สนามบินฮีทโธรว์ประเทศอังกฤษ
“ณัฐชาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมกรีนจะต้องรีบกลับประเทศไทยด้วยล่ะ ทำไมไม่อยู่เที่ยวด้วยกันก่อน”
“ก็ตอนนี้กรีนเรียนจบแล้วก็อยากจะรีบกลับไปช่วยงานคุณท่านที่เมืองไทย”
“แต่กรีนเรียนจบก่อนเวลาตั้งหนึ่งเดือนนะถ้าไม่บอกคุณท่านคุณท่านก็ไม่รู้หรอกว่าเรียนจบแล้ว”
“กรีนไม่อยากโกหกคุณท่านนะ แค่คุณท่านส่งให้เรียนต่อจนจบแบบนี้ก็รู้สึกเกรงใจมากๆ แล้ว”
กรีนหรือกีรติกาพูดกับณัฐชาเพื่อนสนิทที่มาเรียนออกแบบเครื่องประดับด้วยกันที่ประเทศอังกฤษนานถึงสี่ปี
ตอนนี้หญิงสาวเรียนจบและกำลังจะกลับไปทำงานกับคุณท่านหรือคุณสุธีเพื่อนของบิดาที่ส่งเธอเรียนหลังจากบิดาของเธอเสียชีวิตไปแล้ว
“กรีนจะกลับไปทำงานที่บริษัทของคุณท่านเลยใช่ไหม”
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละคุณท่านส่งให้กรีนเรียนพอเรียนจบก็ต้องกลับไปช่วยงานบริษัท”
เมื่อพูดถึงบริษัทหญิงสาวก็มีสีหน้าสลดลงเล็กน้อยเพราะบริษัทที่เธอพูดถึงนั้นครึ่งหนึ่งเคยเป็นของบิดาแต่เมื่อเธอมาเรียนต่อที่อังกฤษบิดาของเธอก็ติดการพนันอย่างหนักจนเป็นหนี้เขาไปทั่ว
คุณสุธีเลยขอซื้อหุ้นทั้งหมดเพื่อแลกกับเงินให้บิดาของเธอเอาเงินไปใช้หนี้แต่มันก็ยังไม่พอ บ้านที่เธอเคยอยู่ตั้งแต่เด็กก็ถูกขายไปเพื่อใช้หนี้จนหมดแต่ท่านก็ไม่สามารถสู้หน้ากับคนอื่นได้ บิดาของเธอตัดสินใจจบชีวิตตนเองในรถยนต์เมื่อสองปีที่แล้ว คุณสุธีจึงเข้ามาดูแลกีรติกาในฐานะคู่หมั้นของลูกชาย การที่เธอหมั้นกับลูกชายของคุณสุธีนั้นเป็นความต้องการของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายซึ่งคุยกันไว้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน
“กรีนยังไม่เลิกคิดถึงเรื่องนั้นอีกเหรอ” ณัฐชาที่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเพื่อนของตนเองทุกอย่างถามด้วยความเป็นห่วง เพราะบิดาของเพื่อนเสียชีวิตไปนานถึงสองปีแล้วแต่กีรติกาก็ยังดูเศร้าทุกครั้งเมื่อพูดถึงเรื่องในอดีต
“มันอดคิดถึงไม่ได้นะ ถ้าตอนนั้นกรีนไม่มาเรียนที่นี่และได้อยู่กับพ่อท่านอาจจะไม่ตัดสินใจจบชีวิตแบบนั้น”
“อย่าโทษตัวเองเลยกรีนไม่มีใครรู้หรอกว่าตอนนั้นพ่อคิดอะไรอยู่ ท่านอาจมีหลายเรื่องที่เราไม่รู้ ณัฐชาว่าก็คงอดทนอย่างที่สุดแล้วแต่ปัญหามันคงใหญ่มากจริงๆ”
“ใช่ปัญหามันใหญ่มาก ถ้าไม่ได้คุณท่านเข้ามาช่วยเหลือกรีนก็อาจจะไม่ได้เรียนต่อจนจบก็ได้”
“ณัฐชาเข้าใจนะว่ากรีนต้องกลับไปทำงานที่บริษัทเพราะคุณท่านส่งให้เรียนต่อจนจบแต่เรื่องที่กรีนจะต้องแต่งงานกับลูกชายของคุณท่านณัฐชาไม่เห็นด้วยเลย”
“แต่กรีนอยากทำตามที่ตามความต้องการของพ่อ”
แม้เธอกับกิตติเดชจะไม่ได้รู้จักหรือสนิทสนมกันมากแต่หญิงสาวก็อยากจะทำตามความต้องการของบิดาเพราะเธอเองก็ไม่มีคนรักที่ไหน หญิงสาวคิดว่าแต่งงานไปก็คงจะรักเขาได้ไม่ยาก
“แต่พี่กิตเขาเจ้าชู้มากเลยนะกรีน ณัฐชาไม่อยากให้กรีนไปแต่งงานกับผู้ชายที่เจ้าชู้แบบนั้นเลย”
“กรีนก็ไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้แต่คิดว่าถ้าแต่งงานแล้วพี่กิตเขาอาจจะเลิกเจ้าชู้ก็ได้นะ”
“มันเป็นไปได้ยากนะคนที่เคยเจ้าชู้มากจะมาเลิกเจ้าชู้ได้ยังไงแล้วกรีนกับเขาก็เคยเจอกันไม่กี่ครั้งเองนะ”
“คนเจ้าชู้จะเลิกเจ้าชู้ยากแต่กรีนก็ไม่มีทางเลือกถ้ากรีนได้แต่งงานกับพี่กิต กรีนก็จะได้เข้าไปมีส่วนในบริษัทของพ่อ”
