉิงห่อนกพิราบตุ๋นให้นางหนึ่งตัว และยังซื้อเค้กดอกหมื่นลี้หอมให้นางอีกหนึ่งกล่อง เพื่อจะได้นำกลับไปกินที่จวนหลังจากกลับมาถึงจวนแล้ว เยี่ยเป่ยเฉิงก็ยื่นนกพิราบตุ๋นและเค้กขนมหมื่นลี้ให้กับหลินซวงเอ๋อร์ และพูดกับนางด้วยน้ำเสียงที่ออกคำสั่งว่า: "กินให้หมด ห้ามเหลือ"หลินซวงเอ๋อร์คุ้นเคยกับท่าทีที่เผด็จการของเยี่ยเป่ยเฉิ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 116

    หลินซวงเอ๋อร์อยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ตงเหมยก็รีบห้ามนางเอาไว้: "เปลี่ยนเพื่ออะไร? อีกสักพักให้ชิวจวี๋ได้เห็น นางจะต้องอกแตกตายเป็นแน่!" หลังจากนั้นไม่นาน ตงเหมยก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไปอีกครั้งหลินซวงเอ๋อร์เป็นคนที่ประหยัด จะยอมซื้อเสื้อผ้าสวยๆแบบนี้ได้อย่างไร?ตงเหมยมองดูหลินซวงเอ๋อร์อย่างมีนัยความหมาย แล้วถามว่า "หรือว่าท่านอ๋องเป็นคนซื้อให้เจ้า?"หลินซวงเอ๋อร์พยักหน้า ก็เขานั่นแหละที่เป็นคนซื้อให้!ก่อนที่ตงเหมยจะรู้สึกประหลาดใจ ทันใดนั้นนางก็ได้กลิ่นหอมอันเย้ายวนใจ แล้วมองตามกลิ่นหอมนั้นไป ก็เห็นนกพิราบตุ๋นและขนมเค้กจำนวนหนึ่งอยู่บนโต๊ะ จากนั้นนัยน์ตาของนางก็เปล่งประกายทันที“ว้าว นกพิราบตุ๋นฃหอมจัง เอ๊ะ? นี่คือเค้กดอกหอมหมื่นลี้หอมใช่ไหม?”ตงเหมยหยิบเค้กดอกหอมหมื่นลี้ขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วนั่งข้างๆหลินซวงเอ๋อร์ พลางกินพลางถามว่า "ท่านอ๋องซื้อทั้งหมดนี้ให้เจ้าหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์ยอมรับตงเหมยกล่าวว่า: "ท่านอ๋องใจดีกับเจ้ามากเลยนะ ทั้งซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เจ้า ทั้งซื้อเค้กขนมดอกหอมหมื่นลี้ให้เจ้า เหตุใดตอนที่ชิวจวี๋เป็นสาวใช้ถึงไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้?เป็นเพราะซวงเอ๋อร์

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 117

    หออวี๋นเซียวเยี่ยเป่ยเฉิงวางหมากล้อมดำแล้วหยิบหมากล้อมขาวสองสามตัวขึ้นมาเมื่อสังเกตเห็นว่าวันนี้จิตใจของไป๋อวี้ถังไม่ได้อยู่ที่เกมหมากล้อม เยี่ยเป่ยเฉิงก็รู้สึกว่าเป็นการชนะที่ไม่ยุติธรรม และไม่น่าสนุกเลยเยี่ยเป่ยเฉิงจึงโยนหมากล้อมดำที่อยูในมือกลับไป จิบชาพร้อมกล่าวว่า: "ไม่เล่นแล้ว ไม่รู้ว่าจิตใจของสหายไป๋ลอยไปแห่งหนใด จิตใจถึงไม่ได้อยู่ในเกมหมากล้อมเลย ข้ารู้สึกชนะแบบไม่ยุติธรรมเลย "ไป๋อวี้ถังไม่มีอารมณ์เล่นหมากล้อมจริงๆ นับตั้งแต่เขาได้พบกับหญิงสาวผู้นั้น เขาก็นอนไม่หลับ และช่วงนี้ก็ไปถนนฉางอานอยู่บ่อยครั้ง เพื่อหวังว่าจะได้พบนางอีกครั้งน่าเสียดายที่ ตั้งแต่วันนั้น เขาก็ไม่ได้พบเห็นนางอีกเลยไป๋อวี้ถังก็โยนหมากล้อมกลับไปเช่นกัน และมองออกไปนอกหน้าต่าง ภาพการพบกับหญิงสาวในวันนั้นก็ผุดขึ้นมาในสมองโดยที่ไม่รู้ตัว ราวกับว่าเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เพียงแต่ตอนนี้มุมถนนที่นางเคยยืนอยู่ตรงนั้นนั้นว่างเปล่า และไม่มีสาวสวยคนนั้นให้เหลือบมองอีกแล้ว“กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ? ข้าหาเวลามาประลองหมากล้อมกับเจ้า ไม่ได้มาเพื่อดูเจ้าเหม่อลอย” เยี่ยเป่ยเฉิงใช้นิ้วมือเคาะลงบนโต๊ะ เพื่อเตือนให้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 118