“ยังไม่คิดจะเอาบริษัทคืนมาอีกเหรอ เงินมันหลายล้านเลยนะ”
“กรีนคงไม่เอาบริษัทคืนหรอกแต่อยากไปทำงานในบริษัทที่เคยเป็นของพ่อแต่ถ้าเขาจะให้มันก็ดี”
“แต่กรีนก็ไม่น่าจะเอาชีวิตทั้งชีวิตไปทิ้งกับผู้ชายคนนั้นเลยนะ ณัฐชาเข้าใจว่ากรีนอยากได้บริษัทของพ่อคืนมาแต่มันจะคุ้มค่าเหรอกรีน”
“แต่มันก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย มันฟังดูเหมือนกรีนหิวเงินมากเลยใช่ไหม”
“ถ้าคนอื่นมองก็อาจจะคิดว่าเป็นแบบนั้นแต่ณัฐชามองว่าสิ่งที่กินกำลังทำอยู่ก็เพราะอยากได้สมบัติของพ่อคืนมาใช่ไหมล่ะ”
“อือ กรีนก็หวังอย่างนั้นนะ”
“ณัฐชาก็ไม่รู้จะช่วยกรีนเรื่องนี้ยังไงดี ขอให้พี่กิตเขากลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้เลิกเจ้าชู้นะ แล้วงานแต่งงานจะจัดตอนไหนล่ะ”
“คุณท่านยังไม่ได้บอกเลยแต่ที่คุยไว้ก็คือหลังจากกรีนเรียนจบแต่กรีนอยากจะขอเวลาศึกษาดูใจพี่กิตอีกสักนิดถ้า หากคุยกันแล้วมันไม่โอเคหรือนิสัยเข้ากันไม่ได้จริงๆ กรีนก็จะลองคุยกับคุณท่านอีกทีว่าจะขอทำงานใช้หนี้ที่คุณท่านส่งเสียให้กรีนเรียนแต่เรื่องแต่งงานถ้ามันไม่ไหวกรีนก็คงไม่ฝืนหรอก”
“ถ้าไม่อยากทำงานกับคุณท่านมาทำงานกับณัฐชาก็ได้นะ”
“ขอบใจมากนะณัฐชาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกรีนเลย เอาล่ะใกล้เวลาเครื่องจะออกแล้วกรีนคงต้องรีบไป”
“ถึงแล้วไลน์บอกณัฐชาด้วยนะแล้วก็อย่าลืมซื้อซิมใหม่ด้วยล่ะเราจะได้โทรคุยกัน”
“ได้จ้ะขอให้ณัฐชาเที่ยวให้สนุกนะ”
“เดินทางปลอดภัยนะ บ๊ายบายจ้ะ” หญิงสาวทั้งสองคนกอดกันอีกครั้งก่อนจะออกและเดินแยกไปคนละทาง
กีรติกาเดินทางกลับเมืองไทยก่อนกำหนดเกือบหนึ่งเดือนเพราะหญิงสาวรู้สึกเกรงใจคุณสุธีถ้าหากจะอยู่ต่อที่ประเทศอังกฤษอีกหนึ่งเดือนโดยไม่ทำอะไรเลย แต่เธอก็ไม่ได้แจ้งทางบ้านไว้ว่าจะเดินทางกลับวันนี้เพราะไม่อยากรบกวนให้ใครต้องมารับที่สนามบินครั้งสุดท้ายที่หญิงสาวกลับมาเมืองไทยก็ตั้งแต่งานศพของบิดาเมื่อสองปีก่อนจากนั้นเธอก็ไม่มีโอกาสได้กลับเมืองไทยอีกเลย ตอนนี้กีรติกาเหลือที่ซุกหัวนอนเพียงที่เดียวก็คือคอนโดที่บิดาซื้อให้เป็นชื่อของตัวเธอเองหญิงสาวคิดว่ากลับมาเมืองไทยครั้งนี้เธอจะไปพักอยู่ที่นั่นก่อน เพราะถ้าหากกลับไปที่บ้านของคุณท่านตอนนี้ก็กลัวว่าจะถูกจับให้แต่งงานกับกิตติเดชเร็วขึ้น กีรติกาไม่ได้สนิทสนมหรือคุ้นเคยกับคู่หมั้นคนนี้เลยทุกอย่างเป็นไปตามที่บิดาของเธอและบิดาของกิตติเดชเป็นคนจัดการทั้งหมดการจากไปอย่างกะทันหันของบิดาทำให้กีรติการู้สึกเคว้งคว้าง และไร้ที่พึ่งเมื่อคุณท่านยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหญิงสาวก็ยอมรับด้วยความเต็มใจเธอไม่เหลือทรัพย์สินอะไรอีกแล้วนอกจากคอนโดมิเนียมห้องเล็กห้องหนึ่งเมื่อลงจากเครื่องหญิงสาวก็ต้องแปลกใจเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งเดินตรงมาหาเธอ“สวัสดีครับคุณกรีนผมชื่อชา
กีรติกาเห็นว่าไม่มีทางที่ตัวเองจะเดินผ่านชายฉกรรจ์ตัวโตไปได้หญิงสาวจึงกลับขึ้นมานั่งหน้าบูดอยู่บนบ้านอีกครั้ง “คุณคะป้าทำกับข้าวไว้หลายอย่างเลยคุณไปกินหน่อยดีไหม คุณไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วเดี๋ยวจะปวดท้องเอานะคะ”“ป้าคะป้าบอกหน่อยได้ไหมว่าที่นี่มันคือที่ไหน”“ป้าก็อยากจะบอกคุณนะคะแต่ป้าพูดไม่ได้จริงๆ”“ไม่มีใครบอกอะไรได้เลยเหรอคะ”“คุณกรีนอย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยค่ะกินข้าวก่อนนะคะ”“ป้ารู้ชื่อกรีนได้ยังไงคะ”“ป้าก็ต้องรู้ข้อมูลของเจ้านายทุกคนค่ะ”“แต่กรีนไม่ใช่เจ้านายของป้านะคะ”“ถึงไม่ใช่เจ้านายแต่คุณก็เป็นคนของเจ้านาย เอาเถอะค่ะอย่าเพิ่งเสียเวลาพูดเลยไปกินข้าวดีกว่านะคะ”“ก็ได้ค่ะ” เพราะไม่ได้ทานอะไรมาหลายชั่วโมงกีรติกาก็เริ่มจะหิวขึ้นมาหญิงสาวเดินตามป้าภรณ์ไปยังห้องครัวก่อนจะนั่งลง“ป้าไม่รู้ว่าคุณกรีนชอบกินอะไรบ้างก็เลยทำอาหารที่ไม่เผ็ดมากเท่าไหร่”“น่ากินทั้งนั้นเลยค่ะ” หญิงสาวมองหมูทอดกระเทียมพริกไทยผัดผักรวมมิตรแล้วก็ต้มยำกุ้งที่อยู่ตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายลงคออาหารไทยแบบนี้เธอไม่ได้ทานมานานแล้ว“พอจะทานได้ไหมคะ”“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะว่าแต่ป้าชื่ออะไรคะกรีนจะได้เรียกถูก”“ป้า
กีรติกาเดินเล่นอยู่ไม่นานก็กลับขึ้นมาบนบ้านเพราะรู้สึกว่าไม่อิสระเลยที่มีคนคอยเดินตามตลอด หญิงสาวกลับขึ้นมาด้านบนบ้านและเข้าไปในห้องจากนั้นอาบน้ำก่อนจะหยิบชุดที่อยู่ในตู้มาสวมเธอต้องแปลกใจมากๆ เพราะนอกจากจะมีชุดที่เธอนำกลับมาจากอังกฤษแล้วในนั้นยังมีชุดผู้หญิงอยู่อีกหลายชุด แต่เธอก็เลือกที่จะหยิบชุดของตัวเองมาสวมก่อนจะเดินออกมาจากห้องและนั่งดูทีวีบริเวณห้องรับแขกเพื่อฆ่าเวลา ปกติแล้วหญิงสาวไม่ค่อยดูทีวีเท่าไหร่เวลาส่วนใหญ่มักจะหมดไปกับการเล่นโทรศัพท์มือถือมากกว่า แต่เมื่อไม่มีโทรศัพท์มือถือความบันเทิงที่เธอจะหาได้ในตอนนี้ก็คือการดูทีวีนั่นเอง“เย็นนี้คุณกรีนอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวป้าจะทำให้”“กินอาหารเดิมก็ได้ค่ะป้าภรณ์ป้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”“ไม่เหนื่อยอะไรเลยป้ามีหน้าที่ดูแลคุณกรีนอยู่แล้ว”“ป้าคะแล้วเมื่อไหร่เจ้านายป้าจะมาเปิดสักทีล่ะคะ กรีนเบื่อที่จะต้องอยู่เฉยๆ แบบนี้แล้วนะคะ”“เดี๋ยวก็คงมาค่ะ”“กรีนเห็นมีเสื้อผ้า ผู้หญิงอยู่ในตู้เยอะเลยของใครเหรอคะ”“ก็ของคุณกรีนนั่นแหละค่ะเจ้านายเขาเตรียมไว้ให้”“ทำไมเขาจะต้องเตรียมเสื้อผ้าพวกนั้นไว้ให้กรีนด้วย”“อันนี้ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันนะ คุณกร
กีรติกานั่งเครียดอยู่ในห้องรับแขกตอนนี้หญิงสาวกำลังต้องการคุยกับใครสักคนเรื่องนี้และอยากจะขอความช่วยเหลือแต่เธอก็นึกเบอร์โทรศัพท์ของใครไม่ได้เลยสักคน เธอต้องขอโทรศัพท์คืนมาจากวิคเตอร์ให้ได้หญิงสาวนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกเพราะป้าภรณ์บอกเจ้านายของเธอจะออกมารับประทานอาหารเย็นในเวลาหนึ่งทุ่มตอนนี้กีรติกากำลังคิดรวบรวมคำพูดที่จะขอโทรศัพท์คืนมาจากวิคเตอร์เพราะดูแล้วมันน่าจะเป็นทางเดียวที่เธอจะติดต่อเพื่อนได้ ส่วนเรื่องจะออกไปจากที่นี่ก็ค่อยหาทางกันอีกที แต่เธอคงไม่ยอมอยู่เฉยๆ แบบนี้แน่ หญิงสาวรอเวลาที่เขาจะออกมาจากห้อง เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องก็รีบลุกขึ้นยืนทันที“คุณวิคเตอร์คะฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” กีรติกายิ้มสู้และคิดว่าถ้าคุยกับเขาดีๆ เขาจะใจอ่อน“ตอนนี้มันเป็นเวลาอาหารฉันขอกินก่อนมีอะไรค่อยคุยกันทีหลัง”เขาบอกก่อนเธอก่อนจะเดินไปยังห้องครัว“แล้วจะต้องให้ฉันเชิญด้วยใช่ไหม” เขาหันมาถามหญิงสาวเมื่อเห็นว่าเธอยังยืนอยู่ที่เดิมกีรติกาถอนหายใจก่อนจะเดินตามเขาเข้าไปในห้องครัวเมื่อป้าภรณ์ตักข้าวให้กับทั้งสองแล้วก็เดินหายไปจากห้องครัวทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่อนข้างจะอึดอัด เธออยากจะถาม