    ไป๋อวี้ถังฟังการเยาะเย้ยเสียดของเขาออกอย่างแน่นอน จึงพูดทันทีว่า: "นางไม่ใช่คนแบบนั้น ไม่ใช่คนที่มีเล่ห์กล จะไม่มีนัยน์ตาที่สะอาดเช่นนั้น""โอ้? สะอาด?"เยี่ยเป่ยเฉิงหัวเราะอีกครั้ง แล้วใช้คำเตือนดั้งเดิมที่ไป๋อวี้ถังเคยเตือนเขาว่า: "ถ้าเห็นเจ้ารับราชการมานานแล้ว จึงไม่เข้าใจสตรีเลย สตรีเสแสร้งเก่งเป็นที่สุด ยิ่งคนที่มีเล่ห์กลมาก ภายนอกก็ยิ่งแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาและไม่เป็นอันตราย สิ่งนี้จะสามารถกระตุ้นความปรารถนาของผู้ชายที่จะปกป้องนางได้... หวังว่าสหายไป๋ จะไม่หลงใหลกับรูปลักษณ์ภายนอก..."พูดจบ เขาก็จิบชาอย่างสบายๆ แล้วมองไป๋อวี้ถังด้วยหางตา เมื่อเห็นสีหน้าย่ำแย่ของเขา ก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขตอนที่ตักเตือนเขา ก็ใช้วาทศิลป์เช่นนี้ คราวนี้เขาจะต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้! จะต้องหัวเราะเยาะเขาให้เต็มที่!ทุกประโยค เยี่ยเป่ยเฉิงแทบจะเอาทุกคำพูดที่ไป๋อวี้ถังพูดกับเขาในตอนนั้น ส่งคืนให้เขาไปโดยไม่ตกหล่นแม้แต่เพียงคำเดียวไป๋อวี้ถังยิ้มพร้อมส่ายหัว คำตักเตือนที่ตนพูดกับเยี่ยเป่ยเฉิงในตอนนั้นได้กลายเป็นวาทกรรมที่เขาใช้หัวเราะเยาะเขาในตอนนี้ไป๋อวี้ถังกล่าวว่า: "ดวงตาของค

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 628

    นางกล่าวตอบ “สูญเสียคนที่รัก อยู่อย่างโดดดายชั่วชีวิต...”เขาไม่รู้ว่าเหตุใดเวลานี้ จึงจดจำคำพูดที่กล่าวอย่างเลื่อนลอยในตอนนั้นได้อย่างแจ่มชัด รู้เพียงว่า หัวใจกำลังทวีความเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ“ซวงเอ๋อร์ รอข้าด้วย เจ้าจะต้องรอข้า...” เขารีบเฆี่ยนแส้อย่างแรง ห้อตะบึงต่อไปอีกในที่สุดก็มาถึงอำเภออวิ๋นซีเหตุเพราะหน้าดินถล่ม จึงทำให้เส้นทางราบเรียบแต่เดิมกลายเป็นเขาสูงที่ไม่อาจข้ามผ่านได้อีก เมื่อขบวนเดินทางต่อไม่ได้ จึงต้องใช้ทางอ้อมไปเยี่ยเป่ยเฉิงติดตามคนของตระกูลไป๋เดินอ้อมภูเขาสูง มาถึงปากทางหมู่บ้าน อยู่ไกลๆ ก็เห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งถือพลั่วพร้อมตั้งหน้าตั้งตาขุดดินอยู่ และหนึ่งในนั้นมีรูปกายที่คุ้นตายิ่งเขาคือไป๋อวี้ถัง...ยังจำได้ดีว่า ไป๋อวี้ถังเป็นคนที่ดูแลตัวเองอย่างดี มีความสำอางตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่วันนี้ ตัวเขากลับเลอะด้วยดินโคลน ผมเผ้ากระเซิงยังพอว่า สองมือยังเปื้อนเลือด แลดูมอมแมมเป็นอย่างมากแตกต่างจากบุคลิกสง่างามสูงส่งที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิงความรู้สึกกังวลใจของเยี่ยเป่ยเฉิง มาถึงยามนี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เขาพลิกตัวลงจากหลังม้า ก้าวเท้าหนักตรงไปหาไป๋อวี้ถัง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 627