กีรติการีบตื่นนอนตั้งแต่เช้าเพื่อจะคุยกับวิคเตอร์และหวังว่าเช้านี้ชายหนุ่มจะเปลี่ยนใจพาเธอกลับกรุงเทพแต่ก็ต้องผิดหวังมาออกมาจากห้องนอนแล้วป้าภรณ์บอกว่าเจ้านายออกไปจากเกาะตั้งแต่เช้า“เขาไปไหนคะป้าภรณ์ แล้วเย็นนี้จะกลับมาหรือเปล่า”“ก็คงจะออกไปทำงานนั่นแหละค่ะ แต่ตอนเย็นก็จะกลับมาค้างที่นี่คุณวิคเตอร์สั่งให้ป้าทำกับข้าวไว้รอแล้ว เช้านี้คุณกรีนต้องกินข้าวคนเดียวนะคะ ป้าทำข้าวต้มกุ้งไว้คุณคงไม่แพ้กุ้งใช่ไหม”“ไม่ค่ะ กินข้าวคนเดียวก็ดีเหมือนกันกรีนก็ไม่อยากจะเห็นหน้าเขามากนักหรอก” หญิงสาวเดินตามป้าภรณ์เข้าไปในห้องครัวและนั่งทานข้าวต้มจนหมดก็กลับเข้าห้อง จากนั้นยกแล็ปท็อปออกมานั่งทำงานต่อที่ห้องรับแขก เธอไม่ชอบนั่งทำงานในห้องนอนถึงแม้จะมีความเป็นส่วนตัวแต่เวลาเห็นเตียงนอนทีไรก็ง่วงทุกที ในขณะที่เธอกำลังนั่งทำงานอยู่นั้นก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา“ป้าภรณ์อยู่มั้ย” ผู้มาเยือนถามหญิงสาวที่นั่งอยู่บนพื้นในห้องรับแขก“ป้าภรณ์ทำความสะอาดห้องนอนคุณวิคเตอร์อยู่น่ะ มีอะไรกับป้าภรณ์เหรอเดี๋ยวฉันจะไปเรียกให้”“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหนูไปหาเอง” ท่าทางของผู้หญิงที่เดินเข้ามาเหมือนจะคุ้นเคยกับป้าภรณ์และด
หลังจากเดินเล่นรอบบริเวณบ้านและชายหาดฝั่งที่มีท่าเรือเล็กๆ แล้วกีรติกาก็เดินกลับขึ้นมาบนห้องรอรับประทานอาหารค่ำพร้อมวิคเตอร์ หญิงสาวอยากจะถามเขาอีกครั้งเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจแต่ดูท่าทางสีหน้าของชายหนุ่มเหมือนจะเครียดกับอะไรสักอย่างเธอก็เลยนั่งรับประทานอาหารเงียบๆ“วันนี้เต้พาเธอไปที่ไหนบ้าง”“ก็เดินเล่นรอบๆ บ้านค่ะ ฉันอยากจะไปดูหมู่บ้านชาวประมงแต่เขาไม่พาฉันไปเขาบอกว่าที่นั่นมันอันตราย”“มันก็อันตรายอย่างที่เต้ว่านั่นแหละผู้หญิงสวยๆ อย่างเธออย่าเข้าไปใกล้แถวนั้นเลย เต้คงเล่าให้เธอฟังแล้วใช่ไหมว่ามีนักท่องเที่ยวเคยถูกคนแถวนั้นข่มขืน”“ใช่เขาเล่าให้ฉันฟังแล้ว แต่มันเรื่องจริงหรือแค่ขู่ไม่ให้ฉันไปกันแน่ล่ะ”“เรื่องจริงสิถ้าเธออยากจะไปที่นั่นจริงๆ ก็บอกฉันล่วงหน้า”“ทำไมต้องบอกล่วงหน้าล่ะ”“ฉันจะได้พาคนของฉันมาเพิ่มไงล่ะ เพราะถ้าไปกันตามลำพังสองสามคนฉันก็สู้พวกนั้นไม่ไหวหรอกนะ ชายฉกรรจ์พวกนั้นทั้งแข็งแรงและมีกันหลายคน”“คุณทำเหมือนกับว่าที่นั่นเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนเลยนะ”“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกแต่พวกเขาไม่ใช่คนไทยทั้งหมดหรอก มันเลยยากที่จะพูดคุยกันน่ะ”“ไม่ใช่คนไทยเหรอคะ แล้วเกาะที่เราอยู่
“ขอโทษนะคะที่นี่ไหนคะ” เธอถามคนที่นั่งอยู่บนท่าเรือ“คุณมาที่นี่โดยไม่รู้ว่าคือที่ไหนเหรอ”“ฉันถูกผู้ชายคนหนึ่งจับตัวมาและตอนนี้ฉันก็กำลังจะหาทางกลับบ้านของฉัน”“บ้านคุณอยู่ที่ไหน”“บ้านฉันอยู่ประเทศไทยค่ะ ที่นี่ห่างจากประเทศไทยนานไหม”“ที่นี่เป็นเกาะนอกเขตประเทศไทยถ้าจะเดินทางจากที่นี่ก็ต้องนั่งเรือไปอีกประมาณเกือบสองชั่วโมง”“คุณช่วยหาหรือจ้างให้ฉันหน่อยได้ไหมฉันอยากกลับประเทศไทย”“ได้สิว่าแต่คุณชื่ออะไรล่ะ” นายท่าเรือมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยิ้มเพราะดูเหมือนหญิงสาวคนนี้จะไม่รู้อะไรเลยรูปร่างและหน้าตาแบบนี้ถ้าเขาพาเธอไปขายให้กับเสี่ยกระเป๋าหนักก็คงได้หลายบาทอยู่“ฉันชื่อกรีน”“ผมขอดูบัตรประชาชนของคุณหน่อยได้ไหม ถ้าเกิดคุณเป็นคนร้ายปลอมตัวมาหรือมีคดีมาผมก็คงจะลำบากถ้าให้การช่วยเหลือคุณ”“ฉันถูกเขาจับตัวมากเพราะฉะนั้นฉันไม่มีบัตรประชาชนหรอก”“แล้วเงินค่าจ้างล่ะจะให้เท่าไหร่”“ถ้าถึงฝั่งแล้วฉันจะให้คุณ”“ตลกแล้วคุณ” เขาหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็เรียกชายฉกรรจ์อีกหลายให้ออกมาจับแขนของหญิงสาวไว้“นี่พวกคุณจะพาฉันไปไหน”“ฉันว่าเธอต้องเป็นสายของตำรวจที่ขึ้นมาหาข่าวที่นี่แน่ๆ จับเธอไปขังไว
กีรติกาพยายามเดินหาคนที่พอจะช่วยเหลือเธอได้แต่ดูเหมือนทุกคนจะไม่สนใจเธอเลยต่างสนใจแค่กิจกรรมตรงหน้าซึ่งมีทั้งตู้ปั่นสล็อต ไพ่ บาคาร่า รูเล็ตต์ ซึ่งเธอก็เคยสัมผัสบรรยากาศแบบนี้มาบ้างตอนที่ไปเที่ยวลาสเวกัสกับเพื่อนๆ“สนใจจะเล่นเหรอกรีน” เสียงที่กระซิบทางด้านหลังทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวและหันไปมองก็เจอว่าวิคเตอร์นั้นเดินเข้ามาประชิดตัวเธอแล้ว“มันก็น่าสนใจอยู่”“ที่เธอตามฉันมาไม่ใช่คงไม่ใช่เพราะอยากจะมาเล่นอะไรพวกนี้หรอกนะ”“แล้วถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ” หญิงสาวพูดกับเขาแต่สายตาก็ยังคงมองหาใครสักคนที่จะเข้ามาช่วยเธอได้“เธอคิดว่าฉันดูเธอไม่ออกเหรอ ฉันเห็นเธอตั้งแต่อยู่บนเรือแล้วและก็รอว่าเมื่อไหร่เธอจะมาที่นี่”“คุณเห็นฉันตั้งแต่บนเรือแล้วทำไมคุณยังยอมให้ผู้ชายพวกนั้นที่ท่าเรือจับฉันไปแบบนั้นล่ะ”“ก็ฉันอยากรู้ว่าเธอจะเอาตัวรอดยังไงกับสถานการณ์แบบนั้น แต่เธอก็เก่งนะที่ทำให้คนพวกนั้นพาเธอมาส่งฉันที่นี่ได้”“คุณคงไม่คิดจะให้พวกนั้นพาฉันไปขายจริงๆ หรอกใช่ไหมล่ะ” หญิงสาวถามขณะที่เดินตามเขามายังด้านนอกโรงแรมซึ่งเป็นบริเวณสนามหญ้าเขานั่งลงบนเก้าอี้และฉุดให้เธอนั่งลงข้างๆ“ไม่หรอกเพราะฉันยังไม่ได้แก้แ
กีรติกาพยายามเดินหาคนที่พอจะช่วยเหลือเธอได้แต่ดูเหมือนทุกคนจะไม่สนใจเธอเลยต่างสนใจแค่กิจกรรมตรงหน้าซึ่งมีทั้งตู้ปั่นสล็อต ไพ่ บาคาร่า รูเล็ตต์ ซึ่งเธอก็เคยสัมผัสบรรยากาศแบบนี้มาบ้างตอนที่ไปเที่ยวลาสเวกัสกับเพื่อนๆ“สนใจจะเล่นเหรอกรีน” เสียงที่กระซิบทางด้านหลังทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวและหันไปมองก็เจอว่าวิคเตอร์นั้นเดินเข้ามาประชิดตัวเธอแล้ว“มันก็น่าสนใจอยู่”“ที่เธอตามฉันมาไม่ใช่คงไม่ใช่เพราะอยากจะมาเล่นอะไรพวกนี้หรอกนะ”“แล้วถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ” หญิงสาวพูดกับเขาแต่สายตาก็ยังคงมองหาใครสักคนที่จะเข้ามาช่วยเธอได้“เธอคิดว่าฉันดูเธอไม่ออกเหรอ ฉันเห็นเธอตั้งแต่อยู่บนเรือแล้วและก็รอว่าเมื่อไหร่เธอจะมาที่นี่”“คุณเห็นฉันตั้งแต่บนเรือแล้วทำไมคุณยังยอมให้ผู้ชายพวกนั้นที่ท่าเรือจับฉันไปแบบนั้นล่ะ”“ก็ฉันอยากรู้ว่าเธอจะเอาตัวรอดยังไงกับสถานการณ์แบบนั้น แต่เธอก็เก่งนะที่ทำให้คนพวกนั้นพาเธอมาส่งฉันที่นี่ได้”“คุณคงไม่คิดจะให้พวกนั้นพาฉันไปขายจริงๆ หรอกใช่ไหมล่ะ” หญิงสาวถามขณะที่เดินตามเขามายังด้านนอกโรงแรมซึ่งเป็นบริเวณสนามหญ้าเขานั่งลงบนเก้าอี้และฉุดให้เธอนั่งลงข้างๆ“ไม่หรอกเพราะฉันยังไม่ได้แก้แ