    เยี่ยเป่ยเฉิงขี่ม้าออกนอกเมือง ไม่นานก็ไล่ตามคนของตระกูลไป๋จนทัน คนของตระกูลไป๋คล้ายจะออกมาทั้งหมด ทั้งบ่าวไพร่และคนงานรับใช้ทั่วไปที่น่าแปลกก็คือ แต่ละคนมิได้พกอาวุธติดตัว เพียงถือจอบเสียมหรือพลั่วคนละอันเท่านั้นทุกคนคล้ายจะเร่งรีบมาก ควบม้าอยู่ตลอดแทบไม่ได้หยุดพัก หากไม่เพราะเยี่ยเป่ยเฉิงเร่งขี่ม้าให้เร็วขึ้น คงไม่อาจตามทันในเวลาอันสั้นแน่เมื่อเยี่ยเป่ยเฉิงตามไปถึง ก็ได้รั้งตัวทหารผู้หนึ่งไว้ พร้อมกับซักถาม “ใต้เท้าของเจ้าอยู่ที่ใด?”ทหารของตระกูลไป๋ล้วนรู้จักเยี่ยเป่ยเฉิงดี ด้วยเหตุนี้ เมื่อเห็นเขามาขวางทาง จึงรีบดึงเชือกให้หยุด พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ“ใต้เท้าออกไปแต่เช้าตรู่ขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงจึงกล่าวต่อ “เขาไปที่ใด? มีผู้ติดตามหรือไม่?”ทหารตอบตามความจริง “ใต้เท้าออกไปเพียงลำพัง ส่วนจะไปที่ใดนั้น ข้าน้อยไม่ทราบได้”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้ว่าทหารคงไม่พูดโกหก จึงได้ถามต่อ “แล้วพวกเจ้าจะไปที่ใด? เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”ทหารกล่าวตอบ “ได้รับคำสั่งด่วน ให้คนตระกูลไป๋ออกเดินทางทั้งหมด ไปช่วยเหลือที่อำเภออวิ๋นซีขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเบาๆ เกิดลางสังหรณ์ไม่สู้ดีในใจ “ช่วย

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 626

    เยี่ยเป่ยเฉิงติดตามเสิ่นป๋อเหลียงเข้าไปในเรือนอวิ๋นซวนก่อนหลินซวงเอ๋อร์จะจากไป นางเก็บไปเพียงเสื้อผ้าชุดเก่าบางตัวเท่านั้น ยาที่เจียงหว่านจัดเตรียมไว้ให้ นางไม่ได้เอาไปด้วย และตอนนี้ก็วางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเสิ่นป๋อเหลียงเดินเข้าไป นำยามามอบให้เยี่ยเป่ยเฉิง พลางกล่าว “ข้าน้อยเดาว่า ที่พระชายาตกโลหิต สาเหตุเพราะเกิดจากยาตัวนี้”เยี่ยเป่ยเฉิงมองดูยาในมือเสิ่นป๋อเหลียง สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยคราวก่อนที่หลินซวงเอ๋อร์ขึ้นเขาไปจับงูให้เขา เดินทางเพียงลำพัง กลับมามีบาดแผลทั่วร่าง ยาตัวนี้เจียงหว่านเป็นคนปรุงให้นาง บอกว่ามีสรรพคุณในการรักษาแผลเป็นได้ดี ให้หลินซวงเอ๋อร์ใช้อย่างต่อเนื่อง...ถ้าหากว่ายาตัวนี้มีปัญหาจริง มิเท่ากับเจียงหว่านคิดร้ายต่อหลินซวงเอ๋อร์ตั้งแต่แรกพบหน้าแล้วรึ?มิหนำซ้ำ ยังอยู่ต่อหน้าต่อตาเขาด้วย!เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “จะเป็นไปได้อย่างไร ยาตัวนี้ข้าได้ส่งให้หมอหลวงตรวจถึงสองครั้ง หมอหลวงก็บอกว่าไม่มีปัญหา...”แรกเริ่มนั้น เขาก็เคยสงสัยเจียงหว่านเช่นกัน จึงนำยาที่นางปรุงให้หลินซวงเอ๋อร์ไปให้หมอหลวงตรวจดู แต่หมอหลวงหลายคนต่างบอกว่าไม่มีปัญหา เขาจึงไม่ได้สงสัยนางอีก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

DMCA.com Protection Status