“ขอโทษนะคะที่นี่ไหนคะ” เธอถามคนที่นั่งอยู่บนท่าเรือ“คุณมาที่นี่โดยไม่รู้ว่าคือที่ไหนเหรอ”“ฉันถูกผู้ชายคนหนึ่งจับตัวมาและตอนนี้ฉันก็กำลังจะหาทางกลับบ้านของฉัน”“บ้านคุณอยู่ที่ไหน”“บ้านฉันอยู่ประเทศไทยค่ะ ที่นี่ห่างจากประเทศไทยนานไหม”“ที่นี่เป็นเกาะนอกเขตประเทศไทยถ้าจะเดินทางจากที่นี่ก็ต้องนั่งเรือไปอีกประมาณเกือบสองชั่วโมง”“คุณช่วยหาหรือจ้างให้ฉันหน่อยได้ไหมฉันอยากกลับประเทศไทย”“ได้สิว่าแต่คุณชื่ออะไรล่ะ” นายท่าเรือมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยิ้มเพราะดูเหมือนหญิงสาวคนนี้จะไม่รู้อะไรเลยรูปร่างและหน้าตาแบบนี้ถ้าเขาพาเธอไปขายให้กับเสี่ยกระเป๋าหนักก็คงได้หลายบาทอยู่“ฉันชื่อกรีน”“ผมขอดูบัตรประชาชนของคุณหน่อยได้ไหม ถ้าเกิดคุณเป็นคนร้ายปลอมตัวมาหรือมีคดีมาผมก็คงจะลำบากถ้าให้การช่วยเหลือคุณ”“ฉันถูกเขาจับตัวมากเพราะฉะนั้นฉันไม่มีบัตรประชาชนหรอก”“แล้วเงินค่าจ้างล่ะจะให้เท่าไหร่”“ถ้าถึงฝั่งแล้วฉันจะให้คุณ”“ตลกแล้วคุณ” เขาหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็เรียกชายฉกรรจ์อีกหลายให้ออกมาจับแขนของหญิงสาวไว้“นี่พวกคุณจะพาฉันไปไหน”“ฉันว่าเธอต้องเป็นสายของตำรวจที่ขึ้นมาหาข่าวที่นี่แน่ๆ จับเธอไปขังไว
หลังจากเดินเล่นรอบบริเวณบ้านและชายหาดฝั่งที่มีท่าเรือเล็กๆ แล้วกีรติกาก็เดินกลับขึ้นมาบนห้องรอรับประทานอาหารค่ำพร้อมวิคเตอร์ หญิงสาวอยากจะถามเขาอีกครั้งเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจแต่ดูท่าทางสีหน้าของชายหนุ่มเหมือนจะเครียดกับอะไรสักอย่างเธอก็เลยนั่งรับประทานอาหารเงียบๆ“วันนี้เต้พาเธอไปที่ไหนบ้าง”“ก็เดินเล่นรอบๆ บ้านค่ะ ฉันอยากจะไปดูหมู่บ้านชาวประมงแต่เขาไม่พาฉันไปเขาบอกว่าที่นั่นมันอันตราย”“มันก็อันตรายอย่างที่เต้ว่านั่นแหละผู้หญิงสวยๆ อย่างเธออย่าเข้าไปใกล้แถวนั้นเลย เต้คงเล่าให้เธอฟังแล้วใช่ไหมว่ามีนักท่องเที่ยวเคยถูกคนแถวนั้นข่มขืน”“ใช่เขาเล่าให้ฉันฟังแล้ว แต่มันเรื่องจริงหรือแค่ขู่ไม่ให้ฉันไปกันแน่ล่ะ”“เรื่องจริงสิถ้าเธออยากจะไปที่นั่นจริงๆ ก็บอกฉันล่วงหน้า”“ทำไมต้องบอกล่วงหน้าล่ะ”“ฉันจะได้พาคนของฉันมาเพิ่มไงล่ะ เพราะถ้าไปกันตามลำพังสองสามคนฉันก็สู้พวกนั้นไม่ไหวหรอกนะ ชายฉกรรจ์พวกนั้นทั้งแข็งแรงและมีกันหลายคน”“คุณทำเหมือนกับว่าที่นั่นเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนเลยนะ”“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกแต่พวกเขาไม่ใช่คนไทยทั้งหมดหรอก มันเลยยากที่จะพูดคุยกันน่ะ”“ไม่ใช่คนไทยเหรอคะ แล้วเกาะที่เราอยู่
กีรติการีบตื่นนอนตั้งแต่เช้าเพื่อจะคุยกับวิคเตอร์และหวังว่าเช้านี้ชายหนุ่มจะเปลี่ยนใจพาเธอกลับกรุงเทพแต่ก็ต้องผิดหวังมาออกมาจากห้องนอนแล้วป้าภรณ์บอกว่าเจ้านายออกไปจากเกาะตั้งแต่เช้า“เขาไปไหนคะป้าภรณ์ แล้วเย็นนี้จะกลับมาหรือเปล่า”“ก็คงจะออกไปทำงานนั่นแหละค่ะ แต่ตอนเย็นก็จะกลับมาค้างที่นี่คุณวิคเตอร์สั่งให้ป้าทำกับข้าวไว้รอแล้ว เช้านี้คุณกรีนต้องกินข้าวคนเดียวนะคะ ป้าทำข้าวต้มกุ้งไว้คุณคงไม่แพ้กุ้งใช่ไหม”“ไม่ค่ะ กินข้าวคนเดียวก็ดีเหมือนกันกรีนก็ไม่อยากจะเห็นหน้าเขามากนักหรอก” หญิงสาวเดินตามป้าภรณ์เข้าไปในห้องครัวและนั่งทานข้าวต้มจนหมดก็กลับเข้าห้อง จากนั้นยกแล็ปท็อปออกมานั่งทำงานต่อที่ห้องรับแขก เธอไม่ชอบนั่งทำงานในห้องนอนถึงแม้จะมีความเป็นส่วนตัวแต่เวลาเห็นเตียงนอนทีไรก็ง่วงทุกที ในขณะที่เธอกำลังนั่งทำงานอยู่นั้นก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา“ป้าภรณ์อยู่มั้ย” ผู้มาเยือนถามหญิงสาวที่นั่งอยู่บนพื้นในห้องรับแขก“ป้าภรณ์ทำความสะอาดห้องนอนคุณวิคเตอร์อยู่น่ะ มีอะไรกับป้าภรณ์เหรอเดี๋ยวฉันจะไปเรียกให้”“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหนูไปหาเอง” ท่าทางของผู้หญิงที่เดินเข้ามาเหมือนจะคุ้นเคยกับป้าภรณ์และด
กีรติกานั่งเครียดอยู่ในห้องรับแขกตอนนี้หญิงสาวกำลังต้องการคุยกับใครสักคนเรื่องนี้และอยากจะขอความช่วยเหลือแต่เธอก็นึกเบอร์โทรศัพท์ของใครไม่ได้เลยสักคน เธอต้องขอโทรศัพท์คืนมาจากวิคเตอร์ให้ได้หญิงสาวนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกเพราะป้าภรณ์บอกเจ้านายของเธอจะออกมารับประทานอาหารเย็นในเวลาหนึ่งทุ่มตอนนี้กีรติกากำลังคิดรวบรวมคำพูดที่จะขอโทรศัพท์คืนมาจากวิคเตอร์เพราะดูแล้วมันน่าจะเป็นทางเดียวที่เธอจะติดต่อเพื่อนได้ ส่วนเรื่องจะออกไปจากที่นี่ก็ค่อยหาทางกันอีกที แต่เธอคงไม่ยอมอยู่เฉยๆ แบบนี้แน่ หญิงสาวรอเวลาที่เขาจะออกมาจากห้อง เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องก็รีบลุกขึ้นยืนทันที“คุณวิคเตอร์คะฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” กีรติกายิ้มสู้และคิดว่าถ้าคุยกับเขาดีๆ เขาจะใจอ่อน“ตอนนี้มันเป็นเวลาอาหารฉันขอกินก่อนมีอะไรค่อยคุยกันทีหลัง”เขาบอกก่อนเธอก่อนจะเดินไปยังห้องครัว“แล้วจะต้องให้ฉันเชิญด้วยใช่ไหม” เขาหันมาถามหญิงสาวเมื่อเห็นว่าเธอยังยืนอยู่ที่เดิมกีรติกาถอนหายใจก่อนจะเดินตามเขาเข้าไปในห้องครัวเมื่อป้าภรณ์ตักข้าวให้กับทั้งสองแล้วก็เดินหายไปจากห้องครัวทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่อนข้างจะอึดอัด เธออยากจะถาม
กีรติกาเดินเล่นอยู่ไม่นานก็กลับขึ้นมาบนบ้านเพราะรู้สึกว่าไม่อิสระเลยที่มีคนคอยเดินตามตลอด หญิงสาวกลับขึ้นมาด้านบนบ้านและเข้าไปในห้องจากนั้นอาบน้ำก่อนจะหยิบชุดที่อยู่ในตู้มาสวมเธอต้องแปลกใจมากๆ เพราะนอกจากจะมีชุดที่เธอนำกลับมาจากอังกฤษแล้วในนั้นยังมีชุดผู้หญิงอยู่อีกหลายชุด แต่เธอก็เลือกที่จะหยิบชุดของตัวเองมาสวมก่อนจะเดินออกมาจากห้องและนั่งดูทีวีบริเวณห้องรับแขกเพื่อฆ่าเวลา ปกติแล้วหญิงสาวไม่ค่อยดูทีวีเท่าไหร่เวลาส่วนใหญ่มักจะหมดไปกับการเล่นโทรศัพท์มือถือมากกว่า แต่เมื่อไม่มีโทรศัพท์มือถือความบันเทิงที่เธอจะหาได้ในตอนนี้ก็คือการดูทีวีนั่นเอง“เย็นนี้คุณกรีนอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวป้าจะทำให้”“กินอาหารเดิมก็ได้ค่ะป้าภรณ์ป้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”“ไม่เหนื่อยอะไรเลยป้ามีหน้าที่ดูแลคุณกรีนอยู่แล้ว”“ป้าคะแล้วเมื่อไหร่เจ้านายป้าจะมาเปิดสักทีล่ะคะ กรีนเบื่อที่จะต้องอยู่เฉยๆ แบบนี้แล้วนะคะ”“เดี๋ยวก็คงมาค่ะ”“กรีนเห็นมีเสื้อผ้า ผู้หญิงอยู่ในตู้เยอะเลยของใครเหรอคะ”“ก็ของคุณกรีนนั่นแหละค่ะเจ้านายเขาเตรียมไว้ให้”“ทำไมเขาจะต้องเตรียมเสื้อผ้าพวกนั้นไว้ให้กรีนด้วย”“อันนี้ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันนะ คุณกร
กีรติกาเห็นว่าไม่มีทางที่ตัวเองจะเดินผ่านชายฉกรรจ์ตัวโตไปได้หญิงสาวจึงกลับขึ้นมานั่งหน้าบูดอยู่บนบ้านอีกครั้ง “คุณคะป้าทำกับข้าวไว้หลายอย่างเลยคุณไปกินหน่อยดีไหม คุณไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วเดี๋ยวจะปวดท้องเอานะคะ”“ป้าคะป้าบอกหน่อยได้ไหมว่าที่นี่มันคือที่ไหน”“ป้าก็อยากจะบอกคุณนะคะแต่ป้าพูดไม่ได้จริงๆ”“ไม่มีใครบอกอะไรได้เลยเหรอคะ”“คุณกรีนอย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยค่ะกินข้าวก่อนนะคะ”“ป้ารู้ชื่อกรีนได้ยังไงคะ”“ป้าก็ต้องรู้ข้อมูลของเจ้านายทุกคนค่ะ”“แต่กรีนไม่ใช่เจ้านายของป้านะคะ”“ถึงไม่ใช่เจ้านายแต่คุณก็เป็นคนของเจ้านาย เอาเถอะค่ะอย่าเพิ่งเสียเวลาพูดเลยไปกินข้าวดีกว่านะคะ”“ก็ได้ค่ะ” เพราะไม่ได้ทานอะไรมาหลายชั่วโมงกีรติกาก็เริ่มจะหิวขึ้นมาหญิงสาวเดินตามป้าภรณ์ไปยังห้องครัวก่อนจะนั่งลง“ป้าไม่รู้ว่าคุณกรีนชอบกินอะไรบ้างก็เลยทำอาหารที่ไม่เผ็ดมากเท่าไหร่”“น่ากินทั้งนั้นเลยค่ะ” หญิงสาวมองหมูทอดกระเทียมพริกไทยผัดผักรวมมิตรแล้วก็ต้มยำกุ้งที่อยู่ตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายลงคออาหารไทยแบบนี้เธอไม่ได้ทานมานานแล้ว“พอจะทานได้ไหมคะ”“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะว่าแต่ป้าชื่ออะไรคะกรีนจะได้เรียกถูก”“ป้า
กีรติกาเดินทางกลับเมืองไทยก่อนกำหนดเกือบหนึ่งเดือนเพราะหญิงสาวรู้สึกเกรงใจคุณสุธีถ้าหากจะอยู่ต่อที่ประเทศอังกฤษอีกหนึ่งเดือนโดยไม่ทำอะไรเลย แต่เธอก็ไม่ได้แจ้งทางบ้านไว้ว่าจะเดินทางกลับวันนี้เพราะไม่อยากรบกวนให้ใครต้องมารับที่สนามบินครั้งสุดท้ายที่หญิงสาวกลับมาเมืองไทยก็ตั้งแต่งานศพของบิดาเมื่อสองปีก่อนจากนั้นเธอก็ไม่มีโอกาสได้กลับเมืองไทยอีกเลย ตอนนี้กีรติกาเหลือที่ซุกหัวนอนเพียงที่เดียวก็คือคอนโดที่บิดาซื้อให้เป็นชื่อของตัวเธอเองหญิงสาวคิดว่ากลับมาเมืองไทยครั้งนี้เธอจะไปพักอยู่ที่นั่นก่อน เพราะถ้าหากกลับไปที่บ้านของคุณท่านตอนนี้ก็กลัวว่าจะถูกจับให้แต่งงานกับกิตติเดชเร็วขึ้น กีรติกาไม่ได้สนิทสนมหรือคุ้นเคยกับคู่หมั้นคนนี้เลยทุกอย่างเป็นไปตามที่บิดาของเธอและบิดาของกิตติเดชเป็นคนจัดการทั้งหมดการจากไปอย่างกะทันหันของบิดาทำให้กีรติการู้สึกเคว้งคว้าง และไร้ที่พึ่งเมื่อคุณท่านยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหญิงสาวก็ยอมรับด้วยความเต็มใจเธอไม่เหลือทรัพย์สินอะไรอีกแล้วนอกจากคอนโดมิเนียมห้องเล็กห้องหนึ่งเมื่อลงจากเครื่องหญิงสาวก็ต้องแปลกใจเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งเดินตรงมาหาเธอ“สวัสดีครับคุณกรีนผมชื่อชา
สนามบินฮีทโธรว์ประเทศอังกฤษ“ณัฐชาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมกรีนจะต้องรีบกลับประเทศไทยด้วยล่ะ ทำไมไม่อยู่เที่ยวด้วยกันก่อน”“ก็ตอนนี้กรีนเรียนจบแล้วก็อยากจะรีบกลับไปช่วยงานคุณท่านที่เมืองไทย”“แต่กรีนเรียนจบก่อนเวลาตั้งหนึ่งเดือนนะถ้าไม่บอกคุณท่านคุณท่านก็ไม่รู้หรอกว่าเรียนจบแล้ว”“กรีนไม่อยากโกหกคุณท่านนะ แค่คุณท่านส่งให้เรียนต่อจนจบแบบนี้ก็รู้สึกเกรงใจมากๆ แล้ว”กรีนหรือกีรติกาพูดกับณัฐชาเพื่อนสนิทที่มาเรียนออกแบบเครื่องประดับด้วยกันที่ประเทศอังกฤษนานถึงสี่ปีตอนนี้หญิงสาวเรียนจบและกำลังจะกลับไปทำงานกับคุณท่านหรือคุณสุธีเพื่อนของบิดาที่ส่งเธอเรียนหลังจากบิดาของเธอเสียชีวิตไปแล้ว“กรีนจะกลับไปทำงานที่บริษัทของคุณท่านเลยใช่ไหม”“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละคุณท่านส่งให้กรีนเรียนพอเรียนจบก็ต้องกลับไปช่วยงานบริษัท”เมื่อพูดถึงบริษัทหญิงสาวก็มีสีหน้าสลดลงเล็กน้อยเพราะบริษัทที่เธอพูดถึงนั้นครึ่งหนึ่งเคยเป็นของบิดาแต่เมื่อเธอมาเรียนต่อที่อังกฤษบิดาของเธอก็ติดการพนันอย่างหนักจนเป็นหนี้เขาไปทั่วคุณสุธีเลยขอซื้อหุ้นทั้งหมดเพื่อแลกกับเงินให้บิดาของเธอเอาเงินไปใช้หนี้แต่มันก็ยังไม่พอ บ้านที่เธอเคยอยู่ตั